ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] katerekun's short fic :D

    ลำดับตอนที่ #3 : ChanBaek . Like a dream . end .

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 56


    Part 3

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนกำลังตั้งใจทำการบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..

     

    ทั้งหน้าตาที่ดูเคร่งเครียด และมือไม้ที่ลากดินสอขีดเขียนเต็มหน้ากระดาษอย่างเอาเป็นเอาตายมันบอกเซฮุนแบบนั้น

     

    เด็กหนุ่มร่างโปร่งนั่งท้าวคางขมวดคิ้วมองดูการกระทำแปลกๆของเพื่อนสนิท ปกติแล้ววิชาวาดเส้นนี้เป็นวิชาที่ไอ้แบคเกลียดมากที่สุดนะ กว่าจะยอมลงมือทำการบ้านที่อาจารย์สั่งแต่ละครั้ง ไฟก็แทบจะลนก้น

     

    “มึงรู้เรื่องที่ไอ้ชานยอลมันมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆมาเกาะติดแจมั้ยวะ?”

     

    กึก!

     

    ไส้ดินสอที่หักกระเด็นออกมาแทบเข้าตาเขา ถ้าเซฮุนเอียงหน้าหลบช้ากว่านี้นิดเดียว

     

    แบคฮยอนยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น มือเล็กคุ้ยเอาดินสอแท่งใหม่ออกมาจากกระเป๋าและลงมือวาดภาพต่อโดยไม่มีความคิดเห็นใดๆสำหรับประเด็นที่เซฮุนเปิด

     

    “ได้ข่าวว่ามีดีกรีเป็นเด็กนอกเลยนะเว้ย เห็นว่าเคยเรียนมัธยมต้นมาด้วยกันก่อนที่มอปลายน้องเค้าจะไปเรียนต่อเมืองนอก หน้าตางี้น่ารักจิ้มลิ้มเชียว ^^

     

    “กู.ไม่.รู้!!” ในที่สุดก็ยอมพูดออกมา แต่หน้าก็ยังไม่ยอมเงยอยู่ดี เซฮุนกดยิ้มมุมปาก

     

    “หึงอะเด้??”

     

    “อารมณ์เสีย!!” แบคฮยอนที่เผลอโวยวายออกมาพร้อมกับที่อีกคนถามล้อๆถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นแล้วทำปากบุบใส่เชี่ยเซฮุน

     

    “ชัดเจน”

     

    “ชัดเจนเหี้ยไร?”

     

    “ไม่คิดจะทำไรมั่งเหรอวะ?” เซฮุนไม่แถลงไข แต่กลับส่งสายตาวิบวับๆพร้อมกับยักคิ้วกวนๆไปให้เพื่อนสนิท “ระวังนะเว้ย จะโดนหมาคาบไปแด๊ก”

     

    “เชี่ย!

     

    “หวังดีนะเนี่ย”

     

    “กูไม่เชื่อมึง!!!

     

    เซฮุนยักคิ้ว รอยยิ้มกวนๆที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากบางๆนั้นทำให้แบคฮยอนโมโห ปากบอกว่าหวังดีแต่หน้าตามึงนี่หวังร้ายกับกูชัดๆ มึงตั้งใจจะตอกย้ำกูใช่มั้ยล่ะ???

     

    “เอ้อ! กูไม่ใช่สาวๆหน้าตาน่ารักนี่ กูไม่มีดีกรีเด็กนอก กูก็เป็นแค่เด็กเกรียนคนนึง แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ!!!!” แบคฮยอนทำปากเบะเหมือนจะร้องไห้ ทำเอาเซฮุนหน้าเปลี่ยนสี รีบยื่นมือไปลูบหลังลูบไหล่เพื่อนตัวเล็กเป็นการใหญ่

     

    “เฮ้ย! แบคกูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ อย่าร้องไห้นะเว้ย”

     

    “กูไม่คุยกับมึงแล่ว!!!!” แล้วไอ้เป๋ก็ลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างทุลักทุเล มือคว้าเอาไม้ค้ำได้ก็กะเผลกๆหนีไปเลย ปล่อยให้เซฮุนรู้สึกผิดอยู่คนเดียว

     

    อ๋อยยย..กูแกล้งมันแรงไปเหรอเนี่ย?

     

     

     

    ฝ่ายแบคฮยอนที่พอแยกตัวออกมาได้ก็จำต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทักทายที่คุ้นหู

     

    “แบคฮยอนอา!” เขาเงยหน้าขึ้นตามที่ถูกเรียก ก่อนจะนิ่งงันไปเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า.. ปาร์คชานยอลที่กำลังส่งยิ้มร่าเริงมาให้เขา และข้างๆมีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ คนที่ชื่อ อารา

     

    “ทำไมไม่รอออกมาพร้อมกันเมื่อเช้า จะได้ช่วยพยุงเดินไง”

     

    แบคฮยอนหันหน้าหนีไปอีกทาง ชานยอลเลิกคิ้วแปลกใจกับปฏิกิริยาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร “อ้อนี่..” เขาหันไปข้างตัว ผายมือออกไปทางร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่กำลังยิ้มหวานตามแบบฉบับคนที่ทำอะไรก็ดูดีไปหมด

