ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] katerekun's short fic :D

    ลำดับตอนที่ #4 : ChanBaek . Like a dream . Special .

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 56


    Special part

     

     

     

     

     

     

    “อยากรู้จัง ว่าถ้าผ่านคืนนี้ไป ยังจะปฏิเสธอยู่มั้ยว่าไม่ใช่แฟนฉัน?”

     

     

     

     

    แบคฮยอนมั่นใจว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่แน่ๆ ก็ตอนที่โดนชานยอลดันตัวเข้าหลบตรงมุมมืดซึ่งไม่มีแสงไฟส่องกระทบ ก่อนจะจู่โจมเขาด้วยจูบที่หนักหน่วงโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัว แม้ว่าแบคฮยอนจะทั้งผลัก ทุบ ตี ดิ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่าน่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล...

     

    ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากยอมรับเลย ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองนั่นแหละที่ดันเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบจนหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาน

     

    จึงได้แต่ปล่อยให้ฝ่ายที่สูงกว่าป้อนจูบซ้ำไปซ้ำมาอย่างเต็มใจ

     

     

     

    ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้นมาคั่นกลางจุมพิตที่หอมหวาน

     

     

    “ไว้ต่อคืนนี้นะ”

     

    มีเพียงประโยคสั้นๆที่ถูกทิ้งไว้เป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่เขาจะถูกจูงมือกลับไปยังโต๊ะ..

     

     

     

     

     

    และก็เพราะไอ้ประโยคบ้าๆนั่นเองที่ทำให้เขาระแวงไอ้ตัวสูงชะลูดข้างๆจนไม่เป็นอันทำอะไร!!

     

     

     

    “ปากเจ่อแน่ะแบค มึงไปโดนจิ๊กโก๋ที่ไหนจูบ เอ๊ย ต่อยเอาวะ?” เชี่ยเซฮุนแม่งเริ่มคนแรกเลย ถ้ามึงไม่ได้กวนกูนี่ผดจะขึ้นก้นเหรอ!!?

     

    แล้วอย่านึกว่ากูไม่รู้นะ ว่าความจริงมึงรู้เรื่องน้องอาราอยู่เต็มอกแต่เสือกไม่ปริปาก... ได้ทีเอาคืนเมื่อไหร่กูจะทบต้นทบดอกรวมกับคราวที่แบล็กเมล์ เอาให้แม่งกวนกูไม่ได้ไปเป็นเดือนเลย!

     

    “โอยยย อย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิวะ เดี๋ยวเจ้าของไม่รักเอานะเว้ย ไอ้ลูกหมา~

     

    อ๊ากกกกกกกกกก....อยากกัดมันจังเว้ย!!!!

     

    แบคฮยอนที่นั่งแยกเขี้ยวขู่ฟ่ออยู่เกือบจะได้กระโจนเข้าใส่ไอ้เพื่อนตัวกวนแล้ว ถ้าชานยอลไม่ดึงมือไปบีบไว้เบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายยืดตัวออกไปผลักหน้าผากเซฮุนให้หงายเงิบเป็นการแก้แค้นแทน หมาดุก็เลยกลายร่างกลับมาเป็นหมาน้อยน่ารักเหมือนเดิม

     

    “เชี่ยชานแม่ง กูเกือบหงาย”

     

    “สม!” เป็นแบคฮยอนที่แลบลิ้นให้ไปที เซฮุนได้แต่เกาหน้าผากตัวเองแล้วก็ทำทีหันไปฟ้องพี่ลูฮานที่นั่งหัวเราะน้อยๆให้กับความเด็กน้อยของไอ้คนตัวโตนี่

     

    “ฮึฮึ ตกลงว่าพี่ทั้งสองคนเคลียร์กันแล้วใช่มะ?” อาราซุ่มหัวเราะอยู่นานสองนานได้ทีออกโรงบ้าง เด็กสาวหันมายิ้มให้แบคฮยอนด้วยสายตาวาววับ...แบคฮยอนมองเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะวกมามองคนข้างๆแล้วก็ได้แค่ปลงตกกับตัวเอง

