คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ChanBaek . Dizzy kiss . 1 .
Dizzy kiss!
Chanyeol ♥ Baekhyun
EXO-K short fiction by katerekun
ครึ่งแรก
ร่างของเด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ตากลมโตเหมือนตาลูกกวางทว่ากลับดูวาววับเจ้าเล่ห์เฉกเช่นสุนัขจิ้งจอก กับส่วนสูงที่เข้าขั้นนายแบบ และกล้ามเนื้อสมส่วนน่ามองกำลังเดินฝ่าวงล้อมเด็กนักเรียนมัธยมนับสิบคนมาทางพวกเขา ผิวเนื้อละเอียดนั้นต้องประกายแสงแดดดูโดดเด่นเกินกว่าคนเดินถนนทั่วไปจนคนมองต้องหยีตาด้วยกลัวว่ารัศมีความเจิดจ้าจะทำร้ายสายตาเอา
ผู้ชายสุดแสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้ชื่อ ปาร์ค ชานยอล
“เชี่ยชาน มึงหายไปไหนมาวะ?” เพื่อนคนที่ตัวล่ำๆ ปากเบินๆ หน้าตาเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลาเอ่ยปากถามร่างสูงก่อน
“วงเราไม่ได้ซ้อมก็เพราะมึง!” แล้วเพื่อนคนที่ตาตี่ๆ ตัวขาวๆอย่างกับเจ้าชีโร่ก็เอ่ยปากด่าซ้ำ
ปาร์ค ชานยอลยืนนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับให้กับคำต่อว่าของเพื่อนๆทั้งสอง ริมฝีปากสีเข้มเม้มเข้าหากัน คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม ก่อนจะ...
“ฮืออออออออออออออออออ ไอ้ไค ไอ้ฮุน กูโดนพี่ยูริทิ้งหว่ะ แงงงงงงงงงงงงงงงงง กูเสียใจ กูไม่ดีตรงไหนวะ กู กู ฮืออออออ กูอยากตายยยยย โฮฮฮฮฮฮ!!”
เอ่อ... บางที คนที่ดีเกินไปก็มักโดนทิ้งบ่อยๆ -*-
“กูนะ ไม่เคยทำตัวงี่เง่าเลยซักครั้ง ก็แค่มีบ้างที่กูน้อยใจเวลาที่พี่เค้าสนใจไอ้โซดามากกว่ากู แต่จะไม่ให้กูน้อยใจได้ไงวะ พวกมึงลองคิดดูดิ ปากนะไม่เคยให้กูแตะต้องเลยซักครั้ง แต่กับไอ้โซดานะหอมมันแล้วหอมมันอีก เคยนึกถึงใจกูบ้างมั้ย กูก็มีหัวใจนะ ทำแบบนี้แม่งไม่ให้เกียรติกูเลยอะ!”
โอ เซฮุน และ ไค หรือที่มีชื่อจริงว่า คิม จงอิน, เพื่อนรักของปาร์ค ชานยอลต่างก็มองหน้ากัน
“โซดานั่นมันหมาไม่ใช่เหรอวะ?” จงอินถาม ชานยอลพยักหน้าหงึกๆ
“พวกมึงก็จะหาว่ากูงี่เง่ากันอีกคนใช่มั้ย เหอะ เออสิ ไม่เคยมีแฟนพวกมึงไม่รู้หรอก ว่าความรู้สึกตอนมองแฟนตัวเองหอมแก้มไอ้หมาหน้าตาเสล่อนั่นมันเป็นยังไง อยากถลกลูกกะตามันออกมาชิบหาย ระริกระรี้สั่นหางดิ๊กๆ แบบนี้มันเหมือนหยามกันเว้ย หยามกันชัดๆ!” ละเลงอารมณ์ใส่เพื่อนหน้าเอ๋อทั้งคู่จบก็ยกขวดโค้ก(ที่ไอ้จงอินเป็นคนซื้อมา)ขึ้นซดเสียงดังอั่กๆ
“แล้วไงอีกวะ?” เซฮุนแย่บเพราะเห็นหน้าตามันเหมือนคนอยากเล่าต่อมาก
“แล้วเค้าก็หาว่ากูไม่มีเวลาให้”
“มึงเนี่ยนะไม่มีเวลาให้? แล้วไอ้ที่มึงโดดซ้อมไปเฝ้าพี่เค้านี่มึงไปไหนวะ อย่าบอกนะว่ามึงโกหกพวกกู??” จงอินเริ่มเสียงดังเพราะเรื่องคราวนี้มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ
“กูจะโกหกพวกมึงทำไมวะ กูไปเฝ้าเค้าที่โรงยิมจริงๆ แต่เค้าไม่เห็นกูว่ะ ก็แม่ง แฟนคลับเค้าออกจะเยอะขนาดนั้น จะให้กูโผล่หน้าไปยังไงวะ ขืนทำอย่างนั้นกูได้มีแอนตี้แฟนแน่ๆ”
ลืมบอกไปว่าแฟน(เก่า)ของปาร์ค ชานยอลเป็นดาวมหา’ลัย มีงานอดิเรกที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นงานหลักเสียมากกว่าคือการเต้นบัลเล่ เกือบทุกเย็นพี่เค้าจะต้องไปซ้อมที่โรงยิมเตรียมแข่งขัน และแน่นอนว่าถ้ามีซ้อมวันไหน วันนั้นเซฮุนกับจงอินจะไม่ได้เห็นหน้าของไอ้ชานยอลในห้องซ้อมดนตรีของพวกเขาแน่ๆ
“นี่มึงเป็นแฟนกับพี่เค้าจริงๆเหรอวะ?”