     

    “กูมีเรียน ไปล่ะ” ก่อนที่ชานยอลจะได้พูดอะไรต่อ เขาก็พลิกตัวเดินกลับทางเดิม ชานยอลที่จู่ๆก็โดนตัดบทได้แต่เกาหัวแกร่ก ก่อนหันมาทำหน้าตาสงสัยใส่อาราที่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กำหนดการซ้อมละครเวทียังคงเป็นไปตามแผนเดิมแม้ว่านักแสดงนำอย่างแบคฮยอนจะมีอาการบาดเจ็บ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้เรื่องของตัวเองกลายไปเป็นปัญหาของส่วนรวม ขาเขาบาดเจ็บแต่ปากและสมองยังใช้งานได้ปกติ ดังนั้นก็เลยยื่นคำขาดกับเพื่อนๆว่าจะไม่เลื่อนตารางซ้อมเด็ดขาด

     

    แต่บอกตามตรงว่าวันนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย

     

    แบคฮยอนปิดบทละครในมือไปนานแล้ว แต่ในสมองยังคงคิดวนเวียนเกี่ยวกับฉากที่จะซ้อมในวันนี้

     

    ฉากจูบ

     

    ถึงแม้ว่าไม่อยากจะคิด แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องหวนคิดถึงภาพวันนั้นที่ชานยอลจูบเขาผ่านนิ้วมือ แม้ไม่ได้สัมผัสโดยตรง แต่ระยะห่างระหว่างกันที่มีน้อยเกินไปก็ทำให้เขาหวั่นใจ ลมหายใจที่รินรดกันใกล้ๆและเสียงหัวใจที่ดังโครมคราม ทุกอย่างกำลังทำให้หัวใจดวงเล็กๆนี้สั่นรัวจนน่ากลัว

     

    บทละครที่กล่าวถึงการสารภาพความรู้สึกภายในใจของเจ้าชายที่มีต่อเจ้าหญิงถูกลบเลือนด้วยบทสนทนาในลิฟต์วันนั้น คำถามที่เขายังไม่ได้ให้คำตอบ และคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ตอบอีกแล้ว

     

    คำถามที่เขาไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะตอบจริงหรือ?

     

    “ไม่อยากให้เป็นมากกว่านั้นเหรอ?”

     

     

     

     

    แล้วฉันเป็นมากกว่านั้นได้จริงๆหรือไง?

     

     

     

    “ไอ้แบค กูหามึงอยู่ตั้งนานมาหลบอยู่นี่นี่เอง” เซฮุนโผล่หน้าเข้ามาในห้องซึ่งเขาหลบมุมอยู่ แบคฮยอนปาดขอบตาตัวเองลวกๆและรีบหันหาเพื่อน

     

    “ขึ้นเวทีได้แล้ว”

     

    “เซฮุน”

     

    “หืม??” เซฮุนที่กำลังพลิกตัวกลับออกไปเป็นต้องหันมาตามเสียงเรียก แบคฮยอนแปลกไปมากจนเขารู้สึกได้ ปกติแล้วหมอนั่นแทบไม่เคยเรียกเขาด้วยชื่อจริงเลยซักครั้ง อย่างน้อยก็ต้องมีชื่อสิงสาราสัตว์นำหน้าไม่สปีชี่ส์ใดก็สปีชี่ส์หนึ่ง “เป็นไรไปวะ?”

     

    ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนสั่นเบาๆ พลอยทำให้เซฮุนต้องรีบเดินเข้าไปหา และก้มมองสำรวจใบหน้าของเพื่อนตัวเล็ก “มึงร้องไห้เหรอ?”

     

    “กูไม่ซ้อมได้มั้ย?”

     

    “ห้ะ??”

     

    “กูทำไม่ได้”

     

    “เชี่ยแบค มึงเป็นอะไร”

     

    “ฮือออออออ!!” เซฮุนสะดุ้งนิดๆตอนที่แบคฮยอนโถมเข้ากอดเขาทั้งตัว ใบหน้าหวานนั้นซุกอยู่กับอกแล้วก็ถูไถไปมาเหมือนเด็กขี้แย “กูทำไมได้ กูทำไม่ได้จริงๆ”

     

    “เฮ้ย มึง..เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ง.งูสองตัวกำลังจะพันคอเซฮุนตาย เขาทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามที่จะวางมือลงบนแผ่นหลังที่สั่นไหวด้วยแรงสะอื้น

     

    “กูไม่เข้าใจ ฮึก!

     

    กูว่ากูไม่เข้าใจมากกว่ามึงอีกนะ...เซฮุนเถียงในใจ

     

    “มันพูดแบบนั้น ไม่ต่างจากการบอกชอบกูซักนิด แล้วทำไม..ทำไมจู่ๆมันถึงไปมีคนอื่นวะ..”

