ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดาวพลูโต

    ลำดับตอนที่ #7 : มารู้จักดาวพลูโตกันเถอะ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 49


    ดาวพลูโต (Pluto)

    าวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลจาก ดวงอาทิตย์ มากที่สุด และมีขนาด เล็กกว่า ดวงจันทร์ 7 ดวงในระบบสุริยะ ( ดวงจันทร์ของโลก, ไอโอ, ยูโรปา, กันนึมมีด, คัลลิสโต, ไททันและ ทายตัน)

    วงโคจร: 5,913,520,000 ก.ม. (39.5 หน่วยดาราศาสตร์) จากดวงอาทิตย์ (โดยเฉลี่ย)
    เส้นผ่านศูนย์กลาง: 2274 ก.ม.
    มวล: 1.27 คูณด้วย x 1022 ก. ก.

    นเทพนิยายโรมาน พลูโตเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองบาดาล (กรีก: ฮาเดส ) ดาวพลูโตได้ชื่อนี้ คงเป็นเพราะมันอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากและได้รับแสงน้อย หรือบางทีอาจเป็นเพราะตัวอักษร "PL" ย่อมากจาก Percival Lowell (ก่อนหน้านี้มีการตั้ง ชื่อดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้ต่าง ๆ นานา)

    าวพลูโตถูกค้นพบในปี พ.ศ.2473 โดยบังเอิญ มีการคำนวณหาตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงใหม่ถัดจาก ดาวเนปจูนโดยใช้ฐานข้อมูลการเคลื่อนที่ของ ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่ง ไคลด์ ทอมแบจแห่งหอดูดาว โลเวล ในรัฐอริโซน่าได้ทำการสำรวจท้องฟ้าและพบดาวเนปจูนในที่สุด

    ลังจากที่ได้ค้นพบดาวพลูโตแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ขนาดของดาวพลูโตเล็กเกินกว่าที่จะรบกวนวงโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ จะต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงจะรบกวนดาวเนปจูนได้ ดังนั้นการค้นหา ดาวเคราะห์ X จึงมีขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดถูกค้นพบเพิ่มเติม จนกระทั่ง ยานวอนเอเจอร์ 2 ได้ข้อมูลด้านมวลสารของดาวเนปจูนเพิ่มเติม ข้อถกเถียงดังกล่าวจึงหมดไป โดยไม่จำเป็นต้องมีดาวเคราะห์ดวงที่ 10

    าวพลูโตเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่ไม่เคยมีการส่งยานอวกาศไปสำรวจ แม้แต่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ยังทำการสำรวจรายละเอียดได้เพียงรูปซ้ายมือ และรูปด้านบน

    ชคดีที่ดาวพลูโตมีบริวารชื่อ ครอน ซึ่งค้นพบในปี พ.ศ.2521 ก่อนที่ระนาบวงโคจรของมันจะหันเข้ามาในระบบสุริยะ เราได้ข้อมูลต่าง ๆ จากการสังเกตการณ์และการคำนวณ การเคลื่อนที่บังกัน (transit) คาบความสว่าง และสังเกตความสว่างและความมืดคล้ำของพื้นผิวทั้งสองดวง

    รายังไม่ทราบขนาดรัศมีของที่แท้จริงดาวพลูโต NASA ประมาณว่าเท่ากับ 1,127 ก.ม. บวก/ลบ หนึ่งเปอร์เซนต์ 

    ม้ว่าเราจะพอทราบมวลรวมของพลูโตและแครอน (พิจารณาจากการวัดคาบและรัศมีวงโคจรของแครอน ประกอบกับกฏข้อที่ 3 ของเคปเล่อร์) แต่การที่จะได้ค่ามวลสารของแต่ละดวง ทำได้ยากมาก เนื่องจากจะต้องพิจารณาการวงโคจรรอบกันและกันโดยมีศูนย์กลางมวลร่วมของระบบ ซึ่งต้องการการวัดที่ระเอียดมาก ซึ่งดาวทั้งสองทั้งเล็กและไกลมาก แม้จะดูด้วย กล้องอวกาศฮับเบิล ก็ตาม อัตราส่วนระหว่างมวลของดาวทั้งสองอยู่ระหว่าง 0.084 และ 0.157; อย่างไรก็ตามเรายังไม่มีข้อมูลที่เที่ยงตรง จนกว่าจะส่ง ยานอวกาศขี้นไปสำรวจ

