คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ChanBaek . Dizzy kiss . 3 . end
ทดเวลาบาดเจ็บ
“ยังอยากจะยุ่งกับแฟนคนอื่นอีกมั้ย หืม??”
“นายจูบกับฉันแล้ว ปากนี่ฉันจูบแล้ว เพราะงั้นห้ามเอาปากนี้ไปยิ้มให้ใคร แล้วก็ห้ามนายไปจูบกับใครคนอื่นด้วย เข้าใจมั้ย?”
“มองหน้ากันแบบนี้อยากโดนจูบหรอ?”
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามนายไปจูบกับคนอื่น”
คำพูดต่างๆนานาของปาร์ค ชานยอลยังคอยตามหลอกหลอนแบคฮยอนไม่ว่าจะหลับ หรือจะตื่น ..ไม่ว่าจะทำอะไร น้ำเสียงเอาแต่ใจของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู
แพ้เสมอเลย พยอน แบคฮยอน
นายแพ้ปาร์ค ชานยอลเสมอ ตั้งแต่เด็กยันโต
ฟันเรียบขบลงบนริมฝีปาก แผลที่โดนลูกบอลกระแทกเมื่อสามวันก่อนยังไม่หายดี และแบคฮยอนก็จงใจกัดมันจนรู้สึกเจ็บ เจ็บแล้วก็ยิ่งออกแรงกัดลงไปให้เจ็บอีก เจ็บเยอะๆเลยพยอน แบคฮยอน เวลาโดนชานยอลแกล้งอีกจะได้ไม่เจ็บ..
“อ้ะ....” แต่แล้วก็ทนไม่ได้ สุดท้ายก็คลายริมฝีปากออกและตอนนี้เองที่รับรู้ได้ถึงรสชาติความเค็มปร่าที่เริ่มแทรกซึมในโพรงปาก แบคฮยอนใช้นิ้วปาดมันจนเลือดสีเข้มติดมาให้เห็น
“แบคฮยอน มานั่งทำอะไรตรงนี้?”
น้ำเสียงคุ้นหูทำให้แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอดีตพี่ชายข้างบ้านเป็นอันดับแรก..จริงๆแล้วพี่คยูไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเป็นรอยยิ้มแบบนั้นหรอก แต่คงเป็นเพราะแววตาวาววับเหมือนสุนัขจิ้งจอกนั่นล่ะมั้งที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพี่คยูกลายเป็นผู้ชายอันตรายไปซะได้
“โดดเรียนล่ะสิ”
“เบื่อๆนะฮะ” แบคฮยอนตอบตามตรง และก้มหน้ามองเท้าที่ลากไปมาอยู่บนพื้นทราย
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“เรื่องไร้สาระน่ะฮะ”
“เรื่องไร้สาระ?? แต่ทำให้แบคฮยอนถึงกับต้องโดดเรียนเนี่ยนะ?”
“คนเราก็เป็นแบบนี้เสมอแหละฮะ เรื่องที่จริงจังน่ะกลับไม่ค่อยอยากคิดถึงมัน ผิดกับเรื่องไร้สาระ ที่เก็บมันมาคิดดีเหลือเกิน ทั้งที่คิดไปมันก็รกสมองด้วยซ้ำ”
“โห สำนวนแบบนี้เขียนนิยายได้เลยนะ ฮ่าๆ”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมามุ่นคิ้วใส่ ก็เลยได้เห็นรอยยิ้มของพี่ชายที่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแถวหน้าจนครบ “เอาน่า อย่าซีเรียส”
“เออ กินนมเย็นป่ะ จะได้อารมณ์ดีขึ้น เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้” ถามทั้งที่แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตอบ พี่คยูก็ลุกไปซื้อนมเย็นตามที่บอกเสียแล้ว ไม่นานคยูฮยอนก็กลับมาพร้อมนมสองแก้วในมือ
“อะนี่ นมเย็น..”
“ขอบใจ!”
