คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ChanBaek . Like a dream . 2 .
Part 2
ไม่เอาน่า นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายพอดี
อย่าดื้อสิ...
แบคฮยอนอา...
“แล้ว...แบบนี้ล่ะ?”
ความอบอุ่นกำลังโอบล้อมไปทั้งกาย ความชื้นและสัมผัสนุ่มนวลกำลังขับกล่อมให้เพลิดเพลินราวกับอยู่ดินแดนมหัศจรรย์ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเชื่องช้าราวกับเข็มนาฬิกาถูกหยุดเวลาเอาไว้
อ้ะ!
ดวงตาที่เพิ่งเปิดรับแสงแดดถึงกับต้องปิดฉับด้วยเพราะรู้สึกแสบ ก่อนที่แบคฮยอนจะค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งช้าๆ เขาหันมองรอบตัวและโล่งใจขึ้นมาเมื่อพบว่ามันเป็นห้องพักของเขาเอง แต่ยังไม่ทันจะโล่งใจได้อย่างหมดจด สมองพลันก็คิดถึงความฝันเลือนรางเมื่อครู่นี้..ที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่ามันอาจจะไม่ใช่ความฝันก็ได้
ก็ทั้งสัมผัส ทั้งความรู้สึก..มันเหมือนจริงมาก จนแทบแยกไม่ออก
หรือว่า..
เมื่อคืนเขากับชานยอลจูบกัน?
o_O!
ม..ไม่จริงน่า!!
นิ้วเรียวเลื่อนไปแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะต้องกระตุกมันออกอย่างเร็วเมื่อได้ยินเสียงแง้มประตู คนตัวเล็กขี้ตกใจแสร้งทำเป็นหลับแต่ก็ช้ากว่าสายตาของฝ่ายผู้มาใหม่อยู่ดี
“ไม่ต้องมาแกล้งหลับหรอกน่าไอ้แบค”
คนโกหกไม่เนียนจำต้องลุกขึ้นมา เพิ่งจะรู้สึกว่าหัวตัวเองมันเอียงๆจนต้องเอามือคลึงที่ขมับเบาๆ “อะ ซุปไก่สกัด กินซะเผื่อจะช่วยได้”
แบคฮยอนเหลือบตามองเพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียง ฝ่ายนั้นยิ้มบางให้ เขาเพิ่งสังเกตว่าตาโตๆของชานยอลนั้นก็ยิ้มได้ด้วย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาได้มากที่สุด เห็นจะเป็น...เอ่อ...ริมฝีปากอันนั้น
เฮ้ย แล้วทำไมกูต้องจงใจโฟกัสไปที่ปากแดงแปร๊ดของมันด้วยเนี่ย??!
ขวดซุปไก่สกัดถูกคว้ามาอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนจับขวดนั่นกรอกลงคออย่างเอาเป็นเอาตาย “เฮ้ ระวังสำลัก”
“แอ่ะ อะไรเนี่ย?” โชคดีที่คราวนี้ไม่สำลัก แต่กลับกลายเป็นทำหน้าเหยเกซะจนตาปิดหนึ่งข้าง
“ซุปไก่ไง”
เชี่ยยย...พยอน แบคฮยอน มึงแด๊กอะไรลงไปเนี่ย? มึงกล้ากินของเหม็นๆแบบนั้นได้ยังไงกัน??? T[]T
แต่ถึงจะรู้ตัวตอนนี้มันก็สายเกินไป เพราะไอ้ของเหลวกลิ่นชวนปวดหัวอันนั้นมันเข้าไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในพุงน้อยๆของเขาเรียบร้อยแล้ว...แบคฮยอนได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ในใจโอดครวญราวกับเพิ่งถูกวางยาพิษก็ไม่ปาน
“วันนี้มึงมีเรียนปะ?” แบคฮยอนสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ชานยอลถาม เขาหยุดคิดนิดนึงก็ให้คำตอบ “ไม่มี”
“งั้นกูไปเรียนก่อนนะ ถ้ายังไม่หายแฮงก์ก็โทรหาละกัน อ้อ แล้วก็คงกลับมาเย็นๆโน่นแหละ วันนี้ที่ชมรมมีแข่ง”
“อ่า...อืมๆ” แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักๆ เขามองตามร่างสูงชะลูดของเพื่อนไปจนลับขอบประตู
ก่อนจะเพิ่งมารู้สึกว่าสมองมันโล่งโจ้งไปชั่วอึดใจหนึ่ง
ตามมาด้วยความรู้สึกที่คล้ายๆจะถูกแช่แข็ง..
ไม่สิ เหมือนโดนสะกดจิต
ไม่ๆ เหมือน...
เออช่างเหอะ รู้แค่ว่าตอนนี้สมองของแบคฮยอนโคตรว่างเปล่าเลย
สรุปแล้วไอ้เรื่องจูบนั่น มันจริงหรือฝันกันแน่วะ?
