"เรื่องวันสำคัญของชาติ นักเรียนคงจะทราบได้ทั้งหมดอย่างคร่าว ๆ แล้ว" ดาริกา ครูสาวลุกยืนระหว่างที่สนทนากับนักเรียนตัวน้อยของเธอ
"...และวันนี้ ครูจะให้นักเรียนกลับไปวาดภาพสัญลักษณ์ของแม่มาส่งอาทิตย์หน้านะค่ะ" เธอกล่าวภายหลังเขียนคำสั่งบนกระดานดำ
นักเรียนทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาจดบันทึกลงในสมุดจดการบ้าน บางคนคงเล่นซนตามวัยไม่เลิก บางคนไม่ได้สนใจฟังคำสั่งนั้นเท่าไรนัก ดาริกา ยืนมองนักเรียนของเธออีกพักนึงก่อนที่จะรวบรวมสัมภาระและเดินจากไป พร้อมคำขอบคุณของนักเรียนในชั้น
"การบ้านที่ครูสั่งให้ทุกคนกลับไปวาดภาพสัญลักษณ์ของวันแม่มาส่ง ขอให้นำมาวางที่โต๊ะหน้าชั้นเรียนค่ะ"
สิ้นเสียงนักเรียนต่างค้นหาการบ้านที่ยังนอนค้างอยู่ในกระเป๋า เพราะวิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายของนักเรียนห้องนี้ ๓/๓ บางคนก็ทำหน้าตาเหรอหรา เหมือนไม่รู้ว่าต้องมีการบ้านส่ง บ้างก็ทำทีท่าว่าสำนึกผิด บ้างก็กลัวจะถูกทำโทษเตรียมหาข้ออ้างต่าง ๆ นานา ส่วนอีกจำนวนเกินกว่าครึ่งห้องต่างทยายนำการบ้านนั้นไปวางบนโต๊ะคุณครูหน้าชั้นเรียน
"สำหรับการบ้านที่คุณครูให้ไป ใครไม่ได้..." สีหน้าของนักเรียนบางกลุ่มเริ่มแสดงอาการหวั่นวิตก เกรงว่าจะถูกทำโทษอย่างไม่อาจหลีกหนีได้ ดาริกาสังเกตได้เช่นนั้น
"...ขอให้นำมาส่งในวันถัดไป..." นักเรียนที่ไม่ได้ทำมาต่างเริ่มผ่อนคลายอย่างไม่ต้องสังเกตเห็น รอยยิ้มเริ่มแต้มแย้มรอยปรากฎบนใบหน้าจนเป็นมุมคล้ายมัดเอาไว้สักครู่
"สำหรับนักเรียนที่นำมาส่งในวันนี้ครูจะให้คะแนนเต็ม และมอบเข็มกลัดดอกมะลิไว้ให้ไปกราบคุณแม่ที่ใกล้มาถึง ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้นำมาส่งในวันนี้คะแนนก็จะลดลงไป หากใครไม่ได้ทำส่งครูก็ของดให้เข็มกลัดนี้นะค่ะ" เด็กน้อยกำลังสนอกสนใจกับรางวัลที่ซุกซ่อนอยู่ในถุงใบขนาดย่อม ที่พอจะใส่ดอกมะลิเข็มกลัดตามจำนวนนักเรียนในชั้น มากกว่าที่จะสนใจน้ำเสียงของเธอ แต่นั่นก็เป็นการกระตุ้นให้เด็กที่ไม่สนใจเรียนได้บ้าง
"เราจะมากันดูว่าสัญลักษณ์ของวันแม่ของทุกคนนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง" ดาริกากล่าวและเดินไปยังเบื้องหน้าโต๊ะที่อยู่กลางห้องพร้อมยกปึกกระดาษที่นักเรียนต่างวาดภาพสัญลักษณ์ขึ้นมาทีละใบให้นักเรียนในชั้นดูกัน ซึ่งสิ่งที่เธอกำลังทำนั้นถือว่าดึงความสนใจเรื่องดอกมะลิ
ภาพที่ได้หยิบยกขึ้นมาแทบไม่ได้แตกต่างกันเลย ที่เห็นว่าไม่เหมือนกันชัดเจนก็คือ ขนาดของ ดอกมะลิ หรือ จำนวนเท่านั้น และทุกผลงานที่ได้แสดงหน้าห้อง ดาริกาก็จะเรียกนักเรียนผู้เป็นเจ้าของผลงานออกมาบอกเหตุผลว่าทำไมจึงวาดรูปดอกไม้ชนิดนั้น และรับเข็มกลัดดอกมะลิกลับไปด้วยความดีใจ
ทุกคนที่มารับต่างก็บอกเพียงแค่ ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ จะต่างกันก็เพียงคำพูดและการบอกเล่า ตามนิสัยของเด็ก ๆ ที่มักจะตาม ๆ กัน นั่นไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังแต่คิดเสียว่าเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบเสียอีก
แต่มีเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาพินิจดูรูปนั้นด้วยความแปลกใจ!
“ดอกมะลิหรือก็ไม่ใช่... ท่าทางจะไม่ใช่ดอกไม้แน่ ๆ” ครูสาวเอ่ยถามทั้งตัวเองและนักเรียนภายในห้อง...
