คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : คุณยังจำรักแรกของคุณได้หรือเปล่า?
ผมมองไปยังไอ้ตัวดีที่สูบก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยตรงหน้าแถมยังทำท่าเหมือนกำลังจะสั่งเพิ่มอีกชาม “มึงไปหิวอะไรมานักหนานั่น” ถามไปด้วยความสงสัยจากใจจริงทุกประการ
มันเงยหน้าขึ้นมามองผมตาแป๋ว “ก็กูหิว อาจารย์แม่งซ้อมโหดชิบหายเลย เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
เออครับ พูดทั้ง ๆ ที่ข้าวเต็มปากนั่นแหละ
ผมละสายตาจากคนตรงหน้า ขืนซักไซ้อะไรต่อคงจะโดนมันด่าว่า ‘เสือกเหี้ยอะไรมันนักหนา’ ไม่ช้าก็เร็ว
ณ ขณะนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นเห็นจะได้ แต่ผมกับไอ้ ‘ต้าร์’ ก็มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวซกเล็กร้านป้าฝนกันอยู่ เป็นเพราะไอ้ตัวดีนี่แหละครับดันเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน ... จะหนีกลับก่อนก็กลับไม่ได้ ขืนกลับไปคนเดียวคงโดนแม่ด่าเช็ดพื้นว่าทำไมไม่ดูแล ‘คุณหนูต้าร์’ ให้ดี
ด้วยความที่แม่ผมเป็นหม้ายสามีเสียชีวิต ได้แต่งงานใหม่กับพ่อของไอ้ต้าร์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจก็ไม่รู้ที่ผมกับไอ้ต้าร์นั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันพอดิบพอดี แม่ที่แต่เดิมอยู่ลำปางจึงจัดการย้ายบ้านและหอบลูกชายคนเดียวอย่างผมมาอยู่กับครอบครัวไอ้ต้าร์ที่มีรกรากอยู่เชียงใหม่
แน่สิครับ ท่านแม่เขาจัดการสมัครเรียนใหม่ให้ผมทั้งหมด
ตัวผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาอะไรหรอกครับ เพราะด้วยความที่นิสัยสบาย ๆ ปรับตัวได้ง่ายอยู่แล้วจึงไม่เป็นอะไรมาก แต่ที่มันน่าแปลกใจคือผู้หญิงที่เป็นแม่ผมทำไมถึงยังปรับตัวไม่ค่อยได้สักทีก็ไม่รู้ (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองทั้งหมด) ถึงได้บินเทียวไปเทียวมาระหว่างลำปางกับเชียงใหม่กันให้ว่อน แถมเวลาไปทีก็ต้องหนีบพ่อไอ้ต้าร์ไปด้วยตลอดอีก
เรื่องเยอะเนอะแม่ผม
ส่วนเรื่องของไอ้ต้าร์กับผมก็เข้ากันได้ดีไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ช่วงแรก ๆ ก็อาจจะมีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้างแต่ไม่ถึงกับชกต่อยกัน อืม... เหมือนกัดกันไปกัดกันมาแล้วทะเลาะกันแหละครับ
ความสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นไปอย่างทะแม่ง ๆ เหมือนเป็นสองครอบครัวที่อยู่ข้างบ้านกันมากกว่า ไอ้ที่มันประหลาดก็คือแม่ผมดันรักไอ้ต้าร์ราวกับเป็นลูกแท้ ๆ ส่วนพ่อไอ้ต้าร์ดันรักผมราวกับผมเป็นลูกชายของท่าน ...แต่พอมานึก ๆ ดูอีกทีเหมือนผมจะคิดไปเอง
ล่ะมั้ง
ไอ้ต้าร์ที่กินอิ่มแล้วก็ยิ้มแปล้ที่ผมออกตังค์จ่ายค่าข้าวมื้อนี้ให้มัน ไม่ใช่ว่าผมใจป๋าอะไรหรอกนะ แต่พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะผลัดกันเลี้ยงข้าว ไอ้เวรนี่ก็หัวใสเกิน มื้อไหนที่ตามันออกมันก็จะกินนิดเดียวแล้วกลับไปกินข้าวที่บ้านเพิ่ม ส่วนมื้อไหนที่ผมเลี้ยง ... เอ้อ ก็อย่างที่เห็นน่ะแหละครับ