“เชี่ยไค ฮือออออออออออออ อย่าทำร้ายจิตใจกูได้มั้ย โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮอ มึงถามแบบนี้มึงฆ่ากูเลยดีกว่าไค เอามีดมาฆ่ากูเล้ยย!!” แล้วชานยอลมันก็ฟูมฟายเอาแขนยาวๆทุบโต๊ะจนขวดโค้กล้ม โชคดีที่เซฮุนมือไวเลยคว้าเอาไว้ได้เสียก่อนที่จะต้องมานั่งชำระค่าเสียหายให้ป้าซุ้มโค้กที่เริ่มมองมาที่กลุ่มพวกเค้าด้วยสายตาแปลกๆ -*-
“นี่กูไม่ได้แดกเหล้าเพราะกูอกหักนะโว้ย! กูแค่อยากเท่ห์พวกมึงเข้าใจป่ะ กูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ กูก็เลยแดกเหล้าได้ ใช่มั้ยมึง ไอ้ไค ไอ้ฮุน คิคิ!” แหม..ไคฮุน(?)ละอยากจะพูดใส่หูมันเลยจังเลย ว่ามึงเท่ห์มากกกกเชี่ยชาน!
และยิ่งจะเท่ห์สุดๆเมื่อมาอยู่ในสภาพเสื้อผ้านักเรียนหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง หัวยุ่งเหมือนโดนช็อตไฟฟ้า ตาโปนเพราะร้องไห้จนเหมือนมันจะระเบิดออกมาแล้วแตกตู้มกลายเป็นโกโก้ครันซ์(?) ปาร์ค ชานยอลเดินโงนเงนไม่รู้ทิศทางและที่ยังไม่ตกท่อน้ำตายไปก็คงเพราะเพื่อนดีเด่นไคฮุนที่หิ้วปีกกันไว้คนละข้าง
“เดินดีๆซิมึง”
“กูไม่ได้เดินนะเนี่ย กูให้พวกมึงลากกูอยู่ มาว่ากูได้ไงวะ?”
มิน่าล่ะ..หนักชิบ! จงอินคิดพลางส่ายหัวระอาใจพร้อมกันกับเซฮุนที่ก็ส่งสายตาเหนื่อยหน่ายใจไม่แพ้กันมาให้
“งั้นมึงก็ช่วยขยับขามึงเดินหน่อยได้มั้ยยย ไหล่กูจะหลุดแล้วเนี่ย?”
“อ้ะ ก็ได้ นี่ถ้ากูไม่หล่อกูไม่ทำให้นะเนี่ย”
เออออออ มึงหล่อ! หล่อบรมโคตรเชี่ยเลยให้ตายเหอะ พ่อเจ้าประคุณทูนหัว!!
ก่อนที่เส้นความอดทนจะขาดแล้วพลอยทำให้ประชากรคนหล่อในดินแดนเกาหลีใต้ลดลงไป 1 คน พวกเขาทั้งสองก็พาร่างอันหนักอึ้งของปาร์ค ชานยอลขึ้นมาบนรถประจำทางได้พอดี แต่ดูเหมือนอะไรๆก็จะไม่เป็นใจ เมื่อบนพื้นที่อันคับแคบบนรถคันยาวๆนั้นแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารจนแทบจะเป็นปลากระป๋อง
เซฮุนจับแขนเพื่อนไปคล้องไว้กับห่วง พร้อมกับที่ใช้ตัวเองดันมันเอาไว้อีกแรงกันมันล้มหน้าคะมำ อีกด้านก็เป็นจงอินที่ทำแบบเดียวกัน
“พี่ยูริ~ ฮือออออ!” เสียงเพ้อๆของชานยอลดังแผ่วๆให้เซฮุนต้องหันไปมอง แล้วก็เห็นหน้ากึ่มๆของไอ้เพื่อนรักมันตาปรือๆมองไปที่ที่นั่งผู้โดยสารคนหนึ่ง เด็กหน้าหวานที่นั่งอยู่ตรงหน้าเงยหน้ามองพวกเค้างงๆ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบจมูกจนแทบบี้..เดาว่าคงจะเหม็นกลิ่นเหล้าไอ้ชานจนทนไม่ได้
“ข..ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“พี่ยูริ!!!!”
“เชี่ยชาน มึงอะเงียบได้แล้ว พี่ยูริบ้าบออะไรของมึง พี่เค้าทิ้งมึงไปแล้วเข้าใจป่าว?” เซฮุนซ้ำเติมมันเข้าให้ ส่งผลให้ปาร์ค ชานยอลปรี๊ดแตก
“เชี่ย มึงเงียบไปเลย พี่ยูริยังรักกูอยู่ ได้ยินมั้ย พี่เค้ายังรักกูอยู่เว้ย..”
เอี๊ยด!!!!!
ตุ่บ!!!!