     

    แบคฮยอนเริ่มคลายปมด้วยการพูดบางอย่างออกมา เซฮุนนิ่งฟัง มืออีกข้างลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจเพื่อนไปด้วย

     

    “หรือว่ามันแค่แกล้งกู ที่ทำแบบนั้นก็แค่อยากปั่นหัวกู กูคงเป็นได้แค่ตัวตลกสำหรับมันใช่มั้ยวะ?”

     

    “มึงกำลังพูดถึงไอ้ชานยอลใช่ปะวะ?”

     

    แบคฮยอนผละตัวออกมา ยกมือปาดจมูกและสูดน้ำมูกฟืดหนึ่งก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

     

    “กูว่ามันไม่ได้ล้อมึงเล่นนะ”

     

    “กูจะเชื่อมึงได้ยังไง”

     

    “เพราะว่ากูเป็นคนพูด มึงถึงต้องเชื่อ” เซฮุนยิ้มแล้วก็เขย่าหัวเพื่อนไปมาจนโคลง “กูเก่งไง^^

     

    “มึงต้องรับผิดชอบที่หลอกกูมาเป็นนางเอกคู่กับมัน”

     

    “ไม่!” เพื่อนตัวสูงทำลอยหน้าลอยตา

     

    “เชี่ยฮุน!!

     

    “มึงนั่นแหละที่ต้องตอบแทนกูที่กูให้โอกาสมึงมาเป็นนางเอกคู่กับมัน ^^

     

    แบคฮยอนมุ่ยหน้าไม่พอใจ “ไปซ้อมได้แล้ว อย่าดื้อ โตแล้วนะเว้ย!!

     

    “เชี่ยฮุน ทำไมมึงต้องมาเป็นเพื่อนสนิทกูด้วยวะ???”

     

    “ช่วยไม่ได้ว่ะ มึงดันมาเป็นเพื่อนสนิทกูก่อนเองทำไม ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    กวนตีน!!! คงเป็นคำจำกัดความที่ดีสำหรับมนุษย์ที่ชื่อโอเซฮุน

     

     

     

     

    เขายอมรับว่าการปรึกษากับเชี่ยเซฮุนไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้นได้นอกจากอารมณ์.. ถึงจะไม่มีคำแนะนำดีๆ หรือคำพูดปลอบโยนเหมือนที่ชาวบ้านเค้าพูดกัน แต่เซฮุนมักจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วยคำพูดกวนๆของมันนั่นแหละ

     

    แบคฮยอนสูดลมหายใจลึกๆ เขาออกแรงยกตัวเองขึ้นโดยใช้แรงต้านจากไม้ค้ำเดินตรงไปยังกลางเวทีที่ฉากถูกตกแต่งจนเกือบเรียบร้อยร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

     

    “อาการดีขึ้นรึยังแบคฮยอน” เพื่อนสต๊าฟทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใส แบคฮยอนพยักหน้าให้เป็นคำตอบพร้อมกับส่งยิ้มกลับคืนไปให้ด้วย

     

    “เฮ้ยๆๆๆ ไอ้คุณพระเอกมันหายหัวไปไหนของมันวะ” เป็นเสียงเซฮุนที่โวยวาย แบคฮยอนหันมองรอบตัวตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเห็นร่างสูงโย่งของชานยอลที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนจนเส้นผมยุ่งเหยิง แบคฮยอนที่กำลังจะละสายตาออกมาจากร่างๆนั้นกลับต้องวกสายตากลับไปที่เดิมเมื่อเห็นว่าชานยอลไม่ได้มาเพียงคนเดียว หากแต่อาราก็เดินตามมาด้วย

     

    เสียงโห่แซวของทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันดังขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย ชานยอลทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคนรอบข้างก่อนจะจรลีกระโดดขึ้นมาบนเวทีเสียงดังตุ่บ

     

    “ไฟท์ติ้งค่ะพี่ชานยอล อ้อ พี่ด้วยนะคะพี่แบคฮยอน^^

     

    แบคฮยอนเลือกปั้นสีหน้าตอบคำเชียร์นั้นไม่ถูก เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น

     

    “ฉากนั้นสินะ” ชานยอลถามขึ้นมา ไม่รู้ว่าจงใจจะแกล้งเขารึเปล่า

     

    “อืม....”

     

     

     

     

     

    บทพูดที่ยาวเหยียดถูกถ่ายทอดออกมาโดยน้ำเสียงทุ้มกังวานของชานยอล มันเป็นบทที่ยาวและอาจดูน่าเบื่อได้สำหรับคนบางคน หากแต่ชายหนุ่มสามารถทำให้บทพูดนั้นมีสเน่ห์ขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกรักที่มีต่อเจ้าหญิง ราวกับว่าคนพูดรู้สึกเช่นนั้นจริงๆอย่างไรอย่างนั้น

     

    “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสตรีเพศหรือบุรุษเพศก็ตาม ข้าก็จะรักเจ้า เพราะเจ้าคือเจ้า..เพียงคนเดียวที่ข้าจะรัก”

     