คยูฮยอนขมวดคิ้วมองบุคคลที่สามที่จู่ๆก็มาคว้าแก้วนมไปจากมือเขา เช่นเดียวกับพยอน แบคฮยอนที่เงยหน้าขึ้นแทบจะทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น
ชานยอลยึดแก้วนมไปเป็นของตนซ้ำยังดูดน้ำเย็นๆนั่นไปอีกหนึ่งอึกใหญ่ๆหน้าตาเฉย
“นี่นาย ฉันซื้อมาให้แบคฮยอน หัดมีมารยาทหน่อยสิ”
“ก็แค่นมหนึ่งแก้ว ทีนายยังแย่งแบคฮยอนไปทั้งคน”
“แย่ง??” คยูฮยอนทวนคำ เริ่มไม่เข้าใจในเจตนาของผู้ชายคนนี้...จนเมื่อเขาเริ่มนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนๆเดียวกันกับที่ลากแบคฮยอนไปจากเขาวันนั้น คยูฮยอนจึงยิ้มออกมาก่อนเอื้อมมือไปคว้ามือของแบคฮยอนมากุมไว้ “ไม่ยักรู้ว่าแบคฮยอนมีเจ้าของ”
“พี่คยู เค้าไม่ใช่เจ้าของแบคฮยอนนะ!”
“นี่นาย!” แบคฮยอนหันไปตวาดใส่ชานยอลที่เข้ามาดึงมือเขาออกจากคยูฮยอนอย่างแรง “ปล่อย!”
“ไม่!”
“ถามจริงเหอะ เราเป็นอะไรกันเหรอชานยอล?”
คำถามที่แบคฮยอนพ่นใส่หน้าทำให้ชานยอลพูดต่อไม่ถูก แรงที่ใช้กำข้อมือเล็กนั้นไว้คลายออกทันที “เรา......”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันไง”
“........”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะงั้นก็เลิกยุ่งกับฉันซักที”
“แบคฮยอน!!” แต่ชานยอลยังไม่ยอมแพ้ที่จะรั้งแบคฮยอนเอาไว้ เขายอมไม่ได้หรอกถ้าแบคฮยอนจะเดินหนีเขาไปกับผู้ชายคนอื่น..ยอมไม่ได้แน่ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นอะไรกับแบคฮยอนอย่างที่คนตัวเล็กพูดก็เถอะ
ชานยอลคว้าแขนแบคฮยอนเอาไว้แน่น แววตาจริงจังจ้องสบมาให้แบคฮยอนหวั่นไหว กว่าจะรู้ว่าควรสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก็สายเกินไป เพราะตอนนี้เขากำลังปล่อยให้ปาร์ค ชานยอลดึงลากตัวเขาออกมาจากพี่คยูอีกแล้ว
“เฮ้อ!” คยูฮยอนถอนหายใจออกมาพลางส่ายหัวให้กับภาพที่เห็น “เด็กน้อย ค่อยๆเคลียร์กันนะ :) ”
“ปล่อย!!!”
“แบคฮยอน เมื่อไหร่นายจะเข้าใจซักที?”
“เข้าใจอะไรล่ะ?”
ชานยอลกลืนน้ำลายเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง และหายใจเข้าลึกๆจนจังหวะการหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากที่มันหอบรัวเร็วเหมือนกำลังจะขาดใจตอนที่เห็นแบคฮยอนอยู่กับผู้ชายคนนั้น
“ขอร้องล่ะ อย่าไปยิ้มแบบนั้นให้คนอื่น อย่าเอาสายตาใสซื่อแบบนี้ไปมองคนอื่นนอกจากฉัน แค่นี้ทำให้กันไม่ได้เหรอ?”
“ชานยอล...เราเป็นอะไรกัน?”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่อยากคิดด้วย รู้แค่ว่าฉันไม่ชอบเวลานายยิ้มให้คนอื่น ไม่ชอบเลยที่เห็นนายทำท่ามีความสุขเวลาอยู่กับคนอื่น!!”
แบคฮยอนปล่อยลมหายใจออกมาจนแทบหมดจากอก ใบหน้าได้รูปหันไปทางอื่นก่อนหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
“ฉันจูบนายแล้ว เราเคยจูบกันแล้วนะแบคฮยอน”
“จูบเพราะนายเมาน่ะเหรอ? หรือว่าจูบเพราะนายอยากเอาชนะฉันล่ะ?”
