คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ChanBaek . Dizzy kiss . 2 .
ครึ่งหลัง
เซฮุนเดินหน้าหล่อมาแต่ไกล ตาขีดเดียวกับแก้มขาวๆนั่นอวดตัวให้เพื่อนสาวในห้องแข้งขาอ่อนกันเป็นแถว ก่อนที่ร่างไม่สูงไม่เตี้ยเกินไปนั้นจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะประจำของตัวเอง แทนที่จะนั่งลงกลับมองไปที่หัวทุยๆของเพื่อนสนิทที่ฟุบหลับอยู่กับโต๊ะติดกันแทนอย่างนึกสนุก
ตุ่บ!
แล้วก็ลงเอยที่ฟาดเป้ใส่หัวคิม จงอินไปที
“โอ๊ยๆๆๆๆ” ได้ผล จงอินโงหัวขึ้นมาทำหน้าบุบใส่ แล้วก็คว้าเป้นั่นเขวี้ยงใส่หน้าขาวๆเป็นการเอาคืน “เชี่ย อย่าแกล้งกูได้มะ?”
“ยังไม่หายแฮงก์อะเด่ะ ถอนหน่อยมะ?”
“ถอนเชี่ยไรล่ะ จะเข้าเรียนอยู่แล้ว”
“เออ แล้วไอ้ชานล่ะ ยังไม่มาอีกหรอ?”
คิม จงอินลอยหน้าทำตาปรือมองรอบตัวบ้าง เขาเบะปากออกนิดหน่อยเมื่อไม่เห็นหัวยุ่งๆของปาร์ค ชานยอลที่โต๊ะข้างหน้าถัดไปสองแถว “ถามแบคฮยอนดิ” เสนอความคิดทั้งที่ก็ยังไม่เห็นหน้าค่าตาของพยอน แบคฮยอนเหมือนกัน
“รายนั้นก็ยังไม่มา”
“เอ๊ะ หรือว่า!”
“หรือว่า?” เซฮุนทวนคำ สบตาระยิบระยับของคิม จงอินที่ดูเหมือนตอนนี้จะตื่นเต็มตาแล้ว
“หมะ..แหมมม ก็เล่นเมากันทั้งคู่แบบนั้น แล้วแถมไอ้ชานยอลมันก็เคยไปก่อวีรกรรมวีดวิ้วไว้ซะแบบนั้นด้วย จะเหลือเรอะ?”
“ห่าไค หัวสมองมึงนี่นะ คิดแต่เรื่องแบบเนี้ย”
“อ้ะ หรือมึงไม่คิด?”
เซฮุนเหล่ตามองเพื่อนสนิทสุดทะลึ่ง คิ้วหนาๆเลิกขึ้นนิดหน่อย “นิดนึง~”
“เฮ้ย..มันมากันแล้วเว้ย มาพร้อมกันด้วยว่ะ” จงอินเบ้ปากบอกเซฮุน ทำให้สายตาทั้งคู่โฟกัสไปที่จุดเดียวกันทันใด แบคฮยอนกำลังเดินตามชานยอลเข้ามาด้วยใบหน้าแช่มชื่น ปากก็เจื้อยแจ้วแซวคนตัวสูงที่เดินนำอย่างก่อกวน
“น้องหมา น้องหมา~ กิ๊ๆ ขอมือหน่อย”
ชานยอลพยายามกัดริมฝีปากเอาไว้ข่มอารมณ์ไม่ให้โมโห เออ ก็ได้ ยอมเป็นน้องหมาก็ได้ ถ้ามันจะทำให้เขาหลุดพ้นจากข้อหาที่ไปจูบปากเค้าเข้าเต็มรักน่ะนะ คนตัวสูงก้มหน้าก้มตาเดินมานั่งลงที่โต๊ะตัวเองในขณะที่อีกฝ่ายลอบหัวเราะคิกคัก
“เฮ้ นี่มันที่ฉัน” ชานยอลท้วงเมื่อเห็นแบคฮยอนทำท่าจะนั่งลงข้าง ๆ
“ก็นั่นมันที่นาย แต่ตรงนี้ที่ฉัน...” แบคฮยอนตอบปากจู๋ วางกระเป๋าลงบนโต๊ะและค้นเอาสมุดการบ้านออกมา แต่ซักพักก็ชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองปาร์ค ชานยอล “นายนั่งตรงนี้หรอ?” เขาหมายถึงที่นั่งข้างๆเขาซึ่งเมื่อวานมันว่าง..ไม่มีคนนั่ง
ชานยอลถึงกับเงยหน้าถอนหายใจ เมื่อวานเขาไม่น่าโดดเรียนตอนเช้าเลย (ตอนบ่ายเป็นวิชาพละ เขาก็เลยไม่ได้นั่งเรียนที่ห้องน่ะ) แล้วเป็นยังไง? พื้นที่ส่วนตัวถูกยึดไปด้วยนักเรียนใหม่หน้ากวนคนนี้จนได้...อุตส่าห์ยึดมาได้ตั้งปีนึงเชียวนะ!!
คนตัวสูงไม่ได้สาวความให้มันยืดยาว เขางับปากนั่งเงียบๆให้แบคฮยอนจัดแจงทำการบ้านของตัวเองไปอย่างนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบมองคนข้างๆ แล้วก็เผลอหยุดสายตาเอาไว้ตอนที่แบคฮยอนเอาฟันงับก้นดินสอไม้อย่างไม่ตั้งใจ
ปากแดงจัง
เชี่ย แล้วมึงจะมองปากเค้าทำไมเนี่ย!!!
คิดได้อย่างนั้นก็ทุบหัวตัวเองไปที แบคฮยอนที่เริ่มสงสัยในอาการประหลาดๆของคนข้างๆค่อยๆหันมามอง ส่งผลให้ชานยอลค้างอยู่ในท่ายกกำปั้นอยู่กลางอากาศ
“มองทำไม?”
“มองน้องหมา..ไม่ใช่น้องหมาธรรมดาด้วยนะ น้องหมาตูดหมึก ;)”
ชานยอลแยกเขี้ยวใส่อย่างทำอะไรไม่ได้ ทำไมเวลาอยู่กับแบคฮยอนเขาจะต้องกลายเป็นคนโง่เง่าไปทุกทีก็ไม่รู้ ปกติเขาไม่ได้จนมุมง่ายขนาดนี้นะ ขอให้เป็นเรื่องปะทะเถอะ..ไม่ว่าจะปะทะฝีปาก หรือปะทะกำลัง ปาร์ค ชานยอลคนนี้สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น!
แต่ให้ตายเหอะ กับพยอน แบคฮยอนคนนี้ เขาทำไม่ได้จริงๆ T-T
ยิ่งนึกไปถึงวีรกรรมอันน่าอับอายสมัยเด็กๆ ก็ยิ่งพูดไม่ได้ น้ำท่วมปาก หน้าร้อนฉ่าทุกที....ตูดหมึก....ปาร์ค ชานยอลเกลียดคำๆนี้โว้ยยย!!