     

    แม่งเหมือนกันขนาดนี้กูยังดูไม่ออกอีกเนี่ยนะ???? T T

     

    “อืม...” เขาจำต้องพยักหน้าตอบอย่างเสียมิได้ อารายิ้มกว้างเห็นฟันหน้าครบทั้งแถวและก็ไม่วายแซวเข้าอีกดอก

     

    “ดูเหมือนว่าพี่ชายอาราจะง้อรุนแรงเหมือนกันนะเนี่ย” สาวน้อยเอานิ้วชี้จิ้มที่ริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับยักคิ้วให้สองที ;)

     

     

    แบคฮยอนได้แต่ส่งสายตาหงอยๆไปทางรุ่นพี่ลูฮาน..ความหวังสุดท้าย

     

    “ชานยอลอา นายก็อย่ารุนแรงกับน้องพี่เกินไปนักสิ เดี๋ยวก็ช้ำหมดพอดี”

     

     

     

    ฮือออออออออออออออออ!!! นี้ตกลงทุกคนอยู่ข้างไอ้โย่งคอยาวสูงชะลูดตูดปอด(?)กันหมดเลยใช่ม้ายยยยย??? TOT

     

     

     

    งอน!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    “บ๊ายบายค่าพี่ชาย บ๊ายบายค่าพี่แบคฮยอน” อาราที่โดดลงจากแท็กซี่ไปแล้วโบกมือให้อย่างร่าเริง เธอพักอยู่กับเพื่อนเก่าในย่านมหาวิทยาลัยซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากหอของพวกเขามากนัก เด็กสาวจึงปฏิเสธที่จะให้พี่ชายลงไปส่งและรีบต้อนเขาทั้งคู่ให้รีบๆกลับหอ

     

    “น้องสาวพี่ชายนี่แสบเหมือนกันเด๊ะ” แบคฮยอนแอบบ่นงุงิคนเดียว แต่ชานยอลดันได้ยินเข้าซะนี่ ฝ่ายคนตัวใหญ่กว่าจึงเลื่อนมานั่งเบียดจนแบคฮยอนสะดุ้ง “ย๊า นี่มันในรถนะ”

     

    “ก็ไม่ได้จะทำอะไรนี่” ชานยอลยักคิ้วยียวน ทั้งยังส่งสายตาประกายวิบวับมาให้จนใจสั่น แบคฮยอนได้แต่หันหน้าหนีไปทางหน้าต่าง และกำเอาขอบกระจกรถไว้จนเจ็บมือไปหมด

     

    “ไม่แน่น้า...พี่ชายอาจจะแสบกว่าก็ได้ หึหึ”

     

    แง!!! พยอน แบคฮยอนไม่อยากกลับหออ่าป่ะป๊า ม่ะม๊า !!!!

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนกำลังหงุดหงิดอย่างรุนแรง และสาเหตุก็มาจากขาที่เป๋ของเขานั่นเอง T T

     

    “ลิฟต์ปิดแล้วนี่” เสียงของชานยอลกำลังตอกย้ำสิ่งที่แบคฮยอนคิด เขาถอนหายใจฟู่ก่อนจะพลิกตัวเดินกลับไปยังบันได

     

    “เดินไหวเหรอ?”

     

    “ไหว!!!!!

     

    เป็นอีกครั้งที่เขาแสดงพิรุธออกไปต่อหน้าชานยอล...

     

    “เอ่อ...คิดว่าน่าจะไหว” แบคฮยอนแก้คำตอบใหม่ ซึ่งความหมายก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากคำตอบเดิมซักนิด -*-

     

    คนตัวเล็กค่อยๆเดินกะเผลกไปเกาะราวบันไดแล้วยกตัวเองขึ้นทีละขั้นสองขั้น และตัวเขาก็เพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายซักนิด แบคฮยอนหันกลับไปยังชานยอลที่ยังยืนกอดอกยิ้มร่าอยู่ข้างล่าง (ห่างลงไปเพียงสองขั้น) ตาดำขลับทำเป็นเชื่องซึม ปากแดงๆเบะออกนิดๆเหมือนจะร้องไห้

     

    “ว่าไง ไหวมั้ย?” ชานยอลถามเนิบๆ

     

    “ไม่ไหว...” และแบคฮยอนก็ตอบกลับไปแบบเนิบๆเช่นกัน...