“...ยืนเอ๋ออะไรวะ ขึ้นมาซ้อนท้าย เดี๋ยวกูปล่อยให้มึงเดินกลับบ้านหรอก” ผมขึ้นไปยืนคร่อมจักรยานตัวเก่งที่ขนมาจากลำปาง ไอ้ต้าร์รีบวิ่งมาซ้อนท้ายทันที ...เรื่องออกแรงนี่ขี้เกียจตัวเป็นขนเลยนะมึง “มึงนั่งทียุบเลยว่ะ ตัวก็เตี้ยนิดเดียวทำไมหนักชิบหาย” อดบ่นนิดบ่นหน่อยไม่ได้
“อย่ามาบ่น ขี่ไปเร็ว ๆ กูง่วงแล้วครับ อยากนอน”
ครับครับ คุณชาย
ผมออกแรงปั่นจักรยานออกตัวไปตามถนนใหญ่ ตกเย็นแล้วตามปกติที่นี่ไม่ค่อยมีรถราวิ่งเท่าไหร่หรอกครับ (บ้านนอกก็ดีอย่างนี้แหละ) ลมแรงตีหน้าผม ไอ้ต้าร์เริ่มแหกปากร้องเพลงอยู่บนเบาะหลัง ไอ้เวรนี่ถ้าไม่กินก็พูดครับ มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวไอ้ต้าร์เมื่อมาอยู่บ้านพ่อมันประมาณหนึ่งเดือน
“ไอ้เหี้ยต้าร์ร์ !! มึงหุบปากบ้างสักห้านาทีได้ไหมครับ เมื่อกี้มึงก็ทำกูจะขี่ไปชนรถสิบล้อแล้วนะสัส” ผมตะโกนสั่งให้ไอ้เวรหุบปาก แต่กลับกันแทนที่มันจะเงียบกลับเถียงผมต่อปาว ๆ “ใครใช้ให้มึงฟัง” ...อ้าว ไอ้ห่านี่
“มึงคิดว่ากูอยากฟังมึงร้องมากเลยหรือไง?”
“สัสต้น อย่าเพิ่งแขวะกูครับ กูเหนื่อย ขอกูร้องเพลงหน่อยเหอะ มึงขี่ไปครับ ขี่ไป ๆ” น้ำเสียงทุ้มมีแววรำคาญ ก่อนที่จะแหกปากร้องเพลงต่อ เบาะนั่งสะเทือน ไอ้ห่านี่นอกจากจะแหกปากร้องเพลงทำลายแก้วหูชาวบ้านยังโยกหัวรบกวนผมอีกนะครับ
จำไว้เลยนะมึง พ่อมึงกลับมาเมื่อไหร่
มึงโดนแน่
“มึงบ่นว่าเหนื่อย แล้วทำไมไม่ไปอาบน้ำนอนวะต้าร์” ผมมองไอ้เตี้ยที่นอนกองเกาพุงอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนพื้นห้องนอน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ เสื้อที่มันใส่อยู่ในตอนนี้ก็เป็นตัวเดิมกับตัวที่มันใส่เล่นบาส ไม่รู้มันทนได้ยังไงเหมือนกันนะ ถ้าผมมีสภาพแบบมันนะถึงบ้านเมื่อไหร่ผมต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแน่
“เออน่า บ่นจังวะไอ้นี่” มันทำท่าไม่สนใจ “ขออ่านก่อนแปบนึง เพิ่งจะทุ่มกว่า ๆ เอง” ว่าแล้วก็ละสายตาจากหนังสือที่ตัวเองอ่าน “แล้วทำไมมึงไม่ไปอาบน้ำวะ ไอ้คนรักสะอาด”
ดูมันทำกะแนะกะแหน
“ขี้เกียจ” ผมตอบอย่างขอไปที “อีกอย่างถึงยังไงสภาพกูในตอนนี้ก็สะอาดกว่ามึงละกัน”
มันเกาพุงดังแกรก ๆ ส่งสายตากวนตีนมาให้
ผมล้มตัวนอนแผ่บนพื้นข้างไอ้ต้าร์ พยายามกลั้นสีหน้าไม่ให้หลุดพูดคำว่าขยะแขยงออกมาเพราะเศษทรายที่มาจากตัวไอ้เตี้ย ...สกปรกชิบเป๋ง “ต้าร์ รู้ตัวป้ะ เมื่อคืนมึงนอนละเมอด้วย” ผมหัวเราะเมื่อเห็นไอ้ตัวดีหันหน้าขวับมาทันที หนังสือการ์ตูนวางเอาไว้ข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งมาโวยวายใส่ผม
“ละเมอพ่อมึงง กูไม่เคยนอนละเมอ มึงบอกมาเลย กูละเมออะไรออกมา”
พ่อกูก็พ่อมึงล่ะไอ้เวรนี่ ตกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ มันก็ลุกขึ้นมาพ่นใส่หน้าผมเป็นพรวด “เฮ้ย ! พูดจริง ๆ เมื่อคืนมึงก็ละเมอร้องเสียงแมว กูล่ะพยายามกลั้นขำแทบตาย” หน้าตาอีกฝ่ายดูหงุดหงิด
“โห่ กูก็นึกว่าอะไร” มันพึมพำก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอ่านการ์ตูนตามเดิม ทิ้งผมเอาไว้ให้หัวเราะค้างหน้าเอ๋ออยู่อย่างนั้น
นึกว่าอะไรอะไรวะ ?
