ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Fic Haikyuu!!] รวมฟิคสั้นเรื่อง Haikyuu!!

    ลำดับตอนที่ #2 : Be With You (Oikawa x Iwaizumi/Iwaizumi x Oikawa?)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 57


    จริงๆแล้วก็ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ ความสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันทิ้งกันตั้งแต่เด็กมันน่ารักมากๆ
     
    เลยขอซักเรื่อง 555 แทรก โออิคาเงหน่อย แต่งจากคำพูดประโยคเดียวที่อยากเขียนค่ะ เลยเป็นแค่เรื่องสั้น อาจจะไม่ได้ดีมาก ขออภัยนะคะ XD
     
    Fic : Be With You
    Paring : Oikawa x Iwaizumi/Iwaizumi x Oikawa?
    Rate : PG
    Genre : Romantic drama
     
     
     
     
     
     
     
    Be With You
     
     

     

                “อิวะจัง...พรุ่งนี้ไปเดทเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

                นัยน์ตาคู่คมละจากนิยายที่นั่งอ่านอยู่ ก่อนเหลือบขึ้นมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเพื่อนรักตรงหน้า ที่บัดนี้นั่งอยู่ด้วยกันในห้องเรียนรอเวลาเริ่มคาบถัดไป

                เอาอีกแล้ว...เป็นแบบนี้อีกแล้ว

                “ฉันไม่ว่างขนาดนั้น นายจะไปเดทก็ไปเดทคนเดียวสิ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” อิวะอิซึมิตอบเสียงเรียบพลางหลุบตาลงอ่านนิยายในมือต่อเช่นเคย เห็นแบบนั้นคนขอให้ช่วยเดทเป็นเพื่อนก็หน้ามุ่ยขึ้นมาทันที

               “โหดร้าย...อย่าทำเป็นไม่สนใจแบบนี้สิ” โออิคาวะพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย ทว่ากลับยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเพิ่มเป็นทวีคูณ

               ให้ไปเดทเป็นเพื่อนนายอย่างนั้นเหรอ...

               โออิคาวะ...คนงี่เง่าเอ๊ย!

              “ฉันบอกแล้วไงว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน” คราวนี้เขาเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนทำท่าจะก้มลงอ่านนิยายต่อ ทว่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายกลับเอื้อมเข้ามาฉกนิยายในมือออกไปเสียก่อน

               “ไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะ...อิวะจังเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันเชียวนะ”

                อิวะอิซึมิจ้องมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตรงหน้า คำพูดที่ได้ยินทำให้รู้สึกปวดแปลบในอกขึ้นมา

                เพื่อน...คนสำคัญ?

               “แล้วใครที่ไหนเขาเอาเพื่อนไปเดทด้วยเล่า จะบ้าเหรอ! เลิกไรสาระได้แล้ว!”

                “ขอร้องล่ะน้า...คราวนี้ฉันเขินมากจริงๆ ถ้าอิวะจังไม่มาด้วยคงไม่กล้าไปแน่ๆ..นะ..นะๆ”

                โออิคาวะพนมมือขอร้อง นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววออดอ้อนที่ได้เห็นทำให้อิวะอิซึมินิ่งอึ้งไป...สายตาที่ราวกับคาดหวังอะไรบางอย่างจากชายตรงหน้านั้น...เขาไม่เคยปฏิเสธได้เลยสักครั้ง

               ทำไม...เขาถึงต้องทำตามใจอีกฝ่ายอยู่เรื่อยเลยนะ

                “...ตามใจ...แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่ไหนล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยพลางถอนใจเบาๆ ได้ยินแบบนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลตรงหน้าก็ฉายแววปิติยินดีขึ้นมาทันที ก่อนโถมตัวเข้ามากอดเขาอย่างแรง

                “ว้าว! ดีใจจัง อิวะจังใจดีที่สุดเลย”     

                “เหวอ!”

                กลิ่นกายอันคุ้นเคยและความอบอุ่นจากร่างสูงกว่าตรงหน้าทำให้หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นมา เขาจึงรีบเอาหนังสือในมือขึ้นมาดันหน้าของอีกฝ่ายไว้แล้วดันออกไป

                “อย่าเข้ามานะเฟ้ย!”