โอ๊ย! แบคงง @_@
แบคฮยอนเพิ่งตรัสรู้ได้ว่าซุปไก่สกัดช่วยแก้อาการเมาค้างได้ด้วย! มันช่างน่าตื่นเต้นสำหรับคนไม่เคยแตะของกินประเภทนั้นอย่างเขาเสียนี่กระไร - -‘
คนตัวเล็กจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวให้ตัวเองซะสะอาดสะอ้าน ข้าวต้มที่เขาคิดว่าชานยอลคงเป็นคนซื้อมาถูกเทใส่หม้อใบเล็กๆและวางไว้บนเตาแก๊สเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของเขาจึงเหลือเพียงบิดเตาแก๊สแกร่กเดียว แบคฮยอนจัดการมื้อเช้าตอนเวลาบ่ายโมง ก่อนจะได้มานอนเกาพุงดูทีวีเล่นเพราะไม่มีอะไรทำ
น่าเบื่อจัง
คิดได้อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะอุดอู้อยู่ในหออีกต่อไป แบคฮยอนคว้ากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์แล้วก็มุ่งหน้าไปยังคณะ กะว่าจะไปหาปั้นอะไรเล่นซักหน่อย
“อ้าว?” แบคฮยอนเอ่ยทักอย่างแปลกใจเมื่อผลักประตูห้องเวิร์คชอปเข้าไปแล้วเจอกับรูมเมทตัวสูง “นึกว่าไม่มีคนอยู่” เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเห็นประตูห้องถูกปิดไว้
“ไหนว่าไม่มีเรียนไง” ชานยอลที่กำลังติดพันกับการปั้นหุ่นดินเผาถามทั้งที่สายตายังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
“กะว่าจะมาปั้นแจกันเล่นซักใบสองใบ”
“ใบเดียวก็เอาให้รอดเถอะ”
“อย่ามาดูถูกกันน่า” แก้มใสที่พองออกจนกลมดิ๊กทำให้ชานยอลหลุดยิ้มออกมา ท่าทางว่าเขาจะโดนเพื่อนตัวเล็กนี่โกรธเข้าอีกแล้ว
แบคฮยอนคว้าผ้ากันเปื้อนมาสวม มือเล็กรวบผมหน้าม้าขึ้นมัดเป็นจุกเล็กๆไว้ ก่อนจะจัดการยกกองดินออกมาตั้งไว้บนก่อพิมพ์ ตัวเล็กหันมาส่งสายตามาดร้ายใส่ชานยอลก่อนจะเริ่มต้นปั้นแจกันด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็มที่
เมื่อไหร่จะโตซักทีนะ นายแบค!
“ฟู่วว์!” ชานยอลยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก สำรวจผลงานของตนจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้วก็ย้ายสายตาไปไว้ที่อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆนี้
“อา..ทำไงดี?”
“เฮ้อ แบบนี้ไม่สวยเลย...”
เป็นไงล่ะคนอวดเก่ง? ชานยอลลุกเดินเข้าไปหาเพื่อนตัวเล็กที่กำลังหน้ามุ่ย ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่รู้ตัวเพราะฝ่ายนั้นเอาแต่บ่นกับตัวเองไม่มีหยุด ไม่ได้เอะใจซักนิดว่ามีอีกคนมานั่งซ้อนหลังแล้ว
“ลองทำแบบนี้ดูสิ” ชานยอลเอื้อมมือออกไปวางทับบนมือขาว จับปลายนิ้วเล็กให้กดลงบนเนื้อดินเหนียวและลากเป็นลวดลาย แน่นอนว่าแบคฮยอนต้องสะดุ้ง แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ ซ้ำมืออีกข้างยังตามไปช่วยบังคับปลายนิ้วข้างซ้ายของแบคฮยอน เขาขยับตัวให้แนบชิดไปกับแผ่นหลังของร่างเล็กและถือวิสาสะวางคางลงบนไหล่ลาดนั่นด้วย “เป็นไง?”
“อ..อือ”
“อือนี้อะไร ไม่ถูกใจเหรอ?” ชานยอลลุกขึ้นมาทำหน้าทำตายุ่งเหยิง..เขาก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ คนเค้าอุตส่าห์ช่วย...
แบคฮยอนไม่สบตาเขา มือบางทำเป็นวุ่นวายกับการปั้นแจกัน แต่ถึงยังไงแบคฮยอนก็ปิดบังรอยยิ้มเขินๆของตัวเองไม่มิดอยู่ดี ตาเรียวนั้นเหลือบขึ้นมองชานยอล และด้วยความที่ไม่คิดว่าชานยอลเองก็จะจ้องมองมาที่เขาด้วยเหมือนกันทำให้แบคฮยอนทำหน้าไม่ถูก มือไม้ป่ายปัดหน้าผากตัวเองโดยที่ลืมไปว่ามันเปื้อนคราบโคลนอยู่
“เลอะหมดแล้ว” ชานยอลเอื้อมมือมาเช็ดหน้าผากให้...โดยใช้มือที่ก็เลอะโคลนไม่ต่างกัน เพราะงั้นตอนนี้หน้าผากขาวๆของแบคฮยอนก็เลยเปรอะไปด้วยโคลนหนักกว่าเก่า “ฮ่าๆๆๆ”
“ย๊า! แกล้งกูเหรอ?!”
“ลูกหมามอมแมมหมดแล้ว ทำไงดีอ่ะ?”
“ไอ้ชานยอล ไอ้บ้า มานี่เลยนะ!!” สงครามเล็กๆก่อเกิดขึ้นจนได้ แบคฮยอนตั้งท่าจะกระโจนใส่เพื่อนตัวสูงหมายจะแก้แค้นที่บังอาจมาทำให้หน้าใสๆของเขาต้องเปรอะเปื้อน แต่ด้วยความได้เปรียบที่เกิดมาขายาวกว่าทำให้ชานยอลวิ่งหนีได้อย่างรวดเร็ว ภายในห้องสี่เหลี่ยมจึงวุ่นวายไปด้วยเสียงหัวเราะของชานยอลและเสียงโวยวายลั่นของแบคฮยอน
“โอย เหนื่อยแล้ว พอเถอะแบค”
“แฮ่กๆ” แบคฮยอนเองก็หอบไม่แพ้กัน ตัวบางโค้งโก่งหายใจเกือบไม่ทัน ทว่าสายตายังไม่เลิกจดจ้องไปที่ร่างสูงอย่างเอาเป็นเอาตาย..ถ้าวันนี้ไม่ได้แก้แค้น แบคฮยอนคนนี้นอนไม่หลับเว้ย!
