ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ของดีทั่วเมืองไทย

    ลำดับตอนที่ #13 : ของแต่งบ้าน โกอินเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 49


    ‘HORA’แต่งบ้านแนวดีไซน์สไตล์คนเมือง
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2549 10:27 น.
    ขวัญชัย ไกรวิทย์วัฒนา และ Mr.Francesco Cappuccio สองดีไซน์เนอร์
                  ผลงานการออกแบบนาฬิกา หรือ ของแต่งบ้าน ดีไซน์เก๋เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งบ้านแนวโมเดิร์น เป็นผลงานการออกแบบของ Mr. Francesco Cappuccio เป็นดีไซน์เนอร์ จากประเทศอิตาลี ซึ่งรับจ้างออกแบบให้กับผลิตภัณฑ์แบรนด์ HORA ของนายขวัญชัย ไกรวิทย์วัฒนา ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของแต่งบ้านจากประเทศไทยที่มุ่งเป้าโกอินเตอร์ และสร้างชื่อในต่างประเทศ

    นาฬิการูปเป็ด
                  นายขวัญชัย กล่าวว่า นาฬิกาและของแต่งบ้าน ของแบรนด์ HORA มีความโดดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร เป็นผลงานการออกแบบของดีไซน์เนอร์จากประเทศอิตาลีซึ่งทำงานในประเทศไทย โดยเป็นอาจารย์สอนดีไซน์ อยู่ที่ศูนย์ออกแบบและดีไซน์ วัดธรรมมงคล ที่ซอยสุขุมวิท 101 กรุงเทพมหานคร
           
           การใช้ดีไซน์เนอร์จากต่างประเทศ จะได้เปรียบเพราะ จะมีประสบการณ์ และรู้ว่าลูกค้าต่างประเทศต้องการอะไร ออกแบบอย่างไรจึงจะถูกใจลูกค้า โดยนาฬิกาจะเป็นสินค้าหลักของเรา เนื่องจากมองว่า ถ้าเป็นงานแต่งบ้านมันกว้างเกินไป ไม่มีจุดเด่น ในการที่จะช่วยโปรโมตแบรนด์ให้มีความโดดเด่น และเพื่อเป็นการปูแนวทาง และบอกกับลูกค้าว่าเราชำนาญอะไร

    ชิ้นนี้ เหมาะกับวันแห่งความรัก ของขวัญวันแต่งงาน
                  “ทั้งนี้ ที่เราให้ความสำคัญกับดีไซน์เป็นหลัก เพราะการทำงานของอาชีพจริงๆ วัสดุอะไรก็สามารถทำงานดีไซน์ที่ดูดีดูทันสมัยได้ เพียงแค่ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของเรา ที่ผ่านมาจึงไม่เน้นในเรื่องของวัสดุ แต่เน้นที่ความคิด ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเราเองด้วย เพราะเมื่อลูกค้ามาเจอเราเขาก็ต้องการงานดีไซน์ใหม่เสมอ ดังนั้น การออกคอลเลกชั่นใหม่ ใน 1 ปี เราจะมีข้อจำกัดว่า จะออกเพียง 2 คอลเลกชั่น โดยจะเลือกออกให้ตรงกับงานแสดงสินค้า เพื่อการส่งออก ซึ่ง1ปีจะจัดเพียง 2 ครั้ง เพราะลูกค้าต่างประเทศจะเดินทางมาดูสินค้าด้วยตนเอง ”
           


                  อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแบรนด์ HORA ไม่ได้มีเฉพาะนาฬิกา แต่ยังมีของแต่งบ้านอื่น ภายใต้แบรนด์ HORA เช่นกัน โดยจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ เพื่อให้เป็นอินเตอร์ ซึ่งดีลเลอร์ใช้แบรนด์ HORAในการทำตลาดเช่นกัน ได้เริ่มทำตลาดมาได้ประมาณ 2 ปี แต่ในครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสินค้าไม่เด่นชัด เนื่องจากมีความหลากหลายเกินไป กลับมาเริ่มต้นใหม่ โดยเลือกทำสินค้าตัวหลักตัวใดตัวหนึ่งไปเลยเพื่อให้เกิดความเด่นชัด เราได้เลือกนาฬิกาเป็นตัวหลัก ซึ่งครั้งนี้ เดินมาถูกทางเพราะผลตอบรับที่สูงมากขึ้น
           