     

     

     

     

     

    “อ้อนเก่งเหมือนกันนะเรา”

     

    “เปล่าอ้อนนะ” ถึงจะตอบไปอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็หลุดยิ้มอยู่ดี ท่อนแขนเล็กกระชับกอดเข้ากับบ่ากว้าง แกว่งเท้าไปมาเหมือนเด็กถูกใจ “หนักมั้ย?”

     

    “มากกกก!” ชานยอลตอบ ก่อนจะต้องยิ้มกว้างจนตาเป็นรูปสระอิตอนที่เห็นแบคฮยอนทำหน้ามุ่ยตุ้ย “แต่ตัวนิ่มดี ให้อภัยก็ได้”

     

    “ย๊า ไอ้บ้าชานยอล!

     

    “เรียกว่าโย่งสิ”

     

    “ม..ไม่เอา”

     

    “ทำไมล่ะ?”

     

    แบคฮยอนทำปากจู๋ก่อนจะงุดใบหน้าหวานนั้นเข้าซุกกับอกของเขา บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง จะบอกว่าเป็นความสุขเหรอ?...ณ วินาที คำว่าความสุขอาจจะน้อยไปก็ได้

     

    ชานยอลจงใจก้าวขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้า โอกาสที่จะได้มีร่างเล็กๆของแบคฮยอนอยู่ในอ้อมกอดไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายๆเลยซักนิด แม้ทุกคืนจะนอนอยู่เคียงข้างกัน แต่มันก็เหมือนมีฉากบางๆมาขวางกั้นอยู่ทุกครั้งไป...แม้จะรู้ดีว่าต่างคนต่างก็ชอบกัน แต่กับสถานะของคำว่าเพื่อน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะลบคำๆนั้น

     

    เรื่องราวของพวกเราครั้งนี้...

     

    ถ้าไม่ใช่ปาฏิหาริย์ ก็คงจะเป็นพรหมลิขิตไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

     

     

     

    “ชานยอลอา...” เสียงเล็กเรียกเขาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นเบาๆ

     

    “หืม?”

     

    “ชอบฉัน..ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”

     

    ชานยอลคิด พลางก้าวเดินไปด้วย เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็ให้คำตอบ “ไม่รู้สิ”

     

    “งั้นเหรอ?” แบคฮยอนเงียบไปหลังจากนั้น

     

    “แล้วนายล่ะ?” ชานยอลถามกลับบ้าง อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเพียงนิดก่อนที่แก้มใสๆนั้นจะพองตัวออก

     

    “ไม่บอก”

     

    “ขี้โกงนี่”

     

    “เราไม่ได้ตกลงกันซักหน่อยว่าจะต้องตอบทุกคำถาม”

     

    “แต่ฉันรู้นะ ว่านายชอบฉัน..ชอบมานานแล้วด้วย ใช่มั้ย?”

     

    “ห้ะ?? ทำไมนายรู้ล่ะ หรือว่า....เชี่ยเซฮุน มันบอกใช่มั้ย มันต้องบอกนายแน่เลยมันถึงให้นายมาเป็นพระเอกละครเวที!!