เหมือนโดนมัดตัวติดสปริงก่อนปล่อยให้ลอยละลิ่วไปในอากาศ ร่างสูงๆของปาร์ค ชานยอลล้มหน้าคว่ำเพราะแรงเบรกกะทันหันของรถเมล์ อันความจริงแล้วแรงอัดขนาดนั้นมันน่าจะทำให้สันจมูกช้ำเพราะโขกเข้ากับอะไรซักอย่างได้ แต่นี่เขากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น...กลายเป็นว่าเขาดันรู้สึกชาๆอยู่ตรงหน้าผาก แต่ความอุ่นที่แล่นวาบไปทั้งตัวก็ทำให้ความเจ็บนั้นอันตรธานหายไปอย่างกับมีเวทมนต์
คอเสื้อโดนดึงจากข้างหลังจนร่างลอยขึ้นเล็กน้อย และสิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกเมื่อมีระยะห่างมาคั่นก็คือใบหน้าขาวใสของใครคนหนึ่ง เขากลอกสายตามองทั่วใบหน้ารูปไข่นั้นและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าบนหน้าผากเนียนมีรอยจ้ำสีแดงประดับอยู่..ถ้าให้เดา สงสัยบนหน้าผากเขาก็คงมีรอยแบบเดียวกัน
ลูกตากลมสีดำหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแดงซึ่งถูกขบไว้ด้วยฟันกระต่าย พลันความร้อนวูบวาบก็แล่นไปทั่วช่องท้อง ชานยอลรู้สึกว่าปากตัวเองก็ชาๆ..หรือว่าเมื่อกี๊......
จุ๊บ!
ไม่รู้ซักนิดว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ รู้อีกทีก็โน้มหน้าลงไปจุ๊บปากแดงนั่นอีกรอบเสียแล้ว...
“เฮ้ย เชี่ยชาน!”
“ไอ้โรคจิต!!!!”
อ่อกกกก!!
ภาพที่ไคฮุนเห็นคาตาก็คือ เด็กหน้าหวานคนนั้นประเคนฝ่าเท้างามๆเข้าให้เต็มๆอกสามศอกของเชี่ยชานจนมันหงายหลังตึงและแน่นิ่งอยู่กับพื้นรถ
เฮ้อ.. สมควร
ร่างสูงโปร่งของปาร์ค ชานยอลเดินทำหน้าเซโรงังท้าแสงแดดจัดจ้ามาแต่ไกล ก็จะไม่ให้เขาเซ็งได้อย่างไร เพราะเมื่อคืนหนักไปหน่อย(?)ก็เลยเมาค้างมาถึงเช้า หัวงี้หนักอย่างกับหินจนเขาไม่มีแรงยกมันขึ้นจากหมอน สรุปก็คือต้องโดดเรียนคาบเช้าแล้วมาโดนลงโทษให้เคารพธงชาติตอนเที่ยงวันพร้อมกับกระโดดตบอีก 100 ครั้ง...ไม่เป็นลมก็ดีแค่ไหนละ
“คิดว่าตายไปละ”
“ไม่ต้องห่วงเชี่ยไค กูตายแน่ แล้วก็จะเป็นผีมาหักคอมึงคนแรกด้วย” น้ำเสียงช่างเรียบเรื่อย แต่เนื้อความนี่ทำเอาเพื่อนตัวโตถึงกับขนคอลุกซู่
“ฮูยยยย เฮี้ยนตั้งแต่ยังไม่ตายเลยนะมึงเนี่ย”
“อะ สมุดเลกเชอร์ ถ้าอ่านไม่ออกก็รอให้ไอ้ไคมันลอกก่อนแล้วมึงค่อยลอกต่อมันอีกที” เซฮุนโยนสมุดวิชาเรขาคณิตมาให้ชานยอล..เฉียดจมูกโด่งๆของจงอินไปเส้นยาแดงผ่าแปด
“มึงพูดเหมือนกูเคยอ่านลายมือมึงออกเลยนะ เชี่ยชานมึงแหละลอกก่อน กูไม่อยากสายตาสั้นก่อนวัยเพราะต้องมานั่งแกะลายมือไอ้เซฮุนมันว่ะ”
“ทีหลังก็หัดเลกเชอร์เองบ้างนะ” คิม จงอินล่ะอยากตอบว่า ‘ย่ะ’ ให้เลยจริงเชียว
“เฮ้ยๆ นั่นเด็กใหม่ห้องเราหนิ” จงอินผู้ที่มีเรดาห์ 18 ทิศชี้ไม้ชี้มือไปยังม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีเด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งนั่งดีดกีตาร์เล่นอยู่ “เล่นกีต้าร์เป็นด้วยว่ะ”
ชานยอลหรี่ตามองตาม รู้สึกคุ้นๆหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก
“คนที่มึงจูบเมื่อวานอะเชี่ยชาน” แล้วเซฮุนก็ไขข้อข้องใจราวกับอ่านใจเขาออก “คนเดียวกันกับคนที่ถีบมึงหงายท้องด้วย” เอ่อ..มึงไม่ต้องขยายความก็ได้นะไอ้เซฮู้นนน!!
จุดนี้ถ้าชานยอลแกล้งตายได้ก็คงทำไปแล้ว แต่เพราะสภาพเขาตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากศพเท่าไหร่ เพราะงั้นถึงจะแกล้งหรือไม่แกล้งก็คงไม่แตกต่าง -*- ชานยอลหลบสายตาที่เด็กผู้ชายคนนั้นมองมาแทบจะทันที กำปั้นขนาดอัดคนสลบประทุษร้ายตนเองด้วยการโขกเข้ากับกะโหลกกลวงๆ 3-4 ครั้ง พร้อมกับสบถ
“เชี่ยชานยอล นี่มึงจูบผู้ชายเหรอว้า!”
“อย่าโทษตัวเองเลยชาน เป็นกูก็อาจจะพลั้งเผลอได้เหมือนกัน ขนาดไม่เมายังมองว่าเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ ถ้าเมาแบบมึงเมื่อคืนด้วย... ไม่ต้องพูดถึง”
“สัดไค ตอกย้ำกูทำไมเนี่ยย??”
