คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ChanBaek . Like a dream . 1 .
Like a dream
Chanyeol ♥ Baekhyun
EXO-K Short fiction by katerekun
แค่การที่เราได้อยู่ใกล้ๆคนที่แอบชอบ
มันก็เป็นยิ่งกว่าความฝันแล้ว จริงมั้ย?
เพราะงั้น....ถ้าผมจะหวังให้คนที่ผมแอบชอบมาชอบผมตอบ..
มันคงจะมากเกินไปสินะ?
“หมาน้อยของพี่ เป็นไรเนี่ย หน้าซีดเชียว เกิดอะไรขึ้นเหรอ?!”
พยอน แบคฮยอน เด็กหนุ่มอายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกประติมากรรม หรือเรียกง่ายๆว่า เอกการปั้นนั่นแหละ ..ผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานอย่างกับผู้หญิงที่ถึงกับแหกปากร้องไห้ทันทีที่โดนลุงรหัสถามคำถามเปิดประเด็น
“ผมจะไม่ทนแล้วนะ! ฮือออออ!”
“เห? อะไรยังไง ทำไมถึงจะไม่ทน แล้วไม่ทนเรื่องอะไร?” รุ่นพี่ลูฮาน หรือก็คือลุงรหัสของเขาขมวดคิ้วจนยุ่ง หน้าตาที่หวานสูสีกันออกอาการไม่เข้าใจอย่างแรงจนต้องเอ่ยปากถามรัวขนาดนั้น
“เมื่อคืนผมไม่ได้นอนเลย”
“ห้ะ !! ไม่ได้นอน?”
แต่เอ๊ะ.. หลานรหัสของเขายังโสดอยู่นี่ แล้วทำไมถึงมาพูดว่าไม่ได้นอนล่ะ หรือว่าแบคฮยอนจะแอบไปคบหากับใครเข้า? หา!! แล้วอย่าบอกนะว่าคนๆนั้นจะเป็นคนนิสัยไม่ดี บ้ากาม ลามก ทรมานหลานรหัสสุดที่รักของเขาจนหมดเรี่ยวหมดแรงน่ะ โถๆๆหมาน้อย มิน่าล่ะ..หน้างี้ซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย
“ฮือออ ! ก็ผมโดนผีอำอีกแล้วน่ะสิพี่ T^T”
ลูฮานที่กำลังจะเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มๆของแบคฮยอนเป็นการปลอบโยน พลันต้องชะงักกึก
รุ่นพี่หน้าหวานยิ้มเจื่อน แบคฮยอนขยี้ตาที่ชื้นๆไปด้วยน้ำตาแล้วมองหน้าเขากลับมาฉงนๆ “พี่คิดอะไรของพี่น่ะ?”
“ป..เปล่านี่..” จะให้บอกไปได้ไงว่าเผลอคิดอะไรลามกๆเข้า ><
“ฮือออออ นั่นแหละ ผมก็เลยนอนไม่ได้เลย กลัวจนสั่นไปหมด ไม่ไหวแล้วอะ ไม่อยากเอาหน้าแพนด้ามามหาลัยแบบนี้แล้วอ้ะ !!!! ฮืออออออออ !!!!”
“มึงคิดไปเองปะวะ?” เสียงอันมีเอกลักษณ์นั่นก็คือเล็กๆเป็ดๆไม่สมกับหน้าตาดังขึ้น แบคฮยอนหันขวับ
“เชี่ยเซฮุน มึงก็ว่ากูตลอดอะ! กูไม่ได้คิดไปเองนะ ฮืออออ! ถ้าคิดไปเองแล้วกูจะเจอบ่อยขนาดนี้มั้ยล่ะ หัดคิดมั่งเซ่!!”
“ก็เพราะมึงคิดไปเองบ่อยๆไง” เซฮุนตอบหน้าตาเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใจเพื่อนที่ขวัญเสียจนหัวฟูหน้าซีดตรงหน้านี้เลยซักนิด
“ฮืออออออ มึงอ้ะ!! กูจะฟ้องลุงรหัสกู!!”
“พี่ได้ยินหมดแล้วล่ะ :)” ลูฮานบอกยิ้มๆ
“ฮืออออออออออ ไม่มีใครเข้าใจผมเลย ไม่มีใครเข้าใจแบคฮยอนคนนี้เลย!!!”
ตุ่บ! เสียงสิ่งของบางอย่างกระทบกับโต๊ะทำให้แบคฮยอนที่กำลังร้องไห้อย่างเป็นเอาตายชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ใบหน้าได้รูปกับลูกกะตากลมโตและริมฝีปากสีสดปรากฏอยู่ตรงหน้า...ใบหน้าของปาร์ค ชานยอล อีกหนึ่งสมาชิกในเดอะแก๊ง
“ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนป่ะล่ะ?”
ห้ะ??
“ม..ไม่นะ!!”
รุ่นพี่ลูฮานกับเชี่ยเซฮุนเพื่อนรักหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว ซ้ำยังพร้อมเพรียงซะจนเขาเองยังต๊กกะใจ ไม่สิ..นอกจากเขาจะตกใจกับปฏิกิริยาของทั้งสองคนแล้ว สิ่งที่แบคฮยอนตกใจจนหน้าเอ๋อมากที่สุดคือคำตอบแบบไม่มีผ่านสมองส่วนซีรีบรัมของตัวเอง
กูตอบเร็วไปปะวะ???
พิรุธโคตรเลยเมิ๊งงงงงง !