     

    “เพ้อเจ้อแล้วแบคฮยอน ฉันรับปากจะเป็นพระเอกให้มันตั้งแต่ปีที่แล้ว”

     

    ถ้าใครได้มาเห็นหน้าตาของแบคฮยอนตอนนี้ ก็คงอดยิ้มไม่ไหวทั้งนั้น...เหมือนเด็กที่ถูกใส่ร้ายว่าแกล้งเพื่อนไม่มีผิด

     

    “ถึงแล้วล่ะ เกาะดีๆนะฉันจะไขกุญแจ”

     

    “เดี๋ยวฉันไขเอง” ว่าแล้วก็คว้ากุญแจมาจากมือชานยอลและจัดการเปิดประตูห้องทันที เขาถูกปล่อยลงเมื่อพ้นวงกบประตูเข้ามา ตัวเล็กเดินตัวเอียงไปหาสวิชต์ไฟ แต่ยังไม่ทันได้แตะสวิชต์มือบางก็ถูกรวบไว้แล้วกดชิดติดผนังห้อง ตามมาด้วยร่างของชานยอลที่เข้ามาประกบทั้งตัว

     

    “จ..จะทำอะไร??” ถามออกไปเสียงสั่นๆ ยอมรับว่าลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ผับชานยอลขู่อะไรเอาไว้ “ม..ไม่นะ ไม่เอานะ!!

     

    “ชู่ว!” ก้านนิ้วเรียวยกขึ้นมาแตะริมฝีปากบางเป็นผลให้แบคฮยอนต้องงับปากสนิทดังเดิม ทว่าตากลมยังจับจ้องเขาอยู่ภายใต้ความมืด ชานยอลปล่อยข้อมือบางออก ไม่ใช่เพื่อให้มีอิสระแต่เพื่อเปลี่ยนเป็นการสอดนิ้วประสานทั้งฝ่ามือแทน

     

    มืออีกข้างเลื่อนจากริมฝีปากไปประคองรูปหน้าหวาน.. ชานยอลโน้มใบหน้าลงมาจนปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบา แบคฮยอนหลับตาแน่นอารามตกใจ

     

    “ลืมตาก่อนสิ”

     

    “ไม่เอา”

     

    “แบคฮยอนอา...” ชานยอลแตะจูบเบาๆออดอ้อน แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้แบคฮยอนตัวแข็งทื่อหนักกว่าเก่า “จะไม่ลืมตาแน่นะ?”

     

    หนึ่งวิ...สองวิ.....สามวิ.....

     

    ไม่ลืมตาจริงๆแฮะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    “รักนะ”

     

     

     

     

     

    ชานยอลบอกออกไป พร้อมๆกันกับที่ดวงตาสวยปรือขึ้นมองพอดี

     

     

    แบคฮยอนคงโกรธตัวเองไปตลอดชีวิตหากเมื่อครู่นี้เขาไม่ตัดสินใจลืมตาขึ้น...

     

    เขาคงโกรธ..ถ้าไม่เห็นสายตาคู่นั้นในขณะที่ บอกรักเขา

     

     

    บนใบหน้าของชานยอลไม่มีรอยยิ้มร่าเริงอย่างเช่นทุกครั้งปรากฏอยู่ มันเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ รอยยิ้มเพียงเล็กๆที่ทำให้แบคฮยอนมีความสุขมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างทั้งร่างถูกรวบกอดไว้โดยมือใหญ่ จมอยู่ภายในอกกว้างที่แสนอบอุ่น...รัก... เขาก็รักผู้ชายคนนี้เหมือนกัน

     

    “เป็นแฟนกันนะแบคฮยอนอา”

     

    ทำให้หลงขนาดนี้แล้ว ใครล่ะจะปฏิเสธไหว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หนึ่งเดือนหลังจากการเปลี่ยนสถานะจากรูมเมทเป็นคนรัก

     

    เหมือนกับเพิ่งผ่านไปวันสองวันยังไงยังงั้น...

