NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 6 (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 65


    “เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน” เฟิงชิงถิงที่ตกเป็นหัวข้อของบทสนทนาหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ข่มความอายไว้ไม่ไหวรีบเอ่ยขอตัวกับทุกคนก่อนจะลากร่างสูงใหญ่ให้เดินออกมา

    แต่ยังเดินไปไม่ถึงครึ่งทาง เฟิงชิงถิงก็เห็นคนชุดสีฟ้าอ่อนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมา นางมองคนกลุ่มนั้นเห็นแขนเสื้อพวกเขามีลายเมฆาสีขาวปักอยู่ก็รู้ในทันทีว่าคนพวกนั้นคือคนในสำนักเมฆาขาว พวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้ 

    เฟิงชิงถิงมองดูสือซานเหลียงเห็นใบหน้าและเนื้อตัวเขามีแต่โคลนอีกทั้งยังมีหนวดเคราปกคลุมเต็มใบหน้า จึงคิดว่าหากทำเป็นไม่สนใจพวกเขาคงไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือสือซานเหลียง

    “แม่หนู” หมี่เจาที่วิ่งตามมาตะโกนเรียกทำให้เฟิงชิงถิงรีบหันกลับไปหาหมี่เจาพลางลากสือซานเหลียงกลับไปด้วย

    “สามีเจ้าไม่มีชุดใส่ไม่ใช่หรือ นี่ข้าเอาชุดใหม่มาให้” หมี่เจาได้ชุดมาจากอากุ้ยเจ้าของแม่หมูที่ชื่อเม่ยเม่ย เพราะเห็นว่าชุดที่สือซานเหลียงใส่อยู่คงต้องเอาไปซักเสียก่อนจึงจะนำกลับมาใส่ได้

    “ขอบคุณท่านป้า” เฟิงชิงถิงข่มใจยิ้มให้หมี่เจา พยายามไม่สนใจกลุ่มคนที่กำลังเดินตรงมายังพวกนาง

    “พวกท่าน” หมี่เจาเห็นคนแปลกหน้าเดินมาหาจึงเอ่ยทัก

    “ท่านป้า ท่านเห็นบุรุษแปลกหน้าท่าทางดุดันผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่” คนสำนักเมฆาขาวคนหนึ่งถามกับหมี่เจา

    “คนแปลกหน้า” หมี่เจามองหน้าเฟิงชิงถิงด้วยสายตาฉงนก่อนจะหันไปตอบ “ไม่มีนี่” 

    “เขารูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเช่นนี้ ท่านเคยเห็นหรือไม่” ชายหนุ่มอีกคนถามพลางนำรูปเหมือนออกมาให้หมี่เจาดู รูปเหมือนที่นำออกมา คนในรูปนั้นคล้ายกับสือซานเหลียงมาก แต่เพราะยามนี้สือซานเหลียงมีหนวดเคราทำให้ปกปิดใบหน้าแท้จริงของเขาไว้เกือบครึ่ง

    เฟิงชิงถิงกลั้นใจไม่เอ่ยสิ่งใด รอฟังหมี่เจาตอบ

    “เอ... เหมือนว่าจะไม่มีนะ หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แทบจะไม่มีผู้ใดผ่านมา” หมี่เจาอธิบายต่อ

    “มีเรื่องใดกัน” เล่ยกัวที่เดินมากับกลุ่มชาวบ้านเพื่อจะไปอาบน้ำในลำธาร เห็นคนแปลกหน้าก็เดินมาถาม

    “พวกเขาถามว่าเคยเห็นคนในรูปหรือไม่” หมี่เจาบอกสามี

    เล่ยกัวมองรูปภาพก่อนจะยิ้ม “คนแปลกหน้าที่ข้าเคยเห็นก็มีแต่ทหารที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสองสามวันก่อนกับพวกท่านนั่นแหละ”

    คนสำนักเมฆาขาวมองหมี่เจาและเล่ยกัวอย่างพิจารณาก่อนจะมองมาทางเฟิงชิงถิงและสือซานเหลียงที่ยืนนิ่งเหม่อลอยอยู่