                “โอ๊ย...อะไรกัน ทั้งที่ตอนเด็กๆเรากอดกันออกจะบ่อย” โออิคาวะตัดพ้อพลางลูบจมูกตนเองที่โดนสันหนังสือกระแทกจนเป็นรอยแดง ได้ยินแบบนั้นอิวะอิซึมิก็หยุดชะงักไป...แก้มพลันแดงเรื่อขึ้นมานิดๆ

                “เอ๋..เป็นอะไร ทำไมหน้าแดง?” เห็นแบบนั้นเพื่อนรักตรงหน้าจังเอียงคอถามด้วยความสงสัย ก่อนเอื้อมมือเข้ามาหาหมายจะแตะหน้าผากสำรวจดูว่ามีไข้จริงหรือเปล่า ทว่าอิวะอิซึมิกลับรีบลุกขึ้นยืน แล้วยัดของใส่กระเป๋าด้วยท่าทีเร่งร้อน

                “ฉะ...ฉันไม่ค่อยสบายนิดหน่อย เดี๋ยวจะไปห้องพยาบาลแล้วกลับเลย”

                “หา...มีไข้เหรอ..งั้นเดี๋ยวฉันพาไปเองนะ” ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายพลันฉายแววเป็นห่วงขึ้นมา เห็นแบบนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาร้อนวูบยิ่งกว่าเก่า

                “ช...ช่างเหอะน่า!..ไว้เจอกันพรุ่งนี้!”

                “เดี๋ยวสิ อิวะจัง!”

                อิวะอิซึมิเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ก่อนรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกดังแว่วมาจากด้านหลัง

                เขาปิดประตูห้องเรียนแล้วเดินไปตามทางเดินโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมห้อง ภายในอกด้านซ้ายที่เผลอเต้นสะดุดเมื่อครู่ค่อยๆผ่อนคลายลงและกลับมาสงบในที่สุด

                แม้ตอนเป็นเด็กพวกเขาจะกอดกันหรือจับมือกันบ่อยๆก็จริง...แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร...ที่การกระทำเหล่านั้นทำให้รู้สึกแปลกไปจนไม่อาจทำตัวเหมือนปกติได้อีก

                อย่างเช่น...พออยู่ร่างกายแนบชิดหัวใจก็เต้นแรง...พอใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขออีกฝ่ายโน้มเข้ามาใกล้ก็รู้สึกว้าวุ่นจนทำอะไรไม่ถูก...

              ทั้งที่เป็นแบบนั้น...

       “อิวะจัง...พรุ่งนี้ไปเดทเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

              คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาชะงักฝีเท้า นัยน์ตาพลันฉายแววว้าเหว่ออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ

                “ทั้งที่เป็นแบบนั้น...ก็ยังจะชวนฉันไปเดทกับผู้หญิงคนอื่นอีก...เจ้าบ้าโออิคาวะ”

                แม้โออิคาวะ โทโอรุจะมีสาวๆมาชอบมากมายก็จริง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เคยคบใครจริงจังได้นาน และบางครั้งพอจะไปเดทหรือไปรับฟังคำสารภาพจากใคร ก็มักจะพาเขาไปด้วยเสมอ...ไม่รู้ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย

                บางทีอาจเป็นเพราะว่าแท้จริงแล้วไม่มั่นใจในตนเองเลยอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน...

                หรือไม่ก็...อยากจะให้เขาช่วยปลอบเวลาผิดหวังล่ะมั้ง

              พอคิดแบบนั้นอิวะอิซึมิก็ถอนใจยาว...แล้วสาวเท้าเดินลงจากตึกเรียนไป โดยไม่ได้แวะห้องพยาบาลอย่างที่บอกเอาไว้

                ใช่...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญ

                เป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น...

     

     

     

                “ช้าจังเลยอิวะจัง ฉันรอตั้งนาน”

                “.....”

                เขาเคยคิดว่าหากไปสายซักชั่วโมงสองชั่วโมง...อาจจะหลุดพ้นจากหน้าที่อันแสนน่าหงุดหงิดนี้ไปได้

                ทว่า...ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น...

                ใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคยฉายแววขัดใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ลงอย่างหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหา

                “ใจร้ายชะมัด...กะจะมาพรุ่งนี้เลยรึไง”

                “อะไรเนี่ย..ยังรออยู่อีกเรอะ” อิวะอิซึมิกระพริบตาปริบๆพลางเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ นี่เขาแกล้งมาหลังเวลานัดเกือบสองชั่วโมง เพราะอยากให้อีกฝ่ายซึ่งรู้กันดีกว่าเป็นคนมีความอดทนต่ำรอไม่ไหวจนยอมไปเดทเอง แต่พอเดินมาถึงหน้าสถานีรถไฟซึ่งเป็นที่นัด กลับเห็นเจ้าตัวนั่งทำหน้าบูดอยู่ที่ม้านั่ง

                “จะไม่รอได้ไง ก็นัดกันแล้วนี่!” โออิคาวะพูดพลางลุกขึ้นยืนก่อนเดินตรงเข้ามาหา “ฉันรอนานจนจะหลับอยู่แล้วรู้ตัวรึเปล่า?!”

                “ก็ถ้ารอไม่ไหวทำไมไม่ไปเดทเองเล่า พาฉันไปทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยพลางถอนใจเหนื่อยหน่าย เห็นแบบนั้นคนรอจึงชักสีหน้าน้อยใจขึ้นมาทันที ก่อนพึมพำเสียงแผ่วเบา

                “...ก็ถ้าไม่รอ มันก็ไม่มีความหมายอะไรนี่...”

                “หา อะไรนะ?” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อยเพราะได้ยินไม่ชัด

                “เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” ทว่าโออิคาวะกลับเบือนสายตาไปอีกทางพลางถอนใจหน่อยๆ แล้วเดินตรงเข้ามาหา ก่อนจับมือของเขาเอาไว้

                “ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันรอบหนังนะ”

                “ดะ...เดี๋ยวสิ! แล้วผู้หญิงที่นายจะมาเดทด้วยล่ะ?” อิวะอิซึมิถามพลางพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของชายตรงหน้า ทว่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายกลับออกแรงบีบแน่นมากขึ้นไปอีก

                “อ๋อ...ยังไม่มาหรอก บอกเขาว่าให้ไปเจอกันที่โรงหนังเลยน่ะ” โออิคาวะหันมาพูดยิ้มๆ “อ๊ะ เร็วเข้าอิวะจัง รถไฟมาแล้ว”

                “......”

                อิวะอิซึมิขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่กระนั้นก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในรถไฟแต่โดยดี ก่อนที่ประตูรถไฟจะเลื่อนปิดอย่างเฉียดฉิว

                แม้จะเป็นวันหยุดแต่ด้านในรถไฟก็ค่อนข้างแน่นขนัด เนื่องเพราะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างเดินทางออกมาเที่ยวกับครอบครัวนอกบ้าน อิวะอิซึมิเดินแทรกไปตามฝูงชนตามแรงดึงของอีกฝ่าย จนมาหยุดอยู่ตรงช่องว่างหนึ่งใกล้ๆประตูซึ่งพอมีที่ยืนอยู่บ้าง

                “เฮ้อ แน่นชะมัดเลย...ร้อนจะตายอยู่แล้ว” โออิคาวะบ่นพึมพำพลางพึงกายกับประตูรถไฟที่ปิดสนิทอยู่ เห็นแบบนั้นอิวะอิซึมิก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

                “เฮ้...โออิคาวะ”

                “หือ?”

                “ปล่อยได้แล้ว”

                เขาเอ่ยพลางหลุบลงมองมือของตนเองที่ถูกกุมเอาไว้แน่นอย่างไม่อายสายตาประชาชี

                “เห...ปล่อยอะไรล่ะ?” ใบหน้าหล่อเหลาพลันระบายยิ้มกวนประสาท ก่อนเลิ่กคิ้วราวกับอยากให้พูดออกไปตรงๆ เห็นแบบนั้นยิ่งทำให้อิวะอิซึมิรู้สึกหงุดหงิดขึ้นเป็นทวีคูณ จึงพยายามสะบัดมือที่ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้

                “ปล่อยสิเฟ้ย”

                “เอ๋...ก็ปล่อยอะไรเล่า ถ้าอิวะจังไม่บอก ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”

                โออิคาวะพูดพลางยิ้มละไม เพราะเขาไม่ได้ลดเสียงลงคนรอบข้างนึงเหลือบสายตามามองที่พวกเขาเป็นทางเดียว เห็นแบบนั้นอิวะอิซึมิกวาดสายตามองรอบๆอย่างกระอักกระอ่วน แล้วพอเลื่อนสายตากลับมาหยุดที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเขาก็นิ่งชะงักไปทันที