“เฮ้! ไม่เอาน่า!! เฮ้ยยย!!!”
เฮ้ยยยย!!
ที่สุดแล้วผลของการอยากเอาชนะนั้นก็คือ ล้มคว่ำหัวคะมำกันทั้งคู่ ก็แบคฮยอนน่ะพอตั้งหลักได้ก็พุ่งใส่เขาทันที แถมยังไม่ได้สังเกตเลยว่าข้างหลังเขานั้นเป็นกองดินเหนียว นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังเลอะเทอะไปด้วยคราบดินจนตอนนี้แทบแยกไม่ออกว่าไหนลูกหมา ไหนลูกคน?
“เสื้อกู T T” ชานยอลแทบกลั้นขำไม่ไหวตอนที่ได้ยินประโยคแรกที่หลุดออกมา แทนที่จะห่วงตัวเองว่าจะเจ็บตัวตรงไหนมั้ย แต่แบคฮยอนดันห่วงเสื้อผ้าแทนเนี่ยนะ ??
“คงต้องไปเปลี่ยนชุดที่ชมรมกูแล้วล่ะ”
โชคดีที่วันนี้คณะดูจะเงียบๆ คนบางตากว่าปกติมาก แต่ด้วยเพราะเหตุผลอะไรนั้นแบคฮยอนก็ไม่รู้หรอก แค่เดินออกมาในสภาพลูกหมามอมแมมแล้วไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไปเขาก็ดีใจแล้วล่ะ ตัวเล็กโดนเพื่อนตัวสูงลากมาจนถึงชมรมบาสเกตบอลที่เขาจำได้ว่าเคยมาเหยียบแค่ครั้งเดียว คือตอนที่เซฮุนมันลืมเอาเสื้อบาสมาเปลี่ยนจนต้องใช้ให้เขาเอามาให้ นอกนั้น..อย่าว่าแต่เหยียบเลย เฉียดก็ยังไม่
บอกแล้วว่าเขาไม่ถนัดกีฬา
“สงสัยพวกเด็กๆยังไม่มา อ่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดซะสิ” ชานยอลเปิดล็อกเกอร์และหยิบชุดบาสออกมาให้ชุดหนึ่ง แบคฮยอนรับไปเงียบๆก่อนจะเดินเตาะแตะๆเข้าไปห้องอาบน้ำ
เด็กๆในชมรมเริ่มทยอยกันมา พอดีกับที่แบคฮยอนและชานยอลจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ต้องมาคอยอธิบายหรือตอบคำถามพวกเด็กปากหมาพวกนั้น (สภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จกันทั้งคู่แบบนั้น มันก็ยากต่อการอธิบายอยู่นะ) แบคฮยอนเดินมานั่งตรงอัฒจันทร์ รู้สึกไม่ชินกับเสื้อผ้าแบบนี้แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ไม่นานนักชานยอลก็ตามมานั่งลงข้างๆ
“วันนี้กูคงต้องลงแข่งด้วยว่ะ” ชานยอลบอก แบคฮยอนจ้องเขากลับ แต่กลับไม่มีคำพูดโต้ตอบใดๆ “เอ่อ.. อยากอยู่ดูกูแข่งปะ?”
ตาเรียวกระพริบปริบๆ นั่นคนทำจะรู้มั้ยนะว่ามันทำให้เขาลุ้นแทบแย่
“อืม..ก็ดีนะ ไหนๆเราก็เป็นรูมเมทกัน”
“อาใช่ๆ งั้นก็รอกลับพร้อมกันเลยละกัน” ชานยอลยิ้มร่าเริง เขาส่งสายตาเหมือนจะบอกว่าจะไปเตรียมตัวแล้ว แบคฮยอนเลยพยักหน้าไปทีนึง
หลังจากมองร่างสูงโย่งของเพื่อนจนลับสายตาแล้ว แววตากลมดิ๊กดำสนิทเหมือนลูกหมาก็หรุบต่ำลงมองรองเท้าผ้าใบที่ตนสวมอยู่ ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา
ไหนๆก็เป็นรูมเมทกัน...นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาอยากดูชานยอลแข่งบาสซะหน่อย
การแข่งขันนัดนี้ชานยอลทำแต้มได้เยอะแยะจนนับไม่ถูก และนั่นคงเป็นสาเหตุของรอยยิ้มที่แทบจะฉีกถึงหูของแบคฮยอน
“ชู้ต!” แบคฮยอนลองยกมือทำท่าชู้ตลูกบาสกลางอากาศ เขาอารมณ์ดีซะจนบอกไม่ถูกว่าอารมณ์ดีมากแค่ไหน คนตัวเล็กเบียดเสียดกับผู้คนที่เดินออกจากโรงยิมพร้อมๆกัน เสียงฮือฮาดังอื้ออึงจนฟังไม่ออกว่าเสียงไหนเป็นเสียงสบถอย่างอารมณ์เสียของฝ่ายแพ้ และเสียงไหนเป็นเสียงโห่ร้องดีใจของฝ่ายชนะ
“ฝนตกงั้นเหรอ?” เขาอุทานเบาๆเมื่อเห็นสายน้ำที่กำลังสาดตัวลงมาจากท้องฟ้า ร่างเล็กค่อยๆเขยิบถอยหลังมาพิงกับกำแพง จังหวะเดียวกับที่เหลือบไปเห็นลุงรหัส แทบไม่ต้องคิด แบคฮยอนรีบหันหน้าหลบทันที
“อ้าว หมาน้อย!?” แต่เหมือนจะหลบไม่สำเร็จ แบคฮยอนหันหน้ากลับไปทำท่าตกใจ
“อ้าว พี่ลูฮาน”
“มาอยู่นี่ได้ไง..” ยังไม่ทันที่ลูฮานจะพูดจบ อีกคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ก็แทรกขึ้นมา
“มาดูไอ้ชานยอลมันแข่งเหรอวะ?” เชี่ยเซฮุน...ไม่ถามอย่างเดียวแถมทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ซะด้วย
แบคฮยอนทำหน้าบู้บี้ใส่มันแทนคำตอบ โชคดีที่พี่ลูฮานไม่ได้สังเกตถึงอาการแปลกๆของเพื่อนสนิททั้งสอง คนหน้าหวานยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไป “พี่ก็มาเชียร์เซฮุน คณะเราเล่นเก่งเนอะ เอาซะพวกนั้นตามไม่ทันเลย ^^”
“โอ๊ะ! พี่มาเชียร์เชี่ยฮุนเหรอ?” ทำเป็นถามพี่ลูฮาน แต่สายตาจิกกัดไปที่ไอ้เพื่อนตัวยาวหน้าแหลม รายนั้นเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว เหลือกตาโตที่ร้อยวันพันชาติมันแทบไม่เคยเหลือก มือไม้ก็โบกปัดเป็นพัลวัน
“ค..คืองี้...”