    แบคฮยอนนิ่งงันเมื่อสบเข้ากับสายตาจริงจังของอีกฝ่ายที่มองลงมา นัยน์ตาดำขลับสั่นไหวเช่นเดียวกับหัวใจที่ไหวหวั่นจนต้องยกมือขึ้นกุมอกซ้าย ในสมองมีเพียงคำพูดในลิฟต์ตัวแคบที่วนเวียนจนคิดอะไรไม่ออก

     

    ทีมงานทุกคนต่างก็จดจ้องปฏิกิริยาของแบคฮยอนที่เกิดขึ้นบนเวที ผู้ช่วยผู้กำกับพยายามสะกิดเซฮุนให้ส่งสัญญาณไปให้พวกเขาเสียที แบคฮยอนยังต้องมีบทพูดต่อไป ทว่าเซฮุนทำเพียงมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ

     

    “เฮ้!! เริ่มซ้อมใหม่เลย อะไรของนายเนี่ยแบคฮยอน ทำไมไม่ต่อบทล่ะ” เป็นผู้ช่วยผู้กำกับคนเดิมที่ต้องตะโกนออกมา เขาส่งสายตาตำหนิมาทางเซฮุน แต่รายนั้นก็แค่ยักไหล่

     

    “พักก่อนละกัน เหมือนแบคฮยอนจะไม่พร้อมนะ” เขาพูดแค่นั้นก็แยกตัวออกไปหาอะไรดื่มอย่างไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร

     

    ชานยอลมองแบคฮยอนเหมือนคนกำลังข้องใจ ไม่รอให้ความคิดนั้นกวนใจได้นาน ชานยอลก็ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากคนตัวเล็ก “ไม่สบายรึเปล่า?”

     

    แบคฮยอนละตัวออกก่อนจะเดินกะเผลกลงเวทีเพื่อหามุมที่นั่งพัก ชานยอลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่ยังไม่ทันได้ตามลงมาถามอะไรเพิ่มเติมก็ถูกเพื่อนสต๊าฟลากคอให้ไปหาอะไรกินกัน

     

     

     

    เป็นอะไรของนายเนี่ย?

     

    ถามตัวเองทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว...

     

    คนตัวเล็กยกกำปั้นขึ้นทุบหัวตัวเองเป็นการลงโทษที่ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เขาทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงใสเข้ามาทักทายจึงเงยหน้าขึ้นมองงงๆ

     

    “นั่งด้วยคนนะคะ” อาราคือคนที่เข้ามาคุยด้วย “ไม่แน่ใจว่าพี่รู้จักชื่อฉันรึเปล่า แนะนำอีกทีเลยละกันนะคะ ฉัน อาราค่ะ”

     

    แบคฮยอนพยักหน้าให้อย่างมีมารยาท แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเธอมีเรื่องอะไรต้องคุยกับเขา

     

    “พี่ตื่นเต้นเหรอคะ?”

     

    “เอ่อ..นิดหน่อยน่ะ”

     

    อาราพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ “แหงล่ะสิ พี่ชานยอลน่ะเป็นคนหล่อ แถมนิสัยก็น่ารักขนาดนั้น คนที่อยู่ใกล้ๆพี่เขาจะต้องมีอาการประหม่าแบบนี้แทบทุกคนเลย”

     

    “อ่า....” แบคฮยอนลูบท้ายทอยอย่างไม่รู้จะตอบอะไร

     

    “แล้วพี่คิดว่า...พี่ชานยอลเป็นคนแบบไหนคะ?”

     

    แบคฮยอนทำตาโต อาราหัวเราะขำกับท่าทางเอ๋อๆของเขาก่อนจะขยายความ “ในสายตาพี่น่ะค่ะ พี่เขาเป็นคนยังไง”

     

    เขาเงียบไปสักครู่เพื่อคิดย้อนเรื่องราวต่างๆระหว่างเขากับชานยอล “ชานยอลเป็นคนชอบแกล้ง ชอบทำให้โกรธ..แต่ก็จะยิ้มยิงฟันจนตาปิด พลอยทำให้โกรธต่อไม่ลง ถึงจะดูกวนๆแต่บางมุมก็ดูอบอุ่นนะ จะคอยดูแลทั้งเรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องสุขภาพ..ไม่สิ ทุกเรื่องเลยต่างหาก” เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังคุยอยู่กับใครก็สะดุ้งแล้วทำหน้าแหยๆ

     

    “ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”

     

    แบคฮยอนมองรอยยิ้มมีความสุขของเด็กสาวตรงหน้า ตาโตๆที่ยิ้มจนปิดเหมือนกันกับชานยอลไม่มีผิด...เฮ้อ..ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนทั้งคู่ดูเหมาะสมกันขนาดไหน

     

    “แบบนี้ค่อยมีลุ้นหน่อย^^

     

     

    ประโยคสุดท้ายนั้นทำให้แบคฮยอนกลับมามีสติอีกครั้ง ความหมายแท้จริงของเนื้อความคืออะไร เขาแทบไม่อยากจะเดา

     

     

     

     

     

     

     

     