           สำหรับในครั้งแรกส่งออกเป็นหลัก ปัจจุบัน เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดภายในประเทศ โดยเปิดหน้าร้านอยู่ที่สวนลุ่มไนท์บาร์ซ่า ลพบุรี ซอย 6 และมีตัวแทนมารับไปจำหน่าย ส่วนตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศในแถบเอเชีย ประกอบด้วย ญีปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และประเทศแถบยุโรป ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน รัสเซีย ออสเตรเลีย

    แขวนผ้าเช็ดตัว (หมวดของแต่งบ้าน)
                  การแข่งขันในตลาดของงานดีไซน์ ปัจจุบันเป็นเทรนด์ของคนเมืองเน้นในเรื่องการแต่งบ้านแนวดีไซน์ จะเห็นได้จากสินค้าจะมีแนวของงานดีไ.ซน์มากขึ้น ซึ่งเราคงไม่แข่งกับนาฬิกายี่ห้อดัง เพราะคนละตลาดกัน กลุ่มลูกค้าหลายคนเมื่อซื้อสินค้าที่มียี่ห้อ แล้วก็ต้องการที่จะซื้อนาฬิกาแนวดีไซน์อีกชิ้นหนึ่ง มาประดับบ้าน เพื่อความเพลิดเพลิน ในราคาที่ไม่แพงมากโดยราคา เฉลี่ย เริ่มต้นที่ 600 บาท ไปจนถึง 3,000 บาท แล้วแต่รูปแบบแล้วแต่ขนาด
           
           นอกจากนี้ ผลงานการออกแบบนาฬิกา จะครอบคลุมทุกช่วงอายุ และออกคอลเลคชั่นที่เป็นของฝากในช่วงเทศกาล หรือ วันสำคัญ อย่างเช่น วาเลนไทน์ วันเกิด วันแต่งงาน เป็นต้น เพราะนาฬิกา ถือเป็นสินค้าที่ลูกค้านิยมซื้อเป็นของฝากในช่วงเทศกาล ไม่แพ้สินค้าตัวอื่นๆ และปัจจุบัน คนสมัยใหม่ ชอบแต่งบ้าน ชอบความทันสมัย และสินค้าของเราเข้ากับรสนิยมทันสมัย

    ใส่กระดาษทิชชูรูปกบ
                  “การขายดีไซน์เป็นตัวนำจะได้เปรียบมากกว่า ขายราคาเป็นตัวนำ แต่ลูกค้าชอบที่จะเอาตัวราคามาเป็นตัวนำเสนอ ซึ่งเราก็คงจะไม่ลงไปแข่งในเรื่องของราคาเหมือนสินค้าทั่วไป เพราะถ้าลงไปแข่งเรื่องของราคาจะทำเป็นจำนวนมาก ซึ่งสินค้าของเราไม่เน้นทำจำนวนมาก ต้องการขายความเป็นงานศิลป์ การแข่งขันของเราจะเป็นการแข่งขันด้านคุณภาพ และดีไซน์มากกว่า”

                  สนใจติดต่อ โทร.0-9171-0496

    http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063576

    นักเตะเปเปอร์มาเช่ของที่ระลึกฟุตบอลโลก
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2549 10:24 น.
    MR.NILOC PAGEN เจ้าของผลงานนักเตะเปเปอร์มาเช่
                  ภาพความคึกคักของการแข่งขันฟุตบอลโลก กำลังจะเริ่มขึ้น คนไทยให้ความสนใจกับการแข่งขันฟุตบอลโลกไม่แพ้ชาติใดในโลก ของที่ระลึกที่นำออกมาขายในช่วงการแข่งขัน ได้รับความสนใจไม่แพ้กระแสความแรงของฟุตบอลโลก และ บริษัท ฟัน เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้ผลิตเปเปอร์มาเช่ ได้ออกคอลเลคชั่น ต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลก เป็นรูปนักเตะจาก 15 ชาติ