หลังจากที่ขบคิดไปสักพัก มองหน้ามันที่หัวเราะการ์ตูนในมือตัวเองไปมา สิ่งน่าอับอายของผู้ชายก็คือ การร้องไห้กับ ...
อ่า ... พอจะเดาออกแล้วครับ
“เออ เมื่อคืนมึงละเมอชื่อคน ๆ นึงออกมาด้วย”
ผ่าง ตัวมันเกร็งทันที
ถูกจุดเว้ยเฮ้ย
“กูไม่เอาไปบอกใครหรอก ว่าแต่มึงไปชอบเขาได้ยังไงวะ” ผมพยายามเนียนไป แต่ที่จริงแล้วไม่รู้หรอกครับว่าไอ้คนที่มันละเมอถึงนั่นเป็นใครมาจากไหน
“...” มันเงียบไปพัก “...เอิญน่ะหรอ”
เปลี่ยนใหม่ ... ณ ตอนนี้รู้แล้วครับ
“อ๋อ เอ๊ย ไม่ใช่ เออ ... คนที่อยู่ห้อง 2 ? หน้าตาน่ารัก ๆ หมวย ๆ หน่อยหรือเปล่าวะ?”
มันขมวดคิ้วใส่ผม “ทั้งรร.ก็มีเอิญอยู่เอิญเดียว” มันอ่านนารูโตะในมือพร้อมกับตอบคำถามไปด้วย “ก็นะ เขาเป็นเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียน เวลาซ้อมมันก็ต้องซ้อมในสนามบาสเหมือนกัน รู้จักกันเพราะเอิญเป็นน้องของรุ่นพี่ในชมรม ... ก็เห็นว่าน่ารักดี ก็เลย เออ .. นั่นแหละ”
ไอ้ท่าทีอาย ๆ พูดไปบิดไปเหมือนเด็กหัดมีความรักนี่มันอะไรวะ
ขนลุกชิบหาย
“มึงจีบเขาไปหรือยัง?” ผมตั้งคำถามต่อ
“ยัง” มันพูดเสียงค่อย “กูจีบไม่เป็น ทั้งชีวิตเคยจีบใครเขาที่ไหน เคยโดนแต่เขามาจีบตลอด” เออ ไอ้หน้าตาดี “กูว่าถ้ากูไม่รอให้เขามาจีบกูก่อน กูก็คงแห้วล่ะว่ะ แต่เม่ง เอิญเนี่ยนะจะมาจีบกู เรียบร้อยซะขนาดนั้นแถมมีคนจีบเค้าเยอะจะตายไป”
บ่นเหมือนเด็กผู้หญิงปรึกษาเพื่อนสนิทเชียว
“แล้วตอนนี้มึงก็เลยรออย่างเดียวเนี่ยนะ?”
“เออสิ”
ทำหน้าอย่างกับหมาหงอยเชียวมึง
“เฮ้ยต้าร์” ผมเรียกมันให้ละสายตาออกจากหนังสือ “กูก็เคยมีแฟนมาบ้างสองสามคน เรื่องจีบก็พอหยวน หน้าตามึงก็ถูไถไปได้ มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะติดนะเว้ย”
“อะไรของมึง?” มันมองมาทางผมอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“กูช่วย”
อยากกลับไปตบปากตัวเองในตอนนั้นจริง ๆ
ความคิดเห็น