“มึงนี่มองกูในแง่ลบตลอดเลยนะ กูให้กำลังใจมึงนะโว้ยยย!!”
“มึงจะบอกให้กูทำใจสินะ”
“เปล่า กูจะบอกให้มึงไปขอโทษเค้าซะ เป็นกูถ้าถูกผู้ชายด้วยกันจูบก็คงไม่น่ายินดีเท่าไหร่ว่ะ”
“เชี่ยย....” ท้ายเสียงเลือนหายไปในลำคอ ใบหน้าที่(เคย)หล่อเหลาปานจะกลืนกินแหง่กลงมองไอ้จงอินอีกครั้งเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ “เอาจริงเหรอวะ?”
“ลูกผู้ชาย กล้าทำก็ต้องกล้ารับ” แต่กลายเป็นเซฮุนที่ตอบ..ซะงั้น
เขารู้สึกได้เลยว่าท่อนขามันหนักกว่าทุกวัน ยิ่งระยะห่างถูกทอนให้สั้นลง ความแจ่มชัดของใบหน้าอีกคนก็ยิ่งชัดเจนในสายตา ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นก้มหน้ามองคอร์ดกีต้าร์ที่ตัวเองจับอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ชานยอลเลยมีเวลาได้แอบลอบสังเกตใบหน้าของอีกฝ่ายจากด้านข้าง แก้มงี้ใสอย่างกับแก้ว แถมมีเลือดฝาดบางๆแบบคนสุขภาพดี ริมฝีปากก็สีส้มสวยแถมยังชอบกัดปากเสียด้วย..
วูบบบบ...
จู่ๆก็ร้อนไปทั้งช่วงท้อง ชานยอลเบ๊หน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะนึกชื่นชมผู้ชายด้วยกันได้ถึงขนาดนี้ เขาปัดมือเข้ากับกางเกงนักเรียนแล้วกลืนน้ำลายลงคอดังอึ่ก
“เอ่อ...” แต่พออ้าปากจะเอ่ยทัก อีกฝ่ายกลับลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนี เล่นเอาชานยอลถึงกับทำตัวไม่ถูก “ด..เดี๋ยวสิ นายน่ะ!”
คนตัวเล็กหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมา ชานยอลเลยได้เห็นว่าลูกตาสีดำสนิทคู่นั้นดูรั้นไม่เบา
“คือ คือว่า.. เรื่องเมื่อวาน..”
“นายน่ะ...” อีกคนแทรกขึ้นมา ทำให้ชานยอลต้องหยุดคำพูดตัวเองแล้วเหลือบตาขึ้นมองคนตรงข้าม “ชอบฉันล่ะสิ”
“ห..ห้ะ!!!!”
“ก็เมื่อวานนายจูบฉัน แล้ววันนี้ก็คงจะมาสารภาพรักใช่มั้ยล่ะ เฮอะ แต่บอกไว้เลย ว่าอย่างนาย..ไม่ใช่สเป็คฉันซักนิด เสียใจด้วยนะ” พูดจบก็ทำท่าจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ชานยอลเร็วพอที่จะคว้าข้อมือบางเอาไว้ได้
“นี่.. หลงตัวเองไปรึเปล่า? อย่างฉันเนี่ยนะจะชอบนาย นมก็ไม่มี สะโพกก็ไม่ผาย ใส่กระโปรงสั้นๆก็ไม่ได้ โด่เอ๊ย ถ้าไม่เมาก็อย่าหวังว่าจะได้สัมผัสริมฝีปากน่าจูบของฉันเลย”
“จะบอกว่าเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงก็เลยจูบ?”
“ก็...ประมาณนั้น” ชานยอลลอยหน้าลอยตาเกาท้ายทอยตอบ แต่พอโดนอีกคนจ้องเอามากๆก็เลยหันมาจ้องกลับ “ทำไม? ผิดหวังล่ะสิที่ฉันไม่ได้สนใจนาย”
“ฮึ่ย... ไอ้ตูดหมึกเอ๊ย!”
“เฮ้ย!!”
“อะไร??”
“นั่นมัน....!” ชานยอลชี้หน้าอีกฝ่ายหมายจะหาเรื่อง แต่พอเพ่งสายตาพินิจพิจารณาอีกฝ่ายดีๆแล้วก็ถึงกับต้องเบิกตาโพลง “นาย!!....พยอน แบคฮยอน?!!”
“ว่าไงตูดหมึก จำฉันได้แล้วเหรอ?”
“พยอน แบคฮยอน.....พยอน แบคฮยอน? พยอน แบค ฮยอน...” ใบหน้าก่อกวนของผู้ชายหน้าหวานลอยเวียนไปวนมาอยู่ในหัวเขาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายไปไหน ไม่ใช่ว่าเพ้อจนมองอะไรก็เห็นเป็นหน้าเธอหรอกนะ เขาก็แค่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ต่างหาก
พยอน แบคฮยอน คู่กัดตอนเรียนประถมด้วยกัน..
แม่ง ทำไมโตมาแล้วน่ารักงี้วะ!!!
“เชี่ยชานโว้ยยยย!!!!!!”