“ลอกมะ?” แบคฮยอนหันมาถามยิ้มๆ และจากที่ชานยอลจะหยิ่งไม่สนใจข้อเสนอนั้นก็กลายเป็นต้องยื่นมือไปรับสมุดการบ้านนั่นมาแต่โดยดี....ก็ถ้าออดเข้าแถวเคารพธงชาติจะไม่ดังขึ้นมาตอนนี้น่ะนะ เขาก็จะไม่รับความช่วยเหลือจากพยอน แบคฮยอนเด็ดขาด สาบาน!!
“ขอบใจ”
“ด้วยความยินดี :)” เสร็จแล้วก็หันมาเก็บดินสอเข้ากระเป๋าแล้วยิ้มกับตัวเอง
ชานยอลมองตามร่างเล็กๆที่วิ่งออกไปนอกห้องเพื่อเมาท์กับเพื่อนๆคนอื่นก่อนเข้าแถว หัวคิ้วร่นเข้าหากันอย่างสงสัย ทำไมต้องให้เขาลอกด้วย? จะไม่สนใจกันก็ได้นี่หว่า...
แล้วก็ถึงบางอ้อตอนที่เห็นตัวหนังสือบรรทัดสุดท้ายที่เขียนไว้ด้วยดินสอดำซึ่งลากทับกันหลายๆชั้น
“เมื่อวานโดนหมาเลียปากด้วยอะ โคตรเซ็ง!!”
พยอน แบค ฮยอน !!!!
“แบบนี้มีซัมติงชัดๆ” คิม จงอินผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแสดงความเห็น
“ว่าแต่มันซัมติงรองหรือซัมติงสเปเชียลวะ?” เซฮุนถาม
“ติดตามตอนต่อไป หึหึ”
“ทำไรอะ?”
เสียงหวานติดจะแหบนิดหน่อยถามอยู่ข้างหู โชคดีที่ปาร์ค ชานยอลยังพอมีสติก็เลยห้ามตัวเองไม่ให้หันไปทางต้นเสียงได้ทัน เพราะไม่งั้นเขาอาจจะเผลอหยุดสายตาไว้ที่ปากแดงๆนั่นจนอีกฝ่ายรู้ตัวแหงๆ -*- คนตัวสูงกระแอมเบาๆพอให้ลำคอโล่งก่อนตอบทั้งที่ยังก้มหน้า
“แต่งเพลง”
“อย่างนายเนี่ยนะแต่งเพลง?”
“ทำไม แปลกตรงไหนที่คนโรแมนติกอย่างฉันจะเขียนเพลง”
“เพิ่งโดนทิ้งมาไม่ใช่หรอ นี่มันเพลงรักหนิ”
“เฮ้ย! ใครให้นายแอบดูเพลงที่ฉันเขียน” ชานยอลกระชากกระดาษที่ไม่รู้ว่าแบคฮยอนคว้าไปดูตั้งแต่ตอนไหนกลับมาแล้วสอดมันไว้ข้างใต้หนังสือเพลง
“ไม่ยุ่งก็ได้” แบคฮยอนเบะปาก ก่อนจะลุกขึ้นไปยกเอาเบสของจงอินมาดีดเล่น
ชานยอลเหลือบมองตามคนตัวเล็ก จนแน่ใจว่ารายนั้นจะไม่มายุ่งกับการเขียนเพลงของเขาแล้วจึงดึงเอากระดาษที่เขียนเพลงไว้ได้ท่อนนึงแล้วมาเขียนต่อ กวาดตามองตัวอักษรไก่เขี่ยของตัวเองแล้วก็พลันนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น
มันก็แปลก ทั้งที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ แต่ทำไมเขาถึงเขียนเพลงรักได้นะ?
ปกติคนอกหักมันต้องเสียอกเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่เป็นอันกินอันนอนหนิ...
เคยดูใน MV มันเป็นแบบนั้นนี่หว่า???
ตึงๆ โช๊ะ โป๊ะ ตึงๆ
“โอย ใครว่ากลองมันตีง่ายๆเนี่ย ปวดแขนอ่า.....” แบคฮยอนที่ซนเล่นนั่นเล่นนี่จนเหนื่อยแล้วย้ายตัวเองมานั่งแหมะอยู่ตรงข้ามกับชานยอล มือทั้งสองยกขึ้นมาเท้าคางเอาไว้แล้วมองเขาตาแป๋ว
“นี่ เมื่อไหร่เซฮุนกับจงอินจะมาอะ?”
“ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับสายกันทั้งคู่” ชานยอลตอบทั้งไม่มองหน้า
“ชานยอล...”
“ไร?”
“นายไปทำไรมาง่ะ?”
“หมายความว่าไง?”
“ก็ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่านายตาสวยขึ้น จมูกก็โด๊งโด่ง ปากก็น่า...เอ่อ...ปากก็ได้รูปอะนะ”
“หึๆ จะบอกว่าฉันหล่อได้แบบไม่น่าเชื่อล่ะสิ”
“แหวะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย~” แบคฮยอนแลบลิ้นใส่ไปที โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าลิ้นแดงๆมันไปทำให้หัวใจของอีกคนกระตุกวูบขึ้นมา
ชานยอลมองใบหน้าได้รูปของคนตรงหน้านิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลไล่มองตั้งแต่หัวคิ้ว จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้า และมาหยุดที่ริมฝีปากแดงๆที่กำลังห่อตัวเข้าหากันที่เจ้าตัวคงไม่ได้ตั้งใจทำ
แบคฮยอนเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกอีกคนจ้อง ปากแดงนั้นคลายตัวออก ตาก็มองตามสายตาของปาร์ค ชานยอล..ก่อนแก้มจะร้อนฉ่าตอนที่รู้ว่าชานยอลกำลังมองอะไร
อึก...
ท่ามกลางความเงียบ เสียงกลืนน้ำลายเบาๆของปาร์ค ชานยอลเลยดังที่สุด!
“อ้ะ ไม่มีไรทำเลยอะ น..น่าเบื่อ ฉันออกไปเดินเล่นนะ!!” จบประโยค เสียงขาเก้าอี้เสียดพื้นก็สะเทือนเลือนลั่นในความรู้สึกของชานยอล ตัวเขาสะดุ้งพร้อมกับปากที่เม้มเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ร่างบางๆของแบคฮยอนที่วิ่งปราดออกจากห้องทำให้เขาต้องกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองไว้
ปากแดงๆของพยอน แบคฮยอนทำให้เขาเป็นบ้าได้ทุกทีสิน่า...
ขนาดว่าตอนนี้ไม่เมานะ
นี่เขากำลังจะกลายเป็นโรคจิตป่าววะ?
กลายเป็นคนคลั่งไคล้(ปาก)สีแดงๆ(ของแบคฮยอน)ไปแล้วหรอ?????
แบคฮยอนวิ่งออกมาจากห้องซ้อมด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
ความรู้สึกตอนที่จูบกับชานยอลเมื่อวานยังค้างอยู่ในประสาทสัมผัสอยู่เลย ยังจำได้ว่ารสชาติมันเป็นแบบไหน ยังรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่นตอนที่อีกฝ่ายเบียดใบหน้าเข้าหา ยัง....
ยัง.......
ยังจำได้อยู่เลย....ทั้งที่อยากลืมจะแย่ !!