ไร้สำเนียงพูดคุยขับคลอสอดแทรกแหวกอากาศ... นอกจากเสียงขยับเก้าอี้ตัวหนึ่งดังมาจากริมหน้าต่างห้องเรียนแถวที่สาม พิมพ์มาดา กำลังลุกและก้าวมายังหน้าห้อง พร้อมที่จะตอบคำถามเติมเหตุผลที่ว่างจากความเงียบก่อนหน้านั้น วันนี้สีเสื้อนักเรียนที่เด็กหญิงสวมดูไม่สะอาดตา หม่นหมอง เมื่อเทียบกับสีหน้าที่ดูหมอง เปื้อนไปด้วยริ้วรอยหยดหยาดแห่งความโศกเศร้าจากดวงตาคู่นั้นทั้งเก่าและที่ดูเพิ่งจะแห้งลงไม่นานนี้ กลับทำให้รอยยิ้มแย้มแต้มสุขบนใบหน้าของครูสาวหายไปในทันที
ดาริกาไม่ได้กล่าวย้ำคำถามใด ๆ เพิ่มเติม แต่เด็กหญิงก็พร้อมที่จะตอบคำถามเดิมนั้นอยู่แล้ว
“นั่นเป็น ดอกกุหลาบ ค่ะ...” ใบหน้าของนักเรียนที่ยืนอยู่หน้าชั้นหลุบต่ำ สายตามองลงที่พื้น
“ในห้องของแม่มีกรอบรูปไม้สลักลายกุหลาบ... ในนั้นมีรูปภาพของแม่กำลัง... กำลังนั่งอยู่กลางแปลงดอกไม้เล็ก ๆ หน้าบ้าน หนูเคยตัดดอกกุหลาบมาครั้งหนึ่ง...ให้แม่ในวันเกิดปีที่แล้ว วันนั้นแม่ร้องไห้ดีใจ...และก็เสียใจด้วยที่หนูรังแกกุหลาบต้นนั้น แต่แม่ก็ไม่ได้โกรธหรือว่าอะไรเลย...” ท่วงทำนองของความเสียใจขับสะอื้นออกมาเคล้ากับคำบอกเล่าจนน้ำเสียงของนักเรียนหญิงยืนสั่นเครืออยู่ภายในห้องนั้น
ดาริกาจับยืนมือเด็กหญิงด้วยท่าทีที่ปลอบใจ คล้ายเธอทำให้ทุกคนและห้องเรียนในชั่วโมงนี้หมองลงไปพร้อมกับเสื้อนักเรียน และแววตาของเด็กหญิงพิมพ์มาดา
เสียงสะอื้นค่อย ๆ เขย่ากายเด็กหญิงไหวน้อย ๆ แต่ก็มิอาจห้ามคำบอกเล่าของนักเรียนหญิงนั้นได้
“นับตั้งแต่คืนนั้น... หนู...หนู..ก็จำไว้ว่าแม่ไม่ชอบใจ หนูรู้ว่าแม่รักหนู.. และแม่ก็รักดอกไม้ดอกนั้นด้วย เพราะแม่รักหนูมาก... แม่ไม่เคยทำโทษหนูเลยสักครั้ง เหมือนกุ...กุหลาบพุ่มนั้นที่สวน” น้ำตาหยดรินรดพื้น หยุดสะอื้นเพียงครู่
“ภาพนี้หนูวาดให้แม่นานแล้วค่ะ และตั้งใจจะมอบให้ในวันแม่ที่ใกล้จะถึงนี้ เพื่อมอบให้แม่ของหนู... (เด็กหญิงร้องไห้หนักขึ้น)” ดาริกาจึงปลอบให้เด็กหญิงหยุดสะอื้น และหยุดการบอกเล่าสาเหตุนั้นเสีย
แท้ที่จริงนั้น เธอได้พลิกอ่านบนหน้ากระดาษที่เปรอะไปด้วยรอยน้ำตาและอักษร ลายมือนั้นเธอพอจะอ่านได้ลาง ๆ แต่พอจับใจความได้ ข้อความนั้นทำให้เธอเข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมแม่ของพิมพ์มาดาจึงรักกุหลาบนั้นนัก และได้อ่านข้อความที่คิดว่าเด็กหญิงคงไม่ได้อ่าน
ครูสาวโอบกอดเด็กหญิงไว้จนเธอคลายความเสียใจลง...
เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ดาริกาคงจับมือเด็กหญิงหน้าห้องไว้พร้อมทั้งบอกลานักเรียนในชั้นทุกคน จากนั้นจึงก้มหน้าลงกระซิบข้างหูเด็กนักเรียนที่กำลังยืนข้างกายเธอ ...
เมื่อครูสาวและนักเรียนได้จากกัน พิมพ์มาดาได้อ่านข้อความบนหลังภาพที่เธอได้วาดขึ้นเพื่อหวังที่จะมอบให้แม่ จึงเข้าใจว่ากุหลาบนั้นเป็นดอกไม้ที่พ่อเธอปลูกให้แก่แม่ในวันที่คลอดเธอ คำอธิบายของคุณครูดาริกาก็ทำให้เธอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างดอกกุหลาบนั้นโดยละเอียด ก่อนเข้านอนเด็กหญิงเดินเข้าไปกราบพ่อของเธอและกอดด้วยความรัก...
ค่ำนั้นดาริกาจึงเห็นความสำคัญของความรู้สึกผูกพันระหว่างเธอและแม่อย่างบอกไม่ถูก ท่วงทำนองของความคิดถึงถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงสะอื้นเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังนอนกอดผืนผ้าพันคอของแม่ แม้ห้วงกาลเวลาจะขโมยกลิ่นกายของแม่เธอไปมากเสียจนเกือบสิ้นแล้วก็ตาม สายลมเย็นพาพัดเข้าสู่ห้องของเธอทางหน้าต่างห่มกายเธอจนเคลิ้มหลับ อีกไม่กี่วันแล้วจะถึงวันแม่คือห้วงความคิดสุดท้าย เธอยิ้มและตั้งใจมั่นว่าจะทำหน้าที่ของเธอให้ดี เป็นบุคลากรที่ดี เพื่อตัวเธอ เพื่อแม่ของเธอ และแม่ของแผ่นดิน เธอคิดอย่างนั้น...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น