    “เล่ยกัว อาเหลียง ยังไม่รีบไปอาบน้ำอีกหรือ” ชาวบ้านที่เดินตามมาเห็นว่าเล่ยกัวหยุดอยู่กลางทางจึงเอ่ยถาม เล่ยกัวหันไปพยักหน้าให้เพื่อนบ้านก่อนจะหันไปทางคนสำนักเมฆาขาว

    “หากไม่มีสิ่งใดพวกข้าต้องขอตัว เพิ่งจะไปคลุกโคลนกันมา ต้องรีบอาบน้ำไม่เช่นนั้นโคลนจะแข็งล้างออกยาก” 

    “ขออภัยที่รบกวน ไม่มีอะไรแล้วขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือ” ชายหนุ่มที่คล้ายกับหัวหน้ากลุ่มบอก

    สามีภรรยาพยักหน้ายิ้มให้ก่อนจะพากันเดินไป เฟิงชิงถิงก็จูงสือซานเหลียงตาม ขณะที่นางเดินห่างจากคนสำนักเมฆาขาวนั้นก็ได้ยินคนผู้หนึ่งบ่นด้วยความไม่พอใจ “หายไปได้อย่างไร หามาเป็นเดือนแล้วก็ยังไม่เจอ คล้ายกับเขามีวิชาหายตัวได้อย่างนั้นแหละ” 

    “รีบกลับไปบอกศิษย์พี่ใหญ่เถิด บางทีศิษย์พี่ใหญ่อาจจะมีข่าวของคนผู้นั้นแล้วก็ได้” 

    พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะออกจากหมู่บ้านไป เฟิงชิงถิงถอนหายใจอย่างโล่งอก นั่นก็แปลว่ายามนี้สือซานเหลียงปลอดภัยจากคนสำนักเมฆาขาวได้อีกพักหนึ่ง

    เมื่อใกล้ถถึงลำธาร เล่ยกัวก็แนะนำให้เฟิงชิงถิงเดินไปที่ลำธารอีกด้าน ส่วนเขาและกลุ่มชายในหมู่บ้านเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง

    เฟิงชิงถิงหาลำธารบริเวณเหมาะๆ ได้ก็วางเสื้อผ้าสะอาดไว้บนหินเช่นเดิม นางคิดว่าต้องหว่านล้อมให้สือซานเหลียงลงน้ำเช่นครั้งก่อน แต่ครั้งนี้เขากลับเดินผ่านนางไปยืนอยู่ในลำธารโดยที่ไม่ต้องเรียก

    เห็นเขาเป็นคนกระตือรือร้นที่จะมาอาบน้ำเองหญิงสาวจึงยื่นไยบวบนั้นให้ “ท่านอาบน้ำเสีย ขัดบริเวณที่สกปรกเหมือนกับที่ข้าเคยทำให้ท่านครั้งที่แล้ว” 

    สือซานเหลียงมองไยบวบบนมือเรียวก่อนจะเมินไป

    เมื่อเขาไม่สนใจไยบวบเฟิงชิงถิงจึงยัดใส่มือหนา ครั้งนี้เขาไม่ได้โยนไยบวบทิ้งแต่เปลี่ยนเป็นยัดกลับใส่มือนางแทน

    ริมฝีปากอิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง คิ้วเรียวขมวดแน่น ดวงตาคู่งามมองไยบวบในมือ ไม่ใช่ว่าจะให้นางขัดตัวให้หรอกนะ ไม่มีทาง! นางยัดไยบวบใส่มือหนาอีกครั้ง แต่ในเวลาไม่นานไยบวบก็กลับมาอยู่ในมือนางดังเดิม

    เฟิงชิงถิงสูดลมหายใจเข้าปอดข่มความไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม เขาก็ไม่ละความพยายามเช่นกัน แต่สุดท้ายคนที่มีความอดทนน้อยกว่าก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