“ม..ไม่ใช่....”
“งั้นจูบเพราะอะไรล่ะ?”
ชานยอลหรุบตาลงมองพื้น และเพิ่งรู้ว่าสมองเขาตอนนี้มันสับสนซะเหลือเกิน “จูบเพราะ.....เพราะ.......”
แบคฮยอนค่อยๆแงะมือหนาที่กำข้อมือเขาอยู่นั้นให้คลายออก และเดินออกมาช้าๆ
ทิ้งให้ชานยอลหาคำตอบกับตัวเอง......
หาให้เจอเร็วๆนะ
“มึงเคยจู่ๆก็รู้สึกอยากจูบใครมั่งมั้ยวะ?”
“แบบที่ เวลาเห็นหน้าก็อดที่จะมองปากเค้าไม่ได้ ยิ่งเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากจูบน่ะ พวกมึงเคยกันบ้างมั้ย?”
ไคฮุนส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียง
“กูต้องกำลังจะเป็นบ้าแน่เลยว่ะ เป็นเพราะกูเพิ่งอกหัก สมองกูก็เลยมึนงง” ชานยอลสะบัดหัวแรงๆสองสามครั้ง “เป็นเพราะกูแค้นไอ้โซดานั่นแน่ๆ กูก็เลยแม่งอยากจูบคนไปทั่ว”
“เชี่ยชาน กูถามจริงๆนะ เอาจากใจเลยนะ...” จงอินเดินมายืนจังก้าอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ขมวดคิ้วกลับไปให้ “มึงอยากจูบกูมะ?”
“เชี่ยยยยยยยยย ถามห่าไรเนี่ย ขนหัวลุก!!”
“นี่ไง มึงไม่ได้อยากจูบกู”
“ก็เออเด่ะ แม่งขืนกูจูบมึงฟ้าได้ผ่าหัวแน่ๆ”
“กูมั่งๆ” เซฮุนเดินมาดันจงอินออกไปแล้วแทรกตัวแทนที่
ชานยอลหน้าเหยเก “กูก็ไม่อยากจูบมึงนะห่าเซฮุน”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แม่งรู้ด้วยอะว่ากูจะถามอะไร?” เซฮุนหัวเราะลั่นจนโดนจงอินตบหัวไปที
“ก็กูเล่นไปแล้ว ห่า”
“เชี่ย เล่นแรงอะ” แล้วก็ถอยหลังไปนั่งลูบหัวป้อยๆ ปล่อยให้จงอินมันช่วยแก้ปัญหาให้ชานยอลต่อไป
“จากพฤติกรรมนี้ บอกได้ว่ามึงไม่ได้อยากจูบคนไปทั่ว แต่มึงเลือกที่จะจูบแค่ใครบางคน”
“ใครบางคน?” ไม่รู้ทำไม ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘ใครบางคน’ ใบหน้าของพยอน แบคฮยอนกลับผุดขึ้นมาในหัว
“เอาตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะเชี่ยชาน”
“......”
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
“แต่กูไม่ได้ชอบแบคฮยอนนะ!!”
“แหม ถึงกับหลุดชื่อ” จงอินยิ้มกรุ้มกริ่ม ชานยอลที่เพิ่งรู้ตัวรีบเอามืออุดปาก
“ไม่ได้ชอบ..แต่ก็ไปจูบเค้า ไม่ได้ชอบ..แต่ก็สนใจแต่เค้า ไม่ได้ชอบ..แต่แม่งมองตามเค้าตลอด ไม่ได้ชอบ..แต่เสือกงี่เง่าไปหึงเค้า มึงนี่...”