“ใช่ เซฮุนนั่นแหละที่ชวน”
หึหึ...หัวเราะในใจ แต่อยากให้เชี่ยเซฮุนมันได้ยินจริงจริ๊ง!
“พี่ลูฮาน รีบกลับเหอะ เดี๋ยวฝนตกแรงกว่านี้จะกลับลำบาก” แหม...มีอาการร้อนรน ดูออกง่ายกว่ากูอีกนะเนี่ย เอ่อ...ถึงแม้ว่าจะโดนมันดูออกแล้วก็ตามทีเถอะ T T
พูดจบไอ้เซฮุนก็ลากลุงรหัสเขาออกไปเลย สองคนนั้นโชคดีที่มีร่ม แต่เขาเนี่ยสิคงต้องติดแหง่กรอจนฝนหยุดตกแน่ๆ
“เฮ้อ แย่จัง ฝนตก” ปกติเขาไม่ใช่คนขี้ตกใจนะ แต่ไม่รู้ทำไมเสียงใหญ่ๆแหบๆของไอ้ตัวสูงนี่ต้องทำให้ใจเขากระตุกทุกทีก็ไม่รู้ แบคฮยอนพยายามไม่หันไปมองคนข้างๆอย่างไม่มีเหตุผล..ก็ไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร? หรือว่ากูเขิน เฮ้ย ไม่ได้เขินนะ!
“น..นั่นดิ เมื่อตอนกลางวันฟ้ายังใสอยู่เลย”
“ขยับเข้ามาดิ ไหล่เปียกหมดแล้ว” เพราะว่าเขายืนริมๆตึก ละอองฝนจึงกระเซ็นมาโดนบ้าง ชานยอลบอกแต่ไม่รอให้ขาเขาขยับเอง มือใหญ่ก็โอบหมับเข้าที่ไหล่แล้วดึงเข้ามาชิดตัวเอง
ตัวชานยอลอุ่นมาก.. อาจจะเพราะเพิ่งออกกำลังกายมั้ง
แบคฮยอนส่งยิ้มบางไปให้สายฝนเหล่านั้น..
นี่คงเป็นครั้งแรก..ที่เขาอยากให้ฝนตกแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“เฮ้ อาบน้ำก่อนสิแล้วค่อยนอน” ชานยอลรีบตะครุบคอเสื้อเขาไว้ตอนที่ตากำลังปรือและตั้งท่าจะตรงดิ่งไปยังประตูห้องนอนท่าเดียว
“ไม่ได้ตากฝนซะหน่อย” ก็ไอ้เพราะไม่ยอมตากฝนกันเนี่ยแหละที่ทำให้ต้องกลับห้องดึกขนาดนี้ แล้วยังจะอะไรอีกวะเนี่ย ง่วงจะตายอยู่แล้ว
“ไม่ได้ตาก แต่ก็โดนละออง ยังไงก็ต้องอาบ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำไง” ชานยอลจับตัวเขาพลิกเข้าหาแล้วยัดผ้าขนหนูให้ แบคฮยอนทำปากเบะแต่ก็จำต้องเดินคอตกเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ก็ถ้าสายตามันจะไม่น่ากลัวขนาดนั้นนะ T T
“สระผมด้วยล่ะ”
“รู้แล้วน่า”
พอตัวเย็นๆ หัวโล่งๆหน่อย แบคฮยอนก็ทิ้งตัวลงกางแผ่เต็มที่นอน ชานยอลที่กำลังเอาผ้าพาดไหล่เตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำบ้างถึงกับต้องดุเข้าให้ “ผมยังเปียกอยู่เลย เช็ดให้แห้งก่อนสิ”
แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาพร้อมทำปากบู้บี้ “ขี้บ่นจริง” ว่าเข้าให้ แต่ก็ยอมลุกขึ้นคว้าเอาผ้าขนหนูเช็ดผมลวกๆ เขาทำแบบนั้นจนกระทั่งนายตัวโย่งลับหายเข้าไปในห้องน้ำ...แน่นอน หลังจากลับตาโตๆของเพื่อนจอมโหดไปแล้ว เขาก็เอนหลังแล้วหลับเป็นตาย
ไม่ถึง 10 นาทีหลังจากนั้นชานยอลก็ตามเข้ามาในห้องนอน เพราะก่อนหน้านี้แบคฮยอนอยู่หอนี้คนเดียว ก็เลยเช่าห้องเดี่ยว เพราะงั้นก็เลยมีเตียงอยู่เพียงหลังเดียว แต่ถึงเขาจะอาศัยเตียงนี้นอนมาได้เกือบอาทิตย์นึงแล้ว..บอกตามตรงว่าก็ยังไม่ชินอยู่ดี
อยากรู้จริงๆว่าคนที่นอนข้างๆเขาจะรู้สึกแบบเดียวกันรึเปล่า?