                ถ้าไม่อยากให้คนอื่นมองก็อยู่เฉยๆแล้วยอมให้ฉันจับมือดีๆเถอะ อิวะจัง

                ใบหน้าประดับรอยยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะที่ได้เห็นตรงหน้าราวกับต้องการบอกเช่นนั้น ความหงุดหงิดจึงพุ่งริ้วขึ้นทันทีขึ้นมาทันที แต่แม้จะส่งสายาอาฆาตไปให้สักเท่าไร ชายตรงหน้าก็ยังแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แถมยังผิวปากสบายอารมณ์ไม่รู้ไม่ชี้อีก

                หากบอกออกไปให้ปล่อยมือ คนในรถไฟฟ้าก็จะรู้กันหมดว่าเขาจับมือกันอยู่

                แต่ถ้าไม่บอกก็ต้องจับมือกันไปแบบนี้ตลอดทาง...จะอัดซักทีสองทีก็ไม่ได้เพราะสถานที่ไม่อำนวย

               ไอ้คนเจ้าเล่ห์! น่าหงุดหงิดที่สุด!

              อิวะอิซึมิก่นด่าอีกฝ่ายในใจอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ยอมอยู่เฉยๆเป็นฝ่ายถูกกุมมือแต่โดยดี เห็นแบบนั้นโออิคาวะก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเหลือบสายตามองออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเพลิดเพลิน

                วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้ากระจ่างใสแถมแสงอาทิตย์ยังไม่ร้อนจัดมากเกินไป พอมองดูวิวไปเพลินๆได้ไม่นาน รถไฟก็ค่อยๆชลอความเร็วลง ก่อนมาหยุดที่สถานีเป้าหมาย

                “เดินเร็วหน่อยสิอิวะจัง เดี๋ยวไม่ทันรอบหนังนะ!” โออิคาวะขมวดคิ้วบ่นงึมงำก่อนเร่งฝีเท้าเดินออกจากสถานีไปตามถนนที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คน มุ่งหน้าสู่โรงหนังที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนัก

                อิวะอิซึมิเร่งฝีเท้าตาม พลางแทรกกายฝ่ากระแสฝูงชนโดยมีแผ่นหลังตรงหน้าคอยกันผู้คนที่เดินสวนมาเอาไว้ให้

                เมื่อไรกันนะ...ที่แผ่นหลังของนายกว้าง...และดูพึ่งพาได้ขนาดนี้

                เขาเหลือบขึ้นมองแผ่นหลังอันคุ้นเคยพลางลอบคิดในใจ และพอสังเกตเห็นสายตาของฝูงชนจ้องมองเข้ามาก็รีบหลุบลงมองมือของตนเองที่ถูกกุมเอาไว้ ใบหน้าพลันขึ้นสีเรื่อขึ้นมาทันที

                 ทำไม...ถึงต้องจับมือตลอดด้วยนะ

                “โออิคาวะ ปล่อยมือได้แล้ว” เขาเอ่ยพลางกระตุกมือเบาๆ แต่ชายตรงหน้ากลับยิ่งกุมแน่นขึ้นกว่าเดิมเหมือนอย่างที่คาด

                “ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวอิวะจังหลงไปจะทำยังไง” นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนกลับมาหาพร้อมกับรอยยิ้มจาง เห็นแบบนั้นอิวะอิซึมิขมวดคิ้วถอนใจ

                “เจ้าบ้า ฉันไม่ใช่เด็กซักหน่อย”

                “ฉัน...ก็ไมได้มองว่าอิวะจังเป็นเด็กแล้วซักหน่อยน่า” โออิคาวะเอ่ยพลางหัวเราะสดใสออกมา แล้วไม่นานพวกเขาก็เดินมาจนถึงโรงหนังที่จองตั๋วเอาไว้

                “เห...หนังเริ่มฉายแล้วล่ะ เราเข้าไปดูกันเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางก้มลงมองเวลาที่ตั๋วหนัง แล้วรีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปที่บันไดเลื่อนทันที

                “เดี๋ยวสิ แล้วไม่รอคนที่นายนัดไว้ก่อนรึไง” อิวะอิซึมิรีบชะงักฝีเท้าเพื่อรั้งชายตรงหน้าเอาไว้