“ถ้ากูเป็นแบคฮยอนกูต่อยมึงไปแระเชี่ยชาน” เซฮุนที่นั่งกัดป๊อกกี้อยู่เสริมขึ้นมา
“แบคฮยอนต่อยกูแล้วแหละ” แล้วชานยอลก็ตอบเสียงหงอย
“เฮ้อออออออออออออออออออออออ”
อีกครั้งที่ไคฮุนพร้อมใจทำในสิ่งเดียวกันทั้งที่ไม่ได้นัดหมาย
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
“มึงอยากจูบใคร มึงก็ชอบคนนั้นนั่นแหละ”
งั้นที่เขาอยากจูบแบคฮยอน ก็เพราะว่าชอบแบคฮยอนงั้นเหรอ?
ไม่ใช่เพราะอยากแกล้งหรอกเหรอ?
ไม่ใช่.....
“งั้นจูบเพราะอะไรล่ะ?”
ชอบ...
ชอบแบคฮยอน
ปาร์ค ชานยอล ชอบ พยอน แบคฮยอน
ตูดหมึก.....ชอบแบคฮยอน.....
จริงๆน่ะเหรอ?
ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า...
ปาร์ค ชานยอลไม่มาเรียน...
ทั้งๆที่อยากถามเซฮุนกับจงอินว่านายตัวยาวนี่หายไปไหน แต่พอจะอ้าปากก็กลับไม่มีเสียงลอดออกมา สุดท้ายก็เลยต้องเดินวกกลับมานั่งประจำที่และได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“ป่วยเหรอ? หรือว่าที่บ้านมีธุระ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอกแบคฮยอน”
ใบหน้าหวานหันขวับตามเสียง และก็เห็นหน้าแป้นแล้นของเซฮุนที่มานั่งอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ฉันไม่ได้พูดถึงปาร์ค ชานยอลซะหน่อย...”
“ฉันก็ไม่ได้พูดถึงมันเหมือนกัน :D”
“......!!” หน้าแบคฮยอนเหวอไปนิดหน่อยก่อนจะกลับมาทำแก้มป่องแล้วทำเป็นก้มอ่านหนังสือที่กางทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่แสร้งทำได้ไม่นานก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ “แล้วชานยอลไปไหนเหรอ? ทำไมไม่มาเรียน”
“เห็นมันบอกว่าแต่งเพลงยันเช้า เลยมาเรียนไม่ไหวน่ะ”
“แต่งเพลง?”
“อื้อ เป็นซิงเกิ้ลใหม่ของวงเรา ต้นสังกัดเค้าขอมาตั้งแต่ตอนที่เราออกซิงเกิ้ลแรกแล้วติดชาร์ตเพลงใต้ดินน่ะ :)”
“เพลงนั้น ชานยอลแต่งเหรอ?”
“อื้อ! เห็นมันดิบๆแบบนั้นน่ะ แต่แต่งเพลงเก่งอย่าบอกใครเลยนะ!” เซฮุนโฆษณาเพื่อนรักเต็มที่ แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย
“ว่าแต่ พวกนายไม่คิดจะตั้งชื่อวงแบบเป็นทางการหรอ ไม่แน่อาจจะมีต้นสังกัดดีๆมาทาบทามก็ได้นะ”
“ก็รอให้แบคฮยอนมารวมวงกับพวกเราก่อนไง แล้วค่อยคิดกัน”
แบคฮยอนคอตกลงนิดหน่อยเมื่อเซฮุนพูดอย่างนั้น “ชานยอลอาจจะไม่ชอบที่ฉันเข้าไปอยู่ในวงก็ได้นะ”
“ไม่จริงหรอก”
“......?”
แต่เซฮุนทำเพียงแค่ยิ้มกว้างทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะกลับที่นั่งของตัวเองและปล่อยให้แบคฮยอนเก็บความไม่เข้าใจเอาไว้แบบนั้น
ชานยอลมารอพวกเขาที่ห้องซ้อมก่อนเพื่อน และทันทีที่ไคฮุนสองหนุ่มเห็นหน้าหล่อๆของเพื่อนสนิท พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปถามถึงเพลงใหม่กันให้วุ่นวาย ทิ้งให้แบคฮยอนต้องยืนโด่เด่อยู่หน้าประตูอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“เฮ้ย!! เนื้อเพลงโดนมาก!”