ตอนเด็กๆก็ชอบวิ่งไล่หอมแก้มจนเค้าร้องไห้ขี้มูกโป่ง
โตมายังมาตามจูบกันให้หัวใจวุ่นวายอีก
บ้าที่สุดเลย ไอ้ตูดหมึกเอ๊ย!!!
แบคฮยอนกระทืบเท้ารัวเป็นการระบายความคับแค้นในอก แล้วก็ต้องชะงักตอนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่ง
“แบคฮยอน?!”
“พี่คยู :D”
“มาอยู่นี่ได้ไง?” พี่คยู หรือโจ คยูฮยอน พี่ชายข้างบ้านของแบคฮยอนสมัยเด็กๆยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาลูบหลังลูบไหล่ และถามไถ่เขาเป็นการใหญ่
“แบคฮยอนมาซ้อมดนตรีกับเพื่อนน่ะฮะ”
“ยังไม่เลิกเล่นกีต้าร์อีกหรอ?”
“เลิกได้ไงล่ะ ก็มันเป็นสิ่งที่แบคฮยอนชอบหนิ”
“ฮะๆ งั้นป่านนี้ก็คงฝีมือขั้นเทพไปแล้วสินะ?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ฮี่ๆ!” ตัวเล็กหัวเราะจนคอหด น่ารักน่าเอ็นดูจนอดไม่ได้ที่คยูฮยอนจะต้องยื่นมือไปลูบผมนุ่มๆนั่น “ว่าแต่พี่คยูเหอะ มาอยู่นี่ได้ไงอะ?”
“ที่นี่เป็นห้องซ้อมของพี่สาวพี่เองหล่ะ พี่อาราน่ะ จำได้มั้ย?”
“อ๋อ จำได้สิฮะ ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยอะ โลกกลมสุดๆ”
“นั่นสิเนอะ”
“เหวอ!!” กำลังพูดคุยสนุกสนานกับพี่คยูอยู่ดีๆ แขนของแบคฮยอนก็ถูกรวบไว้ด้วยมือของใครบางคนแล้วลากให้เดินตามไป มันเร็วมากจนคยูฮยอนเองยังทำอะไรไม่ถูก
เมื่อตั้งสติได้แล้ว แบคฮยอนจึงหันมองผู้ที่ทำการอุกอาดแบบนั้น ก่อนจะต้องเบิกตาโพลง “ปาร์ค ชานยอล!!”
“อะ..โอ๊ยๆ เจ็บ ปล่อย..ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ทำไมต้องลากกันมาแบบนี้ด้วย ไม่เห็นเหรอว่าฉันคุยกับใครอยู่น่ะ? อ้ะ เจ็บนะ!!”
แบคฮยอนเพิ่งรู้ว่าเขาเสียแรงที่โวยวาย เพราะชานยอลทำท่าเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากเขาต่อไป พอดีกับที่มีรถเมล์มาจอดที่ป้าย แบคฮยอนก็เลยต้องโดนลากขึ้นรถเมล์อีกต่อ
“นี่ปาร์ค ชานยอล เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย!!”
“ใครใช้ให้นายไปยิ้มแบบนั้นให้ใครต่อใครเค้าไปทั่ว??”
เหวอ...ตอนนี้แบคฮยอนคงต้องอยู่ในอาการนี้แน่ๆ เขาอ้าปากค้างมองดูคนตัวสูงกว่าที่จู่ๆก็ถามคำถามแปลกๆใส่ ทั้งยังใช้น้ำเสียงตะคอกใส่กันอีก
“ล..แล้วไง?”
“นายจูบกับฉันแล้ว ปากนี่ฉันจูบแล้ว เพราะงั้นห้ามเอาปากนี้ไปยิ้มให้ใคร แล้วก็ห้ามนายไปจูบกับใครคนอื่นด้วย เข้าใจมั้ย?”
“นี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันยิ้ม ฉันจูบ มันปากของฉัน...จะจูบกับใครอีกสิบคนมันก็เรื่องของฉัน อย่ามาพูดเหมือนว่านายเป็นเจ้าของฉันนะ!! จูบนั่นน่ะ มันเป็นเพราะนายฉวยโอกาสต่างหาก!” แบคฮยอนโต้คืน
“สำหรับฉันมันก็เหมือนหมาเลียปากนั่นแหละ!”
หน้าอกบางหอบหนักเพราะคำต่อว่าที่ยาวเกินไป เกิดมาแบคฮยอนไม่เคยพูดอะไรที่มันยาวเหยียดขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะตอนนี้เขากำลังโมโห ไอ้บ้าตูดหมึกนี่งี่เง่าชะมัด ไม่ได้ยินได้ฟังเรื่องที่เขาคุยกับพี่คยูซักนิดก็ตีโพยตีพายไปเรื่อย แล้วยังมาแสดงท่าทีเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาอีก แล้วไง? ก็แค่จูบ จูบที่นายพูดเองด้วยซ้ำว่านายเมาก็เลยจูบ
บ้าเอ๊ย!
พลั่ก!
แบคฮยอนจงใจเดินชนไหล่ชานยอลเต็มแรง ก่อนจะโดดลงจากรถเมล์ตอนที่กำลังชะลอความเร็วเพื่อจอดที่ป้ายต่อไป หยดน้ำเม็ดเล็กๆที่หยดใส่หัวทำให้แบคฮยอนหน้ามุ่ย ...แล้วฝนนี่จะมาตกเอาทำไมตอนนี้เนี่ย??
ชานยอลกระโดดตามลงมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเขาแป๊บนึงก่อนจะสะบัดบ็อบใส่แล้วก็กระทืบเท้าเดินหนี
“นี่ ฝนนี่ทำท่าจะหนักขึ้นนะ ขึ้นรถเมล์เหอะ เดี๋ยวเปียก!”
“ก็ขึ้นไปคนเดียวเด่ะ ฉันจะเดินกลับ!”
“อย่าดื้อได้มั้ยเล่า?” ชานยอลวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือแบคฮยอน แต่กลับถูกอีกฝ่ายสะบัดออกอย่างแรง “พยอน แบคฮยอน”
แต่คนตัวเล็กก็ยังดื้อเดินต่อไป ฝนก็เม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ตกลงมาเต็มที่จนเปียกปอนกันทั้งคู่ ชานยอลเดินตามแบคฮยอนไปเรื่อยๆ ในเมื่อแบคฮยอนไม่อยากคุยกับเขา เขาไม่คุยก็ได้...แต่ในเมื่อไม่ได้ออกปากไล่ เขาก็จะหน้าด้านเดินตามอยู่อย่างนี้เนี่ยแหละ
“นี่! จะตามขึ้นไปบนห้องด้วยรึไง?” ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องหันมาตวาดใส่ ชานยอลที่ผมลู่ลงกับใบหน้าทำตาซึมๆหงอยๆ แล้วบอกเสียงอ่อน
“ใจคอจะปล่อยให้ฉันเดินตากฝนกลับบ้านจริงหรอ?”
“เออ!! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย”
“ใจร้ายยย!”