     

     

    อาจเพราะมีความสุขจนลืมช่วงเวลานาทีไปชั่วขณะ.... นี่ล่ะมั้ง ความสุขที่มักผ่านไปเร็วเสมอ

     

     

     

    ละครเวทีของคณะได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด บัตรขายหมดทุกรอบไม่ว่าจะด้วยบังคับซื้อหรือจะเต็มใจซื้อเพื่อมาชมจากใจก็ตาม เอกนิเทศศาสตร์ถูกกล่าวขานถึงการแสดงที่มีคุณภาพและน่าตื่นตาตื่นใจซะจนเชี่ยเซฮุนยิ้มหน้าบาน (แต่ก็ยังแหลมอยู่ดี) ส่วนทีมนักแสดงเองก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย นักแสดงนำอย่างซอลลี่โชคดีขนาดที่มีแมวมองมาติดต่อให้ไปเคสติ้ง มีโอกาสก้าวสู่วงการบันเทิงไปอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ส่วนแบคฮยอนถึงจะไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แต่เขาก็ยอมรับว่าเพราะไอ้ละครเวทีเรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับชานยอลมากขนาดนี้...

     

    ว่าไปแค่นี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว !!

     

     

    แบคฮยอนแวะเข้าร้านสะดวกซื้อใกล้ๆกับคณะ จับจ่ายเอาน้ำดื่ม น้ำเกลือแร่ และขนมกินเล่นนิดหน่อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบาสกลางแจ้งซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันเล็กๆซึ่งจัดขึ้นภายในชมรม ถึงแม้จะเป็นเพียงการแข่งขันที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่จำนวนคนนั่งชมตรงริมสนามก็มีมากจนอาจจะเรียกว่าแออัดได้เหมือนกัน แบคฮยอนหาทางเบียดเสียดจนสามารถเข้าไปตรงม้านั่งสำหรับนักกีฬาตัวสำรองได้ เขายิ้มทักทายรุ่นพี่รุ่นน้องในชมรมบาสเกตบอลที่ชานยอลสังกัด และพวกเขาเหล่านั้นก็กระตือรือร้นที่จะหาที่นั่งให้เขากันใหญ่

     

    “ไม่ต้องห่วงแล้วเว้ย วันนี้ทีมเราชนะแน่ๆ!!

     

    “ช่ายๆ พี่แบคฮยอนมาเชียร์ทั้งคนนี่น้า~

     

    เสียงแซวเหล่านั้นเขาชินกับมันแล้วล่ะ จึงได้แต่ยิ้มรับไปก่อนจะชะเง้อหน้ามองหาคนตัวโย่งๆในสนาม ชานยอลวิ่งซอยเท้าถอยหลังหันหน้ามาพอดี ฝ่ายนั้นยิ้มจนแก้มแทบปริแบคฮยอนก็เลยโบกมือให้พร้อมบอก ไฟท์ติ้ง!’

     

    ทีมของชานยอลกำลังได้เปรียบ และก็ถือว่าเกมนี้พวกเขาเล่นได้สวยเลยทีเดียว ทั้งๆที่แบคฮยอนก็ตั้งใจชมการแข่งขันขนาดนี้แล้วแต่หูเจ้ากรรมก็ยังไม่วายได้ยินบางอย่างจากสาวๆกลุ่มข้างๆ

     

    “นั่นไง พี่ชานยอล เดือนมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว เท่ห์เนอะ ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยอะแก”

     

    สาบานว่าไม่ได้หมันไส้ ก็แค่รู้สึกคันๆที่ใบหูนิดหน่อย...

     

    “หุ่นนั่นน่ะ สเป็คเลยแก ว้ายยยยย! แกเห็นมั้ยๆเมื่อกี๊ ฉันเห็นซิกแพคพี่ชานยอลด้วย!!!

     

    เฮ้ย!! เห็นได้ไงวะ???

     

    แบคฮยอนหันขวับกลับไปที่สนาม ภาพของชานยอลที่กำลังกระโดดชู้ตจนเสื้อบาสเลิกขึ้นถึงกลางตัวทำให้เขาหน้าร้อนอย่างไม่มีสาเหตุ

     

    ไอ้บ้าชานยอล... ทำไมไม่หัดยัดในดีๆเล่า ><

     

    “ตายแล้วแก เห็นแล้วอยากกัดซักที”

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!! ไม่ให้กัดเว้ยยยยยยยยยยยย!!

