กลเม็ดเกี่ยวกับหน้า

ลำดับตอนที่ #3 : Budget Beauty วิธีง่ายๆกับการใช้เครื่องสำอาง อย่างคุ้มค่า

เราเชื่อว่าการช้อปปิ้งเลือกซื้อเมคอัพสีสันใหม่ๆ เพิ่มดีกรีความงามให้กับตัวเอง เป็นอีกหนึ่งความสุขของผู้หญิง

แต่ถ้าบรรดาเครื่องประทินโฉมที่ซื้อมา เริ่มจะขยับขยายขอบเขตบนพื้นที่โต๊ะเครื่องแป้งไปกว่าครึ่ง ใช้เท่าไรก็ไม่หมดเสียทีเพราะมีข้าวของคอลเลคชั่นใหม่ๆ ที่ซื้อหามาเติมอยู่เรื่อยๆ แถมเจ้าของชิ้นกระจิดกระจ้อยพวกนี้ เมื่อลองนับๆ ดูแล้วก็คิดเป็นเงินมิใช่น้อย โชคดีที่เรามีวิธีจัดการง่ายๆ เพื่อให้คุณสามารถหวนกลับมาใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ได้อย่างคุ้มค่า…ช่วยยืดเวลาที่จะต้องเสียสตางค์ให้ยาวนานออกไปอีกนิด

ทิ้ง ทิ้ง ทิ้ง
อันดับแรกคือจัดการคัดของที่ไม่ต้องการใช้ทิ้งไป หยิบตะกร้า ถึงผง ถุง หรืออะไรก็ตามที่หาได้มาวางไว้ใกล้ๆ แล้วตรวจตราเครื่องสำอางของคุณให้ถ้วนทั่วทุกชิ้น หากมีอันไหนที่พบว่าหมดอายุหรือใกล้จะหมดอายุเต็มที (ประเภทที่เหลืออีกเพียงวันสองวัน…ก็…ไม่ต้องเสียดาย ให้โยนทิ้งตะกร้าไปได้เลย เพราะเครื่องสำอางที่หมดอายุแล้วถึงจะนำมาโมดิฟายใหม่ ก็ใช้กับใบหน้าไม่ได้อยู่ดี

ข้อดีอีกประการของการทิ้ง คือมันจะช่วยเตือนสติให้รู้ว่า เราเสียสตางค์ไปกับสิ่งเหล่านี้มากมายแค่ไหน บ่อยครั้งที่คุณอาจเผลอไผลช้อปปิ้งไปเพราะอยากระบายอารมณ์หงุดหงิด หรือหูอื้อตาลายเวลาถูกพนักงานสาวตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางหว่านล้อม เครื่องสำอางที่คุณละทิ้งไป จะล่องลอยมาในมโนสำนึก ช่วยตอกย้ำความผิดพลาดเมื่อครั้งก่อนว่า ถึงซื้อไป ก็ใช้ไม่หมด

ยืดอายุข้าวของเครื่องใช้
ขั้นต่อไปให้ย้อนกลับมาพิจารณาสิ่งที่เหลืออยู่ ลิปสติกอีก 10 กว่าแท่ง ยาทาเล็บหลากสี รองพื้นที่จวนหมด เครื่องสำอางเหล่านี้จะมีค่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม หากได้ลองเรียนรู้วิธีการใช้ให้หมดจนหยดสุดท้าย

ใช้ลิปสติกให้คุ้มค่า
ลิปสติกสีแดงสดที่ซื้อมาเพราะอยากได้กระเป๋า เครื่องสำอางเป็นของแถมเมื่อตอนสิ้นปี แต่ไม่เคยใช้เพราะทาอย่างไร ก็ดูไม่เข้าบุคลิกให้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาผสมกับปิโตรเลียมเจลลี่ ผลที่ได้คือลิปบาล์มสีอ่อนใสมันวาว เหมาะสำหรับเก็บแยกใส่กระปุกพกติดตัวไว้เพิ่มความเนียนนุ่มชุ่มชื่นให้กับเรียวปากแทนลิปบาล์มราคาแพง

จัดการกับมาสคาร่า
ที่แห้งเกรอะกรังจนพาลให้คิดว่าหมดประโยชน์ไปแล้ว ด้วยการนำไปแช่ไปน้ำร้อนประมาณ 10 – 15 นาที ความร้อนจะทำให้น้ำยาละลายและใช้ง่ายขึ้น ส่วนสาวขี้เสียดาย…ไม่อยากทิ้งมาสคาร่าเก่าที่ชอบจับตัวเป็นก้อน ให้ใช้มิเนอรัลออยล์หยดบนแปรงปัดเล็กน้อย ก่อนปัดลงบนขนตา อย่างไรก็ตามมาสคาร่าที่เปิดใช้แล้ว ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน

ยาทาเล็บหลากสี
ใครมีเยอะแต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะอยากได้สีใหม่อยู่เรื่อย ให้ลองจับคู่สีที่ชอบ แล้วทาทับกันก็จะเกิดเป็นสีแปลกใหม่ หรือหัดเพ้นท์เล็บเองง่ายๆ จะทำให้ใช้ยาทาเล็บได้ครบทุกสีที่มี หากเป็นยาทาเล็บที่ใกล้แห้ง ให้หยดน้ำยาล้างเล็บ 2 – 3 หยด ลงในขวดเขย่าให้เข้ากัน จะช่วยให้ใช้ยาทาเล็บสีโปรดต่อไปได้อีกนาน

ต่อชีวิตโลชั่นรองพื้น
ที่เหลือค้างขวดจวนหมดเต็มทีให้มีประโยชน์จนถึงหยดสุดท้าย ด้วยการเติม Mineral oil หรือ Olive oil (หากไม่มีให้ใช้โลชั่นบำรุงผิวหน้าแทนได้) เพียง 1 – 2 หยดลงไป หรือถ้ากลัวว่าส่วนผสมเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อผิวหน้าให้คว่ำขวดทิ้งไว้ค้างคืนเพียงเท่านี้ ก็ใช้รองพื้นต่อไปได้อีก 2 – 3 วัน

เมื่อซื้อแป้งผิด
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเจอปัญหาเลือกซื้อแป้งไม่เข้ากับโทนสีผิว ไม่ว่าจะเพราะแสงไฟในห้างสรรพสินค้าทำให้ผิวดูขาวขึ้น หรือเพราะความเข้าใจ (ผิด) คิดว่าผิวตัวเองขาวก็ตามที แป้งที่ซื้อมาแล้ว ขาวเกินกว่าจะใช้ได้นั้น หรือหากแป้งที่ซื้อมามีสีเข้มจนเกินไป นำมาใช้ทาโหนกแก้มแทนบลัชออนก็ดูสวย และเป็นธรรมชาติดี

ซื้อของที่จำเป็นดีกว่าไหม
เวลาไปเจอสีสันละลานตา ก็ยากอยู่หรอกที่จะให้บอกว่า ชิ้นไหนจำเป็นและชิ้นไหนไม่ควรซื้อ ผู้หญิงด้วยกันย่อมเข้าใจความปรารถนาอันนั้นดี แต่ความจริงแล้ว…ในจำนวนเครื่องสำอางหลากหลายก็มีบางสิ่งบางอย่างที่คุณสามารถซื้อ-น้อย-ลง-ได้ และมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำ-เป็น-ต้อง-ซื้อ มาลองดูว่าอะไรที่จะช่วยให้คุณเก็บเงินไว้ซื้อของที่คุ้มค่ากว่านั้นได้บ้าง

ดินสอเขียนขอบปาก ไม่จำเป็นเลยสำหรับสาวๆ ที่นิยมแต่งหน้าแบบสวยใสเป็นธรรมชาติ
ดินสอเขียนคิ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแอบไปกันคิ้วจนบางจ๋อย วิธีง่ายๆ อย่างการปัดมาสคาร่าจัดระเบียบคิ้วให้เป็นแนวสวยงาม ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทั้งยังประหยัดเวลาในการแต่งหน้าได้อีกด้วย
น้ำหอมและโลชั่นผสมน้ำหอม กรณีที่ถูกใจ แนะนำให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นถ้าคุณมีโลชั่นดี ๆ ทาตัวอยู่แล้วให้เลือกซื้อน้ำหอม แต่หากคุณยังไม่มีทั้งโลชั่นและน้ำหอมก็เลือกซื้อโลชั่นทาผิวที่มีส่วนผสมของน้ำหอมกลิ่นที่ชอบ เพียงเท่านี้ก็มีผิวกายหอมกรุ่นทั้งยังนุ่มเนียนอีกต่างหาก

ลงทุนอย่างไรให้คุ้มค่า
ผู้หญิงกับเครื่องสำอางนั้นเป็นของคู่กัน การเลือกซื้อเครื่องสำอางแต่ชิ้น จึงควรพิจารณาถึงประโยชน์ และความต้องการที่แท้จริง โดยเฉพาะเมื่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเครื่องสำอางปัจจุบันนั้นมีราคาค่อนข้างสูง และยังเสี่ยงต่อการแพ้สำหรับบางคนอีกต่างหาก ถ้าไม่อยากเสียสตางค์ซ้ำสองก็ควรใช้เวลาในการเลือกซื้อ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละยี่ห้อ หรือจะขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองจากพนักงานขายกลับไปทดลองใช้ดูก่อนก็ได้ หากพบว่าดีจริงจึงค่อยกลับมาซื้อ

จะได้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า…ทั้งกับผิวหน้า และเงินในกระเป๋าไงคะ…

ขอขอบคุณข้อมูลจาก mweb.co.th