    นักเตะทั้ง 15 ทีม ในชุดวัฒนธรรมประจำชาติ
                  นายนิล็อค เพเก้น เจ้าของผู้ก่อตั้งและเจ้าของไอเดีย บริษัท ฟัน เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด กล่าวว่า รูปแบบของที่ระลึกฟุตบอลโลก ที่นำออกจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นงานเปเปอร์มาเช่ โดยออกแบบเป็นรูปคนเตะฟุตบอล จุดเด่น ที่แตกต่างจากของที่ระลึกฟุตบอลโลกขายกันทั่วไป นอกจากการเป็นงานเปเปอร์มาเช่ แล้ว เรายังออกแบบ โดยการดูรายละเอียดจากวัฒนธรรมแต่ละชาติ และดึงมาเป็นสัญลักษณ์แทนชาตินั้น อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น ออกแบบนักฟุตบอลใส่ชุดซูโม่ เป็นต้น
           

           “ของที่ระลึกฟุตบอล เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของบริษัท ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเรา จะออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทำให้คนยิ้มได้ ปัจจุบัน โลกดูเศร้า เศร้า จากเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ จะทำอย่างไรให้คนได้ยิ้มแย้ม เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์ ประกอบกับในช่วงนี้ มีการแข่งขันฟุตบอลโลก จึงได้คิดตัวนี้ ขึ้นมา งานออกแบบของเราจะเน้นความสนุนสนาน อยากให้คนมองอีกด้านหนึ่งของชีวิตว่ามีด้านที่สว่างอยู่ด้วยเสมอ ชีวิตของคนเราไม่ได้มีแต่ด้านมืดเพียงอย่างเดียว”

    ทีมบราซิล และออสเตรเลีย
                  สำหรับ คอลเลคชั่น ฟุตบอลโลก เริ่มคิดตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยเลือกทำมาด้วยกันทั้งสิ้น 15 ชาติ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นทีมเด่นที่จะเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลโลก ประกอบไปด้วย ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี บราซิล อังกฤษ เม็กซิโก อาเจนติน่า เยอรมัน สเปน ออสเตรเลีย อเมริกา สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี การออกแบบแต่ละชาติ จะศึกษาว่า แต่ละประเทศมีวัฒนธรรมใดที่โดดเด่น ที่สามารถนำปรับใช้ได้บ้าง ประเทศที่เราต้องใช้เวลาในการออกแบบนานที่สุด คือประเทศบราซิล ซึ่งมาลงตัวโดยใช้สัญลักษณ์ เป็นตุ๊กตาแซมบ้าผมหยิกใส่ชุดฟุตบอลประจำชาติบราซิล
           
           “การที่เราเลือกออกแบบโดยดึงเอาวัฒนธรรมประจำชาติ มาใช้แทนสัญลักษณ์ ของนักฟุตบอลชาตินั้น แทนที่จะทำเป็นรูปหน้าของนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง หรือ สวมใส่ชุดที่เป็นทีมฟุตบอลประจำชาติ เพราะถ้าทำเช่นนั้น ก็คงจะไม่แตกต่างจากสินค้าที่ขายอยู่ในท้องตลาด แต่เราต้องการจะทำอะไรที่มีความแตกต่าง เพื่อจะได้ไม่ต้องไปแข่งขัน กับคนอื่นๆ

                  ช่องทางการจัดจำหน่าย ออกงานแสดงสินค้า เพื่อการส่งออก และขายผ่านศูนย์การค้า โดยปัจจุบันวางขายอยู่ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และเอ็มโพเรียม เนื่องจากสินค้าของเรา ราคาค่อนข้างสูง เพราะใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ งานจะปราณีต ราคาจึงสูงเมื่อเทียบกับงานเปเปอร์มาเช่ที่ขายทั่วไป ลูกค้าคนไทยมองว่า แพงเกินไป แต่มีลูกค้าคนไทยบ้างกลุ่มที่พอจะมีเงิน สามารถซื้อได้ก็ยินดีที่จ่ายในราคาที่แพงกว่า เพราะจากการออกงานแสดงสินค้าส่งออก ในช่วงหลังมีลูกค้าคนไทยให้ความสนใจ และซื้อสินค้าของเรามากขึ้น และ อยากให้ทุกคนมองว่างานของเราเป็นงานศิลปะ งานขายไอเดีย จะได้ไม่รู้สึกว่าแพงเกินไป
           
           สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายหลัก เป็นตลาดส่งออก สัดส่วนการส่งออกประมาณ 90% และขายในประเทศประมาณ 5-10% ประเทศที่ส่งออกเกือบทั้งหมดจะเป็นประเทศในแถบยุโรป ถึง 75% ราคาขายในยุโรปแพงกว่าในประเทศไทยประมาณ 3 เท่า ซึ่งราคาของตุ๊กตานักเตะ ขายในประเทศไทย 675 บาท

    เกาหลี และสหรัฐอเมริกา
                  นายนิล็อค เพเก้น เป็นชาวฮอลแลนด์ ได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เป็นนักออกแบบ เริ่มจากออกแบบเครื่องประดับ กระเป๋าถือ และเฟอร์นิเจอร์ แต่เขาคิดจะทำสิ่งใหม่ และเป็นธุรกิจของเตนเอง เมื่อได้มีโอกาสเดินทางมาประเทศไทย ขณะที่ขับรถอยู่ เขาได้เห็นชาวบ้านกำลังทำตุ๊กตากระดาษอยู่ รู้สึกว่าน่าสนใจมากจึงได้เริ่มทำและออกแบบด้วยตนเอง จนในที่สุดก็เริ่มธุรกิจของตนเอง สินค้าเด่นที่คนไทยคุ้นเคย คือ งูสายรุ้ง

    ฮอลแลนด์
                  ทั้งนี้ หลายคนจะรู้จักเขาในนามของงานเปเปอร์มาเช่ แต่จริงแล้ว ยังมีงานไฟเบอร์กลาส งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ โดยมีแผนที่จะทำสินค้าออกจำหน่าย ในเร็วๆ นี้ ภายใต้แบรนด์ NILOC
           

           สนใจติดต่อ โทร. 0-2975-0612

    ‘The etc’ธุรกิจเรียบง่าย สู่สินค้าแฝงไอเดียที่แตกต่าง ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2549 10:02 น.
                  ด้วยความที่เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ทำให้ผลงานที่สร้างสรรค์อออกมาจนสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้ โดยเป็นงานที่เรียบง่าย วัสดุที่นำมาใช้ไม่ซับซ้อน อาศัยแต่การใส่ไอเดีย และการดัดแปลงสินค้าเพื่อให้เกิดความแตกต่าง และสร้างความแปลกใหม่ให้กับสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ณ ขณะนั้น

                  นายพีรพล ศรีสนิท เจ้าของบริษัท The etc.by 2 brother จำกัด เล่าว่า เดิมตนเองทำงานด้านโฆษณามากว่า 10 ปี จนกระทั่งมาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทำให้พนักงานในบริษัทต้องหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับอาชีพการงาน หลีกเลี่ยงการเว้นวรรคในอาชีพ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็จะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการออกแบบสินค้า รวมถึงมีพรสวรรค์ในการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใครเป็นทุนเดิม

                  ส่งผลให้การผลิตสินค้าแฝงดีไซน์เป็นธุรกิจที่ไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่ง พีรพล ได้เริ่มจากการนำวัสดุที่ใกล้ตัว และนำมาดัดแปลงไม่ยาก มาลองผลิตเป็นสินค้าก่อน อย่างเส้นลวด ที่ได้นำมาผสมผสานกับหลอดแก้ว จนเกิดเป็นสินค้าแฝงไอเดีย แถมยังโดนใจลูกค้าที่มักซื้อไปตกแต่งบ้าน หรือไว้ที่โต๊ะทำงานซื้อไป ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการฝากขายที่ร้าน พร็อพพากานด้า สาขา สยามสแควร์ เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่มาจับจ่ายใช้สอยกันมาก ซึ่งรูปแบบสินค้าก็ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