     

    “อ้ะ!!” เด็กสาวทั้งคู่อุทานก่อนจะผงะเมื่อแบคฮยอนทำถุงขนมตกใส่เท้าพวกเธอ เขาส่งสายตาอาฆาตไปให้ทำเอาเด็กสาวเสียวสันหลังกันเป็นแถว พวกเธอรีบถอยกรูดออกไป แต่ก็ยังไม่ไกลเกินไปที่แบคฮยอนจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดหลังจากนั้น

     

    “นั่นพี่แบคฮยอนหนิแก”

     

    “ค..ใครเหรอ? ทำไมมองพวกเราน่ากลัวจัง”

     

    “เค้าลือกันว่าเป็นรูมเมทพี่ชานยอล แล้วก็เป็นแฟนกันด้วย!!

     

    “จริงเหรอ? ว้ายตายแล้ว กรี๊ดสลบ หน้าตาน่ารักเหมาะกับพี่ชานยอลดีเนอะ คิคิ สงสัยจะหวงแฟนตัวเองแน่เลย”

     

    แบคฮยอนได้ยินดังนั้นก็อดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ เขาตัดสินใจหันกลับไปทางพวกเธอทั้งสองก็เห็นหล่อนโบกไม้โบกมือมาให้ จึงได้แต่ยิ้มกลับไปอย่างช่วยไม่ได้

     

    “กรี๊ดดดดด ตั้งสมาคม คนรักชานแบค เหอะแก น่ารักไม่ไหวแล้ว”

     

    “เยสสสสส ก็เรา...เป็นสาววายนี่เนอะ???”

     

    ...แบคฮยอนหันกลับไปทางสนามทั้งยังเบลอๆ ผู้หญิงสมัยนี้เค้าเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย???

     

     

    เฮ้อ.... แบคงง @_@ (อีกรอบ)

     

     

     

     

     

     

     

    เมฆสีดำทะมึนเริ่มลอยเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าทั่วบริเวณในตอนที่การแข่งขันควอเตอร์สุดท้ายกำลังเริ่มต้นขึ้น และเพียงแค่ไม่นานสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ในตอนแรกทางคณะกรรมการยังคงให้การแข่งขันดำเนินต่อไปท่ามกลางสายฝน หากแต่เมื่อนานเข้าน้ำก็เริ่มเจิ่งนองสนามจนทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างลำบาก การแข่งขันทุกอย่างจึงได้ยุติลงเพียงเท่านั้น แบคฮยอนโล่งอกที่วันนี้เขาพกร่มมา จึงกางมันไว้และรีบวิ่งไปหาชานยอลกลางสนาม

     

    “รีบกลับหอเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

     

    “ถือร่มให้” ชานยอลบอกและไม่รอให้แบคฮยอนอนุญาต มือใหญ่ก็คว้าเอาร่มมาไว้ในมือก่อนจะออกเดินไปด้วยกัน

     

    “วันนี้ฉันเล่นเก่งปะ?”

     

    “นิดหน่อย” แบคฮยอนตอบแก้มพอง

     

    “ชมกันหน่อยซี่” เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่พอใจนักชานยอลก็เอนหัวลงมาถูไถอยู่กับไหล่ลาดเหมือนเด็กช่างอ้อน

     

    “เก่งที่สุดเลยยยยย แฟนใครก็ไม่รู้~

     

    “ฮึๆ” แล้วฝ่ายนั้นก็หัวร่ออย่างถูกอกถูกใจ เลยโดนแบคฮยอนมะเหงกไปที คนตัวเล็กกว่ามองสำรวจตัวเขาตั้งแต่ช่วงคอลงไป ก่อนจะส่งสายตาขุ่นๆมาให้

     

    “ทำไมชุดบาสต้องเป็นแขนกุด แถมเนื้อผ้าก็บางจ๋อยขนาดนี้ด้วยล่ะ”

     

    “หือ??” ชานยอลเลิกคิ้ว “ฉันไม่หนาวหรอกน่า แค่นี้ทนได้”

     

    “ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นซะหน่อย” แบคฮยอนกอดอกเชิดหน้า ท่าทางอาการแปลกๆนั้นเล่นเอาชานยอลถึงกับงงเต็ก คนตัวสูงกว่าก้มมองใบหน้ามุ่ยๆของคนข้างตัวก่อนจะวางมือใหญ่ลงบนศีรษะเล็กแล้วโคลงไปมาเบาๆ

     

    “เป็นอะไรไป หืม?”