                “เดี๋ยวเขาก็ตามมาในโรงเองแหละน่า รีบไปกันเถอะอิวะจัง” โออิคาวะหันมายิ้มไม่ทุกข์ร้อนแล้วฉุดมืออีกฝ่ายให้เดินขึ้นบันไดเลื่อนตามไปด้วย

                “หา...อะไรของนายเนี่ย” อิวะอิซึมิกระพริบตาปริบ ก่อนถูกดึงไปตามแรงลากของอีกฝ่าย เดินเข้าโรงหนังไปด้วยสีหน้าฉายแววงุนงง

                หลังจากนั่งประจำที่ได้ไม่นาน ไฟในโรงหนังก็ดับลงจนรอบด้านมืดสนิท ก่อนที่หนังจะเริ่มฉายในที่สุด

                แต่พอฉายไปไม่ถึงครึ่งเรื่อง อิวะอิซึมิก็ทำหน้าราวกับกินของแสลงเข้าไปทันที

                 นี่มันหนังบ้าอะไรเนี่ย...?

                เขาคิดในใจพลางมองภาพเลือดสาดบนจอด้วยตาโตเท่าไข่ห่าน ก่อนนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเลือกหนังโรแมนติครักบรรลือโลกเพื่อให้หญิงสาวที่มาเดทด้วยประทับใจ แต่ทำไมกลายเป็นหนังซอมบี้ฆ่าคนเลือดสาดไปได้

               เจ้าบ้านี่คิดอะไรของเขาอยู่!

              “ทำไมถึงมาดูหนังแบบนี้หา ผู้หญิงที่ไหนเขาจะอยากดู” อิวะอิซึมิหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ

                “อ้าว...ก็อิวะจังชอบหนังแนวนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่สนุกรึไง” โออิคาวะตอบพลางนั่งเท้าคางมองฉากเลือดสาดตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน เห็นแบบนั้นอิวะอิซึมิก็ชะงักไป

                “ฉันชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย ต้องเลือกที่ผู้หญิงชอบสิ!”

                “อย่าบ่นเลยน่า...ฮ้าวว...ง่วงชะมัด”

                ทว่าคนข้างๆกลับพึมพำมาพร้อมกับหาวหวอดออกมาจนเขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง...หนังสยองขวัญขนาดนี้ยังจะง่วงอีกรึไง!

                “เฮ้...แล้วสาวที่นายนัดมาล่ะอยู่ไหน? หนังมันผ่านไปครึ่งเรื่องแล้วนะ แถมที่ข้างๆก็ไม่เห็นจะว่างเลย” เขากระซิบเบาๆอีกครั้ง แต่คนกำลังง่วงกลับหาวหวอดซ้ำเป็นรอบสอง ก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

                “ช่างมันเถอะน่า...อาจจะไม่มาแล้วก็ได้มั้ง” โออิคาวะเอ่ยเสียงเนือยก่อนค่อยๆเอนกายลงมาพิงไหล่ของอีกฝ่าย

                “ทำอะไร นั่งดีๆสิ!” อิวะอิซึมิสะดุ้งเฮือก เอ่ยเสียงดุ

                “ก็มันง่วงนี่นา...เมื่อวานสงสัยฝึกหนักไปหน่อยแหละน้า” ชายหนุ่มเอ่ยพลางค่อยๆปรือตาหลับลง ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มจาง แล้วพึมพำเบาๆ

                “ตัวอิวะจังเนี่ย...อุ่นจัง”

                อิวะอิซึมิเหลือบมองใบหน้าของคนข้างๆที่บัดนี้หลับตาพริ้ม เคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังระบายยิ้มจาง

                เขาถอนใจยาว...ก่อนเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ

                บางทีที่ง่วงและอ่อนเพลียขนาดนี้อาจเป็นเพราะหักโหมฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน แถมบางครั้งอยู่ศึกษาการแข่งจากวีดีโอคนเดียวจนดึกดื่นอีก

                คิดแบบนั้นแล้วนัยน์ตาก็ทอแสงอ่อนโยนลง...ก่อนเขกหัวของคนที่นอนซบไหล่อยู่เบาๆอย่างหมั่นไส้ แต่กระนั้นก็ปิดความเป็นห่วงเอาไว้ไม่มิด

                “เจ้าบ้า...งี่เง่า เพลียขนาดนี้ยังจะออกมาเที่ยวอีก” เขาพึมพำพลางระบายยิ้มจางออกมา ก่อนหันกลับไปสนใจหนังบนจอโดยที่มีใบหน้าของใครบางคนซุกไหล่อยู่แบบนั้น

                บ้า...งี่เง่า...กวนประสาทและท่าถีบที่สุด แถมยังชอบสร้างเรื่องให้ต้องลำบากอยู่เรื่อย

                แต่บางที...เขาอาจจะบ้ายิ่งกว่าก็ได้...