แต่ฟังจากเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอแล้วก็เหมือนจะได้คำตอบ...คงจะหลับสบายไม่รู้เรื่องรู้ราวล่ะสินะ?
ชานยอลนั่งมองเพื่อนตัวเล็กที่หลับสนิท ก่อนคิ้วหนาจะร่นเข้าติดกันเมื่อสังเกตเห็นเส้นผมสีอ่อนที่ยังคงเปียกหมาดๆ “อู้จนได้” เขาหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ถูกทิ้งไว้ข้างตัวคนขี้เซาขึ้นมา แล้วจัดแจงซับผมให้คนที่นอนหลับอุตุอย่างเบามือ
กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยกรุ่นแตะจมูก กลิ่นที่แตกต่างจากแชมพูสูตรเมนทอลของเขาอย่างสิ้นเชิง..ชานยอลอดไม่ได้ต้องก้มลงแตะจมูกเข้ากับปอยผมนุ่มนั้น ดวงตาหลับพริ้มราวกับถูกดึงให้เข้าไปสู่โลกแห่งความฝัน
หอมจัง..
เขาผละออกมา แต่สายตายังคงจับจ้องไว้เพียงใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะสะท้อนแสงออกมาได้ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้า ภาพเหตุการณ์ที่เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้จนเผลอจูบอีกฝ่ายลอยเข้ามาในหัว เขาคิด พลางขยับเลื่อนปลายนิ้วสากที่เพิ่งเกลี่ยปอยเส้นผมให้เปลี่ยนมาไล้สัมผัสเบาๆอยู่ข้างแก้ม แก้มนุ่มนี้ถูกอุ้งมือเขาตระกองไว้ในคืนวาน วันนี้มันยังคงนุ่มละมุนไม่เปลี่ยน.. เช่นเดียวกับริมฝีปากเรียวบางที่เขาเคยครอบครอง เขาว่ามันก็ยังคงน่าหลงใหลเหมือนเดิม
แบคฮยอนอา.. นายจะจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้รึเปล่านะ?
แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น กำลังชักชวนให้เขาเข้าใกล้ความหอมหวานนั้นอีกครั้ง ความอุ่นแล่นขึ้นมาจากปลายนิ้วจนต้องละสัมผัสออกจากเรียวปาก แต่ให้ตายเถอะ..มันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เขาจะไม่คิดแตะต้องร่างกายตรงหน้านี้ได้
ชานยอลจึงฝังรอยจูบบางๆไว้ตรงมุมปากเล็ก
จูบที่แผ่วเบาแต่ร้ายกาจขนาดทำให้ใจเขาเต้นผิดจังหวะได้...
ภายในหอประชุมใหญ่ของคณะเต็มไปด้วยเด็กๆนักศึกษา บ้างก็เดินตัดไปตัดมาดูวุ่ยวาย บ้างก็นั่งจับกลุ่มกันทำงานส่วนที่ตัวเองได้รับมอบหมาย และก็ยังมีอีกส่วนที่กำลังปีนป่ายอยู่บนเวที แต่ทุกกลุ่มล้วนแล้วแต่มีเสียงหัวเราะ จนทำให้บรรยากาศภายในนั้นดูคึกคักมีสีสันขึ้นมา
แบคฮยอนนั่งแกว่งเท้าอ่านบทไป ฟังเพลงจากไอพอดเครื่องบางไป ทว่าสมาธิกลับไม่ได้อยู่กับสิ่งทั้งสองนั้นเลย ตาเรียวเล็กจดจ้องไปยังเพื่อนสนิทตัวโย่งที่ชอบทำหน้าเหมือนหนูตลอดเวลา
เปล่าหลงใหลได้ปลื้มจนละสายตาไม่ได้ แต่เขากำลังหมันไส้ไอ้เซฮุนที่มันตามติดลุงรหัสเขาไปทุกฝีก้าวนั่นต่างหาก
“พี่ลูฮานอ่า..” หน้าจิ้มลิ้มๆกับเสียงที่ดัดจริตแต่พอประมาณ (ย้ำว่าพอประมาณ) ดึงเอาความสนใจจากพี่ลูฮานได้สำเร็จ แบคฮยอนรีบยื่นบทออกไปข้างหน้า “ตรงนี้ผมอ่านไม่เห็นเข้าใจฟีลตัวละครเลย ช่วยสาธิตให้ดูหน่อยดิ”
เซฮุนที่ถูกขัดบทสนทนชักสีหน้าเล็กน้อยถึงปานกลาง(?) ยังไม่ทันที่พี่ลูฮานจะได้สาธิตบทละคร เขาก็แย้งขึ้นมา “อะไร บทของพี่ลูฮานออกจะเจ๋งเป้งขนาดนั้น มึงอ่านยังไม่เข้าใจอีกเหรอ สมองทำด้วยอะไรวะเนี่ย”
แต่คิดเหรอว่าแบคฮยอนจะสนใจ เขาออดอ้อนลุงรหัสของตัวเองต่อไปโดยทำเหมือนกับว่าเชี่ยเซฮุนเป็นแค่ฝุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ “นะๆๆๆ สาธิตให้ผมดูหน่อยสิ”
ลูฮานก้มอ่านบทก่อนจะพยักหน้านิดๆ “บทเศร้านี่นา นางเอกกำลังตัดพ้อต่อว่าเหล่าเทพยดาที่สาปให้เธอต้องกลายเป็นผู้ชาย ไม่เห็นจะยากนี่”
“แต่ผมไม่เคยเล่นไอ้ละครอะไรแบบนี้เลยนะ จะไปเข้าใจได้ยังไงกัน” แบคฮยอนใช้มุขเด็ด พองลมเต็มแก้ม..แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นใครหน้าใคร ต้องแพ้ราบคาบต่อมุขนี้ล้านเปอร์เซ็นต์!