“ใจดีตายแหละ” แต่ชานยอลก็ยังเดินตามแบคฮยอนต้อยๆจนไปหยุดอยู่หน้าห้องหมายเลข 2711 อยู่ดี
“เลขห้องนายเป็นเลขวันเกิดฉันหนิ 27 พฤศจิ :D”
แต่แบคฮยอนก็แค่เหลือบตามองพร้อมกับเบะปากใส่อย่างไม่ใส่ใจ มือเล็กล้วงเอากุญแจห้องขึ้นมาไขประตู ตั้งใจว่าจะรีบเปิดแล้วรีบปิด แต่ชานยอลก็เร็วพอที่จะแทรกตัวเข้ามาคั่นระหว่างวงกบกับประตู แต่ไม่ได้คิดเล้ยย ว่าจะโดนประตูหนีบเอา
โป้ก!
ผลก็คือ หัวโตๆนั่นถูกประตูกระแทกเข้าใส่อย่างจัง (อารมณ์คล้ายๆจิ้งจกโดนประตูหนีบนั่นแหละ -*-)
“โอ๊ยยยยย เจ็บ!!”
“นี่นายบ้าปะเนี่ย?”
“ฮือออ ใจร้ายอะ คิดจะปล่อยให้ฉันตากฝนกลับบ้านจริงๆด้วย” แบคฮยอนมองชานยอลที่ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองป้อยๆ ปากก็บิดเบะเหมือนเด็กไม่ได้กินนม เห็นแล้วสมเพชชะมัด
สุดท้ายก็เลยปล่อยให้มันเดินเข้ามาในห้อง เสียงกริ๊กทำให้แบคฮยอนหันขวับไปทำตาขวางใส่ “ล็อกทำไม?”
“อ๊าว หรือนายไม่ล็อกประตูห้องอะ? ชอบเปิดโอกาสให้คนเข้ามาทำมิดีมิร้ายรึไง?”
“มันก็น่ากลัวน้อยกว่านายละกัน”
“หรอออออ แต่ตอนนั้นก็จูบตอบเราน่ะนะ”
“นี่!!!!” แล้วแบคฮยอนก็ด่าต่อไม่ถูก ตอนที่เจอชานยอลทำหน้าทำตาเคลิบเคลิ้มล้อเลียนใส่ และเมื่อทำอะไรไม่ได้ แบคฮยอนก็เลยเดินหนีเข้าห้องนอนและออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ลอยละลิ่วมาคลุมหัวปาร์ค ชานยอลได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
“ส่วนนี่เสื้อผ้า ฉันเลือกตัวที่ใหญ่ที่สุดให้แล้ว หวังว่าคงใส่ได้”
ชานยอลดึงผ้าขนหนูลงจากหัวแล้วอมยิ้มมองแบคฮยอนที่อยู่ในชุดนอนลายหมีครบชุด “มองไร ไปอาบน้ำดิ”
ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์ ลั่นล้าซะจนแบคฮยอนชักหมันไส้ แต่ก็ต้องอดทนไว้เพราะคืนนี้คงต้องยอมให้ไอ้บ้าตัวยาวนั่นค้างด้วยแหงๆ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง...ฝนไม่มีทีท่าว่าจะซาลงซักนิด
นั่งซับผมตัวเองไปพลาง ดูทีวีไปพลาง ไม่นานก็ได้ยินเสียงปลดล็อกกลอนประตู ก่อนที่ปาร์ค ชานยอลจะเดินออกมา ในสภาพที่เส้นผมยุ่งเหยิงเหมือนกับแค่เอาผ้าขนหนูปัดผ่านๆ หยดน้ำจากปลายเส้นผมไหลลงมาตามโครงหน้าได้รูปและไหลเรื่อยไปจนถึงไหล่กว้าง ก่อนที่แบคฮยอนจะหันหน้าหนีแทบไม่ทันตอนที่มองต่ำลงไปแล้วพบว่าไอ้บ้าตัวยาวมันไม่ยอมใส่เสื้อ!!
“ทำไมไม่แต่งตัวออกมาให้เรียบร้อยเล่า?”
ชานยอลก้มมองดูตัวเองที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นที่แบคฮยอนเอามาให้ เขายกเสื้อยืดในมือขึ้นมามองแป๊บหนึ่งก็โยนมันคลุมหัวแบคฮยอนเป็นการเอาคืน “เสื้อตัวเล็กนิดเดียว ใส่แล้วโชว์สะดือน่าเกลียด ใครจะไปกล้าใส่”
แบคฮยอนสะดุ้งตอนที่โซฟาข้างๆตัวยุบยวบ ท่อนขากระเด้งขึ้นมาแล้วถอยกรูดจนติดขอบโซฟาอีกด้าน “เป็นไร ทำไมต้องทำท่างั้น”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” แต่ตานี่ไม่กล้าสบนะ แถมยังหันไปทางกำแพงข้างหลังอีก “แล้วนั่นทำอะไร?”
“ดูทีวีไง”
พยอน แบคฮยอน!!!..ทีวีมันอยู่อีกด้าน!
ไม่มีทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจริงๆ...
ดูก็รู้เลยว่าเขินที่เขาเปลือยอก ^^
“นายนอนโซฟาละกันนะ ฉันจะไปนอนแล้ว บาย!” ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็วิ่งหนีเข้าห้องนอนไปซะงั้น ปล่อยให้ปาร์ค ชานยอลมึนๆงงๆ หันมองรอบตัว หมอนก็ไม่มี ผ้าห่มก็ไม่ให้ อากาศก็หนาว แถมเขาก็ยังไม่มีเสื้อใส่อีก
อย่างที่เค้าว่าจริงๆ
คนน่ารักมักใจร้าย ชิ!!
ฟากแบคฮยอนที่พอผลุบเข้ามาในห้องแล้วก็เป็นอันต้องมุดหน้าเข้ากับหมอนเป็นการใหญ่ นิ้วทั้งสิบบีบเข้าที่แก้มตัวเองแล้วดึงให้มันโย้ไปเย้มา “บ้าจริงพยอน แบคฮยอน ก็แค่หน้าอก ก็หุ่นของผู้ชายด้วยกัน แล้วจะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย!!”
อา...ก็หมอนั่นมีกล้ามหน้าอกหนิ ซิกแพ็กก็ด้วย มันก็ไม่แปลกหรอกน่าที่เขาจะเขิน
เอ๊ย ไม่ได้เขิน แค่อาย...อายเฉยๆน่า ก็ตัวเองไม่มีแบบนั้นนี่ก็ต้องอายนิดนึงล่ะน่า วู้ว!