“อ่าว? ทำไมล่ะ?” ชานยอลเองก็ดูจะไม่เข้าใจเหมือนกัน คนตัวสูงที่จัดว่าแม่งโคตรสูงก้าวขาข้ามม้านั่งก่อนจะทรุดตัวลงฝั่งตรงข้าม “จะได้อุ่นใจไงมีเพื่อนอยู่ด้วย”
“ก...ก็มึง อยู่หอในมหาวิทยาลัยอยู่แล้วนี่” โชคดีที่เขาหัวเร็วนิดหน่อย ก็เลยให้เหตุผลได้อย่างเร็วไว
“สิงเค้าอยู่ตะหาก” ชานยอลขยิบตาพร้อมให้คำตอบ “เทอมที่แล้วตกหอว่ะ เพิ่งรู้ตัว แหะๆ ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ ก็เลยหาสิงกับพวกรุ่นน้องปีหนึ่งมันไปก่อน”
ใจของแบคฮยอนมันแป้วไปแทบจะทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ แต่สมองระดับนี้แล้ว(?)ในที่สุดเขาก็ปิ๊งไอเดีย ..และเหตุผลข้อนี้ รับรองว่าไอ้ชานยอลมันจะต้องเห็นด้วยแน่ๆ “อ้อ! ก็ค่าหอกูมันแพงไง ถ้ามึงไปอยู่ มันจะเปลืองเอาซะเปล่าๆนะเว้ย เก็บเงินไปกินเหล้าเห้อะ !!”
ชานยอลขมวดคิ้วเอียงคอ กำลังจะอ้าปากถาม แต่รุ่นพี่ลูฮานกลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน “อะไรกันไอ้หมาน้อย นี่ใจคอจะใจจืดใจดำไม่ให้เพื่อนอยู่ด้วยเหรอ ฮึ?”
“ป..เปล่านะ...” แบคฮยอนคอตก ในสมองคิดหาทางออกแต่ก็ไม่ยักเจอซักกะทาง..หรือว่าเขาจะต้องอยู่ร่วมห้องกับชานยอลจริงๆ? T.T พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยแบคฮยอนด้วย !
“หรือว่า..มึงไม่อยากอยู่กับกู?”
“ห้ะ!! ไม่นะ ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย!!” แน่นอนว่านั่นน่ะ..โกหกคำโตชัดๆ ก็ดูท่าทางลุกลี้ลุกลนนั่นเข้าสิ
“แน่ใจ๊?” แล้วไอ้บ้าตัวยาวนี่จะยื่นหน้าเข้ามาทำตาโตใส่ทำไมเนี่ย? เดี๋ยวปั๊ดจิ้มตาบอดซะหรอก !
“อือ...” แม่งโคตรเต็มใจตอบอะ แบคฮย้อนนน !
“งั้นเพื่อความสบายใจ ปาร์ค ชานยอลคนนี้จะยื่นคำปฏิญาณตรงนี้เลยละกัน ว่าจะไม่ทำให้พยอน แบคฮยอนอึดอัด จะประหยัดน้ำประหยัดไฟ แล้วก็จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของมึงด้วย โอเคมั้ย อยากได้อะไรอีกรึเปล่า?”
อยาก !!
ได้แค่ตอบในใจน่ะ...
แบคฮยอนล่ะอยากห้ามไม่ให้ชานยอลเข้าใกล้เขาในระยะ 10 เมตรเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้รังเกียจ แต่โคตรกลัวใจตัวเองเลย ให้ตายเถอะ !
และแน่นอนว่าสิ่งที่แบคฮยอนแสดงออกไปได้มีเพียงการส่ายหัว และฉีกยิ้มให้อย่างไม่มีทางเลือก รุ่นพี่ลูฮานยิ้มแฉ่งแล้วก็พูดอะไรก็ไม่รู้กับชานยอล ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะประมาณ ‘ฝากดูแลหลานรหัสพี่ให้ดีๆนะ’ อะไรทำนองนี้นี่แหละ
กระจกตู้เสื้อผ้าคงกำลังเบื่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ชื่อแบคฮยอน
แน่ล่ะ ก็วันนี้เขาส่องเงาสะท้อนของมันเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง
แบคฮยอนมองเงาตัวเองในกระจกใส ชุดที่ใส่เป็นชุดนักศึกษาที่ผ่านสนามรบมาค่อนวันแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยและยังขาวสะอาด ก็แบคฮยอนไม่ใช่ผู้ชายชอบเล่นกีฬาที่มักจะเหงื่อโชกตัวทุกเย็นหลังเลิกเรียน จะว่าไปเขาจัดอยู่ในกลุ่มของผู้ชายสำอางเสียด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนกลิ่นตัวไม่หอมฉุยวันนั้นเขาคงก้าวขาออกจากห้องไม่ได้
ฝ่ามือเล็กสมตัวยกขึ้นปัดปอยผมที่ตกลงมาระขนตาขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเม้มปากเหมือนกำลังขัดใจอะไรซักอย่าง แบคฮยอนส่ายหัวพรืดส่งผลให้ผมที่จัดทรงไว้อย่างดีเสียทรงซะหมด ไม่แค่นั้นมือเล็กที่เพิ่งจะจัดระเบียบให้เส้นผมนุ่มไปเมื่อครู่ ตอนนี้ก็กำลังยีมันเสียจนยุ่งเหยิง
“เฮ้ออออ! บ้าไปแล้ว” แบคฮยอนสบถกับตัวเอง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ตนเพิ่งจะเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร
อาหารว่างครบชุด.. ที่เขาตั้งใจจะเตรียมไว้ให้บางคน
เว่อร์ไปแล้วน่า!
ก็แค่วันนี้ชานยอลจะย้ายเข้ามา ก็แค่เพื่อนที่จะมาแชร์ห้องอยู่ด้วยน่ะ ทำไมเขาจะต้องเตรียมอะไรบ้าบอแบบนี้ไว้ให้ด้วยนะ !!
คิดได้ดังนั้นก็ตรงดิ่งไปจัดการเก็บของกินเข้าตู้เย็นตามเดิม แต่ด้วยความเร่งรีบจนเกินเหตุทำให้เขาพลาดไปทำแก้วนมหกใส่เสื้อตัวเอง แต่เท่านั้นยังไม่พอ..แก้วที่คว่ำหกเต็มเสื้ออันนั้นยังหลุดมือหล่นลงพื้นจนแตกดังเพล้งอีก
“หวา!!” แบคฮยอนตกใจ รีบก้มลงหมายจะจัดการกับเศษแก้วแตกละเอียดจนลืมระวังตัว สุดท้ายแล้วก็ไม่วายโดนเศษแก้วบาดมือเข้าจนได้ “อ้ะ!!!”