“เฮ้ย! อะไร?” คนที่เหม่อถึงกับสะดุ้งตอนที่มีเสียงห้าวมาตะโกนดังลั่นกรอกใบหู ชานยอลยัดนิ้วชี้เข้าไปเขี่ยเศษขี้หูที่หลุดออกมาเพราะเสียงสะเทือนโลกา(?)นั่น ก่อนจะส่งสายตาฆาตโทษไปให้ไอ้ไคเจ้าของมลพิษทางเสียงที่ยืนหัวโด่
“ให้ไปขอโทษเค้า นี่มึงอย่าบอกนะว่า พอยิ่งได้เห็นตอนไม่เมาแล้วก็ยิ่งหลงในความน่ารักน่ะ?”
“ใช้ขี้เลื่อยในสมองคิดเหรอเชี่ยไค?” ใครจะไปหลงความน่ารักของไอ้บ้านั่นกัน เฮอะ!
“เวลาเขินก็ด่ากูงี้ตลอดอะ นี่..ต่อไปนี้มึงควรจะขอบคุณกูนะเว้ย”
“ขอบคุณเพื่อ?”
“ก็กูไปขอร้องให้พยอน แบคฮยอนของมึงมาเป็นมือโซโล่กีตาร์ให้วงเราน่ะสิ ;’)”
“.........” สมองช้าๆของปาร์ค ชานยอลคิดประมวลประโยคนั้นของคิม จงอิน “ว่าไงนะ?”
“แหม ดีใจจนอึ้งล่ะสิ”
“มึงบอกว่าพยอน แบคฮยอนจะมาเป็นสมาชิกวงเราใช่มั้ย?”
“อือ”
“หมายความว่า ต่อไปนี้วงเราจะมีสมาชิกชื่อพยอน แบคฮยอน?”
“เยส”
“พยอน แบคฮยอน?”
“เออออออ! จะย้ำทำเหี้ยไรเนี่ย!”
“พยอน แบคฮยอน!!!?”
“เรียกฉันทำไม คิดถึงเหรอ?”
“คิดถึงบ้านเตี่ยน่ะเซ่!!”
อุ๊บส์! ก่อนจะต้องมาอุดปากเป็นพัลวันตอนที่เห็นคนตัวเล็กยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ปาร์ค ชานยอลหรี่ตามองพยอน แบคฮยอนที่เปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นกอดอกฉับทันที
“ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึงสิ ทำไมต้องลามปามถึงเตี่ยด้วย ตูดหมึกเอ๊ย!!”
“พยอน แบคฮยอน!!!!”
“ทำไม?”
คือ....
ปาร์ค ชานยอลคนนี้ไหว้ล่ะครับพยอน แบคฮยอน คุณเลิกเรียกว่าผมว่าตูดหมึกได้มั้ย?? T-T
“ตูดหมึก..”
“แล้วมึงจะเรียกกูด้วยอีกคนทำไมเนี่ย เชี่ยไค!!”
“อ๊าว มึงชื่อตูดหมึกหรอ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” สัดไค กูขอให้แมลงวันบินเข้าปากมึง!!!!
♬
♩~
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าปากของเขานี่แหละที่กำลังอ้าค้างด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พยอน แบคฮยอน ผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานเอวบางร่างน้อยอย่างกับผู้หญิง แต่ฝีมือการโซโล่กีต้าร์เข้าขั้นบรมโคตรเทพ เพลงที่กำลังสะท้านก้องอยู่ในห้องซ้อมเล็กๆห้องนี้คือเพลง Canon in D แต่คอร์ดที่คนตัวเล็กนี่เล่นดูเหมือนว่าจะถูกดัดแปลงนิดหน่อย แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
เก่งเป็นบ้า..
“แฮ่ก... เป็นไง ใช้ได้มั้ย พอดีว่าไม่ได้ซ้อมนานน่ะ” แบคฮยอนยิ้มแหยๆไปให้เซฮุนกับจงอิน แต่พอหันมาทางเขาล่ะเปลี่ยนเป็นเบะปากเชียว..
“เก่งโคตร แบคฮยอน นายเล่นได้ไงเนี่ย??” เซฮุนปรบมือรัว ตานี่ถูกแก้มดันจนเหลือขีดเดียว ส่วนคนโดนชมก็ยิ้มเขินไปตามประสา ชานยอลกะจะเบนหน้าหนีภาพที่ไคฮุนสองเพื่อนรักอวยเด็กใหม่นั่นเสียออกนอกหน้าเพราะหมันไส้ แต่จู่ๆเขาก็หันหน้าไปทางอื่นไม่ได้
ก็ไอ้รอยยิ้มนั่นมัน...
สวย
คนบ้าอะไร ยิ้มสวยชะมัด…
โอ้ะ! o_O!
เชี่ยมาก มีสิทธิ์อะไรมาปั่นป่วนหัวใจกันวะ พยอน แบคฮยอน!!!
“เฮ้ย ไปฉลองกัน วันนี้วงเรามีสมาชิกเพิ่ม ต้องรับน้องซะหน่อย!”
ชานยอลที่กำลังตวัดกีต้าร์ขึ้นหลังชะงักแล้วหันมองเจ้าของไอเดีย “ทำไมต้องฉลอง เพิ่งเข้าวงมาวันเดียว ยังไม่รู้เลยว่าจะมาทำให้วงล่มรึป่าว?”
“ไอ้ชานยอล มึงพูดงั้นได้ไงวะ แบคฮยอนเล่นเก่งออกขนาดนี้จะทำให้วงเราล่มได้ไง?”