    าวพลูโตเป็นเทห์วัตถุที่มีสีผิดแผก (contrast) เป็นอันดับที่ 2 รองระบบสุริยะ (รองจาก ดวงจันทร์ไอเอปพิทุส) สาเหตุเป็นเพราะเหตุใดคงต้องรอการสำรวจจากโครงการ พลูโต เอ๊กเพรส

    นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่า เราควรจะจัดประเภทของดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหาง มากกว่าที่จะเป็น ดาวเคราะห์บางคนก็ว่าเราควรจะพิจารณามันเป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดใน แนวเข็มขัดคุยเปอร์ (หรือที่รู้จักในนาม Trans-Neptune objects) อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรายังถือว่า ดาวพลูโตเป็นเทห์วัตถุประเภทดาวเคราะห์ อย่างเช่นเคย

    งโคจรของดาวพลูโตรีมาก ขณะที่มันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ มันจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน (นับตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.2522 จนถึงกุมภาพันธ์ พ.ศ.2542) ดาวพลูโตหมุนรอบตัวเองในทิศทางที่ตรงข้ามกับดาวเคราะห์ดวงอื่น

    าบวงโคจรของดาวพลูโตมีอัตราส่วนการกำทอน 3:2 (resonance) กับดาวเนปจูน นั่นคือดาวพลูโตโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลานาน 1.5 เท่าของดาวเนปจูน และวงโคจรของมันเอียงมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น แม้อาจจะดูเหมือนว่าวงโคจรของดาวพลูโตตัดกับวงโคจรของดาวเนปจูน แต่ความจริงแล้วดาวทั้งสองมิอาจชนกันเลย ( คำอธิบายเพิ่มเติม)

    ะนาบศูนย์สูตรของดาวพลูโตทำมุมเฉียงกับระนาบของวงโคจรมาก ทำนองเดียวกับ ดาวยูเรนัส

    อุณหภูมิที่พื้นผิวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ประมาณว่าอยู่ระหว่าง 35 - 45 เคลวิน (-228 to -238 C)

    รายังมิทราบองค์ประกอบของดาวพลูโตที่แน่ชัด แต่ค่าความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 2 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยอาจมีส่วนผสมเป็นหิน 70% น้ำแข็ง 30% คล้ายกับดวงจันทร์ทายตันของเนปจูน บริเวณพื้นที่สว่างอาจปกคลุมด้วยน้ำแข็งไนโตรเจน ผสมกับมีเทนและคาร์บอนโมนอกไซด์แข็ง บริเวณที่เป็นสีคล้ำยังไม่มีข้อมูล บางทีมันอาจจะเป็นองค์ประกอบของวัตถุในยุคแรก หรือปฏิกริยาโฟโต้เคมี ซึ่งถูกขับโดยรังสีคอสมิก

    าวพลูโตมีบรรยากาศเล็กน้อย องค์ประกอบหลักอาจเป็นไนโตรเจน และมีคาร์บอนโมนอกไซด์และมีเทนจำนวนเล็กน้อย โดยมีความกดอากาศที่พื้นผิวเพียงไม่กี่ไมโครบาร์ บรรยากาศของดาวพลูโตอาจมีสถานะเป็นก๊าซ เฉพาะเวลาที่มันโคจรใกล้ เพอริฮีเลียน ; ซึ่งส่วนมากแล้วบรรยากาศจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ขณะที่พลูโตเข้าใกล้เพอริฮีเลียน บรรยากาศของมันอาจระเหิดและฟุ้งไปในอวกาศ หรือบางทีบรรยากาศที่ฟุ้งไปนี้อาจถูกไครอนดึงดูดเข้ามา ในการนี้ภารกิจพลูโตเอ๊กเพรสได้ถูกวางแผนให้ไปถึงพลูโต  ในเวลาที่น้ำแข็งระเหิดตัว

    งโคจรที่ไม่ธรรมดาของดาวพลูโตและ ดวงจันทร์ทายตัน กอปรกับขนาดและคุณลักษณะบางอย่างของดาวที่คล้ายคลึงกัน อาจแสดงว่าทั้งสองมีประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กัน ครั้งหนึ่งในอดีตดาวพลูโตอาจเคยเป็นดวงจันทร์ของดาวเนปจูน ในทำนองกลับกัน ดวงจันทร์ทายตันครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดังเช่นดาวพลูโต แต่ต่อมาได้ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเนปจูนจับไว้เป็นบริวาร บางทีทั้ง ทายตัน พลูโต และแครอน อาจเป็นเทห์วัตถขนาดใหญ่ซึ่งถูกผลักออกมาจากเมฆออท ( Oort cloud) หรือในทำนองเดียวกับ โลกและ ดวงจันทร์ , แคเร็นอาจเป็นผลพวงจากการขนกระแทก ระหว่างดาวพลูโตกับเทห์วัตถุอื่น