    การซ้อมครั้งต่อมา แบคฮยอนทำได้ดีขึ้น บทสนทนาดำเนินเรื่อยมาจนถึงบทที่เขากังวลมากที่สุด ชานยอลเอื้อมมือมารั้งใบหน้าของเขาเอาไว้ ระยะห่างระหว่างกันถูกร่นลงเรื่อยๆเมื่อรูปหน้าหล่อจัดลอยใกล้เข้ามามากขึ้น..มากจนได้กลิ่นหอมของลูกอมเมนทอล

     

    ห้ามตัวเองไม่ให้กำเสื้ออีกฝ่ายจนยับยู่ไม่ได้ ฝ่ามือจึงได้ประทุษร้ายต่อเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอีกครั้ง แบคฮยอนหลับตาเหมือนเมื่อคราวที่ซ้อมกัน แม้จะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ห้ามไม่ให้ใจกระตุกยากอยู่ดี ความอุ่นจากปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากตามด้วยแรงกดเบาๆผ่านเรียวนิ้วนั้น

     

    มันควรจะเป็นแบบนั้น

     

    ทว่าชานยอลกลับเลื่อนสิ่งขวางกั้นเพียงน้อยนิดนั้นออกและแนบริมฝีปากร้อนลงแทนที่ ในวินาทีแรกที่รู้ตัวแบคฮยอนผลักร่างสูงโดยสัญชาตญาณ หากแต่ขนาดร่างกายที่ต่างกันทำให้แรงนั้นแทบไม่มีผลต่อชานยอลเลยสักนิด ชานยอลยังคงป้อนจูบให้กับเขา และขบเม้มกลีบปากจนรู้สึกหวามไหว

     

    ช่างเป็นเวลาที่เนิ่นนานเหลือเกินกว่าผ้าม่านผืนใหญ่จะเลื่อนประกบเข้าหากันสนิท

     

    จนเมื่อจูบถูกถอนออกแล้ว เขาก็ผลักร่างอีกคนออกเต็มแรง แบคฮยอนจ้องเพื่อนตัวสูงด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยหยดน้ำ ในขณะที่ชานยอลไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาเห็น “แบคฮยอน ร้องไห้..ทำไม?”

     

    “แบคฮยอน!

     

    ขาที่เจ็บไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการหนีไปให้ไกลจากคนตรงหน้า แบคฮยอนคว้าไม้ค้ำได้ก็จ้ำออกจากหอประชุมไปโดยเร็ว ชานยอลที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ยืนทำหน้ายุ่ง กว่าจะคิดได้ว่าควรตามออกไปก็ตอนที่แบคฮยอนหายลับจากขอบประตูไปแล้ว

     

     

     

     

    “แบคฮยอนอา! แบคฮยอน!!” นอกจากความยาวช่วงขาที่มีมากกว่าแล้ว เขาก็ยังได้เปรียบเนื่องจากอาการบาดเจ็บของอีกคน ชานยอลเข้าประชิดและรีบคว้าแขนแบคฮยอนเอาไว้

     

    “เล่นอะไรของนาย สนุกนักเหรอที่ได้แกล้งฉัน” เขาหยุดน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยคราบของเหลวสีใสที่อาบเต็มแก้ม ชานยอลมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

     

    “แกล้งอะไร ใครแกล้งนายกัน”

     

    “ทั้งคำพูดที่ปั่นหัวกันในวันนั้น ทั้งการกระทำบ้าๆแบบนี้ จะให้เข้าใจได้ว่าอะไรอีก? สนุกใช่มั้ยที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”

     

    “แบคฮยอน..”

     

    “ขอร้องล่ะ เลิกทำแบบนี้ซักที ฉันเจ็บอะ เจ็บไปหมดแล้ว” แบคฮยอนพยายามแกะกำมือของเขาออกจากท่อนแขน แต่ชานยอลไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเดินหนีเขาไปง่ายๆแน่ กำมือแข็งแรงยิ่งออกแรงรัดมากขึ้น “ปล่อย ปล่อยเซ่!!!

     

    “ไม่ จนกว่านายจะยอมเข้าใจ”

     

    “ยังมีอะไรให้ต้องเข้าใจอีก” คนตัวเล็กไม่มีทีท่าว่าจะฟังเขาเลย เอาแต่งัดพันธนาการนั้นออกจนชานยอลต้องกระชากร่างบางเข้าประชิดตัว สายตาประสานกันอย่างจัง

     

    “ทำไมจะไม่มี”

     

    ชานยอลโน้มหน้าลงจูบเขาอีกหน แบคฮยอนดิ้นรนทุบอกอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ เลยโดนล็อกตัวเข้าชิดผนังและไล่จูบจนหมดแรง “ปล่อย!!” แบคฮยอนตวาดลั่นหากแต่ก็โดนชานยอลจูบปิดปากอีกครั้ง

     

    “แบคฮยอน ฟังให้ดีนะ...ที่ฉันจูบนาย ไม่ว่าจะเป็นบนเวที หรือตอนนี้ ฉันไม่ได้ล้อเล่น”

     