“เล่นเก่งแล้วไง ถ้าเข้ากับคนอื่นๆในวงไม่ได้ก็เท่านั้น” เขาเหลือบตาไปมองคนตัวเล็กก่อนที่จะต้องรีบหันไปทางอื่นเพราะไอ้ตาวาวๆนั่นดันจ้องเขากลับซะนี่
“ขวางโลกว่ะมึงนี่ ไม่สนแหละ กูจะไปฉลอง เซฮุนมึงโอเคปะ?” เซฮุนยกมือทำเครื่องหมายโอเค “ไอ้เซฮุนโอ เพราะงั้นมึงก็ต้องไป ห้ามขัด!”
“เกี่ยวไรวะ~”
“หรือไง ป๊อดหรอ คออ่อนสินะ อย่างวันนั้นยังเมาแอ๋เลย...” เสียงจากบุคคลที่สามทำให้ชานยอลตวัดหน้าไปแยกเขี้ยวใส่
“ใครป๊อด?”
“คนที่ไม่กล้าไปไง” แบคฮยอนเชิดหน้าตอบ
“เชี่ยไค กูไป วันนี้ใครคลานกลับบ้านก่อนเป็นหมาเว้ย!!”
“ฮึ ชักอยากลูบหัวน้องหมาแล้วสิ~” แล้วแบคฮยอนก็ตวัดกีต้าร์พาดหลังเดินนำออกไปก่อน จงอินเหล่ตามองเพื่อนสนิทล้อๆ
“คนน่ารักทำไมแรงงี้ว้า!”
“หาเรื่องใส่ตัวแล้วล่ะเชี่ยชาน” เซฮุนก็ไม่แพ้กัน เดินมาตบบ่าและทอดสายตาห่วงหาอาทรเสียจนเขาเสียวสันหลัง
ไม่ได้เสียวว่าจะพลาดท่าให้พยอน แบคฮยอนนะ แต่เสียวเพราะตามึงนี่หยาดเยิ้มเกินไปแระ สาดดด..
ร้านเหล้าร้านประจำของพวกเขายังคงแน่นขนัดเหมือนเดิมแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ความอยากเมามันดันทำการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ แถมพวกนักเรียนนักศึกษามันก็ขอตังค์พ่อแม่กันง่ายเสียจนไม่รู้จักคำว่าเสียดาย เพราะงั้นก็คงเป็นบุญของเจ้าของกิจการที่รับรายได้ไปเต็มๆ!
แล้วนี่เขาจะมาพล่ามทำไม(วะ)? ในเมื่อตัวเองก็หน้ามึนขอตังค์พ่อแม่มาแดกเหล้าเหมือนกัน -*-
บรรยากาศในวงเหล้าไม่มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากชนแล้วก็หมดแก้ว ตอนนี้เข็มนาฬิกาก็เดินไปจนเกือบจะจูบกับเลขสิบสองแล้ว ดีกรีในตัวพวกเขารวมๆกันตอนนี้ก็คงทะลุร้อย จริงๆระดับมันน่าจะสูงกว่านี้ถ้าไม่มีพยอน แบคฮยอนมาคอยดึง mean ให้ต่ำลง หรือพูดอีกนัยนึงว่า
พยอน แบคฮยอนแม่งคอแข็งมาก!
หลังจากที่ไคฮุนตะโกนเรียกบริกรเพื่อสั่งมิกเซอร์เพิ่ม แบคฮยอนก็ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ เขามองตามทั้งยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีมือไอ้จงอินที่ตบไหล่ดังอั่กตามด้วยคำแซวที่ฟังแล้วต้องทำหน้าไม่ถูกทุกที
“มองตามตาเยิ้มเลยนะมึง แหม ทำเป็นไม่ชอบเค้า แต่ที่จริงก็สนใจเค้าอยู่ล่ะว้า”
“เชี่ย ใครสนใจ?”
“หมาหัวยุ่งๆ ปากแข็งๆที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ไง ;)”
“สัด เลิกพูดมั่วๆเลย กูไม่ได้ชอบไอ้หน้าหวานนั่นเว้ย ต่อให้โลกนี้ไม่เหลือผู้หญิงให้กูเอาซักคน กูก็ไม่เอามันหรอก” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นคนที่พูดถึงกำลังถูกชายแปลกหน้ายุ่มย่ามอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเพ่งมอง ก่อนจะผุดลุกออกจากโต๊ะตรงแหน่วไปยังจุดเกิดเหตุท่ามกลางรอยยิ้มมุมปากของคิม จงอิน
“เชี่ยชานแม่ง ‘ซึน’ ว่ะ”
“ปล่อย!” แบคฮยอนบอกเสียงแข็งและพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของชายแปลกหน้า
“เฮ้ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย ไปดื่มกับพวกพี่ที่โต๊ะดีกว่า ท่าทางจะคอแข็งไม่เบา แบบเนี้ย พี่ชอบ”
“ก็บอกว่าไม่ไป พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง?”