    ราสามารถมองเห็นดาวพลูโตได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก มีเว็บไซต์หลายแห่งที่แสดงตำแหน่งปัจจุบันของดาวพลูโต (และดาวเคราะห์ดวงอื่น) บนท้องฟ้า; รายละเอียดต่าง ๆ สามารถจัดทำเป็นแผนที่ดาวด้วย โปรแกรมท้องฟ้าจำลองเช่น Starry Night


    แครอน (Charon)

    ครอน ( "KAIR en" ) เป็นดวงจันทร์บริวารดวงเดียวชองดาวพลูโต

    วงโคจร : 19,640 ก.ม.จากดาวพลูโต
    เส้นผ่านศูนย์กลาง: 1,172 ก.ม.
    มวล: 1.90 x 1021 ก. ก.
    ครอน เป็นชื่อของตัวละครในเทพนิยาย ซึ่งศพลอยข้ามแม่น้ำสตี๊กซ์ ไปสู่เทพฮาเดส (เมืองบาดาล)

    (แม้ว่าชื่อทางการจะตั้งตามตัวละครในเทพนิยาย ที่จริงแล้วอาจแผลงมากจาก "แครีน" ซึ่งตั้งเป็นเกียรติ์ตามชื่อภรรยาของผู้ที่ค้นพบ 

    ครอนถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2521 โดย จิม คริสตี้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้เราคิดว่าดาวพลูโตมีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบัน เนื่องจากมองภาพโดยรวมซึ่งไม่ชัดของดาวทั้งสอง

    ครอนจัดเป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุด ในแง่ที่เปรียบเทียบขนาดกับดาวเคราะห์หลักของมัน บางคนคิดว่าพลูโตและแครอนควรจะเป็นดาวเคราะห์คู่ มากกว่าที่จะเป็นดาวเคราะห์กับดวงจันทร์

    นาดของแครอนยังไม่เป็นที่ทราบแต่ชัด NASA ประเมินว่าควรจะอยู่ในราว 586 ก.ม. ผิดพลาด บวก/ลบ สองเปอร์เซนต์ และยังไม่มีข้อมูลด้านมวลสารและความน่าแน่น

    ครอนหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบพลูโตในลักษณะ synchronously ทั้งสองจะหันเพียงด้านเดียวเข้าหากันและกัน (ซึ่งทำให้ เสี้ยวข้างขึ้นข้างแรมของแคเร็น น่าสนใจมากเมื่อมองจากดาวพลูโต)

    งค์ประกอบของแครอนยังไม่เป็นที่ทราบ แต่มันมีความหนาแน่นต่ำ เพียงในราว 2-3 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งคล้ายคลึงกับดวงจันทร์ก้อนน้ำแข็งของ ดาวเสาร์ (เช่น รีอา) พื้นผิวของมันดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

    ครอนไม่มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดีเหมือนพลูโต

    ครอนอาจเป็นผลพวงจากการขนกระแทก ระหว่างดาวพลูโตกับเทห์วัตถุอื่น ในลักษณะเดียวกันกับการเกิด ดวงจันทร์ของโลกเรา

    ภาพบรรยากาศของแคเร็นยังเป็นเพียงข้อสงสัย


    ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับพลูโตและแครอน

    ข้อคิด

    • ยังไม่มีอะไรที่แน่นอน แม้กระทั่งข้อมูลพื้นฐานของมวล รัศมี และความหนาแน่นของพลูโตและแครอน
    • ยังไม่มีการค้นพบวัตถุใน แถบเข็มขัดคุยเปอร์ ที่มีลักษณะคล้ายดาวพลูโต และมันจะมีวัตถุที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นหรือ?
    • องค์ประกอบที่ทำให้บางพื้นที่บนดาวพลูโตเป็นสีคล้ำคืออะไร?
    • สภาพทางธรณีวิทยาบนพลูโตและแครอนเป็นอย่างไร?
    • โครงการ Pluto Express จะได้รับเงินทุนหรือไม่? ถ้าเราพลาดการสำรวจดาวพลูโตในขณะที่มันเช้าใกล้เพริฮีเลียนในครั้งนี้ ครั้งต่อไปต้องรอถึงคริสต์ศตวรรษที่ 23
    • ฤดูกาลอันแสนยาวนานบนดาวพลูโตเป็นอย่างไร?