“ว่าแต่ หมอนั่นไม่ได้ใส่เสื้อหนิ จะหนาวมั้ยนะ?” คิดแล้วก็ต้องนั่งกัดนิ้วตัวเองครุ่นคิด ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ อย่าไปสนเลยน่า ถึกขนาดนั้นคงไม่เป็นหวัดง่ายๆหรอก..แบคฮยอนก็เลยเอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงอกเตรียมตัวหลับปุ๋ยฝันหวาน
แต่แล้วความคิดที่สองก็ผุดมาให้ตระหนัก แล้วถ้าหมอนั่นป่วยขึ้นมาจริงๆจะไม่แย่หรอ? หวา...ถ้าต้องคอยดูแลป้อนข้าวป้อนยาให้คงไม่ไหวแน่ๆ พยอน แบคฮยอนผุดลุกขึ้นก่อนจะคว้าเอาผ้าห่มมากอดไว้แล้วตัดสินใจบิดลูกบิดประตูออกไปเบาๆ
ไฟที่ห้องรับแขกถูกปิดลงแล้ว แสดงว่าชานยอลก็คงจะนอนแล้วเหมือนกัน แบคฮยอนค่อยย่องไปที่โซฟาตัวยาว แต่มันคงไม่ยาวเท่าความยาวของชานยอล เพราะเขาเห็นหมอนั่นคุดคู้อยู่ในท่ากุ้งแห้ง
เสียงลมหายใจครืดคราดดังเบาๆให้แบคฮยอนอุ่นใจ ..หลับง่ายจังแฮะ.. อย่างน้อยๆก็คงไม่ตื่นมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาได้ แบคฮยอนคลี่ผ้าห่มออกแล้วค่อยวางลงบนร่างอีกฝ่าย จัดแจงจนคลุมถึงคอเสร็จแล้วก็ผละออกมายืนมองผลงาน
แสงจันทร์ในคืนเดือนหงายหลังจากฝนซาไปแล้วส่องสว่างจนเห็นรูปหน้าของคนที่นอนหลับปุ๋ยชัดเจน แบคฮยอนยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชานยอลได้กลายเป็นเด็กน้อยนอนง่ายไปเสียแล้ว กำลังจะพลิกตัวเพื่อกลับไปนอนบ้าง แต่ก็ต้องชะงักแล้วหันกลับมาใหม่ ตัวเล็กโน้มหน้าลงเล็กน้อยจนสามารถมองเห็นใบหน้าของชานยอลชัดเต็มสายตา นิ้วชี้ค่อยเลื่อนไปลูบขนคิ้วหนาๆนั้นเบาๆ พลางคิดไปว่ามันนุ่มมือจัง
“พยอน แบคฮยอน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ลมหายใจแบคฮยอนกระตุก เขารีบเด้งตัวออกมาแต่ก็ช้ากว่าชานยอลที่ดึงข้อมือเขาจนทั้งร่างลอยละลิ่วไปจมอก ไม่แค่นั้นแขนยาวๆของคนตัวยาวๆก็กอดเขาเอาไว้ทั้งตัวไม่ให้หนีไปไหน
“นี่นาย จะทำอะไรน่ะ!!?”
“คนที่ต้องถามน่ะมันฉันไม่ใช่หรอ คิดจะทำอะไรหือ??”
“อะไรล่ะ ก็แค่เอาผ้าห่มมาให้ กลัวว่าจะเป็นปอดบวมตายเอา” แบคฮยอนดิ้นขลุกขลักอยู่บนตัวชานยอลที่ก็รัดเขาแน่นจนแทบกระดิกไม่ได้ “ปล่อยเดะ”
“เป็นห่วงเหรอ?”
“ก็แค่ไม่อยากให้มีคนตายในห้องเฉยๆ”
“เฮอะ แต่ละคำพูดน่าตีปากซะจริง” ชานยอลขยับตัวเข้าชิดพนักโซฟาทำให้พื้นที่แคบๆบนนั้นมีมากขึ้น เขาดึงตัวแบคฮยอนลงมานอนข้างๆแล้วก็โอบแขนรอบตัวนุ่มๆนั้นต่างหมอนข้าง
“นี่นาย..”
“หนาวอะ ขอกอดหน่อยไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้!”
“ก็กอดไปแล้ว”
“กอดแล้วก็ปล่อยได้”
“เรื่องไรจะปล่อย”
“ปล่อย”
“ไม่”
“ไอ้ชานยอล ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
“โอยง่วง นอนเหอะแบคฮยอน จุ๊บ!” จุ๊บหน้าผากเนียนไปทีแล้วก็กระชับตัวเล็กๆนั้นให้แน่น ชานยอลลอบยิ้มก่อนหลับตาพริ้มเตรียมจมสู่ห้วงนิทรา ก่อนจะนึกขึ้นได้
อา...เขาจุ๊บแบคฮยอนอีกแล้ว
แล้วก็น่าแปลกที่รายนั้นดันเงียบไปทันทีหลังจากที่โดนจุ๊บ ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆเพิ่มระยะห่างระหว่างกันจนมองเห็นพยอน แบคฮยอนเต็มสายตา ตากลมคู่นั้นช้อนมองเขาตาแป๋ว..อย่างนี้ทุกทีสิน่า ชอบยั่วกันอยู่เรื่อย
“มองหน้ากันแบบนี้อยากโดนจูบเหรอ?”
“ไม่”
“แต่ฉันอยากจูบหนิ”
“ไม่เอา ปล่อยเด้!” เหมือนเด็กที่งอแงเพราะไม่ได้ดั่งใจ แบคฮยอนทั้งดันทั้งยัน ท่อนขาที่ถูกชานยอลล็อกไว้ก็พยายามดิ้น แต่ฝ่ายชานยอลน่ะไม่มีสะทกสะท้าน กลับยิ่งโอบตัวแบคฮยอนให้แน่น ฝ่ามือสอดเข้าไปรั้งท้ายทอยแล้วดึงเข้าหา
“จูบนะ”
เขาจงใจไม่จูบแบคฮยอนเดี๋ยวนั้น แต่รอดูอาการก่อนว่าตัวเล็กนี่จะทำยังไง แล้วริมฝีปากของเขาก็ได้คลี่ยิ้มเมื่อแบคฮยอนหยุดดิ้นแล้วมองเขาตาไม่กะพริบ ตอนนี้ชานยอลก็เลยเบียดจูบเข้าหาช้าๆ และงับเอากลีบปากล่างเบาๆให้ใจหวิวเล่น
อา...นี่เป็นจูบที่สามของพวกเขารึเปล่านะ?
แถมคราวนี้ก็ไม่เมาซะด้วย แล้วจะอ้างว่าอะไรล่ะเนี่ย?
ชานยอลผละออกนิดหน่อยเพื่อประกบปากลงไปใหม่ในทิศทางที่เปลี่ยนไป ท่อนแขนโอบเอาเอวบางเข้าชิดตัวแล้วใช้ท่อนขาล็อกเอาไว้อีกแรงกันหนี..ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแบคฮยอนคงไม่หนีหรอก เรียวลิ้นตอบโต้กันไปตามแรงอารมณ์ที่ลากอย่างเอื่อยเฉื่อย ปลายจมูกเบียดกันบ้างบางทีตอนที่ชานยอลเปลี่ยนองศาการฉกชิงความหอมหวานจากโพรงปาก
เขาพลิกตัวเองขึ้นมาคร่อมแบคฮยอนเอาไว้ ใช้ฝ่ามือกดหัวไหล่บางเบาๆให้แนบไปกับโซฟา แล้วเริ่มต้นจูบใหม่ ฝ่ายนั้นก็ยอมรับจูบหวามไหวทั้งที่สั่นไปทั้งตัว ชานยอลลอบยิ้มทันทีเมื่อสังเกตได้ถึงอาการนั้น เขาเลื่อนริมฝีปากออกไปประทับจูบตามผิวแก้ม และไล่ลงต่ำไปตามซอกคอ และหัวไหล่
“ไม่คิดจะขัดขืนรึไง?” ชานยอลยิ้มกว้างทันทีตอนที่แบคฮยอนใช้ฝ่ามือดันหน้าอกเขาออกอย่างแรง คำถามนั้นคงทำให้แบคฮยอนโกรธไม่น้อยถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา แต่ใช่ว่าที่เขาถามไปจะหมายความตามนั้นซะหน่อย
ไม่ขัดขืนแบบนี้แหละดีแล้ว...