     

    “เปล๊า~

     

    ใครว่าเสต็ปเสียงสูงใช้ได้แต่เฉพาะกับผู้หญิง....

     

     

     

     

    ชานยอลโดนไล่ไปอาบน้ำทันทีที่กลับถึงห้อง ส่วนแบคฮยอนที่โดนเพียงละอองฝนเล็กน้อยแยกตัวเข้าครัวไปเพื่อเตรียมมื้อค่ำง่ายๆอย่างรามยอน

     

    “แบคฮยอนอา” เสียงเรียกจากในห้องน้ำดังขึ้น

     

    “มีอะไรเหรอ?”

     

    “แชมพูหมด”

     

    แบคฮยอนนึกขึ้นได้จึงขานรับกลับไปพร้อมกับเดินไปเปิดถุงพลาสติกที่วางไว้บนโต๊ะกลางห้องเพื่อหาแชมพูขวดใหม่ ไม่นานก็ได้มันมาอยู่ในมือ

     

    “ได้แล้ว”

     

    ชานยอลแง้มประตูเพื่อยื่นแค่มือออกมา แบคฮยอนจึงส่งของไปให้.. แต่ใครเล่าจะคิดว่าชานยอลจะเล่นตลบหลังแบบนี้!!!

     

    “เฮ้ย!!

     

    ไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนดึงให้เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆด้วยกันกับอีกคนเสียแล้ว แถมชานยอลก็เร็วยิ่งกว่าลิง มือยาวนั่นเอื้อมไปล็อกประตูดังแกร่ก

     

    แบคฮยอนหน้าตื่นหลังจากพบว่าบนตัวของชานยอลมีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่ผืนเดียว เผยให้เห็นช่วงอกแกร่งจนถึงหน้าท้องแบนราบ..ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น แต่มาเห็นในสถานการณ์แบบนี้ เป็นใครจะไม่ตกใจ

     

    “เล่นบ้าอะไร..”

     

    “สระผมให้หน่อย~” ขวดแชมพูถูกยื่นมาตรงหน้า “นะ นะ น้า!

     

    “แค่สระผมนะ”

     

    “แล้วอยากทำอย่างอื่นป้ะล่ะ?”

     

    “ไอ้บ้า!

     

    แบคฮยอนเดินดุ่ยๆเข้าไปตรงส่วนที่เป็นอ่างอาบน้ำ ภายในนั้นมีน้ำอุ่นซึ่งขึ้นฟองฟอดอยู่แล้ว ไม่นานชานยอลก็เดินตามมาด้วยใบหน้าแช่มชื่น มือหนาทำท่าจะแกะผ้าขนหนูออกยังผลให้แบคฮยอนรีบยกมือขึ้นปิดตา

     

    จ๋อม...

     

    ลืมตามาอีกทีร่างใหญ่ก็จมอยู่ในฟองสบู่แล้ว แบคฮยอนทำตาปริบๆจ้องมองอีกฝ่ายจากข้างหลัง เผลอมองสำรวจไหล่กว้างที่มีกล้ามเนื้อสมส่วน และหลุดยิ้มบางๆออกมาตอนที่สัมผัสกับเส้นผมยุ่งๆนั่น

     

    “นึกไงถึงอยากอ้อนเนี่ย?” เขาเปิดฝักบัวเพื่อล้างผมให้ชานยอล ฝ่ายนั้นก็เงยหน้าหลับตาพริ้ม บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ

     

    “แล้วอ้อนไม่ได้เหรอ?”

     

    “ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น” แชมพูกลิ่นเมนทอลถูกเทลงบนฝ่ามือ แบคฮยอนลูบเส้นผมที่ชุ่มน้ำนั้นอย่างเบามือ

     

    “งั้นอ้อนบ่อยๆได้ปะ?”