    Contents ... ดวงอาทิตย์ ... เนปจูน ... เนรีด ... พลูโต/แคเร็น ... เทห์วัตถุขนาดเล็ก ... Data Host

    Bill Arnett; last updated: 1999 Apr 27,น.ท.ฐากูร เกิดแก้ว แปล


    www.kirdkao.org/edu/nineplanets/nineplanets/pluto2.html - 15k

    ...................................................................................................

    ดาวพลูโต

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ดาวพลูโต (Pluto) สัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์ของดาวพลูโต
    สีจริงของดาวพลูโต


    ภาพที่สว่างที่สุดของดาวพลูโต

    การค้นพบ
    ค้นพบโดย ไคลด์ ทอมบอห์
    ค้นพบเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930)
    ลักษณะเฉพาะของวงโคจร (จุดเริ่มยุค J2000)
    กึ่งแกนเอก 5,906,376,272 กม.
    39.48168677 หน่วยดาราศาสตร์
    เส้นรอบวงโคจร 36.530 เทราเมตร
    244.186 หน่วยดาราศาสตร์
    ความเยื้องศูนย์กลาง 0.24880766
    ระยะจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 4,436,824,613 กม.
    29.65834067 หน่วยดาราศาสตร์
    ระยะจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุด 7,375,927,931 กม.
    49.30503287 หน่วยดาราศาสตร์
    คาบการโคจร 90,613.3058 วัน
    (248.09 ปีจูเลียน)
    คาบซินอดิก 366.74 วัน
    อัตราเร็วเฉลี่ยในวงโคจร 4.666 กม./วินาที
    อัตราเร็วสูงสุดในวงโคจร 6.112 กม./วินาที
    อัตราเร็วต่ำสุดในวงโคจร 3.676 กม./วินาที
    ความเอียง 17.141 75°
    (11.88° กับระนาบศูนย์สูตรดวงอาทิตย์)
    ลองจิจูดของจุดโหนดขึ้น 110.303 47°
    ระยะมุมจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 113.763 29°
    จำนวนดาวบริวาร 3
    ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ
    เส้นผ่านศูนย์กลางตามแนวศูนย์สูตร 2390 กม.
    (0.180×โลก)
    พื้นที่ผิว 1.795×107 กม.2
    (0.033×โลก)
    ปริมาตร 7.15×109 กม.3
    (0.0066×โลก)
    มวล 1.25×1022 ก.ก.
    (0.0021×โลก)
    ความหนาแน่นเฉลี่ย 1.750 กรัม/ซม.3
    ความโน้มถ่วงที่ศูนย์สูตร 0.58 เมตร/วินาที2
    (0.059 จี)
    ความเร็วหลุดพ้น 1.2 กิโลเมตร/วินาที
    คาบการหมุนรอบตัวเอง 6.387 วัน (6 ชั่วโมง 9 นาที 17.6 วินาที)
    อัตรเร็วของการหมุนรอบตัวเอง 47.18 km/h (ที่ศูนย์สูตร)
    ความเอียงของแกน 119.61°
    ไรต์แอสเซนชัน
    ของขั้วเหนือ
    313.02° (20 ชั่วโมง 52 นาที 5 วินาที)
    เดคลิเนชัน 9.09°
    อัตราส่วนสะท้อน 0.30
    อุณหภูมิเฉลี่ยที่ยอดเมฆ (เคลวิน)
    ต่ำสุด ปานกลาง สูงสุด
    33 K 44 K 55 K
    ลักษณะเฉพาะของบรรยากาศ
    ความกดบรรยากาศ 0.15-0.30 กิโลปาสกาล
    องค์ประกอบ ไนโตรเจน และ มีเธน

    ดาวพลูโต (โมโนแกรม: ♇) เป็นดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ อยู่นอกวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป ในบริเวณแถบไคเปอร์ มีขนาดเล็กกว่า ดวงจันทร์ 7 ดวงในระบบสุริยะ (ดวงจันทร์ของโลก ไอโอ ยุโรปา แกนีมีด คัลลิสโต ไททัน และไทรตัน) ดาวพลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2390 กิโลเมตร มีดวงจันทร์บริวาร 3 ดวง ชื่อ ชารอน มีขนาดประมาณ 1/5 ของพลูโต , นิกซ์ และ ไฮดรา (2 ดวงหลัง ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2548)