“ฮั่นแน่ ปากคอเราะร้ายซะด้วย นี่!! บอกให้ไปก็ไปเด่ะ ไม่ต้องทำมาเก็กหรอกน่า รู้อยู่หรอกว่าที่มาเนี่ยก็เพื่ออ่อยผู้ชายอยู่แล้ว” ชายคนนั้นรั้งมือเขาแน่นขึ้นพร้อมกับออกแรงลากให้เดินตาม
“ใครจะอ่อยใคร” เสียงใหญ่ดังขึ้นจากข้างหลัง พร้อมๆกับที่แบคฮยอนรู้สึกถึงแรงโอบจากไหล่ที่ดึงให้เขาหลุดจากพันธนาการของชายแปลกหน้า เขาหันหน้ามองแล้วก็เห็นปาร์ค ชานยอลที่เพียงหรุบตามองเขาแว่บนึงก่อนจะตวัดกลับไปทำตาดุใส่คนที่เมาแล้วเกรียน
“มึงยุ่งอะไรด้วยเนี่ยห้ะไอ้โย่ง! อัชชช์!!” ในจังหวะที่ชายหน้าตาหาเรื่องคนนั้นจะคว้ามือแบคฮยอนอีกหน ชานยอลก็คว้าข้อมือนั่นแล้วออกแรงบิดเต็มแรงจนมันร้องโอดโอย
“ยังอยากจะยุ่งกับแฟนคนอื่นอีกมั้ย หืม??”
“อ๊าชชช์ เจ็บๆ ปล่อยๆ ปล่อยกู อั๊ชช!”
ชานยอลยอมปล่อยตามที่อีกฝ่ายขอร้อง เขาชี้หน้ามันไว้คล้ายจะบอกเป็นนัยว่าอย่ามาแหยม ก่อนจะคว้ามือแบคฮยอนเดินออกมา
“น...นี่ ปล่อย เดินเองได้”
ร่างสูงหันมองคนตัวเล็กกว่าที่เงยหน้าจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง อะไรวะ? อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยยังจะมาทำหน้าบูดเป็นตูดใส่อีก เขาสลัดมือนั้นออกอย่างจงใจให้อีกฝ่ายโมโหแล้วก็หาเรื่องบ้าง
“คนเค้าอุตส่าห์ช่วย ขอบคุณซักคำน่ะมีมั้ย?”
“ไม่ได้ขอให้ช่วยหนิ” แบคฮยอนทำแก้มอูมตอบคำถาม ก่อนจะเบือนหน้าหนีตอนที่โดนชานยอลจ้อง
“อ้อ นั่นน่ะสินะ ไอ้เราก็ลืมไป ว่านายอาจจะชอบให้พวกนั้นลวนลามเอาก็ได้”
“นี่นาย!”
“โทษทีนะ ที่วันนี้ทำให้พลาดเหยื่อน่ะ”
“ปาร์ค ชานยอล!” ก็ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อเค้าอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ เพราะเจ้าของชื่อน่ะเดินลอยหน้ากลับเข้าไปในร้านเรียบร้อยแล้ว
“พวกมึงกลับกันได้แน่นะเว้ย?” เขาถามเมื่อเห็นว่าจงอินมันยืนไม่อยู่ละ เซฮุนที่ดูเหมือนจะมีสติมากกว่าแต่ก็คงไม่มากไปกว่าเขาเสียเท่าไหร่พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ “เชี่ยฮุน ดูแลมันดีๆล่ะ มึงก็ด้วย ไหวใช่มั้ย?”
“ถ้ามึงไหว กูก็ไหวแหละ ;)” เซฮุนที่เกือบเดินตกฟุตบาทถ้าไม่มีแบคฮยอนดึงแขนเอาไว้หัวเราะแหะๆตบท้าย “แบคฮยอน ดูแลชานยอลมันด้วยนะ เห็นมันนิ่งแบบนั้นก็อย่าไว้ใจ”
“พูดมาก รถมาละ รีบขึ้นไปเลยไป” ชานยอลปัดมือไล่พวกมัน ตัวเองก็เดินเข้าไปกะจะช่วยยัดไอ้จงอินขึ้นรถด้วยอีกแรง แต่เพราะความที่ตัวเองก็มึนไม่ใช่น้อยทำให้เขาเสียหลักจนหน้าเกือบคว่ำเสียเอง
“นี่นาย เมาก็อย่าฝืน เดี๋ยวฉันช่วยเอง” แบคฮยอนดันตัวชานยอลออกเพื่อจัดแจงเพื่อนใหม่อีกสองคนให้เรียบร้อย ไม่นานแท็กซี่ก็แล่นออกไป แบคฮยอนจึงหันกลับมามองอีกหนึ่งชีวิตที่เขาต้องรับผิดชอบ แล้วก็มีอันต้องสะดุ้งเมื่อพอพลิกตัวกลับมาปุ๊บ จมูกก็เกือบทิ่มเข้ากับแผงอกของคนตัวสูง
“ใครว่าฉันเมา?” ชานยอลถามอย่างเอาเรื่อง ตาโตๆนั่นจ้องเขม็งมาที่แบคฮยอนอย่างเอาจริง
“ตัวเหม็นเหล้าหึ่งขนาดนี้จะบอกว่าไม่เมาได้ไง?” แบคฮยอนเบ๊หน้าหนี ชานยอลได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนโน้มหน้าลงไปดมแก้มคนตัวเล็กดังฟอด
“เฮ้ย!!”
“ตัวนายก็เหม็นเหมือนกันแหละ” แบคฮยอนตาค้างมองร่างสูงด้วยความอึ้ง แต่ปาร์ค ชานยอลแม่งทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ก่อคดีอุกอาดเกือบทำให้หัวใจชาวบ้านวายซะอย่างนั้น หมอนั่นยังคงมองเขาตาแป๋ว ปากก็บ่นว่า ตัวเองก็เมานั่นแหละ ว่าแต่คนอื่น...
พอดีกับที่แบคฮยอนดันเหลือบไปเห็นชายคนที่ลวนลามเขาเดินมาพร้อมกับกลุ่มคนอีกเกือบสิบคน ตากลมจ้องเขม็งก่อนจะรีบดึงเสื้อชานยอลให้มองตาม
“ไอ้บ้านั่นหนิ มันพาพวกมาด้วยใช่รึเปล่า?”
“งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ?”
“เอาไงอะ มันต้องตามมาแก้แค้นนายแน่เลย”
“หนีดิ แม่งมาเยอะขนาดนั้นสู้ไม่ไหวหรอกนะ” จบที่พูด มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางพร้อมกับออกแรงฉุดจนตัวแบคฮยอนแทบลอย
“หนีไปไหนอะ”
“ทางนี้” ทางที่ชานยอลนำไปคล้ายกับจะเป็นโรงรถเก่าที่ตอนนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่เก็บพวกลังเปล่าของเหล้าและโซดา ลังที่ซ้อนทับกันจนสูงท่วมหัวดูจะเป็นเกราะกำบังที่ดีเยี่ยม ชานยอลดันตัวแบคฮยอนให้ชิดติดมุมด้านใน ส่วนตัวเองก็เป็นเหมือนโล่ที่เข้าไปประกบด้านหน้าเอาไว้ ชานยอลส่องลอดผ่านช่องว่างของลังเพื่อสังเกตการณ์พวกมันที่เดินว่อนหาพวกเขาให้ทั่ว ผ่านไปหลายนาทีจนแน่ใจว่าพวกนั้นคงจะไม่ย้อนกลับมาทางนี้แน่ๆแล้วจึงถอนหายใจออกมา
“ไปกันหมดแล้วหรอ?”
“อืม...” เสียงตอบรับคำถามนั้นเลือนหายไปในลำคอทันทีที่เขาละสายตาจากพวกนั้นแล้วก้มหน้าลงหมายตอบคำถามคนตัวเล็ก ปาร์ค ชานยอลเผลอสะดุดลมหายใจเมื่อพบว่าแผงอกทั้งแผงของเขามีพยอน แบคฮยอนซุกอยู่ ฝ่ายนั้นก็ดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน มือเล็กเลยพยายามดันตัวเขาออก
แต่เขาทำใจผละออกจากความนุ่มนิ่มนั่นไม่ได้ ให้ตายเหอะ...
ทันทีที่มือเล็กออกแรงดันอกเขาออก ชานยอลก็เลือกที่จะคว้ามือนั้นไว้แล้วโน้มหน้าเข้าหาเพื่อบดจูบลงบนริมฝีปากสีส้มสวยอย่างไม่มีเหตุผล และทั้งที่แบคฮยอนควรจะสะดุ้งหรือตกใจ กลับกลายเป็นความนิ่งงันที่เขารู้สึก และนั่นก็ยิ่งเปิดทางให้คนตัวสูงยิ่งเบียดริมฝีปากเข้าหามากขึ้นไปอีก ยิ่งดูดดึงและขบเม้มตามแต่ที่ตัวเองนึกคิด อยากจูบตรงไหนก็จูบ อยากจูบลึกซึ้งแค่ไหนก็ทำ
ชานยอลแตะลิ้นเลียรอบกลีบปากนั้นเบาๆและแบคฮยอนก็ยอมเผยอมันออกเพื่อรับเอาความอุ่นชื้นจากเรียวลิ้นเขาอย่างเต็มใจ ตอนนี้..เสียงเดียวที่เขาได้ยินก็คือเสียงริมฝีปากที่ดูดดึงกันด้วยน้ำหนักที่หนักเบาแตกต่างกันออกไป
จูบอย่างกับคนไม่มีสติจะนึกคิดอยากทำอย่างอื่น กระทั่งผละออกมาเห็นตากลมมองสบตากันอยู่ ระฆังในหัวถึงได้ดังก้องจนมึนงงไปหมด
กูจูบแบคฮยอน....อีกแล้ว?
คราวนี้แม่ง deep kiss ด้วย!!??
โอยเชี่ย ปาร์ค ชานยอลมึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!!!!
ทั้งที่สมองชุลมุนวุ่นวายไปหมด แต่สิ่งที่ร่างกายแสดงออกมามีเพียงการก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าว และมองพยอน แบคฮยอนที่ยืนตัวตรงมองเขาตาแป๋ว
“เหอะๆ...” เขาหัวเราะ
“ฮะๆๆ....” แล้วก็หัวเราะ
“สงสัยจะเมาแล้วว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เมา..เมาแน่ๆเลย เอิ๊กกก....” จบด้วยแถ
เอาวะ เมาแล้วจูบ.. คราวที่แล้วก็เมาแล้วถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปไง คราวนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ
แค่เมาเว้ย เมา!!
ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย!!!
แบคฮยอนมองตามร่างสูงของเพื่อนเก่าสมัยประถม..หรือเพื่อนใหม่ในชั้นเรียนมัธยมฯตอนนี้ที่เดินเป๋ๆออกไป จนพอระยะห่างมีมากพอแล้ว ปาร์ค ชานยอลก็วิ่งปรู๊ดแล้วกระโดดขึ้นรถเมล์ไปอย่างรวดเร็ว
“เมาหรอ?”
เขาก็เมาว่ะ....
แต่ว่า ‘เมาจูบ’ นะ
TBC
กาเท่เร่คุง : แอบเอาอีกเรื่องมาลงค่ะ เช่นเดียวกัน เขียนจบไว้ตั้งกะแต่ปีที่แล้ว เรื่องนี้มีสามตอนจบค่ะ เอาใจช่วย 'นายตูดหมึก' กันด้วยนะ :D
ความคิดเห็น