เลือดสีเข้มซึมผ่านชั้นผิวหนังขึ้นมาให้เห็น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรต่อเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
“มึงงง! เปิดประตูให้หน่อยดิ๊”
โอ๊ย ! แล้วทำไมต้องมาถึงเอาอีตอนวุ่นวายแบบนี้ด้วยนะ
คนตัวเล็กจอมซุ่มซ่ามกำลังจะลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อประตูดันเปิดเข้ามาเอง เขาเพิ่งนึกได้ในวินาทีถัดมาว่าตัวเองไม่ได้ล็อกห้อง ชานยอลที่หอบเอาลังขนาดย่อมเข้ามาด้วยหันมองเขา ก่อนจะ..
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น?” คนตัวสูงรีบวางของๆตนลง และตรงดิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็วจนเขาเองที่ยังตั้งหลักไม่ทันยังเผลอสะดุ้ง ชานยอลคว้าเอามือเขาไปและเมื่อเห็นว่ามีแผลก็จัดการลากตัวเขาไปตรงอ่างล้างจานทันที
แบคฮยอนควรจะแสบตอนที่แผลสดๆนั้นถูกสายน้ำจากก็อกไหลกระทบ แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้นอกจากอุณหภูมิเย็นๆจากฝ่ามือของชานยอลแล้ว เขาก็แทบไม่รู้สึกอย่างอื่นเลย ไม่สิ..เขาว่าเขาได้ยินเสียงหัวใจที่ดังโครมครามของตัวเองอยู่นะ แม่ง..ดังเกินไปมั้ยเนี่ย ??
“มีพวกแอลกอฮอล์ กับทิงเจอร์ฯมั้ย? อ้อ พลาสเตอร์ด้วย”
แบคฮยอนส่ายหัวแบบคนไม่มีสติ
“อยู่ไหน?” แต่ชานยอลแม่งเสือกเข้าใจความหมายของการส่ายหัวซะผิด.. มึงควรกลับไปเรียนลูกเสือสำรองใหม่นะ -*-
“ต..ตรงนั้น มั้ง” เขาตอบ และชานยอลก็รีบตรงดิ่งไปเปิดลิ้นชักที่เขาชี้นิ้วไป ไม่นานคนตัวสูงก็กลับมา
“แสบหน่อยนะ”
ไม่เห็นจะแสบเลยแฮะ..แบคฮยอนคิดแบบนี้ ตอนที่เอาแต่มองใบหน้าของเพื่อนและแอบยิ้มอยู่คนเดียว อันความจริงคือเขาไม่ได้สนใจเรื่องบาดแผลของตัวเองเลยซักนิด
“มองไรเนี่ย?”
จู่ๆชานยอลก็เงยหน้าขึ้นมา เขาก็เลยได้เผลอจ้องตาอีกฝ่ายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แบคฮยอนแทบสำลักลมหายใจตัวเอง เขากระพริบตาหนึ่งปริบและรีบชักมือตัวเองออกมาอย่างแรงจนเจ็บเสียเอง “โอ๊ย!”
“เดี๋ยวดิ ยังไม่ได้ติดพลาสเตอร์ให้เลย” ชานยอลคว้ามือนุ่มกลับไปคืน แบคฮยอนมองสิ่งที่คนตัวสูงนี้ทำให้อย่างหวั่นๆ บอกเลยว่าเพิ่งจะรู้สึกว่าเขินจนแก้มชาไปหมด พอคิดกลับไปว่าเมื่อครู่นี้เขามองชานยอลไม่วางตาก็ยิ่งหวั่นไหว ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำแบบนั้นลงไปได้ยังไง ><
“เพี๊ยง หายเร็วๆนะ”
“ต..ติ๊งต๊องว่ะ เพี๊ยงเพิ่งอะไรล่ะ” ยังดีที่แบคฮยอนยังมีสติพอที่จะพูดอะไรกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตนเองออกไปได้บ้าง ชานยอลหัวเราะจนตาหยีและยังไม่ยอมปล่อยมือ จนแบคฮยอนต้องเป็นฝ่ายเลื่อนมือตัวเองออกมาจากการเกาะกุมนั้นแทน
“ดูเข้า เสื้อก็เลอะหมด มอมแมมเป็นลูกหมาเชียว”
“ว่าใครลูกหมา?”
“ว่าใครล่ะ?”
“ว่ากูไง”
“ปิ๊งป่อง !” ชานยอลดีดนิ้วพร้อมกับหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี จะไม่ให้เขาอารมณ์ดีได้ยังไง ก็ดูเพื่อนตัวเล็กของเขาสิ หน้างี้บูดเป็นตูดเด็กกะอีแค่โดนเค้าแกล้งนิดๆหน่อยๆ เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง เพื่อนๆในกลุ่มถึงได้ชอบรุมแกล้งมัน “มึงคิดถูกแล้วล่ะที่ให้กูมาอยู่ด้วย ดูดิ..ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาก็ซุ่มซ่ามซะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่คนเดียวจะได้ไปกี่แผลแล้ว”
“...” อีกฝ่ายเงียบและทำเพียงพองแก้มจนกลมดิ๊ก ดูท่าว่าอารมณ์คงไม่ดีจริงๆซะแล้ว ชานยอลก็เลยต้องเปลี่ยนเรื่อง เขาเอื้อมมือไปแตะกระดุมเสื้อแบคฮยอน อย่างกับสะกิดโดนสวิชต์ แบคฮยอนสะดุ้งแล้วก็ผงะถอยหลังอย่างรวดเร็ว “จะทำอะไรวะ?!”