    ในเทพนิยายโรมัน พลูโตเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองบาดาล หรือ ฮาเดส ในเทพนิยายกรีก ดาวพลูโตได้ชื่อนี้ คงเป็นเพราะมันอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากและได้รับแสงน้อย หรือบางทีอาจเป็นเพราะตัวอักษร "P-L" ย่อมากจาก Percival Lowell (ก่อนหน้านี้มีการตั้ง ชื่อดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้ต่าง ๆ นานา)

    ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2473 โดยบังเอิญ มีการคำนวณหาตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงใหม่ถัดจาก ดาวเนปจูนโดยใช้ฐานข้อมูลการเคลื่อนที่ของดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่ง ไคลด์ ทอมบอห์แห่งหอดูดาว โลเวล ในมลรัฐแอริโซนา ได้ทำการสำรวจท้องฟ้า และพบดาวพลูโตในที่สุด และถือว่าดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กที่สุด เป็นเวลา 76 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2473 - 2549

    หลังจากที่ได้ค้นพบดาวพลูโตแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ขนาดของดาวพลูโต เล็กเกินกว่าที่จะรบกวน วงโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ จะต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงจะรบกวนดาวเนปจูนได้ ดังนั้นการค้นหา ดาวเคราะห์ X จึงมีขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดถูกค้นพบเพิ่มเติม จนกระทั่ง ยานวอยเอเจอร์ 2 ได้ข้อมูลด้านมวลสารของดาวเนปจูนเพิ่มเติม ข้อถกเถียงดังกล่าวจึงหมดไป โดยไม่จำเป็นต้องมีดาวเคราะห์ดวงที่ 10

    เปลี่ยนสถานะเป็นดาวเคราะห์แคระ

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งประกอบด้วยนักดาราศาสตร์กว่า 2500 คนจาก 75 ประเทศทั่วโลก ได้มีมติกำหนดนิยามใหม่ของดาวเคราะห์ ส่งผลให้ดาวพลูโตถูกปลดออกจากการเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ คงเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวง เนื่องจากดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกระบบสุริยะ และให้ถือว่าดาวพลูโตเป็น ดาวเคราะห์แคระ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ

    (และวัตถุในระบบสุริยะ(นอกจากดวงอาทิตย์)ได้ถูกจัดใหม่เป็น 3 ประเภท คือ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ และวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ)

    การประชุมเพื่อถกเถียงเรื่องสถานภาพของดาวพลูโต ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์

    นักดาราศาสตร์จะได้ศึกษาดาวพลูโต และวัตถุในแถบไคเปอร์อย่างละเอียดในปี พ.ศ. 2558 เมื่อยานนิวฮอไรซันส์ ของนาซา ซึ่งถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549 เดินทางไปถึงวงโคจรของดาวพลูโต ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558

    วงโคจรของดาวพลูโต (สีแดง) เทียบกับดาวเนปจูน (สีน้ำเงิน) แสดงให้เห็นว่าบางช่วงเวลาดาวพลูโตจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน
    ขยาย
    วงโคจรของดาวพลูโต (สีแดง) เทียบกับดาวเนปจูน (สีน้ำเงิน) แสดงให้เห็นว่าบางช่วงเวลาดาวพลูโตจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเนปจูน
    วงโคจรของดาวพลูโตเทียบกับดาวเนปจูน (ภาพด้านข้าง จากมุมเงยประมาณ 10 องศา)
    ขยาย
    วงโคจรของดาวพลูโตเทียบกับดาวเนปจูน (ภาพด้านข้าง จากมุมเงยประมาณ 10 องศา)


    ลิงก์ภายนอก

    ข่าว

    ระบบสุริยะของเรา
    ภาพ:Pianeti.jpg
    ดาวเคราะห์: ดาวพุธ - ดาวศุกร์ - โลก - ดาวอังคาร - ดาวพฤหัสฯ - ดาวเสาร์ - ดาวยูเรนัส - ดาวเนปจูน
    ดาวเคราะห์แคระ: ซีรีส - พลูโต - 2003 ยูบี 313
    อื่น ๆ: ดวงอาทิตย์ - ดวงจันทร์ - แถบดาวเคราะห์น้อย - ดาวหาง - แถบไคเปอร์ - เมฆออร์ต
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×