                ที่ยอมทำตามคำพูดและเป็นห่วงอีกฝ่ายมากขนาดนี้...

     

     

     

                หลังจากหนังฉายจบ พวกเขาก็เดินออกมาเที่ยวเล่นในเมืองจนถึงตอนเย็น

                บรรยากาศโดยรอบมืดสลัวลงเรื่อยๆ จึงตัดสินใจเดินทางกลับก่อนที่จะมืดเสียก่อน

                ท้องฟ้าอาบย้อมด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงดูงดงามราวกับภาพแห่งความฝัน แม้จะเป็นภาพที่หาดูได้ทั่วไปสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับสมาชิกชมรมวอลเลย์บอลที่ฝึกซ้อมอย่างหนักจนดึกดื่นทุกวันอย่างพวกเขานั้นถือเป็นภาพที่หาดูได้ยากทีเดียว

                อิวะอิซึมิเหลือบขึ้นมองท้องนภาเบื้องบนยาวนาน ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมา จ้องมองแผ่นหลังอันคุ้นเคยตรงหน้า

                เขาหยุดฝีเท้ากะทันหัน จนทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดเดินไปด้วยแล้วหันกลับมามองด้วยสีหน้าฉายความงุนงง

                “อิวะจัง?”

                อิวะอิซึมิดึงมือออกจากมือใหญ่ของอีกฝ่าย นัยน์ตาคู่คมจ้องสอบดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าราวกับกำลังค้นหาคำตอบบางอย่าง

                “ที่จริงแล้ว...วันนี้นายไม่ได้นัดใครเดทเลยสินะ”

                พอได้ยินคำถามนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่คมไหววูบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะทอแสงอ่อนลง แล้วตอบเสียงแผ่วเบา

                “ใช่...ไม่ได้นัดหรอก”

                “แล้วทำไมต้องโกหกฉันด้วย”  

                อิวะอิซึมิหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย ท่าทีดูราวกับผู้ปกครองกำลังจับผิดเด็กโกหกของเขาทำให้โออิคาวะนิ่งเงียบราวกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนรีบเบือนสายตาไปอีกทาง

                “ก็ถ้าไม่อ้างอะไรซักอย่าง...อิวะจังก็คงไม่มาเที่ยวกับฉันไม่ใช่เหรอ?”

                คำพูดของอีกฝ่ายทำให้อิวะอิซึมินิ่งอึ้งไป...หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นชั่วขณะ

                “ทำไมล่ะ?”

                “ทำไมน่ะเหรอ...” ชายหนุ่มเอ่ยพลางทำหน้ามุ่ยหน่อยๆ “อิวะจังเนี่ย ไม่เคยเข้าใจอะไรจริงๆด้วย”

                “หา....”

                พอเห็นอีกฝ่ายทำสีหน้างุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก โออิคาวะก็ถอนหายใจยาว นัยน์ตาพลันฉายแววน้อยใจออกมา

                “แต่ก็คงเป็นแบบนั้นแหละนะ ทั้งที่ฉันให้อิวะจังมาเห็นตอนมีคนมาสารภาพรัก ทั้งที่แกล้งพามาเดทด้วยตั้งกี่ครั้งก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยนี่....แล้วจะเข้าใจได้ยังไง”

                ภาพฉากที่อีกฝ่ายพาเขาไปอยู่เป็นเพื่อนตอนถูกสารภาพรักและภาพตอนที่ถูกลากพาไปเดทด้วยในอดีตฉายวาบเข้ามาในความคิดภาพแล้วภาพเล่า

              ตั้งใจ...จะให้เห็นอย่างนั้นเหรอ?

              “....หมายความว่ายังไง?”

                เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรกว่าคำถามนี้จะหลุดลอดผ่านริมฝีปากออกมาได้ ใจหนึ่งก็ร่ำร้องอยากถามออกไปเพราะแอบวาดหวังคำตอบเอาไว้ ทว่าอีกใจหนึ่งก็หวาดกลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

                ทว่าชายตรงหน้ากลับเดินตรงเข้ามาหาโดยไม่ได้ตอบอะไร แล้วคว้ามือทั้งสองข้างของเขาไปกุมไว้แน่น

                “รู้ไหมว่าทำไมถึงต้องจับมือตลอดตอนที่เดินด้วยกัน”

                โออิคาวะเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางบีบมือให้แน่นขึ้นจนเขารู้สึกเจ็บ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แล่นผ่านฝ่ามือคู่นั้น...แผ่ซ่านเข้ามาจนอบอุ่นหัวใจ

                นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววอ่อนโยนทอดมองลงมา เป็นสายตาที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้

                “เพราะฉันคิดว่า ถ้าหากเราจับมือเดินด้วยกันตลอด ความรู้สึกของฉันจะส่งไปถึงอิวะจังได้ไงล่ะ”

                “ความรู้สึก..ของนาย....” อิวะอิซึมิพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรต่อใบหน้าของอีกฝ่ายก็พลันโน้มเข้ามาใกล้

                ภาพตรงหน้ามืดสนิท ก่อนที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มจะแตะสัมผัสหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา

                อิวะอิซึมิชะงักไปชั่วขณะ ร่างกายพลันแข็งทื่อเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลอบอุ่นที่หน้าผาก ก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายลง แล้วหลับตาลงช้าๆ

                โออิคาวะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา ก่อนก้มลงมองใบหน้าฉายแววประหลาดใจตรงหน้า

                “อิวะจัง...” เขาเอ่ยพลางเอื้อมมือขึ้นมาแล้วแตะนิ้วที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

                “ฉันน่ะ...ไม่ได้รู้สึกกับอิวะจังเหมือนตอนเป็นเด็กอีกต่อไปแล้วนะ”

                คำพูดที่ได้ยินและการกระทำที่ได้เห็นตรงหน้าทำให้เขานิ่งอึ้งไป ภายในใจเต้นรัวเร็วขึ้น ใบหน้าพลันแดงเรื่อขึ้นมา

                “แบบนี้...เข้าใจหรือย...อุ๊บ!!”

                ก่อนที่โออิคาวะจะพูดจบ มือของอีกฝ่ายก็เอื้อมเข้ามาดึงผมของเขาอย่างแรง

                “โอ๊ยยย...เจ็บนะ อิวะจัง!” ชายหนุ่มรีบจัดผมของตนเองก่อนเงยหน้าขึ้นมาตัดพ้อ แต่ทันใดนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลก็เบิกกว้างเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

                อิวะอิซึมิขมวดคิ้วมุ่นแล้วกำมือแน่น ใบหน้าอันคุ้นเคยบัดนี้แดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

                “ไอ้บ้าคาวะ!!”

                “หา?!”

                “คิดแบบนั้นแล้วทำไมไม่บอกตรงๆ มาทำให้หึงอะไรไร้สาระที่สุด!”

                “อิวะจัง...” พอเห็นอีกฝ่ายตะโกนใส่แบบนั้นโออิคาวะก็หน้าเสียขึ้นมาทันที

                อิวะอิซึมินิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลตรงหน้าตรงๆ

                “ทำให้ฉันหลงคิดว่าชอบอยู่ฝ่ายเดียวตั้งนาน งี่เง่า!”

                ชายหนุ่มพูดพลางรีบเบือนสายตาไปอีกทางเพื่อซ่อนใบหน้าแดงก่ำของตนเอง

                โออิคาวะชะงักไปหลายวินาทีเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น แต่ไม่นานนักนัยน์ตาสีน้ำตาลก็ฉายแววอ่อนโยนลง...ก่อนจะเดินเข้าไป แล้วรวบร่างตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้

                การกระทำของเขาทำให้อิวะอิซึมิตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที ก่อนพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย

                “...โออิคาวะ...นี่มันกลางถนน”

                “อิวะจัง...เราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็กเลยนะ”

                เสียงพึมพำแผ่วเบาดังเคลียใบหูนั้นทำให้เขานิ่งเงียบไป ร่างกายพลันผ่อนคลายลงทันที

                โออิคาวะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีก ก่อนซุกหน้าลงกับไหล่อันอบอุ่นตรงหน้า แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจาง

                “ตลอดมาตั้งแต่เล็กจนโต...อิวะจังจะคอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ...ไม่เคยหนีห่างไปไหน..ใช่ไหม?”