    เสียงห้าวคำรามอย่างไม่พอใจโยนไยบวบทิ้งก่อนจะเดินลุยน้ำออกจากลำธารด้วยท่าทางฮึดฮัด เฟิงชิงถิงอยากจะร้องไห้ เขาไม่อาบน้ำเพราะนางไม่ยอมอาบให้ใช่หรือไม่ 

    นางเดินกลับไปหยิบไยบวบก่อนจะรีบตามร่างใหญ่กลับมาที่ลำธารอีกครั้ง “ได้ๆ ข้าเป็นคนอาบน้ำให้ก็ได้” 

    นางลากสือซานเหลียงกลับไปในลำธาร ทั้งโกรธทั้งอ่อนใจ ใครใช้ให้เขาเป็นบ้าเล่า นางทำใจเห็นเขาเป็นคนป่วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เพราะความโมโหนางจึงทึ้งเสื้อผ้าเขาออกอย่างไม่ไยดี อีกทั้งยังออกแรงขัดร่างกำยำนั้นอย่างแรงอีกต่างหาก แต่ยิ่งนางลงแรงกับร่างหนามากเท่าไหร่ ใบหน้าดุดันก็ผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังครางออกมาด้วยน้ำเสียงแสนสบาย

    สุดท้ายเฟิงชิงถิงก็จัดการชำระร่างกายของสือซานเหลียงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจนเสร็จ และไม่ต่างกับครั้งแรก เขาไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเอง แต่ครั้งมีเขามีพัฒนาการโดยการที่ยืนกางแขนขาให้นางใส่เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น นางจัดการสวมเสื้อผ้าให้เขาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวเช่นเดิม

    เมื่อจัดการกับสือซานเหลียงจนเสร็จ นางก็นำชุดของเขาไปซัก ก่อนจะจัดการกับตัวเองแล้วพาเขากลับไปยังบ้านของหมี่เจา

    “มากันแล้วหรือ มาเร็ว วันนี้มีกับข้าวเยอะมากเลย บ้านที่อาเหลียงช่วยผ่าฟืนให้นำอาหารมาให้เป็นการตอบแทน อากุ้ยก็เอาอาหารมาให้ด้วยเป็นการตอบแทนที่สามีเจ้าช่วยยกเม่ยเม่ยขึ้นมากจากบ่อโคลน”

    หมี่เจากวักมือเรียกหนุ่มสาวทั้งสองที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน เล่ยกัวที่อาบน้ำเสร็จและกลับมาก่อนช่วยภรรยาจัดโต๊ะ หันมายิ้ม “วันนี้มีขาหมูน้ำแดงด้วย” 

    กลิ่นขาหมูน้ำแดงโชยมากระทบจมูกจนเฟิงชิงถิงยังน้ำลายสอ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างกายนางจึงยิ่งกว่า

    ทั้งสี่นั่งรวมโต๊ะกินอาหารโดยที่หมี่เจาไม่ลืมว่าชามข้าวของอาเหลียงสามีของแม่หนูนั้นต้องชามใหญ่กว่าผู้อื่น แล้วทุกคนต่างก็กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะสือซานเหลียงที่กวาดอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว 

    ขณะที่สือซานเหลียงกินข้าวในชามของเขาหมดหนึ่งชาม เฟิงชิงถิงเพิ่งจะคีบข้าวเข้าปากแค่สามคำ อีกทั้งนางยังต้องขอโทษหมี่เจาและเล่ยกัวเพราะสือซานเหลียงคีบอาหารตัดหน้าเจ้าบ้านอย่างไร้มารยาทที่สุด

    “ช่างเถิด วันนี้เขาคงหิวมาก อาหารพวกนี้ก็เป็นอาหารที่ชาวบ้านนำมาให้เขาทั้งนั้น เขาย่อมได้กินมากกว่าผู้อื่น” เล่ยกัวยิ้ม 

    ขณะที่คนทั้งสามกินข้าวกันอย่างเรียบง่าย ส่วนอีกคนก็ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจผู้ใด ชาวบ้านคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้าน