เพราะงั้นแบคฮยอนก็เลยโดนป้อนจูบไปอีกหลายต่อหลายคำ และยิ่งมากเข้า ความร้อนแรงของจูบก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นจนยากจะทานไหว เม็ดกระดุมพลาสติกถูกปลดออกหลายเม็ด สาบเสื้อนอนที่แหวกออกเผยให้เห็นแผ่นอกบางขาวนวลเนียน และชานยอลก็ไม่รอช้าที่จะประทับรอยจูบลงบนนั้น
“อื้ออออ..”
ใบหน้าหวานหันหนีตามแต่ที่ชานยอลจะตามไล่จูบ ทั้งติ่งหู ซอกคอ ทั้งซ้ายและขวา ผลัดกันไปมาจนแบคฮยอนหายใจไม่ทัน ความร้อนจากฝ่ามือสากที่ลูบไล้ภายใต้เสื้อนอนตัวบางส่งผลให้ร่างแอ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แบคฮยอนรู้ได้ว่าเขากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ สัมผัสจากชานยอลทำให้มึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไหน ทั้งที่สมองสั่งให้ผลักคนตัวสูงนี่ออก แต่ร่างกายกลับไม่มีแรง
“อ้ะ....” กระแสไฟอ่อนๆแล่นตามแนวสันหลังตอนที่ริมฝีปากชื้นบดจูบลงบนเม็ดสีชมพูบนหน้าอก และตามด้วยลิ้นแฉะที่จงใจไล้เลียให้ช่องท้องปั่นป่วนตามไปด้วย “ไม่..ไม่เอา ชานยอล”
เพราะเสียงหวานที่เหมือนจะบอกให้เขาหยุด ทำให้ชานยอลนึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อย เขาจึงเลื่อนใบหน้าขึ้นไปป้อนจูบแบคฮยอนอีกครั้ง พร้อมกับรั้งเอาร่างเบาขึ้นมานั่งบนแผ่นกล้ามหน้าท้อง ส่งผลให้เสื้อนอนที่ถูกปลดกระดุมออกจนครบไหลเลื่อนลงมากองอยู่ที่เอว
มันเป็นภาพที่ทำให้สติชานยอลแทบจะเลือนหาย ฝ่ามือหนารั้งเอาใบหน้าหวานลงมาบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงดำเนินไปอย่างยากที่จะควบคุม ทั้งฝ่ามือ ริมฝีปาก ปลายจมูก มันหยุดไม่ได้ที่จะสัมผัสทุกสัดส่วนที่อยู่ตรงหน้า
ตุ่บ!!!
“โอ๊ยยยยย!!”
โชคดีนะที่หล่นลงจากโซฟาจนเอวเดาะกันถ้วนหน้า จูบก็เลยไม่เลยเถิดจนกลายเป็นมากกว่าจูบ
เอ๊ะ? หรือจะเรียกว่าโชคร้ายดีล่ะ?? (ยิ่งสำหรับรีดเดอร์ด้วยน่ะนะ *หึหึ)
“แฮ่ก!”
แบคฮยอนรีบผละออกจากร่างสูง มือเล็กดึงเอาเสื้อนอนขึ้นมาปิดบังร่างกายทันที ชานยอลที่ตกลงมาเอาหลังกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจังถึงกับตัวงอจนลุกไม่ขึ้น จังหวะนั้นแบคฮยอนก็เลยรีบลุกหนีแล้ววิ่งเข้าห้องนอนปิดประตูดังโครม
“แบคฮยอน แบคฮยอนเดี๋ยวก่อนเดะ!”
“อัชช์ เจ็บอะ แบคฮยอน!!! ออกมาหายาแก้เคล็ดให้ก๊อนน!!”
ผมสีน้ำตาลยุ่งๆโผล่ออกมาจากขอบประตูทีละนิดๆ ตากลมกวาดมอง 180 องศาและเมื่อแน่ใจว่าภายในห้องรับแขกนั้นไร้ร่างสูงชะลูดของปาร์ค ชานยอลแล้วจึงกล้ายื่นเท้าออกมา “เฮ้อ!” แบคฮยอนถอนหายใจแรงๆอีกครั้งเป็นการสำทับความโล่งอกของตัวเอง ห้องน้ำไม่มีคนใช้..แสดงว่าหมอนั่นกลับบ้านไปแล้วแน่ๆ
ร่างเล็กเดินสำรวจรอบๆนิดหน่อย ก็เห็นว่าบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโทรทัศน์มีกล่องปฐมพยาบาลที่ถูกเปิดใช้แต่ไม่เก็บให้เรียบร้อยวางอยู่ แบคฮยอนยื่นมือไปหยิบจับหลอดยาพวกนั้นมาดู ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นโน้ตแผ่นหนึ่งแปะอยู่
“ใจร้าย T-T”
“ไอ้บ้าชานยอล...” คาดโทษผ่านแผ่นโน้ตสีเหลืองแล้วก็ต้องมาใจกระตุกเมื่อเงยหน้าขึ้นและสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือ โซฟาตัวยาว
โซฟาตัวที่......
อ๊า!! ไม่เอา อย่านึกถึงมันนะพยอน แบคฮยอน !!
“ไม่พูดไม่จากันแบบนี้นี่มีพิรุธ” จงอินตั้งข้อสังเกต และเซฮุนก็เห็นด้วย สังเกตได้จากการพยักหน้าหงึกๆ
“ต้องรอดูตอนพักกลางวัน ถ้าสองคนนี้ยังเงียบใส่กันอยู่ แสดงว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล”
เซฮุนพยักหน้าหงึกหงักอีกรอบจนจงอินขมวดคิ้ว “ทำอย่างอื่นเป็นมะ นอกจากพยักหน้า” คราวนี้เซฮุนก็เลยส่ายหัว
“ไอ้เซฮุน มึงกวนตีนกูหรอ?”
โป้ก!!
“โอ๊ย!”
“ตั้งใจเรียนหน่อยคิม จงอิน!!”
หลังจากลูบหน้าผากป้อยเพราะโดนแปรงลบกระดานติดปีกเข้าโจมตีอย่างจัง คิมจงอินก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักมาจากคนข้างๆ....ตลกมากใช่มะ เชี่ยเซฮุน?
“เจอกันที่ห้องซ้อมนะแบคฮยอน” เซฮุนตะโกนบอกเพื่อนใหม่ที่เดินดุ่ยๆออกจากห้องเรียนทันทีตอนที่เสียงออดดัง แบคฮยอนเพยิดหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วก็รีบตีฝีเท้าวิ่งออกไป
“ไอ้เซฮุน” เซฮุนหันไปตามเสียงเรียกและแรงตบเบ่าๆที่บ่า “เห็นแบคฮยอนป่ะ?”