จงอินโพล่งขึ้นมาเสียงดัง ทำให้เซฮุนรีบชะโงกตามไปดูด้วยอีกคน “เออว่ะ แบบนี้เพลงพวกเราได้ติดชาร์ตอีกแน่ๆ !!”
“ทำนองก็โอว่ะ เฮ้ย กูอยากเล่นแล้ว ไปเตรียมวงเร็ว!” จงอินตรงรี่ไปคว้าเอาเบสคู่ใจมาเตรียมต่อเข้ากับเครื่องเสียง
“ท่อนโซโล่กีต้าร์อยู่ตรงไหนวะเชี่ยชาน ที่แบคฮยอนจะต้องเล่นน่ะ?” เซฮุนถามขึ้นมาพลางกวาดสายตาไปทั่วแผ่นกระดาษในมือ
“ไม่มี”
“.....” สองพยางค์สั้นๆที่ทำให้แบคฮยอนถึงกับขยับตัวไม่ได้
“กีต้าร์กูเล่นเองทั้งหมด”
“เชี่ยชาน เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้แบคฮยอนรวมวงด้วย!!” จงอินก็อดไม่ได้ต้องออกปาก
“ไม่พอใจ พวกมึงก็แต่งเองดิ” พูดแค่นั้น ก็ก้มหน้าก้มตาจัดแจงกีต้าร์ของตัวเองโดยที่ไม่สนใจคนรอบข้าง จงอินและเซฮุนหันมองแบคฮยอน
คนตัวเล็กทิ้งสายตาไว้ที่แผ่นหลังกว้างนั้น พยายามกระพริบตาถี่ๆเพราะน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมา ..จะร้องไห้เหรอ แบคฮยอน? นายกำลังจะร้องไห้เพราะแค่ไม่ได้เข้าร่วมวงดนตรีแค่นั้นเองนะ นายจะร้องไห้ทำไม??
แบคฮยอนฝืนยิ้มให้กับเซฮุนและจงอิน เขาพลิกตัวเดินออกมาจากห้องซ้อม
หันหลังให้กับปาร์ค ชานยอลในจังหวะเดียวกับที่น้ำตาเม็ดแรกร่วงหล่นลงมาจากขอบตา
“แกรู้ป่ะ วันนี้เพลงใหม่ของวงรุ่นพี่ชานยอลจะออกอากาศวันแรกหล่ะ!!”
“แหม ไม่รู้ก็เชยแย่สิยะ นี่..ได้ข่าวว่าชมรมเสียงตามสายจะเอามาเปิดให้พวกเราฟังก่อนด้วยนะ”
“จริงป้ะ อ๊ายยย อยากฟังแล้วอ้ะ!!”
ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้ก็เป็นเวลาอาทิตย์กว่าแล้วที่ชานยอลเลิกกวนใจอย่างที่เขาต้องการ แต่ทั้งๆที่เขาควรจะรู้สึกดี อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากคุยกับใครก็คุย แถมไม่ต้องมามีสายตาและน้ำเสียงแปลกๆของชานยอล แล้วก็ไม่ต้องมาคอยโดนรังแกด้วยจูบบ้าบอนั่น
แต่ตอนนี้แบคฮยอนกำลังรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ก็แค่ไม่ได้เล่นกีต้าร์อย่างที่ชอบน่ะ ก็แค่ไม่ได้ไปซ้อมกับวงของเซฮุนกับจงอิน ก็แค่นั้นน่ะพยอน แบคฮยอน”
สายตาเหงาหงอยของพยอน แบคฮยอนมองไปรอบตัว เขาหยุดสายตาไว้ที่นักเรียนหญิงสองคนนั้นที่เพิ่งพูดถึงเพลงใหม่ที่ชานยอลแต่ง...