หึหึ..ขนาดพี่ลูฮานก็ยังไม่เว้น
รุ่นพี่หน้าสวยอ่านบทซ้ำอีกครั้งและเงียบไปสักพัก ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำและปริ่มไปด้วยหยดน้ำ ริมฝีปากได้รูปเอื้อยเอ่ยวลีคำตามบทกวีได้อย่างไม่มีติดขัด ภาพๆนั้น..ราวกับภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ตรงหน้าโอเซฮุน ราวกับเขาได้หลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของฉากนั้น เซฮุนรู้สึกว่าเขากำลังจะเอื้อมมือออกไป เอื้อมออกไปเพื่อซับน้ำตาให้กับเจ้าหญิงผู้น่าสงสาร
“พออออออออออ! โอเค ผมเข้าใจละ พอเหอะพี่”
ก็แม่ง ถ้าไม่ร้องบอกให้หยุด ไอ้เชี่ยฮุนก็คงได้ละลายตายมันตรงเนี้ย !!
เสียแผนจริงๆ..กะว่าจะมาขัดขวางความสุขแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นการสร้างบรรยากาศให้มันซะงั้น -*-
“แม่ง ตามึงนี่จะเอาไปทำกล้วยเชื่อมได้ละ” แบคฮยอนพ่นใส่เซฮุนที่เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์
“กล้วยเชื่อมอะไรของมึง” ฝ่ายนั้นถามกลับทั้งยังเกาหัวแกร่ก
“เยิ้มซะ!!”
หมับ! แบคฮยอนเกือบตกใจร้องจ้ากตอนที่มีท่อนแขนยาวๆมาเกี่ยวอยู่ที่คอ แต่พอหันไปหาผู้ที่มีวิธีการทักทายแบบประหลาดๆ กลายเป็นเขาจะหัวใจวายตายแทน
“มาซนอะไรแถวนี้ห้ะ ไปซ้อมบทกันได้แล้ว” ชานยอลคือคนที่มาลากคอเขาออกไป แต่อย่าคิดว่าคนที่มีสัญชาตญาณว่องไวอย่างเขาจะไม่รู้ ..กูเห็นนะว่าพวกมึงแอบส่งซิกส์กัน
เออ...คราวนี้มึงรอดเชี่ยฮุน!
“อะไร นี่มึงหวงลุงรหัสตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่นะเว้ย กูก็แค่หมันไส้อะ แม่ง..ทำเป็นเอาเรื่องกูมาขู่ ตัวเองก็พอกันล่ะน่า”
“ขู่?”
!?..แบคฮยอนงับปากแทบไม่ทัน ตาเรียวกลอกไปมาพยายามหาทางออก ก่อนจะมาลงเอยที่การเปิดบทละครในมือซะวุ่นวาย
“มาๆ ซ้อมกันๆ มึงอยากได้ฉากไหน?” แบคฮยอนถาม แต่ไม่รอคำตอบ “หน้า 35 ละกันเนอะ” คนตัวเล็กก้มอ่านบทคร่าวๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าเหวอแล้วโวยวายเสียงดังลั่น
“เฮ้ย!! ไม่เอาๆ ไม่เอาบทนี้ เปลี่ยนๆๆ”
“ทำไมล่ะ บทนี้ดีออกนะ”
“ดีบ้าอะไรเล่า”
“มีฉากจูบด้วย”
เชี่ยยยย... ดีบ้านเตี่ยมึงเสะ T T
“ไม่เอา กูจะเปลี่ยน กูยังไม่พร้อม”
ชานยอลกลั้นขำ เขาคว้าเอาบทออกจากมือแบคฮยอนแล้วโยนทิ้งข้างๆ ในขณะที่แบคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “กูจะซ้อมบทนี้ ห้ามเปลี่ยน”
“มึงแกล้งกูเหรอ?” เมื่อขัดเจตจำนงของอีกคนไม่ได้ก็เปลี่ยนมาใส่ร้ายกันแทน
“ไม่เห็นจะยากหนิ แค่จูบ” ชานยอลรั้งไหล่บางให้หันเข้าหาตัว ส่วนแบคฮยอนยกมือขึ้นดันอกอีกฝ่ายเต็มแรง
“ม่ายยย!!”
“เขินเหรอ?”
“เปล่านะ ม..ไม่ได้เขินเว้ย!”
“หรือว่ามึง..ไม่เคยจูบ?”
“บ..บ้าดิ โตขนาดนี้แล้ว” นั่นสิเนอะ...อย่างน้อยๆก็เคยจูบกับเขาแหละ
แบคฮยอนกำเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนที่เขาใส่จนยับคากำมือ แววตาดื้อรั้นถูกบดบังด้วยเปลือกตาที่ประกบปิดกันแน่น ชานยอลโน้มตัวเข้าหา มือทั้งสองประคองแก้มนุ่มไว้เพื่อบังคับให้ต้องรับสัมผัสที่เขากำลังจะมอบให้ ริมฝีปากสีสดของชานยอลแย้มยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาแข็งทื่อของอีกฝ่าย เขาเลื่อนปลายนิ้วโป้งมากดเบาๆกลางเรียวปากของคนตัวเล็ก ก่อนจะค่อยๆกดจูบลงบนนิ้วของตัวเอง
“ก็แค่ทำแบบนี้ไง”
แบคฮยอนรีบดันตัวเองออกมา แล้วหันหน้าหนี ตอนนี้เขาอยากเอามือไปกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้เหลือเกิน รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจมันกำลังจะกระดอนออกมาแล้วหล่นตุ่บลงกลางพื้นยังไงอย่างงั้น..แต่เขาไม่กล้าทำ เพราะกลัวว่าชานยอลจะสังเกตเห็น
ชานยอลแสร้งทำเป็นก้มเก็บบทละครขึ้นมาเปิดอ่าน แบคฮยอนที่เงียบไปนานจึงเอ่ยปากถาม “มึง..ก็จะทำแบบนี้กับน้องซอลลี่ใช่มั้ย?”
คนถูกถามมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจอย่างชัดเจน แบคฮยอนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าถามอะไรแปลกๆออกไปฉีกยิ้มเจื่อนแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “อ่า เหมือนว่าเค้าจะเรียกให้เราไปลองเวทีแล้ว ไปกันเถอะ”
ชานยอลปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กวิ่งออกไปก่อน ส่วนตัวเองก็กำลังคิดหาคำตอบสำหรับคำถามๆนั้น
ถ้าจูบแบบเมื่อกี๊ล่ะก็ใช่
แต่ถ้ามากกว่านั้น...
ดันทำกับนายไปแล้วน่ะสิ แบคฮยอนอา
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะซ้อมกันมาเกือบเดือนแล้ว แต่การขึ้นไปแสดงบนเวทีสำหรับแบคฮยอนก็ยังถือว่าน่าตื่นเต้นอยู่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนพูดเก่ง ถ้าเรื่องพรีเซนต์งานในชั้นเรียนล่ะก็ไม่เป็นรองใครแน่นอน แต่คราวนี้มันคือการแสดงอารมณ์ต่อหน้าคนหลายร้อย แค่เห็นที่นั่งเบาะกำมะหยี่สีแดงที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ขามันก็สั่นขึ้นมาได้เหมือนกัน
“จงอิน ดูฉากตรงนั้นหน่อยสิ เหมือนมันจะไม่แข็งแรงนะ” เซฮุนวอล์บอกเพื่อนร่วมคณะ มือไม้ชี้ๆไปที่ฉากอันหนึ่งซึ่งเป็นส่วนยอดของปราสาทจำลอง
“โอเค นักแสดงประจำที่”
ฉากที่ซ้อมเป็นฉากที่แบคฮยอนซึ่งรับบทเป็นนางเอกต้องคำสาปให้กลายร่างเป็นผู้ชายนั้น ถูกขับไล่ออกจากปราสาทเนื่องจากไม่มีใครเชื่อว่าแท้จริงแล้วเขาคือองค์หญิงตัวจริง การแสดงดำเนินไปเรื่อยๆตามที่ฝึกซ้อมมาอย่างดี เสียงปรบมือเปาะแปะจากเหล่าสต๊าฟช่วยให้แบคฮยอนใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย
“แสดงได้ดีนี่!” เซฮุนเดินมาตบไหล่ดังอั่ก ก็เลยโดนหมาแยกเขี้ยวใส่เป็นการตอบแทน
“โอเค เตรียมซ้อมฉากต่อไปได้เลย” ไอ้ผู้กำกับกวนตีน(ที่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเลือกมัน)เดินไปจัดการงานของตัวเองต่อ แบคฮยอนคว้าขวดน้ำข้างๆขึ้นมายกดื่มแก้กระหาย ก่อนจะเดินไปหาที่นั่งพัก
“เฮ้ย!! คนข้างล่าง หลบๆ!”
เสียงกรีดร้องดังลั่นจนแบคฮยอนสะดุ้ง เสียงเหล็กเสียดสีกับอากาศดังอยู่เพียงเหนือหัวแต่เขาไม่มีโอกาสได้หันมอง ร่างทั้งร่างก็โดนรวบแล้วลอยหวือไปกระแทกพื้น ความเจ็บแล่นร้าวไปทั่วกาย เขาจุกจนลุกแทบไม่ขึ้น ซ้ำที่ข้อเท้าก็รู้สึกชาอย่างกับถูกฉีดยาชา “อะ โอ๊ยๆ”
“เจ็บตรงไหนมั้ย?”
“ขา..ขา..”
ชานยอลคือคนที่พุ่งตัวเข้ามาช่วยเขาได้ทัน เขารีบประคองตัวแบคฮยอนขึ้นมา ก่อนจะจัดการยกชิ้นส่วนของนั่งร้านที่ตกลงมาออกจากข้อเท้าของคนเจ็บ ปลายนิ้วแตะเบาๆตรงรอยช้ำ
“เจ็บบบบ ชานยอลกูเจ็บ”
“กูว่าข้อเท้าไอ้แบคไม่ใช่แค่แพลงนะ แต่มันหนักกว่านั้นแน่ๆ” ชานยอลเงยหน้าบอกเซฮุนที่ก็มีสีหน้าซีเรียสไม่ต่างกัน “ไปโรง’บาลเหอะ”
“เอ็นที่ข้อเท้าอักเสบน่ะ” แพทย์ผู้ทำการรักษาบอกอาการของคนไข้
“แล้ว..ผมต้องใส่เฝือกนี่ไปอีกนานแค่ไหน”
“อาจจะหนึ่งเดือนหรือน้อยกว่านั้นถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บเพิ่มเติม โชคยังดีที่แค่อักเสบ ถ้าฉีกขาดขึ้นมาอาจต้องรักษาตัวเป็นปี”
คำตอบนั้นทำให้แบคฮยอนโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น
“ถ้าหายไม่ทันละครเวทีทำไงอะ” เขาถามชานยอลขณะพยายามฝึกเดินด้วยไม้ค้ำ
“ต้องทันสิ ละครเวทีแสดงปลายเดือนหน้า มีเวลาตั้งเดือนกว่าๆ”
“แต่มันกระชั้นชิดมากเลยนะ”
“หายทันแน่ เชื่อกูเหอะ กูจะดูแลมึงอย่างดีเลย รับใช้ทุกอย่างที่มึงต้องการ โอเคปะ?”