“ก็เพิ่งออกไปเมื่อกี๊”
“ไปทางไหน?” เซฮุนมองหน้าชานยอลอย่างนึกสงสัยจนฝ่ายนั้นรู้ตัวจึงได้ไม่รอคำตอบแล้ววิ่งจากไป ปล่อยให้เซฮุนมองตามโดยมีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กยืนเป็นเพื่อน
“ชัดเจน” เสียงคิม จงอินดังอยู่ข้างๆ
“มึงหมายถึงเรื่องของแบคฮยอนกับชานยอลใช่มะ?”
“เปล่า กูหมายถึงรอยช้ำบนหน้าผากกูนี่ มันชัดเจนมาก ฮือออออ ความหล่อเหลาของกูกำลังถูกบดบังด้วยไอ้รอยบ้านี่ แล้วกูจะเอาหน้าหล่อๆที่ไหนไปให้สาวๆกรี๊ดวะ?? TOT”
เอิ่ม....
พยอน แบคฮยอนกระชับเป้สะพายหลังที่กำลังจะเลื่อนไหลออกจากบ่า ฝ่าเท้าหุ้มผ้าใบเตะก้อนหินที่ขวางทางจนกระเด็นกระดอน ใบหน้าบุบบี้เพราะความอารมณ์ไม่ดี และปากก็บ่นไม่หยุดอย่างคับแค้นใจ
เมื่อเช้า ทั้งที่เขาอุตส่าห์ยิ้มทัก แต่ไอ้บ้าปาร์ค ชานยอลนั่นกลับเบือนหน้าหนี แล้วก็เงียบตลอดทั้งวันไม่ยอมพูดยอมจา เห็นพยอน แบคฮยอนคนนี้เป็นเศษฝุ่นในอากาศรึไงกัน!!
“หนอย.. เป็นคนหน้าด้านมาจูบกันแท้ๆยังมาทำเก็กไม่พูดไม่จากับเรา ไอ้ตูดหมึกเอ๊ย ไอ้หัวหยอย ไอ้ตัวโย่ง ไอ้หูกาง อ๊าชช์!”
หัวแบคฮยอนโคลงและตาก็พร่าไปชั่วขณะหนึ่ง ร่างเล็กหยุดเดินและนิ่งอยู่กับที่รอให้สติเข้ารูปเข้ารอย
“ขอโทษฮะรุ่นพี่ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เด็กมัธยมต้นคนหนึ่งเอ่ยปากบอก และเพื่อนอีกสองคนที่ยืนขนาบก็โค้งให้เขาแสดงความจริงใจว่าไม่ได้มีเจตนาจริงๆ แบคฮยอนส่ายหัวบอกไม่เป็นไร เด็กพวกนั้นเลยรีบเก็บลูกบอลแล้ววิ่งกลับสนามไป แต่พอแตะปลายนิ้วเข้ากับโพรงจมูกถึงได้รู้ว่าเลือดกำเดาไหล แถมปากก็แตก
“เลือดไหลหนิ!”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนทัก แล้วก็ค้างไปเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “พี่คยู อยู่นี่ได้ไง?”
“ค่อยตอบละกัน ตอนนี้ให้พี่พาแบคฮยอนไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”
“ใครให้ไปเดินเลียบสนามฟุตบอลตอนเย็นแบบนั้นเล่า ไม่รู้รึไงว่ามันเป็นสถานที่ที่เสี่ยงต่อการหัวแตก ไม่ก็ปากเจ่อมากที่สุด” พี่คยูบ่น แต่มือก็บรรจงทายาลงบนรอยช้ำและแผลที่ปากให้อย่างอ่อนโยน พี่ชายข้างบ้านคนนี้เป็นแบบนี้เสมอ ถึงจะปากร้ายแต่ก็ใจดี แบคฮยอนชินแล้ว..
คนตัวเล็กกำลังนั่งคิดหาคำตอบให้กับคำถามที่พี่คยูอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่คำบ่น ใครให้ไปเดินเลียบสนามแบบนั้นน่ะหรอ? ไม่มีหรอก แบคฮยอนไปเอง ไปแบบคนอารมณ์เสียแล้วก็ไม่สติ รู้แค่กำลังหงุดหงิดก็เลยเดินไปเรื่อยๆ
“อ้ะ!”
“อยู่นิ่งๆ” แบคฮยอนหดคอหนีเพราะรู้สึกแสบที่แผลโดนมือใหญ่ล็อกคอไว้ คยูฮยอนส่งสายตาดุๆมาให้เป็นการสั่งว่าห้ามขยับ
“มันแสบหนิ”
“ไม่แสบแล้วจะสะอาดได้ไง แผลนี่ต้องล้างให้ดี ไม่งั้นมันจะติดเชื้อ”
ได้ยินที่พี่คยูชี้แจงเหตุผลที่ทำให้เถียงไม่ได้แล้ว แบคฮยอนก็เลยยอมงับปาก และนั่งนิ่งๆให้พี่ชายหน้าหล่อซับสำลีชุ่มแอลกอฮอล์ลงบนปากแผล
ชานยอลที่วิ่งตรงดิ่งมายังห้องพยาบาลเพราะถูกอาจารย์วานให้มาเบิกยานวดสำหรับทีมบาสฯชะงักตั้งแต่หน้าประตู ภาพของคนสองคน ที่คนหนึ่งเขาจำได้แม่นว่าเป็นพยอน แบคฮยอนนั่งเงยหน้าอยู่บนเตียง และอีกคนที่ก็จำได้ดีไม่ต่างกันว่าเป็นคนที่แบคฮยอนยิ้มให้เมื่อวาน กำลังโค้งตัวลงจนใบหน้าแทบชิดคนตัวเล็กของเขา
“เฮ้ย! ชะงักทำไม เข้าไปขอยาดิ” เพื่อนที่วิ่งตามมาร้องทัก ทำให้คนทั้งคู่แยกออกจากกันพร้อมๆกับที่ชานยอลก็รีบหันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปดื้อๆ “เฮ้ย ชานยอล มึงจะไปไหนวะ ชานยอล!!”
พยอน แบคฮยอน..ฉันห้ามนายแล้วนะ
ห้ามไม่ให้นายไปจูบกับคนอื่นแล้วนะ !!!
ไม่เคยฟังกันเลยใช่มั้ย??!
“เชี่ยชานยอล มึงเล่นดีๆได้มั้ยวะ?!”
ปาร์ค ชานยอลสบตาคิม จงอินเขม็งจนอีกฝ่ายถึงกับต้องงับปาก ก่อนจะถอยกรูดไปเอาไหล่กระแซะเซฮุน “เชี่ยมันเป็นไรวะ?”
“เออๆ พักแป๊บนึงก็ได้ ดูเหมือนวันนี้เราจะโหมกันเกินไป” เซฮุนแก้สถานการณ์ และเมื่อจบประโยคที่เขาพูด ตัวสูงๆของปาร์ค ชานยอลก็เดินเฉียดไหล่เขาออกไปจากห้องแทบจะทันที
แต่เพียงแค่สามวินาทีที่หน้าโหดๆของมันโผล่กลับที่ห้องซ้อมจนจงอินสะดุ้ง ชานยอลเหลือบมองไปที่แบคฮยอนที่กำลังถอดกีต้าร์ตัวโปรดออกจากตัว ขายาวก้าวเข้าไปหาก่อนจะกระชากแขนเล็กจนตัวบางๆนั่นปลิวออกไปด้วย “อ้ะ!!!”