“เสื้อนั่นไง ถอดมาดิ จะซักให้”
“ก..กูซักเองได้” ปฏิเสธหน้าตื่นจนชานยอลต้องเอียงหัวมองด้วยความไม่เข้าใจ แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะล้มเลิกความคิดง่ายๆ
“นิ้วมึงเพิ่งโดนแก้วบาดไปหมาดๆ โดนน้ำเดี๋ยวก็เน่ากันพอดี ให้กูซักอะดีแล้ว กูซักผ้าเก่งนะเว้ยไม่อยากจะคุย” ชานยอลเลิกคิ้วให้อย่างเด็กอวดเก่ง ทว่าอีกคนกลับกอดตัวเองแน่น “เหอะน่า ถอดมา” มือยาวตรงแหน่วเข้ามาหมายจะปลดเสื้อออกจากคนตัวบาง แบคฮยอนที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้วได้แต่ปัดป้องตนเองจนวุ่นวายไปหมด
และเหมือนชานยอลก็จะยิ่งได้ใจ พอเห็นเพื่อนดิ้น เขาก็ยิ่งพุ่งเข้าใส่ นิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่เลอะไปด้วยคราบนมนั่นได้ 2 เม็ดแล้ว กำลังจะปลดเม็ดที่สาม หากแต่บางสิ่งบางอย่างทำให้เขาต้องหยุดกึก
ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า?
แต่ชานยอลรู้สึกได้ว่าแก้มเขาร้อนวูบวาบตอนที่เห็นแผ่นอกขาวๆของแบคฮยอน...
แบคฮยอนอาศัยจังหวะที่ชานยอลเผลอตะครุบเสื้อเข้าหากันแล้วกระโดดลงจากโซฟาวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วสูง ปล่อยให้ชานยอลที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนั่งหน้าเอ๋ออยู่กลางห้อง
ปัง !!
แบคฮยอนหันหลังพิงประตูและหายใจหอบแรง วางมือทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายก็พบว่าก้อนเนื้อที่อยู่ในนั้นเต้นแรงจนรู้สึกได้
นี่แค่วันแรกก็ทำให้เขาวุ่นวายใจขนาดนี้แล้ว
แบคฮยอนแทบไม่อยากจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เลย
ชีวิต..ที่มี ‘คนที่เขาแอบชอบ’ อยู่ใกล้ๆตลอดเวลา....
มันจะเป็นยังไง ???
“เฮ้ออออออ!!”
คุณรู้มั้ย ยานอนหลับขนานดีนั้นมีอยู่ที่ไหน?
ผมตอบให้ว่ามีอยู่ในห้องเลคเชอร์ของมหาวิทยาลัยแทบจะทุกวิทยาลัย...
น้ำเสียงเนิบนาบนั้นคงไว้ที่คีย์เดิมตั้งแต่เมื่อ 45 นาทีที่แล้วและไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไป เซฮุนเอามือท้าวคางพยายามฝืนตาที่ปรี่ปรือไม่ให้เปลือกตาบนนั้นตกลงมาจูบกับเปลือกตาล่าง แต่มันก็ยากซะเหลือเกิน เขาสัปผงกจนหน้าเกือบทิ่ม เป็นจังหวะเดียวกับที่รู้สึกตัว หน้าผากก็เลยไม่ได้ฟาดลงกับโต๊ะ เซฮุนสะบัดหัวที่กำลังมึนงงและหันมองเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ แบคฮยอนนั่งตาใสแป๋วจ้องมองไปที่โปรเจคเตอร์เบื้องหน้าจนเขานึกอิจฉา
“แบค...”
“....” มันตั้งใจเรียนเกินไปปะวะ? เซฮุนคิดแต่ก็ยังไม่ละเลิกความพยายามที่จะดึงความสนใจจากไอ้แบคฮยอน
“มึง!”
“....” เหมือนเดิม ยังคงมีแต่ความเงียบที่ตอบกลับ เซฮุนเอียงหัวก่อนจะลองยื่นมือออกไปปัดๆตรงหน้ามัน และผลก็คือแบคฮยอนแม่งนิ่ง
..หลับใน?..
เชี่ยละ..เซียนกว่ากูซะอีก !!
“ไอ้แบค”
“หือ?” แบคฮยอนขานรับงงๆ ตอนที่เลิกคลาสแล้วโดนเพื่อนสนิทรั้งแขนเอาไว้ หากแต่เพื่อนตัวสูงหน้านิ่งไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรต่อ กลับดึงตัวเขาให้เดินตามไปตรงบันไดหนีไฟซึ่งอยู่อีกมุมของตึก เซฮุนลากเขาเข้าไปชิดกับกำแพงแล้วยืนคร่อม
“มึงตอบกูมาตามตรงแบค”
แบคฮยอนขมวดคิ้ว มองการกระทำแปลกๆของเพื่อนแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ไร?”
“วันนี้มึงเหม่อ”
คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ
“มึงกำลังคิดอะไรอยู่?”
“เอ๊าเชี่ย กูคิดอะไรทำไมกูต้องบอกมึงด้วยเนี่ย? เพี๊ยนป้ะมึงเนี่ย?”
เซฮุนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแบคฮยอนรู้สึกขนลุกวาบ “มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมากี่ปีละ อย่านึกว่ากูไม่รู้”
“อะไรของมึงเนี่ย!”
“ตอบกูมา”
“ตอบอะไรเล่า?”
“ตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่” เซฮุนใช้มือล็อกไหล่เพื่อนไว้ตอนที่แบคฮยอนพยายามจะหนีออกนอกวงกบ “เมื่อวานเป็นวันแรกที่มึงกับไอ้ชานยอลอยู่ด้วยกัน ใช่มั้ย?”
ลางสังหรณ์แปลกๆเริ่มคืบคลานเข้ามา แบคฮยอนเริ่มรู้สึกเย็นๆที่สันหลังตอนที่ได้ยินคำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับชานยอล “ทำไมจู่ๆต้องถามถึงชานยอลด้วยวะ?”
“ตอบมา!”
“อืม ใช่ ทำไม?” เซฮุนมีสีหน้าเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แบคฮยอนเลยผลักอกมันไปที “ไอ้เซฮุน ปกติมึงไม่ใช่คนที่ยุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้นะ บอกมา..พี่ลูฮานสั่งมึงมาใช่มะ?”