แบคฮยอนพ่นลมใส่อย่างไม่อยากจะเชื่อคนขี้โม้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มคนเดียว แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ถูกกลืนหายไปด้วยใบหน้าเซ็งโลกทันทีที่เห็นไอ้เพื่อนหน้าหนูมันยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆแมงกะไซคันโปรดของมัน
“เป็นไอ้เป๋ไปแล้วเหรอมึง”
“กวนตีน”
“แหม ชมกูบ่อยแบบนี้กูก็เขินดิ ป่ะๆขึ้นรถ เดี๋ยวกูพาซิ่ง” ถ้ามึงคิดว่ากูชม เดี๋ยวกูจะชมให้มึงช้ำในตายเลยเชี่ยเซฮุน
ชานยอลหัวเราะให้กับคู่หูคู่เกรียน ก่อนจะจัดแจงประคองแบคฮยอนขึ้นซ้อนท้ายรถ ส่วนตัวเองก็ตามขึ้นไปนั่งประกบหลัง “ซ้อนสามหัวปิงปองไม่จับเหรอวะ?” เขาถามคนขับ
“หัวปิงปองกลับบ้านไปนอนกอดเมียหมดแล้วป่านเนี้ย! เกาะแน่นๆนะเว้ย กูจะซิ่งแล้ว!!”
“เฮ้ย!” แบคฮยอนเผลออุทานตอนที่เชี่ยเซฮุนมันออกรถด้วยแรงกระชากจนเกือบหงายหลัง เหมือนเขาจะโชคดีที่มีชานยอลประคองหลัง แต่ก็เหมือนจะโชคไม่ดีตรงที่ต้องมานั่งอยู่ในอ้อมกอดไอ้ชานยอลเนี่ยแหละ..ฮือ..แค่นี้ก็กลั้นหายใจจนหน้าดำหน้าแดงแล้ว มึงยังมีหน้าเอาคางมาเกยไหล่กูอีกเหรอ??
กูจะตายก่อนถึงหอปะวะ T T
เซฮุนพาพวกเขาแวะทานข้าวเย็นกันก่อนมาส่งที่หอ เช่นเดิม อีกหนึ่งสมาชิกที่ตามมาสมทบคือรุ่นพี่ลูฮาน ว่าที่แฟนสาว(?)ของเชี่ยเซฮุนนั่นเอง แบคฮยอนยอมรับว่าการใช้ไม้ค้ำช่วยเดินนี่มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาคิดเล่นๆว่ากว่าเขาจะสามารถใช้มันได้อย่างคล่องตัวป่านนั้นอาการบาดเจ็บคงจะหายก่อนแล้วก็เป็นได้
โชคดีที่หอมีลิฟต์ ซึ่งปกติแล้วพวกเขาจะไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่เพราะห้องพักอยู่เพียงชั้นสาม แต่วันนี้คงไม่มีเหตุผลที่จะโง่ไปเดินขึ้นบันได
“เรื่องวันนี้ ขอบใจนะ”
“แต่มึงก็ยังต้องเจ็บตัวอยู่ดี”
“ก็ดีกว่ายืนเฉยๆให้เหล็กกระแทกหัว ความจำเสื่อมหรือหัวแตกเอานั่นแหละ”
ชานยอลยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ดีใจจังที่กูมีเพื่อนดีๆแบบมึง” ก่อนที่รอยยิ้มพวกนั้นจะเลือนหายไป
“ไม่อยากให้เป็นมากกว่านั้นเหรอ?”
“...” เหมือนว่าลมหายใจของแบคฮยอนจะกระตุก
ติ๊ง!
เสียงลิฟท์หยุด ณ ชั้นจุดหมาย
ชานยอลรีบเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดประตูไว้ แบคฮยอนที่ตัวแข็งทื่อค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตากัน แววตาที่สั่นไหวรุนแรง
“ฉันอยากเป็นมากกว่าเพื่อนนะ”
ทั้งสรรพนาม และคำพูดที่เปลี่ยนไป
ชานยอลละปลายนิ้วออกจากปุ่มๆนั้นเมื่อไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากของคนตัวเล็ก เขาขยับตัวให้ทางเดินแก่แบคฮยอน บนใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมุน
เขาพลิกตัวหันหลังเดินออกจากลิฟต์ไปก่อนเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนไม่ยอมขยับเท้าเลย ก่อนที่จะต้องหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างลงเพียงก้าวที่สองที่ออกเดิน
“พี่ชานยอล”
หญิงสาวหน้าตาสะสวย ผิวพรรณเนียนละเอียดส่งยิ้มมาให้เขา เธอยืนอยู่ตรงหน้าห้องของเขากับแบคฮยอน และตอนนี้เธอกำลังเดินตรงมา..เพื่อสวมกอดร่างสูงนั้นเอาไว้อย่างโหยหา
แบคฮยอนมองภาพตรงหน้านิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนเขาไม่อาจเข้าใจมันได้
“อารา เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
คำตอบที่กำลังจะให้ชานยอลถูกหยุดไว้เพียงปลายลิ้น แบคฮยอนเดินเลี่ยงเพื่อเข้าห้องไปก่อน และทิ้งให้คนทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างที่ควรจะเป็น
TBC
ความคิดเห็น