    “ที่ฉันจูบก็เพราะนายคือคนที่ฉันต้องการจูบ”

     

     

     

    “พี่ชานยอล พี่ชานยอลใช่มั้ย?” เสียงจากบุคคลที่สามทำให้ชานยอลผละออกจากร่างบางโดยเร็ว เขาหันไปและพบว่าคนที่ตะโกนเรียกเขาอยู่คืออารา

     

    แบคฮยอนใช้จังหวะนั้นเดินหนีออกมา ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาจนต้องซ่อนเอาไว้

     

     

     

    ชานยอลหันตามแบคฮยอนแต่ไม่สามารถตามไปได้ จึงหันกลับมายังหญิงสาวและยิ้มให้อย่างอบอุ่น “พี่ๆในหอประชุมให้มาตามน่ะค่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เขากับชานยอลไม่ได้พูดคุยอะไรกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกเลยหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ต่างคนต่างอยู่..และถึงแม้ชานยอลจะอยากพูดกับเขามากเท่าไหร่ ก็จะเป็นแบคฮยอนเองที่เดินหนี จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว

     

    “เฮ้ย! ไปเมากัน!!” เสียงของเซฮุนลอดมาตามสาย แบคฮยอนกดหรี่เสียงทีวีก่อนจะกรอกเสียงลงไปเบื่อๆ

     

    “เมาไม่ได้ หมอห้าม”

     

    “ไปกินบรรยากาศก็ได้นี่หว่า ไปๆไปสนุกกันเหอะ วันนี้วันเกิดน้องอาราด้วย ไอ้ชานยอลมันเลยจะเป็นเจ้ามือให้”

     

    เสียงจากปลายสายเงียบไปเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำพลาดไปแล้ว

     

    “ไปเหอะ กูไม่ไป” พูดจบก็กดตัดสาย แบคฮยอนหยิบรีโมตขึ้นมาเพิ่มระดับวอลุ่มจนมันดังเกินไป แต่ก็ยังไม่สามารถกลบเสียงโทรศัพท์ได้อยู่ดี ..คราวนี้เป็นวิดิโอคอล

     

    จากชานยอล

     

    เขาไม่รับ แต่ฝ่ายนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ ถึงได้โทรมาไม่หยุดไม่หย่อน

     

    สุดท้ายก็ต้องหยิบขึ้นมากดรับ.. เสียงอึกทึกจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างของปลายสายทำให้แบคฮยอนต้องยู่หน้า ภาพที่ปรากฏบนจอยุ่งเหยิงไปซักพักก็ปรากฏเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่ชื่ออารา

     

    “พี่แบคฮยอน ออกมาเถอะค่ะ อาราอยากให้พี่ออกมาสนุกด้วยกันนะ!

     

    เจอแบบนี้เข้าไป เขาก็ตอบไม่ถูก

     

    “นะ นะ น้า ออกมาเถอะค่ะ ถือว่าอาราขอร้องนะคะ ตามใจเจ้าของวันเกิดหน่อยสิคะ”

     

    ถึงในใจจะเจ็บแปลกๆ แต่เขากลับยิ้มรับและพยักหน้าให้ปลายสาย

     

     

    แบคฮยอน...โง่ชะมัด

     

     

     

    ชานยอลเป็นคนที่มารับเขา การที่ต้องเจอหน้าทุกวันโดยที่ไม่ได้พูดคุยกันทำให้เขาเริ่มชินกับบรรยากาศแปลกๆนี้ไปเอง ภายในรถแท็กซี่จึงเงียบกริบตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง

     

    ชานยอลพยุงเขาเข้าร้านซึ่งอยู่ในย่านสถานบันเทิงกลางใจเมือง เป็นร้านที่แบคฮยอนยังไม่เคยมาแต่เขากลับไม่ได้สำรวจบรรยากาศร้านเลยเพราะมัวแต่สนใจอยู่กับร่างสูงที่ประคองเขาไม่ได้ห่าง เมื่อมาถึงโต๊ะเสียงเฮฮาทักทายก็ดังลั่นเสียจนแสบแก้วหู พี่ลูฮานตามติดเซฮุนมาเหมือนเคย แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะไปหาเรื่องไอ้เพื่อนหน้าแหลมก็เลยได้แต่ปล่อยๆมันไป

     

    ชานยอลยังเป็นคนจัดการเรื่องเครื่องดื่มให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้งไม่เปลี่ยน แบคฮยอนยิ้มให้อาราตามมารยาทและฝ่ายนั้นก็ยิ้มกว้างกลับมาให้ เธอน่ารักมากในชุดเดรสสีขาว ผิวหน้าที่ขาวสว่างอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องตกแต่งเครื่องสำอางค์มากมาย เธอน่ารักเสียจนแบคฮยอนอิจฉา

     