“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ตอบคำถามกูอย่างเดียว” เอ่าเชี่ย..วันนี้มันมาอารมณ์ไหนวะเนี่ย ถึงเขาจะคบกับเซฮุนมานาน แต่ก็ใช่ว่าจะเดาอารมณ์มันถูกหรอกนะ ไอ้นี่มันขึ้นๆลงๆ เอาใจยากจะตาย
“มึง..อึดอัดเวลาอยู่กับชานยอลใช่มั้ย?”
เรื่องนี้ชักแปลกเข้าไปทุกที แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องตอบคำถามให้เพื่อนหน้าดุต่อไปเพราะถูกบังคับ
“ก็ไม่หนิ เฉยๆ...”
“มึง....แอบชอบชานยอลใช่มั้ย?”
“ห้ะ !!!”
“ตกใจขนาดนี้ต้องใช่แน่ๆ สารภาพกับกูเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่ามึงชอบชานยอล”
อะไรของมันเนี่ย ??? แม่งรู้ได้ไงอะ??!!!
“เชี่ยเซฮุนมึงอย่ามามั่ว” แต่จุดนี้ แบคฮยอนขอแถก่อนล่ะครับ ใครเค้าจะไปหลงกลมันกัน ถ้าเผื่อว่ามันไม่ได้รู้อะไรจริง..แต่แค่เอามาหยอดให้เค้าติดกับก็แย่กันพอดีน่ะสิ
“ไอ้แบค ถ้ามึงไม่บอกกูตรงนี้ กูจะเอาไปบอกไอ้ชานยอลมันเอง” แล้วเซฮุนก็ทำท่าจะเดินออกเดี๋ยวนั้น
“อย่า!!” ฮือออออ..ไอ้เซฮุน ใจร้ายอะ ใจร้ายมากที่ทำกับกูแบบนี้
แบคฮยอนรีบรั้งชายเสื้อเพื่อนไว้อย่างเร็ว เขาทำหน้าหมาหงอยคอตกในขณะที่เซฮุนยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “ตกลงว่ามึงชอบชานยอลจริงๆ?”
แบคฮยอนพยักหน้า ตอนนี้เขาแทบจะร้องไห้แล้วนะ T^T
“เชี่ยแบค..” เพื่อนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาทั้งคู่มีน้ำใสๆปริ่มอยู่ “มึงอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับใช่มั้ยวะ?”
แบคฮยอนพยักหน้าอีกหน
“งั้น...มึงมาเป็นนางเอกละครเวทีของคณะให้กูหน่อยนะ”
!!!!
เชี่ยเซฮุน มึงเลวมากกกกกกกกกกกกก!!!!
นี่คือจุดประสงค์ของมึงใช่มั้ย????
“รับรอง ว่าจะไม่มีใครหน้าไหนล่วงรู้ความลับของมึงแน่ :)”
แน่นอนว่ายกเว้นโอเซฮุนคนนี้ ที่แม่งโชคโคตรดีดันแอบไปเห็นคำว่า chanyeol ที่ไอ้แบคฮยอนมันเขียนไว้เต็มหน้ากระดาษตอนที่มันเหม่อ...
หึหึ
กรี๊ดดดดดดด นั่นชานยอลใช่มั้ย
รุ่นพี่ชานยอลเดือนคณะปีที่แล้วไงแก !
“ชานยอลอา จำเราได้มั้ย? ที่อยู่ฝ่ายสถานที่ตอนงานประกวดปีที่แล้วไง”
“พี่ชานยอลคะ พี่มาทำอะไรที่นี่อะ?”
“รุ่นพี่ชานยอล หนูซื้อน้ำมาให้พี่ค่ะ นี่ค่ะ”
“ชานยอล..”
ชานยอล....
และชานยอล
เซฮุนมองภาพความวุ่นวายที่รุมล้อมเพื่อนสนิทอย่างค่อนข้างคุ้นชิน แต่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไหร่ บางทีก็แอบขัดหูขัดตาอยู่บ้างเวลาที่เห็นไอ้ยีราฟคอยาวมันแจกยิ้มหวานไปทั่ว แถมยังพูดจาเอาอกเอาใจโดยที่ไม่แสดงอาการรำคาญแฟนคลับพวกนั้นแต่อย่างใด
ถ้าเป็นเขานะ แค่ส่งสายตาอำมหิตออกไป สาวๆหน้าไหนก็หัวหดกันเป็นแถว...
ชานยอลที่เพิ่งหลุดออกมาจากเหล่าแม่ยกโบกมือให้เขาอย่างคนอารมณ์ดี “โทษทีที่สาย อย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ” พอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ยักไหล่ให้
“เออรู้” เซฮุนตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับต้องขมวดคิ้วตอนที่ชานยอลเอาข้าวของเครื่องใช้ที่เพิ่งได้รับจากแฟนคลับมาโยนให้ แต่ถึงจะไม่เต็มใจ เซฮุนก็จำต้องหอบมันไปกองไว้ตรงกองสัมภาระส่วนรวมและเดินกลับมาหน้ามุ่ยๆ
“อะบท อ่านรอไปก่อน นางเอกแม่งยังไม่โผล่หัวมา”
“อ่าว เมื่อกี๊ก็เห็นซอลลี่อยู่หนิ”
“หมายถึงอีกคน”
“อีกคน?”
“นางเอกในร่างผู้ชาย”
“ใครวะ?”
“เดี๋ยวก็รู้” จบที่เซฮุนพูด เขาก็เห็นร่างของใครบางคนกำลังวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“โทษที มาสาย” แบคฮยอนเหวี่ยงกระเป๋าสะพายไปให้เซฮุนที่ทำหน้างงอีกครั้ง...นี่กูกลายเป็นเบ๊พวกมึงไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย? “ขอน้ำด้วยเซฮุน คอแห้งชะมัด”
“เอ่อ..ได้...”
แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ว่างตัวใกล้ๆ ไม่นานน้ำเย็นๆก็มาเสิร์ฟ เขายกมันขึ้นกรอกลงคอก่อนจะเพิ่งสังเกตเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม “แค่ก!!”