ขนาดเพลงที่แต่งยังไม่อยากให้แบคฮยอนเล่นเลย ใจร้ายเกินไปแล้ว
แบคฮยอนกำลังคิดว่าเขาควรจะต้องย้ายที่นั่งในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แน่ ถ้าเพื่อนตัวโตข้างๆนี่ยังทำให้อึดอัดได้ตลอดเวลาแบบนี้...อย่าว่าแต่ไม่พูดไม่คุยด้วยเลย จะหันมามองหน้ากันซักนิดก็ยังไม่ทำเลยด้วยซ้ำ
“ชานยอล.....” เรียกชื่ออีกฝ่าย ใจหวังแค่อยากถามไถ่เรื่องซิงเกิ้ลใหม่ที่กำลังจะเปิดตัววันนี้ ก็แค่อยากรู้ว่าตื่นเต้นรึเปล่า? แค่อยากรู้ว่า ชานยอลอยากให้แบคฮยอนฟังเพลงที่เขาแต่งมั้ย?
แต่คนตัวสูงที่ลุกหนีออกไปก็ทำให้แบคฮยอนรู้คำตอบได้โดยไม่ต้องฟังเป็นคำพูด
บอกไม่ให้เค้ายุ่งก็อย่าไปยุ่งกับเค้าสิ แบคฮยอน...
เพราะคิดว่าชานยอลคงไม่อยากให้เขาได้ฟังเพลงใหม่เพลงนั้น และก็คิดอีกว่า เขาคงทำใจฟังเพลงที่ชานยอลแต่งไม่ได้หรอก... ก็เลยตัดสินใจมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด นั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย รู้อยู่แก่ใจว่าเนื้อหาและตัวอักษรที่ผ่านสายตามันไม่เข้าสมองซักนิด
“ท่อนโซโล่อยู่ตรงไหนวะเชี่ยชาน ที่แบคฮยอนจะต้องเล่นน่ะ?”
“ไม่มี”
เพราะงั้น..
“งั้นจูบเพราะอะไรล่ะ?”
ไม่มี.. ไม่มีเหตุผลหรอก
แค่นึกสนุกก็เลยจูบล่ะมั้ง....
“แบคฮยอน....” เซฮุนโผล่หน้าผ่านช่องว่างบนชั้นหนังสือมาจากอีกฝั่ง ใบหน้าขาวนั้นมีเหงื่อประปรายเหมือนคนเพิ่งวิ่งระยะไกลมา “อยู่นี่นี่เอง”
แล้วคนตัวขาวก็เดินอ้อมมาคว้าข้อมือเขา “มานี่”
“ไปไหน?”
“ตามมาเหอะน่า”
แบคฮยอนไม่ได้ขืนแรงดึงกึ่งลากนั้นและยอมเดินตามเซฮุนออกมาจากห้องสมุดแต่โดยดี ที่ๆเพื่อนซี้ของปาร์ค ชานยอลพาเขามาคือหน้าห้องเรียนของพวกเขา เซฮุนยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่ายแต่แบคฮยอนกำลังไม่เข้าใจ
“วันนี้เพลงของชานยอลออกอากาศวันแรก!”
“ฉันไม่อยากฟัง” ในที่สุดก็รู้เจตนาของเซฮุน และแบคฮยอนก็เลือกที่จะบอกไปตามที่คิด
“ฟังหน่อยเหอะน่า”
เพลงก่อนหน้าจบลง และเสียงนุ่มทุ้มของดีเจก็ดังขึ้นแทนที่ “ตอนนี้ก็คงเป็นช่วงที่หลายคนรอคอยเลยใช่มั้ยฮะ อย่างที่เราบอก ว่าวันนี้จะมีเพลงใหม่จากวง ‘ชานไคฮุน’ มาให้ฟังกันด้วยล่ะ คงจะจำกันได้กับเพลง ‘ยิ้ม’ ที่ดังกระฉูดทะลุชาร์ตไปเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ตอนนี้พวกเค้ากลับมาแล้วกับซิงเกิ้ลใหม่ แถมยังมาพร้อมกับชื่อวงอย่างเป็นทางการซะด้วย!”
“เซฮุน...ฉันไม่อยากฟัง” แบคฮยอนยืนยัน และพยายามเดินหนี ทว่าเซฮุนก็ทำหน้าน่าสงสารใส่เสียจนแบคฮยอนขัดใจไม่ได้
“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ตอนนี้เราไปฟังเพลง ‘ออกอาการ’ จากวง ‘ตูดหมึก’ กันเลยดีกว่าครับ!!”