“นี่ จะไปไหนน่ะ?”
“ไม่ต้องถาม”
จงอินกับเซฮุนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก..
“เซ้นส์กูบอกว่าเรื่องนี้แม่งเด็ด”
“เซ้นส์ไรของมึงวะ?”
“ก็เซ้นส์? เซ้นส์เชี่ยไรก็ไม่รู้แหละ แต่ตอนนี้มึงกับกูต้องรีบตามไปดูให้ได้ อย่าให้พลาด!เฮ้ย!!!” จงอินที่กำลังจะออกจากห้องเป็นต้องหงายเงิบเพราะปาร์ค ชานยอลที่มันกลับมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“พวกมึงไม่ต้องตามมาล่ะ ถ้าไม่อยากโดนหักคอ”
“โหดชิบ” จงอินลูบอกปลอบขวัญตัวเองเป็นการใหญ่
“ไม่ใช่โหดธรรมดา แต่ว่าโหดมาก!” เซฮุน......เพื่อ??
แบคฮยอนโดนลากมาถึงมุมในสุดของห้องซ้อมที่ซึ่งไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน และแสงไฟที่มีเพียงสลัวๆนั้นก็ทำให้การจะสังเกตว่ามีใครมาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แบคฮยอนสะบัดมือออกทันที แต่กลับถูกชานยอลดันไหล่ทั้งสองข้างจนแผ่นหลังแนบสนิทไปกับผนังตึก
ชานยอลจ้องตากับแบคฮยอนไม่นานก็หรุบมองริมฝีปากที่บวมช้ำนั้น “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามนายไปจูบกับคนอื่น”
แบคฮยอนหันเหหน้าไปทางอื่นและรีบกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ แต่ก็โดนชานยอลใช้มือรั้งใบหน้ากลับมาให้สบตากันอีกจนได้ “จูบฉันมันไม่ร้อนแรงเท่าหมอนั่นใช่มั้ย ชอบความรุนแรงสินะ อยากให้ฉันทำแบบนั้นบ้างมั้ยล่ะ?”
“พูดบ้าอะไรของนาย ปาร์ค ชานยอล!!”
ชานยอลกระหยิ่มยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างคนนึกสมเพชตัวเอง “ไอ้ฉันนี่ก็บ้า แค่นายให้จูบก็คิดเอาว่านายคงมีใจ ทั้งที่นายมันก็กับใครก็ได้ ไม่ว่าจะยิ้ม จะจูบ หรือมากกว่าจูบก็คงง่ายหมดสินะ”
“ปาร์ค ชานยอล!!”
“เสียดาย เมื่อคืนน่าจะเอาให้มันรู้แล้วรู้รอด”
ริมฝีปากของแบคฮยอนสั่นจนพูดอะไรต่อไม่ถูก กำมือที่ควรจะยกมันขึ้นมาตะบันหน้าคนตรงหน้าให้เลือดไหลกันไปข้างกลับหมดแรงไปซะดื้อๆ หมดแรงไปทั้งร่างกายจนปล่อยให้ชานยอลทำร้ายด้วยการบดจูบที่เอาแต่ใจนั้นลงมาบนกลีบปากของตัวเอง
“ปล่อย..” แบคฮยอนพยายามใช้ท่อนแขนดันร่างสูงนี่ออกไป แต่ไม่เป็นผล เมื่อชานยอลใช้นิ้วทั้งห้าล็อกกรามเขาเอาไว้แน่น และบังคับให้ต้องรับจูบจาบจ้วงนั่น “อื้อออออ!!”
แบคฮยอนฮึดสู้ตามอารมณ์โมโหที่พุ่งสูงขึ้น ร่างทั้งร่างต่อต้านการกระทำของชานยอลอย่างสุดกำลัง แม้จะรู้ดีว่าคงไม่มีแรงไปเอาชนะไอ้คนตัวสูงนี่ได้แต่แบคฮยอนก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว
ไม่ยอมหรอก
นายจะมารังแกฉันเหมือนตอนเด็กๆไม่ได้แล้วนะ ไอ้ชานยอลบ้า!!
พลั่ก!!!
ใบหน้าหล่อคมของปาร์ค ชานยอลสะบัดอย่างแรง แบคฮยอนหายใจหอบหลังจากที่ปล่อยหมัดออกไป
“ถามจริงเหอะ ไอ้ที่นายจูบฉันแต่ละครั้งน่ะ เคยถามฉันบ้างมั้ย เป็นคนมาจูบเองแท้ๆ แต่กลับหน้าด้านบอกว่าฉันไปอ่อย บอกว่าฉันง่าย..ไม่ละอายใจบ้างหรอ?”
“ถ้าคิดว่าการปล้ำจูบฉันแบบนี้แล้วจะทำให้ฉันร้องไห้เหมือนเมื่อตอนเด็กๆที่โดนนายไล่หอมแก้มล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย ฉันเข้มแข็งมากกว่าตอนนั้นเยอะ แล้วอีกอย่าง..ไอ้วิธีปัญญาอ่อนแบบเนี้ย มันก็มีแต่พวกไม่มีสมองเท่านั้นแหละที่จะคิดได้!”
ชานยอลมองตามแบคฮยอนที่วิ่งหนีออกไป นิ้วมือยกขึ้นแตะโหนกแก้มข้างซ้ายที่ถูกนายตัวเล็กนั่นอัดเข้าอย่างจัง
“นายคิดแบบนั้นเหรอแบคฮยอน?”
คิดว่าการจูบแบบโง่ๆที่ฉันทำไปมันคือการกลั่นแกล้งกันอย่างนั้นเหรอ?
ก็เพิ่งรู้แฮะ..
ที่แท้ที่เขาอดใจไม่ให้กดจูบลงบนปากแดงนั่นไม่ได้มันเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
นายก็แค่อยากแกล้งแบคฮยอนน่ะชานยอล
ไม่ใช่เพราะเมา ไม่ใช่เพราะชอบ... และไม่ใช่เพราะหึงหวงเลยซักนิด
TBC
กาเท่เร่คุง ::
- มาต่อตอนที่ 2 แล้วค่าาา แหะๆ ขอโทษที่ช้า (ช้าตลอด) แบบว่าหนีไปเล่นเกมส์มา เป็นเด็กติดเกมส์ซะละ - -^
- ที่เห็นว่าเป็น ครึ่งหลัง แต่ยังไม่จบเพราะมี ทดเวลาบาดเจ็บ เป็นพาร์ทสุดท้ายนะ ^^ จะเอามาลงเร็วๆนี้ค่า
- ใครที่ยังไม่เคยอ่าน เม้นท์ให้ด้วยน้า อยากได้กำลังใจ ..ส่วนคนที่เคยอ่านแล้วจะใจดีเม้นท์ให้อีกก็ได้นะ ไม่ว่ากัน
ความคิดเห็น