“ค่อยๆกินก็ได้” ชานยอลบอกยิ้มๆ
แบคฮยอนจัดการเอาแขนปาดคราบน้ำออกปากตัวเอง ก่อนจะเหลือกมองเขาตาโต “มึง..มึงก็มาช่วยงานนี้เหมือนกันเหรอ?”
“อื้ม ไอ้เซฮุนขอให้ช่วยน่ะ” แบคฮยอนมองตามเจ้าของชื่อที่ตอนนี้แยกตัวออกไปจัดการโน่นนี่นั่นแถวๆเวทีแล้ว เขายังจำเรื่องเมื่อวานได้อยู่เลย..เรื่องที่มันแบล็คเมล์เขานั่นแหละ ฮี่ม! อย่าให้กูเอาคืนนะ !!
“มึงก็โดนไอ้บ้านั่นหลอกเหมือนกันเหรอ?” ถามต่อโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ปากจู๋ๆยังคงดูดน้ำเย็นๆไปเรื่อยๆ “แล้วอยู่ฝ่ายไหนอะ มาช่วยจัดสถานที่เหรอ?”
“เปล่า”
“เขียนบท?”
“เปล่า”
“อ่าว แล้วนี่มึงมานั่งทำหน้าหล่อเกะกะสายตาเพื่อ??”
“เป็นพระเอกของเรื่องน่ะ”
พรวดดดดด !!!
น้ำที่เพิ่งดูดเข้าไปถึงกับพุ่งออกมาอย่างกับปืนฉีดน้ำ แบคฮยอนสำลักอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะร้ายแรงกว่า เพราะจมูกเขาแดงไปหมด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พยอน แบคฮยอนอยากตะโกนบอกทุกคนว่า...
เชี่ยเซฮุนแม่งเลวมาก เลวกว่าเมื่อวานเป็นล้านเท่าพันเท่าเลยเว้ยยยยย !!!!
“กู.โกรธ.มึง”
“โกรธเรื่องไรว้า?” ถึงปากมันจะถามกลับมาอย่างนั้น แต่หน้าตาไอ้เซฮุนตอนนี้กวนพระส้นติงของพยอน แบคฮยอนมาก! แล้วกูเกลียดลูกกะตาของมึงอะ ช่วยแหกตาตัวเองหน่อยได้มะ แม่งเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา..พาลครับพาล
อารมณ์เดือดๆของแบคฮยอน ณ ตอนนี้ทำให้เขาแทบจะกระโดดงับหัวไอ้เพื่อนหน้ากวนตรงหน้านี้ได้เลย แต่จะติดก็ตรงที่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่กันสองคน แต่กำลังนั่งเปล่งประกายรัศมีความเจิดจ้าอยู่กลางผับหรูกลางใจเมือง
“โทรตามชานยอลรึยังน่ะ?” รุ่นพี่ลูฮาน เจ้ามืองานเลี้ยงวันนี้ยื่นหน้าเข้ามาถาม เซฮุนพยักหน้าให้คำตอบและก็เลยเถิดไปชวนลุงรหัสของเขาคุยต่อจนยาว แบคฮยอนเลยจำต้องกลับมานั่งแกว่งแก้วเหล้าในมือตัวเองและมองบรรยากาศรอบๆตัวเผื่อว่าความสนุกสนานจากคนรอบข้างจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“โทษทีมาช้า” แก้วเหล้าเกือบหลุดตกพื้นตอนที่มีลมหายใจเย็นๆปะทะข้างใบหู ชานยอลเบียดร่างสูงๆเข้ามานั่งข้างเขาและหันมายิ้มให้ท่ามกลางแสงไฟหลากสีที่สาดกระทบ แบคฮยอนกลับมาตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่มือหนาคว้าแก้วเหล้าไปจากมือและจัดการชงเครื่องดื่มให้ใหม่เนื่องจากมันพร่องลงเหลือไม่ถึงครึ่งแก้ว
ถามว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษอะไรถึงต้องมาฉลองกันถึงในเมือง แทนที่จะเป็นร้านเหล้าเล็กๆแถบมหาวิทยาลัยที่พวกเขาชอบไปรวมพลกันบ่อยๆ แบคฮยอนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าโดนไอ้เซฮุนลากตัวมาโดยที่มีข้อมูลเพียงว่า ลุงรหัสมึงจะเลี้ยง!
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน ^^” ลูฮานยืนขึ้นพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมากลางวง คำพูดแปลกๆนั้นทำให้หลานรหัสตัวเล็กข้องใจ
“พี่หมายถึงงานคณะอะเหรอ? เว่อร์น่าพี่ลูฮาน”
“งั้นใครก็ได้ช่วยคิดหน่อยดิ ว่าวันนี้เราควรฉลองงานอะไร”
แบคฮยอนย่นคิ้วหน้ายู่ ลูฮานเห็นหน้าตาท่าทางแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะกำมะเหงกมาเขกโป้กลงกลางหน้าผาก “เคยจำอะไรได้บ้างมั้ยเนี่ย?”
“เฮ้ย! วันนี้วันเกิดพี่นี่!!”
กลายเป็นเซฮุนที่หูตั้งหางกระดิกขึ้นมา เอ่อ..นี่คนหรือหมาวะ?
แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อได้รับการแถลงไข ที่เขาตกใจขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าเขาเพิ่งจะได้รู้จักรุ่นพี่ลูฮานเมื่อไม่นานมานี้เอง ทั้งที่เพื่อนสนิทของเขารู้จักกับพี่ลูฮานตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว แต่เขากลับเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อแล้วก็เสียงผ่านทางโทรศัพท์
แล้วนี่..วันเกิดพี่ลูฮานทั้งทีแต่เขากลับไม่มีของขวัญจะให้เนี่ยนะ
ทำเสียคะแนนแล้วมั้ยล่ะ???