     

    “ไม่ได้”

     

    “แบบนี้แหละที่เรียกว่าใจร้าย”

     

    แบคฮยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ตอนที่โดนชานยอลตัดพ้อ มือเล็กยังคงเกาศีรษะของอีกฝ่าย แต่สายตากลับมองไปที่ใบหน้าหล่อจัด...แอบนึกอิจฉาตัวเองขึ้นมานิดๆ คงจะมีแค่เขาคนเดียวล่ะมั้งที่ได้เห็นชานยอลในมุมแบบนี้

     

    “มือเบาจัง” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ แต่กังวานก้องภายในห้องน้ำเล็กๆ

     

    “อยากให้สระให้ทุกวันปะล่ะ?”

     

    “พูดเองนะ...”

     

    แบคฮยอนล้างแชมพูออกจนหมด คว้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนอยู่ข้างๆมาซับผมให้เบาๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกดจูบบนหน้าผากของคนตัวสูง แล้วก็ต้องมานั่งเขินกับการกระทำของตัวเอง

     

    “เสร็จแล้ว..เฮ้ย!!








    NC part CLICK








    “เหนื่อยมั้ย?” ชานยอลเลื้อยขึ้นมานอนกอดจากข้างหลัง ปลายคางซุกอยู่กับซอกคอและท่อนแขนก็กอดแน่นอยู่ตรงเอวบาง

     

    “ไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว”

     

    “นึกว่าไม่เหนื่อย จะได้ต่ออีกซักรอบ”

     

    “ไอ้บ้าชานยอล!!

     

    “แล้วชอบมั้ย?”

     

    “ไม่รู้...” แบคฮยอนหดคอเข้าหาตัว พยายามหลับตาซุกตัวคู้เพราะไม่อยากโดนไล่ต้อนด้วยคำถามบ้าๆของคนลามก!

     

    “ไม่รู้เหรอ?”

     

    “....” เงียบ

     

    “งั้นอีกซักรอบป้ะ เผื่อจะรู้”

     

    “ม..ไม่เอานะ ไอ้บ้าชานยอล!!!!!

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ” หัวเราะชอบใจ แล้วก็พลิกตัวมานอนคร่อมแบคฮยอน ฝ่ายคนตัวเล็กรีบดันไหล่เขาออกอย่างเร็ว แต่แน่นอนว่าชานยอลไม่แม้แต่จะขยับ

     

    “เออนี่ มีบางอย่างที่ฉันไม่เคยบอกนาย” คนตัวสูงว่า พลางมือไม้ก็ม้วนเส้นผมเขาเล่นไปทั่ว “เรื่องวันนั้น..ที่นายเมา”

     

    “หือ??”

     

    “เราจูบกัน”

     

    “ห้ะ!!!!!” แบคฮยอนนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนวันนั้น วันที่เขาตื่นขึ้นมาด้วยความงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนวันที่เขาเมาเละเทะ ตาสวยกระพริบปริบเหมือนจะอยากถามอะไรต่อ แต่แบคฮยอนกลับไม่กล้าถาม

     

    “วันนั้นนายเมามาก คงจำไม่ได้ล่ะสิว่าทำอะไรลงไปบ้าง?”

     

    “อะไร....ฉันทำอะไรเหรอ?”

     

    “นายสารภาพออกมาว่าชอบฉัน”

     

    “ห้ะ!!!!!

     

    “แล้วก็ถอดเสื้อตัวเองออก”

     

    “ห๊า!!!!!

     

    “ไม่พอยังมาขอให้ฉันจูบอีก”

     

     

     

    O_O!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

    ม่ายจริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

    NEVER ENDING!




    กาเท่เร่คุง :: มาลงตามสัญญาค่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์น่ารักๆนะคะ พาร์ทต่อไปจะเป็นตอนพิเศษของคู่ฮุนฮานค่า ติดตามกันด้วยนะ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×