    “อาฉี เกิดอะไรขึ้น” เล่ยกัวเห็นอาฉี เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของตาเฒ่าฮุ่ยวิ่งมาด้วยหน้าตาตื่นตระหนกจึงเอ่ยถาม

    “เกิดเรื่องแล้ว มี...ทหารมา” อาฉีหายใจหอบพูดติดขัดเป็นห้วงๆ 

    “ทหาร มาทำอะไร” หมี่เจาวางชามข้าวและตะเกียบลง

    เฟิงชิงถิงชะงักนิ่ง

    “เขาต้องการมาหาเล่ยกัว”

    “มาหาข้า” 

    “ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเถ้าแก่ร้านขายยาในเมืองก็มาด้วย พวกเขาต้องการหาคนที่เขียนใบสั่งยาอะไรสักอย่าง” 

    “ยา...พวกเขาพูดถึงใบสั่งยาที่แม่หนูเขียนแล้วให้เข้าไปซื้อเมื่อไม่กี่วันนี้นะสิ” หมี่เจาคาดเดา

    “ข้าก็ไม่รู้ แต่เห็นบอกว่า ลายมือเหมือนหมอเทวดาเฟิง ก็เลยจะมาหาตัว” อาฉีบอก

    แล้วสองสามีภรรยาก็มองมาที่เฟิงชิงถิงเป็นตาเดียว

    เฟิงชิงถิงไม่รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้นางควรจะขอโทษสองสามีภรรยาที่นางปิดบังฐานะที่แท้จริงหรือไม่ แต่ยามนี้นางคงอยู่ไม่ได้แล้ว ขณะที่นางกำลังจะอ้าปากเอ่ย เล่ยกัวก็ถามกับอาฉี

    “ตอนนี้ทหารอยู่ที่ใด”

    “ตอนที่ทหารมา อากังเป็นคนเจอ เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้ายืมม้าเขาไปซื้อยาในเมือง อากังจึงคิดว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้า เขาให้ข้าแอบมาส่งข่าวให้เจ้ารู้ ส่วนเขาพาทหารเหล่านั้นไปที่บ้านตาเฒ่าฮุ่ย” 

    “แม่หนู” หมี่เจาหันมาทางเฟิงชิงถิง

    “ทหารพวกนั้นมาตามหาข้า” เฟิงชิงถิงบอกความจริง “ข้าต้องขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อน” นางลุกจากโต๊ะ กลับไปในห้องเพื่อหยิบห่อสัมภาระ

    “ไม่ใช่ นั่นเป็นเพราะเจ้าช่วยตาเฒ่าฮุ่ยต่างหาก” หมี่เจาบอก

    “จะเอาอย่างไรก็เอาเถิด ทหารคงจะมาที่นี่ในไม่ช้าแล้ว” อาฉีเร่ง

    เฟิงชิงถิงกำลังชั่งใจว่านางควรจะทำอย่างไรดี นางกลัวว่าสองสามีภรรยาที่ช่วยเหลือนางจะไม่ปลอดภัย

    “รีบไปเถิดแม่หนู” หมี่เจาลุกจากโต๊ะรีบห่ออาหารแห้งให้อย่างรวดเร็ว

    “ไปเถิด ไม่ต้องห่วงพวกข้า พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องรู้ราวพวกเขาคงไม่ทำอะไร” เล่ยกัวรีบบอก

    ขณะที่หลายคนกำลังสาละวนกับการช่วยเหลือเฟิงชิงถิงหลบหนีทหาร มีเพียงคนผู้เดียวที่ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งใด เขากินข้าวหมดชามที่สองแล้วก็ยื่นชามเปล่าไปทางเฟิงชิงถิงที่ก้าวไวๆ กลับมาพร้อมกับห่อสัมภาระ

    “ข้าว หมั่นโถวข้าว”

    เฟิงชิงถิง ไม่สนใจ รับชามข้าวของเขาวางไว้บนโต๊ะลากแขนเขาให้ลุกขึ้น “ไม่ได้แล้ว ตอนนี้เราต้องรีบไป” 