              อยู่เคียงข้างเวลาที่ทุกข์และมีรอยน้ำตา...

              อยู่เคียงข้างยามที่มีความสุข...และสามารถหัวเราะออกมาได้

              อยู่เคียงข้างเวลาที่ล้มหรือเดินทางผิด...ก่อนจะฉุดรั้งให้กลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง....

              อยู่ด้วยกัน...เสมอมา

                “เพราะฉะนั้น....”

                โออิคาวะค่อยๆคลายอ้อมกอด ก่อนเอื้อมมือขึ้นมาประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้

              “อยู่ด้วยกัน...ตลอดไปเลยนะ”

               อยู่เคียงข้างกันตลอดไป....

              ไม่ว่าฉันจะงี่เง่า จะน่าหมั่นไส้ หรือจะนิสัยเสียยังไง...

               ก็อย่าทิ้งกันไปไหนเลยนะ

                คำพูดที่ได้ยินทำให้นัยน์ตาของเขาสั่นไหว...ภายในใจรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างมาบีบรัด...แต่กระนั้นก็อบอุ่นจนขอบตารื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม

                อิวะอิซึมิเอื้อมมือขึ้นมาหยิกแก้มของชายตรงหน้าเบาๆ ก่อนระบายยิ้มสดใสออกมา

               “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าคนงี่เง่า!”

                นัยน์ตาสีน้ำตาลพลันสั่นไหวเล็กน้อย...ก่อนจะทอแสงอ่อนโยนลง แล้วโถมตัวเข้าไปกอดร่างตรงหน้าเอาไว้

                “อิวะจัง!”

                “เหวอ! เจ้าบ้า ปล่อยสิเฟ้ย” อิวะอิซึมิขมวดคิ้วพลางพยายามดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกห่างเพราะกลัวใครจะมาเห็น แต่ชายตรงหน้ากลับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แล้วหัวเราะสดใสออกมา

                “ฉันน่ะ...ชอบอิวะจังที่สุดเลย”

                น้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มสว่างไสวที่ไม่ได้เห็นมานานของอีกฝ่าย ทำให้เขานิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง

                อิวะอิซึมิระบายยิ้มจาง ก่อนเอื้อมมือขึ้นมากอดตอบร่างตรงหน้าเอาไว้ แล้วเขกหัวเบาๆอีกหนึ่งครั้ง

                “นายนี่มันเป็นเจ้าคนงี่เง่าจริงๆด้วย”

                “อะไรกันเนี่ย...โหดร้ายชะมัดเลย...”โออิคาวะหัวเราะเบา แล้วซุกหน้ากับซอกคอของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน

                งี่เง่า...หลงตัวเอง...น่าหงุดหงิดและกวนประสาทที่สุด..

                แต่เขา...ก็ไม่อาจปฏิเสธสายตาออดอ้อนและสัมผัสจากชายตรงหน้าได้เลย

               “นี่....ตกลงเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยใช่ไหม...ขอฟังอีกทีสิ...นะ”

              โออิคาวะผละออกจากร่างในอ้อมแขนแล้วทำสีหน้าราวกับคาดหวังอะไรบางอย่าง

                ถ้อยคำขอร้องของอีกฝ่ายทำให้เขาอยากจะเขกหัวร่างในอ้อมแขนอีกสักครั้ง

                "ไม่บอกเฟ้ย! ครั้งเดียวพอ" อิวะอิซึมิเอ่ยพลางจิ้มหน้าผากตรงหน้าอย่างหมั่นไส้

               "อะไรกัน...อิวะจังใจร้าย..." 

                พอเห็นสีหน้าขัดใจของชายตรงหน้า เขาก็อดหลุดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

     

                ถามอะไรงี่เง่าที่สุด...

                เพราะถึงไม่บอก...ฉันก็ไม่มีวันทิ้งนายไปไหนอยู่แล้ว

                เข้าใจไหม...เจ้าบ้าคาวะ!

     
     
    END

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×