“อย่างงี้พี่คงไม่ต้องหวังเรื่องของขวัญเลยใช่มะ?” ลูฮานกอดอกทำปากมู่ แบคฮยอนเลยรีบเข้าไปออดอ้อน
“โธ่ พี่ลูฮานอ้ะ อย่างอนผมน้า! ช่วงนี้ผมยุ่งนี่นา นะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปช้อปเลย!”
“จริงนะ?”
“สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยอะ!”
“น่ารักมาก!!” แล้วแบคฮยอนก็เลยโดนดึงแก้มโย้ไปทีนึงเป็นการลงโทษที่บังอาจลืมวันเกิดลุงรหัสคนนี้!
หมับ! แบคฮยอนหันขวับตอนที่โดนคว้าข้อมือ และโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ถูกไอ้เซฮุนเพื่อนรักลักพาตัวอีกแล้ว
“ย๊า! วันนี้วันเกิดพี่ลูฮานทำไมไม่บอกกันวะ?”
“เอ่าเชี่ย มึงก็เห็นอยู่ว่าขนาดกูเองยังลืมเลย แล้วยังจะให้ไปบอกมึงอีกเนี่ยนะ”
“ไม่รู้ล่ะ มึงทำกูเสียคะแนนหนิ”
แบคฮยอนเหล่ตามองเพื่อนสนิทตัวโย่งที่ยืนสลัดตัวไปมาเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น เขาแอบเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วตั้งใจแซวมัน “อ้ะๆ ไหนว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับลุงรหัสกูไง?”
!!
“แล้วใครบอกว่ากูคิด?”
“แหม ท่าทางมึงนี่ดูไม่ออกเล้ย!”
“ห่าแบค มึงนี่ท่าจะเมาและ วุ้วว ไม่คุยกะมึงแล่ว!!” แล้วไอ้เซฮุนมันก็ทำหน้ามึนเดินหนีเขาไปดื้อๆซะอย่างนั้น แบคฮยอนทำเพียงยักไหล่ก่อนจะกลับไปสมทบที่โต๊ะตามเดิม ทว่าทั้งโต๊ะกลับมีแค่เซฮุนนั่งโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง
“อ่าว พี่ลูฮานกับชานยอลไปไหนแล้วล่ะ?”
เซฮุนเพยิดหน้าไปตรงฟลอร์กลางร้าน เขามองลอดผ่านผู้คนที่กำลังโยกย้ายส่ายเอวจนแน่นขนัดพื้นที่นั้นไปอย่างยากลำบาก แต่แน่นอนมันไม่ยากเกินไปที่จะเห็นสองคนที่ตามหา
ร่างแบบบางของรุ่นพี่ลูฮานที่กำลังเคลื่อนไหวคลอเคลียไม่ห่างจากร่างสูงของชานยอล จังหวะการเต้นที่เข้ากันดีไม่มีสะดุด และรูปร่างหน้าตาที่จัดอยู่ในกลุ่มคนหน้าตาดี ออกจะติดแนวหน้าซะด้วยซ้ำ..ทุกอย่างกำลังสะกดสายตาของคนเกือบทั้งร้านไว้ยังจุดๆเดียวกัน
“มึงหึงปะเนี่ย?” แบคฮยอนเอ่ยประโยคคำถามออกมาลอยๆ มือขวาท้าวคาง อีกมือยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“หึงบ้าไรล่ะ?” เซฮุนปฏิเสธเสียงแข็งและคว้าแก้วเหล้ามากรอกลงคอบ้าง แบคฮยอนเหลือบสายตามองมันก่อนจะส่ายหัวออกมาเบาๆ
หน้าตาของเซฮุนตอนนี้แทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ย??
แบคฮยอนหันกลับไปมองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง ฟันเรียบขบกัดริมฝีปากตัวเองไว้พร้อมกับสายตาที่ละห้อยจนปิดไม่มิด
นี่เขากำลังอิจฉาลุงรหัสของตัวเองอยู่ใช่มั้ย ?
ถ้าใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆโต๊ะของพวกเขา แน่นอนว่าคุณจะได้เห็นภาพหมาหึงกับหมาหงอยนั่งเคียงข้างกันอยู่... ดูแล้วน่าสงสารพิลึก =_=
เมื่อทั้งลูฮานและชานยอลกลับมายังโต๊ะของตัวเอง พวกเขาก็พบว่าอีกสองคนที่เหลือได้กลายร่างเป็นงูกันไปหมดแล้ว
“เฮ้ย! ทำไมเมากันเร็วจัง?” ลูฮานเขย่าตัวหลานรหัสตัวเล็ก เสียงบ่นงึมงำๆดังให้ได้ยินก่อนที่ใบหน้าขาวอมชมพูจะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าบู้บี้ใส่
“แย่แล้ว สงสัยคืนนี้นายคงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะ” เขาหันมาบอกรุ่นน้องตัวสูงข้างๆ ชานยอลหัวเราะน้อยๆแต่ก็เข้ามาพยุงแบคฮยอนขึ้นจากโต๊ะ
“แล้วไอ้ตัวยาวโน่นล่ะฮะ?”