    แต่ใครจะรู้ว่านางพยายามดึงเท่าไหร่ ร่างใหญ่ก็หาได้ขยับลุกจากเก้าอี้ไม่ 

    “ข้าจะไปรั้งทหารไว้ให้” อาฉีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบบอก

    “รบกวนเจ้าด้วย” เล่ยกัวบอก

    “นี่อาหารแห้ง พวกเจ้าเก็บเอาไว้กินระหว่างเดินทาง” หมี่เจายัดอาหารแห้งห่อใหญ่ให้เฟิงชิงถิง

    “ขอบคุณท่านป้ามาก” เฟิงชิงถิงรับของมาอย่างเกรงใจ ก่อนจะหันไปดึงให้สือซานเหลียงลุกจากโต๊ะ

    “หมั่นโถว ข้าว” สือซานเหลียงยังคงดื้อดึง ไม่ลุกขึ้น วันนี้เขาออกแรงผ่าฟืนไปไม่น้อย จึงหิวมากกว่าปกติ

    “ไม่ใช่บ้านนี้ขอรับ ไม่ใช่” เสียงดังมาจากหน้าบ้าน ไม่นานทหารก็บุกเข้ามา 

    ทหารห้านายกวาดตามองคนในบ้าน ตอนแรกสายตานั้นไปหยุดที่หมี่เจา แต่หากประเมินอายุฉายาหมอเทวดาตัวน้อยคงไม่ใช่กับหญิงชาวบ้านที่มีอายุประมาณสี่สิบปี สายตาของเหล่าทหารจึงมาหยุดอยู่ที่เฟิงชิงถิงที่มีสัมภาระอยู่เต็มมือ ทหารนายหนึ่งชี้มือมาที่นาง “จับตัวนางไว้!”

    แล้วทหารอีกสี่นายก็กรูเข้ามาจับตัวเฟิงชิงถิงอย่างรวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ทัน

    “พานางไป” 

    เฟิงชิงถิงถูกลากออกจากบ้านโดยที่นางขัดขืนไม่ได้ จะใช้เข็มหรือยามือของนางก็ถูกทหารจับเอาไว้ ยามนี้จึงทำสิ่งใดไม่ได้สักอย่าง

    “พวกท่านจะพานางไปที่ใด” หมี่เจารีบตามออกมาจับมือเฟิงชิงถิงเอาไว้ด้วยความห่วงใย

    “ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า” ทหารนายหนึ่งบอกเสียงห้วน

    เฟิงชิงถิงนั้นยามนี้รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรคงไม่พ้นโดนจับตัว หากนางพยายามหลบหนีคนหมู่บ้านใบชาก็อาจจะเป็นอันตราย ดังนั้นนางจึงยอมให้ทหารจับไปแต่โดยดี

    “ขอบคุณพวกท่านมากแต่ข้าไม่เป็นไร ฝากเขาไว้กับพวกท่านก่อนแล้วข้าจะรีบกลับมา” เฟิงชิงถิงกระซิบกับหมี่เจา

    หมี่เจาพยักหน้ารับมองดูเด็กสาวถูกทหารจับตัวไปด้วยใบหน้ากังวล

    หลังจากที่เฟิงชิงถิงถูกพาตัวไปแล้ว หมี่เจาและเล่ยกัวก็เดินกลับเข้าบ้านไป คนทั้งสองเห็นว่าสามีของแม่หนูยังคงกินกับข้าวบนโต๊ะโดยไม่ได้สนใจภรรยาที่ถูกจับตัวไป หมี่เจาก็ตวาดอย่างเหลืออด

    “จะมากไปแล้วนะ เจ้าก็เห็นว่าฮูหยินของเจ้าถูกทหารจับตัวไป แต่เจ้ากลับไม่สนใจนาง เจ้าเป็นสามีประสาอะไร” 

    สือซานเหลียงกินขาหมูน้ำแดงคำสุดท้ายก่อนจะยกชามที่เหลือแต่น้ำแดงซดกินจนเกลี้ยง ไม่มีข้าวก็ยังกินกับข้าวบนโต๊ะจนหมด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×