“.............”
ตั้งแต่วันแรก ที่บังเอิญได้เห็นแววตา
รู้แต่ตอนแรก ว่าชีวิตที่เคยมีมา
มันจะเปลี่ยนแปลงออกไป
ออกไปเจอพบความวุ่นวาย
ความวุ่นวาย...จะใช่วันที่เขาเผลอถีบปาร์ค ชานยอลที่จู่ๆก็มาจุ๊บกันบนรถเมล์วันนั้นรึเปล่านะ?
ที่มันแปลก ก็เพราะเธอ
ออกอาการเหมือนคนรักกัน
อาการเหมือนคนรักกัน...จะใช่ตอนที่หมอนั่นลากเขาออกไปต่อว่า เพียงเพราะเห็นเขาคุยกับพี่คยูอยู่รึเปล่า?
เกิดอาการมากมายเพราะเธอ
ที่นายจูบฉัน.....
ไม่เข้าใจที่มองเห็น
แต่ภาพของเธอยามหลับตาลงทุกวัน
ทุกๆ ครั้งที่เจอะเจอ ห่างหายก็อยากเจอ
ฉันห้ามใจไม่ได้นาน
“ชานยอลไปไหนเหรอ? ทำไมไม่มาเรียน”
แต่บางทีก็กลายเป็นเขาที่ออกอาการเองซะอย่างนั้น...
เหมือนโดนมนต์สะกดไว้ ก็หลบใจไว้ไม่ทัน
ใกล้กันต้องออกอาการ หายใจสะดุดทันควัน
ฉันเป็นต้องออกอาการ
แต่ทุกครั้งที่เผลอ และฉันหันไปเจอ..สายตานายก็จะจับจ้องมาที่ฉัน
นายมองฉันจริงๆใช่มั้ยชานยอล
ไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ...
อยู่กับเธอได้แค่ไม่นาน
เก็บอาการรักเธอไม่ได้
เกิดอาการมากมายเพราะเธอ
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ
ฉันห้ามใจ ฉันห้ามใจ ไม่ได้เลย
เพราะงั้น...นายถึงจูบฉัน....
เก็บอาการรักเธอไม่ได้
ใช่มั้ย??
“แบคฮยอน”
เสียงของปาร์ค ชานยอลดังมาจากข้างหลัง แต่ว่า..แบคฮยอนขยับตัวไปไม่ได้ ไม่สิ..เขาขยับได้ เพียงแต่ ไม่คิดที่จะหันไป ไม่กล้า...
ถ้าต้องสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลของปาร์ค ชานยอล จะทรงตัวไหวมั้ยนะ?
“ก็แค่อยากเล่นเพลงนี้ให้นายฟัง ก็เลยไม่คิดที่จะเขียนท่อนโซโล่ให้...”
แต่สุดท้ายก็ต้องหันไปอยู่ดี หันไปเพราะแรงรั้งเบาๆบนไหล่ทั้งสองข้างจากมือหนา
“แต่ที่ฉันจูบนาย....ไปคิดดูแล้ว มันไม่ใช่เพราะว่าฉันชอบนายหรอกนะ!”
!!!!!?
“แต่คิดว่ารักมากกว่า”
“น่าจะรักนั่นแหละ.....”
ชานยอลยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเขินๆ
“เพลงเพราะปะ?”
“ชื่อวงคิดนานป้ะ?”
ชานยอลยิ่งก้มหน้างุดลงไปอีก อายม้วนต้วนชนิดที่ไม่เก็บอาการกันเลยทีเดียว
“แล้วนายคิดชื่อนี้นานปะล่ะ?”
“ก็ตั้งแต่ที่โดนขโมยหอมแก้มครั้งแรกนั่นแหละ”
แบคฮยอนยิ้มแก้มตุ่ย
“เขินมั่งก็ได้นะแบคฮยอน”
“ตูดหมึกเอ๊ย ;P”
หมดเวลาการแข่งขัน...พยอน แบคฮยอนชนะขาดลอย ^O^
ความคิดเห็น