ลูฮานหันมองเซฮุนที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากแบคฮยอน เขายิ้มอย่างไม่หนักใจอะไร ร่างบางตรงเข้าไปเขย่าตัวรุ่นน้องเบาๆ แต่รายนั้นไม่แม้จะรู้สึกตัว “หอนายนี่อยู่ทางเดียวกันกับหอพี่น่ะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ดูแลทางนั้นให้ดีเถอะ”
ชานยอลรับปากกับรุ่นพี่หน้าสวย และจัดแจงพารูมเมทคนใหม่กลับมายังห้องจนสำเร็จ แม้ว่าระหว่างทางตอนอยู่บนแท็กซี่แบคฮยอนจะดื้อไปบ้างก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรสำหรับเขา
เขาจับแขนทั้งสองข้างของแบคฮยอนมาเกาะไว้บนหลังของตัวเอง เพื่อที่จะได้โน้มตัวลงถอดรองเท้าให้ เสร็จแล้วก็ค่อยๆพยุงให้เดินไปยังห้องนอน
“งื้อออออ! ร้อนอ้ะ!” จู่ๆแบคฮยอนก็โวยวายขึ้นมาทั้งที่เงียบไปตั้งนานแล้ว ตัวเล็กยกมือผลักเขาออกแล้วทำท่าจะถอดเสื้อยืดตัวโคร่งออกจากตัว
“เฮ้ย! อย่าเพิ่งดิ เข้าไปในห้องก่อน เดี๋ยวเปลี่ยนให้” ชานยอลบอกและพยายามรั้งมือทั้งสองออกมาจากชายเสื้อ
“ม่ายอาวววว จาถอด!” แต่ใครเล่าจะคิดว่าตัวเล็กๆแบบแบคฮยอนจะมีแรงเยอะขนาดที่ผลักคนตัวใหญ่ๆอย่างเขาออกได้ รูมเมทตัวเล็กจัดการรื้อชุดของตัวเอง ดึงมันขึ้นมาจนติดหัว ยื้อยุดกับเสื้อของตัวเองจนมันหลุดออกมาจนได้..
แต่เพราะเจ้าตัวเมาจนแทบไม่ได้สติ แรงกระชากนั้นก็เลยทำให้เขาเกือบหัวทิ่มลงจูบกับพื้นถ้าไม่ได้ชานยอลรั้งตัวเอาไว้ ชานยอลก้มมองคนในอ้อมแขนที่กำลังเอาคางเกยอยู่กับแผ่นอกของตน ดวงตาหวานเยิ้มจ้องมองเขาไม่กระพริบ
“เมื่อวาน...” แบคฮยอนเริ่มพูด “ไม่โดนผีอำแหละ ^^”
ชานยอลยังคงเงียบอยู่ท่ามกลางความมืด
“เป็นเพราะมึงแหละโย่ง”
คนตัวสูงถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อเรียกตนเองดังมาจากปากอีกฝ่าย ชื่อนั้นเขาค่อนข้างชินแล้วเพราะเพื่อนในกลุ่มก็เรียกเค้าอย่างงี้ทั้งนั้น...จะมีก็แค่แบคฮยอนนี่แหละที่ไม่เคยเรียกเลยซักครั้ง
“โย่ง?...ปกติไม่เห็นเรียกนี่”
“ไม่กล้าเรียกหนิ” แบคฮยอนตอบปากจู๋
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่รู้~”
ชานยอลยิ้มบางๆออกมา เขารั้งไหล่บางออกจากตัวเล็กน้อย “เมาเหรอ?”
แบคฮยอนพยักหน้าเหมือนเด็กน้อย แต่เหมือนกับเพิ่งนึกอะไรได้ เขาเปลี่ยนมาส่ายหัวรัวจนเส้นผมฟุ้งกระจาย
“เมาชัวร์แบบเนี้ย”
“โย่ง..” แบคฮยอนไม่ได้เถียงตอบ แต่กลับเรียกเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“หืม?”
“วันนี้..กูอิจฉาลุงรหัสกูมากเลยอะ...”
“ทำไมล่ะ?” ชานยอลยังใจเย็นที่จะคุยด้วย เขาคว้ามือเล็กๆที่ไหลหลุดจากบ่าเขาขึ้นมา กระชับอ้อมแขนเพื่อให้แบคฮยอนยืนตรงๆได้
“พี่เค้าได้เต้นกะมึงหนิ” แบคฮยอนตอบอ้อมแอ้มในลำคอแต่เขาได้ยินมันชัดเจน “กูอยากเป็นคนที่ได้อยู่ใกล้ๆมึงอะ”
ชานยอลยิ้มบางออกมาอีกครั้ง เขาใช้สายตาพินิจใบหน้าของคนที่ตัวเล็กกว่า...ตาก็เชื่อม แก้มก็แดง อยากจะรู้จริงๆว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวมั้ยนะว่าพูดอะไรออกมา
“แบบนี้ยังไม่ใกล้อีกเหรอ?” เขาหมายถึงระยะห่างที่มีเพียงความอุ่นระหว่างกายขวางกั้นนี้...แบคฮยอนยิ้มแก้มตุ่ยและพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเด็กน้อยง่วงนอนไม่มีผิด
“แล้ว...แบบนี้ล่ะ?”
ในตอนที่คำถามนั้นจบลง
ปลายจมูกโด่งได้แตะผ่านกันเพียงนิด ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะเอนเอียงเพื่อเบียดริมฝีปากเข้าหา..ชานยอลแนบริมฝีปากลงไปกับกลีบปากนุ่มอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับฝ่ามือหนาที่โอบกอดแผ่นหลังเปลือยเปล่านั้นอย่างทะนุถนอม
ด้วยสัญชาตญาณ ร่างของแบคฮยอนกระตุกน้อยๆ กำมือเล็กยกขึ้นมาดันอกอีกฝ่ายไว้คล้ายจะป้องกันตัว แต่ชานยอลคว้าไว้ได้เสียก่อน เขาจับมือทั้งสองข้างไปคล้องไว้กับลำคอของตน ก่อนจะย้ายฝ่ามือหนามาประคองใบหน้าขาวใสนี้ไว้ ชานยอลกดจูบย้ำลึกจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของปลายลิ้น กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก..เขารู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นที่น่าหลงใหลซะเหลือเกิน
ชวนหลงใหลเสียจนต้องเข้าไปค้นหาความลับที่อยู่ภายในนั้น
เนิ่นนานแค่ไหนไม่มีใครรู้
ชานยอลถอนจูบอย่างอ่อนโยน..ก่อนจะนิ่งไปเพียงครู่
ดวงตาดำขลับช้อนขึ้นมองเขานิ่ง ทว่าหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีหรือน้อยกว่านั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจคือร่างกายบอบบางของพยอน แบคฮยอนนั้นหมดเรี่ยวแรงจนเขาต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อโอบอุ้มเอาไว้
“แบคฮยอนอา!”
เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะอะไร
ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะ จูบ…
TBC
ความคิดเห็น