                  “แม้สินค้าเราจะเป็นงานที่ทำขึ้นได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน และหาวัสดุได้ไม่ยาก แต่ก็ถือว่าเป็นข้อเสียเหมือนกัน เพราะการกอปปี้ จะเกิดขึ้นได้ง่ายมา ทำให้เราต้องพยายามพัฒนาสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ เพื่อหนีคนที่ลอกเลียนแบบ โดยที่ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของงานลวดดัด ซึ่งเราต้องการให้เมื่อลูกค้าคิดที่จะซื้อสินค้าที่เป็นลวดจะต้องนึกถึงเดอะ etc”

                  ต่อมาเมื่อสินค้าของเดอะ etc เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น ทำให้พีรพล เลือกที่จะเป็นนายตัวเอง ด้วยการเปิดร้านที่สยามดิสคอฟเวอรี่ ซึ่งแม้หนทางนั้นจะต้องปรับตัวมาก ต้องทุ่มเทให้กับงานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่เรื่องนั้นก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงนัก เพราะพีรพล เชื่อว่าหากได้ทำอะไรที่ตนเองชอบแล้ว งานนั้นจะไปได้ดี และทำให้เรามีความสุข ซึ่งจากผลงานในปัจจุบันของพีรพล ที่มีกว่า 88 แบบ แล้ว คงเป็นสิ่งที่สามารถการันตีได้ว่าการทำธุรกิจที่เริ่มจากความชอบ จะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

                  ส่วนการออกแบบสินค้า พีรพล ตั้งใจจะออกคอลเลคชั่นของสินค้าตัวใหม่ๆ ปีละ 2 ครั้ง ตามการจัดงาน BIG&BIH ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านลูกค้าชาวไทยจะเป็นคนวัยทำงาน โดยมักจะซื้อไปเป็นของขวัญ ของฝาก และผู้ที่ชอบการตกแต่งบ้าน แต่งคอนโดของตนเอง ส่วนลูกค้าชาวต่างชาติ มีทั้งลูกค้าในแถบยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่จะนิยมสินค้าแฮนด์เมดเป็นทุนเดิม ทำให้สินค้าประเภทแจกันดอกไม้ในหลอดแก้วเป็นที่นิยม  ส่วนลูกค้าในแถบยุโรป จะชอบสินค้าประเภทที่หนีบรูปสไตล์เก๋ ซึ่งสัดส่วนของการส่งออกอยู่ที่ 60% ขายในประเทศประมาณ 40% โดยอัตราการส่งออกเติบโตขึ้นทุกปีประมาณ 20%

                  “สัดส่วนของการส่งออกของ etc เพิ่มขึ้นทุก ปี โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆ ที่เริ่มส่งสินค้าไอเดียลวดดัดออกสู่ตลาด ส่งผลอัตราการเติบโตกว่า 100 % เลยทีเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะสินค้าเราเป็นสินค้าใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็นในตลาด แต่ในปีนี้เราคาดว่าการส่งออก อาจไม่โตมากกนัก เนื่องจากถูกสินค้าจากจีนที่ราคาถูกกว่า ตีตลาด ลูกค้าหันไปสั่งสินค้าประเภทที่ใกล้เคียงกับของเราจากประเทศจีนมากขึ้น ถึงแม้คุณภาพ และการดีไซน์จะด้อยกว่าก็ตาม”
           


                  ดังนั้นเพื่อเป็นการยึดตลาดของสินค้าลวดดัดแฝงไอเดีย พีระพล บอกว่า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเช่นนี้ คือเราต้องพัฒนาในเรื่องการดีไซน์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะหยุดคิดไม่ได้ และจะเน้นในเรื่องคุณภาพสินค้าให้มากขึ้นด้วย ส่วนในอนาคต เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกกอปปี้จากจีน พีรพล คิดที่จะเปลี่ยนในเรื่องของวัตถุดิบบางชนิด เพื่อลดต้นการผลิต เช่น พลาสติก และพีวีซี เป็นต้น แต่ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของความเป็น etc นอกจากนี้พีรพล ได้วางแผนที่จะขยายสาขาอีก 1 แห่ง คือที่ ห้างเอ็มโพเรี่ยม เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตรงกับคอนเซ็ปต์สินค้า และมีกำลังซื้อสูง แม้ว่าค่าเช่าที่ในบริเวณนั้นจะสูงก็ตาม

                  ***สนใจติดต่อ 0-2658-1171***
           


    http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9490000073591
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×