    เสียงเพลงสนุกๆกับดีเจอารมณ์ดีทำให้บรรยากาศของคลับนี้ไม่น่าเบื่อ แม้ว่ารอบตัวแบคฮยอนจะไม่มีใครสนใจเขาเลยก็ตาม... แบคฮยอนแอบชำเลืองมองคู่ลุงรหัสกับเพื่อนสนิทจอมกวน สองคนนั้นหยอกล้อกันด้วยมุขตลกแป้กที่ตลกมากมายในความรู้สึกของเซฮุน ก่อนจะย้ายสายตามายังคนข้างตัว

     

    “เบื่อเหรอ?” จู่ๆชานยอลก็ถามขึ้นมา แบคฮยอนมองไปยังอาราเห็นว่าเธอนั่งหันหลังให้โต๊ะและกำลังโยกหัวไปตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน

     

    เขาส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ

     

    “อยากดื่มอะไรใหม่ๆรึเปล่า อย่างพวกม็อกเทลอะไรพวกนั้น”

     

    เขาส่ายหัวอีกครั้ง

     

    ชานยอลยังคงจ้องมองมาที่เขาไม่ละสายตา จ้องจนแบคฮยอนต้องเป็นฝ่ายหลบ ชานยอลกัดริมฝีปากตัวเองคล้ายกำลังชั่งใจ เขาค่อยเอื้อมมือหวังจะกุมเอามือเล็กนั้นไว้ ทว่าอารากลับเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน

     

    “พี่ชานยอล ไปเต้นกันเถอะค่ะ”

     

    “อ่า...” ชานยอลมองไปที่แบคฮยอน แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธอาราได้จึงต้องลุกไปจากโต๊ะตามแรงดึงของหญิงสาว

     

    อาราลากเขามากลางร้าน ท่อนแขนเล็กยกขึ้นคล้องคอเขาไว้พร้อมกับคนตัวเล็กที่ยิ้มร่าให้อย่างสดใส เธอโยกย้ายตัวไปตามจังหวะในขณะที่ชานยอลแทบไม่ขยับตัว สายตายังคงมองไปที่ร่างเล็กซึ่งนั่งทำหน้าซึมอยู่คนเดียว

     

    “พี่ชานยอล” อาราเรียกให้เขากลับมาสนใจ “อยากให้พี่แบคฮยอนหันมาทางนี้ใช่มั้ยล่ะ?”

     

    “หือ?” เขาขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำถาม

     

    “งั้นอยู่นิ่งๆนะ” ในระหว่างที่เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูก อาราก็เขย่งเท้าขึ้นมาแล้วหอมแก้มเขาหนึ่งฟอด

     

    ก่อนที่คนตัวเล็กจะหัวเราะคิกคัก “ว้า ไม่ได้ผลแฮะ พี่แบคฮยอนลุกหนีไปแล้ว”

     

    ชานยอลหันมองตามไปที่โต๊ะและก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่อาราพูด เขาไม่ได้เดินตามแบคฮยอนไปเดี๋ยวนั้นแต่กลับมาจ้องตาคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง

     

    “สารภาพมาซะดีๆ ไปก่อวีรกรรมอะไรเอาไว้? ยัยตัวแสบ”

     

    “แหะๆ” อาราลูบท้ายทอยเขินๆ “แกล้งพี่แบคฮยอนนิดๆหน่อยๆเอ๊ง”

     

    “แกล้ง?”

     

    “อื้ม.. แค่ทำให้พี่แบคฮยอนเข้าใจผิดนิดหน่อยอะค่ะ” อารายิ้มกว้างเล่นเอาชานยอลโกรธไม่ลง นี่มันเขาในร่างผู้หญิงชัดๆ “ไปดิพี่ชาย รีบไปง้อเร็ว ง้อให้ได้ด้วยล่ะ อย่าให้เสียชื่อตระกูลปาร์คนะ อิอิ”

     

     

     

    ฮึ่ม! ยัยน้องสาวตัวแสบ

     

     

     

     

     

     

     

     

    “มีแฟนอยู่แล้วก็ยังมาล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น คนบ้า นิสัยไม่ดีที่สุดเลย” แบคฮยอนเดินกะเผลกๆแหวกผู้คนแออัดเข้ามาจนถึงหน้าห้องน้ำ เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ท่อนแขนเอาแต่ยกขึ้นปาดๆถูๆกับริมฝีปาก อยากลบเอาความรู้สึกบ้าๆที่คนบ้าๆเคยทำเอาไว้ออกไปให้หมด

     

    หมับ! ท่ามกลางคนมากหน้าหลายตาที่เขาไม่รู้จัก การจู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ทำให้ตัวแข็งทื่อ ใจเขาหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแทบจะทันทีที่มีใครก็ไม่รู้มากอดจากข้างหลัง

     

    “ช่วยด้วย!!!!

     

    “ชู่วว์ ฉันเอง” แบคฮยอนชะงัก ก่อนที่จะรู้ตัวว่าต้องดันคนข้างหลังนี่ออก

     

    “ปล่อย!” เสียงแตกฮือของคนแถวนั้นทำให้ชานยอลได้แต่ฉีกยิ้มให้คนรอบๆ

     

    “แฟนผมเองครับ ขี้โวยวายจริงๆ”

     

    “ใครเป็นแฟนนาย!!!

     

    “เดี๋ยวก็ได้เป็นแล้ว” ชานยอลรวบเอาข้อมือทั้งสองข้างของแบคฮยอนไว้และดึงให้หันมาสบตากัน

     

    “หน้าด้านที่สุด เมื่อกี๊ยังหอมแก้มอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

     

    “หึงเหรอ?”

     

    “ใครหึง!!” แบคฮยอนเถียงกลับตาแทบถลน ชานยอลได้แต่หัวเราะให้กับท่าทางเหล่านั้น หารู้ไม่ว่าเสียงหัวเราะนั้นไปยั่วโมโหของแบคฮยอนมากแค่ไหน “ปล่อย!!!!!

     

    “ไม่มีทาง”

     

    “จะปล่อยไม่ปล่อย”

     

    “จะทำอะไรฉันได้ หือ?”

     

    แบคฮยอนหน้าเสียทันทีที่โดนท้าแบบนั้น เออสิ..เขามันตัวเล็กกว่า แรงก็น้อยกว่า แถมขาก็ยังเป๋อีก

     

    “คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย” ชานยอลถามเสียงนุ่ม “ไม่เคยฟังกันเลยแล้วก็คิดไปเองเรื่อยเปื่อย”

     

    คนตัวเล็กโมโหจนหน้ามุ่ยหมดแล้ว แบคฮยอนยังพยายามยื้อข้อมือตัวเองออกและแน่นอนว่าชานยอลก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นกัน

     

    “ถ้าจะหึงน้องสาวกับพี่ชายซะขนาดนี้น่ะนะ...”

     

    เหมือนว่าการเคลื่อนไหวทุกอย่างจะถูกหยุดกะทันหัน แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นจ้องเขาและเริ่มกระพริบตาปริบๆคิดตามที่เขาพูด

     

    “อาราเป็นน้องสาวฉันเอง ที่ไม่คุ้นหน้าก็เพราะยัยนั่นไปเรียนนอกตั้งแต่มอปลาย”

     

    สภาพของแบคฮยอนตอนนี้ไม่ต่างไปจากน้องหมาที่โดนดุเลยซักนิด.. แบคฮยอนทำปากอูมแล้วก็เอาแต่ก้มหน้า แต่ก็ยังไม่ละเลิกความพยายามที่จะแกะมือเขาออก

     

    “ก็เธอพูดเหมือนกับว่า..นายเป็นแฟนเค้านี่”

     

    “โดนยัยนั่นแกล้งเอาน่ะสิ” ชานยอลมองอิริยาบถของคนตัวเล็กพลอยก็ยิ้มกว้างไปด้วย เขายอมปล่อยมือให้แต่ไม่ยอมหนีห่างไปไหน กลับรั้งเอาเอวบางเข้าชิดตัว

     

    “แฟนใครน่ารักจัง”

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นแฟนนาย!!

     

     

     

     

     

     

    “อยากรู้จัง ว่าถ้าผ่านคืนนี้ไป ยังจะปฏิเสธอยู่มั้ยว่าไม่ใช่แฟนฉัน?”

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

     

     

    ดีมั้ยนะ??

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอนนี่ มีจดหมายส่งถึงแน่ะ” ชานยอลเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมซองจดหมายสีน้ำตาลในมือ แบคฮยอนที่กำลังวุ่นๆกับการเตรียมอาหารเที่ยงเดินมาหาทั้งยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน มือเล็กรับจดหมายมาไว้ในมือก่อนจะโดนอีกคนรวบตัวเข้าไปกอดแถมหอมฟอดใหญ่ๆ

     

    “ใครส่งมาเนี่ย?” เขวี้ยงค้อนทางสายตาไปให้คนขี้แกล้งแล้วก็กลับมาสนใจกระดาษในมืออีกครั้ง

     

    “เปิดดูสิ” ชานยอลยังไม่ปล่อยเอวเขา เกยคางไว้กับไหล่บาง พร้อมกับสอดปลายเท้าเข้าข้างใต้เท้าเล็ก พาเดินเตาะแตะเข้าไปในครัว

     

    แบคฮยอนหยิบเอารูปโพลารอยด์ออกมาพลิกดู ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามันเป็นรูปที่ถ่ายฉากจูบระหว่างเขากับชานยอลในละครเวที

     

    ตาใสไล่อ่านตัวอักษรที่เขียนไว้ใต้ภาพนั้น

     

     

    ก่อนจะหันไปทุบหัวคนตัวสูงข้างหลังอย่างหมันไส้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ‘From   ปาร์คอารา น้องสาวสายเลือด Y’

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END(?)




    กาเท่เร่คุง :: ฮิฮิ.. ทำไมถึงต้องมี ? งั้นหรอ?? ก็เพราะว่ามีตอนพิเศษไง๊ ^^ 
    ถ้าอ่านแล้วถูกใจคอมเม้นท์ให้ด้วยนะ ไม่งั้นไม่เอาตอนพิเศษมาลงนะเออ กระซิบว่ามี NC ด้วยล่ะ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×