ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #6 : ดวงสมพงษ์

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 64


    ดวงสมพงษ์

     

    “ร้านนี้น่าจะอร่อยนะ ดูคนเยอะดี บรรยากาศดีด้วย”

    หลังจากเดินเล่นตามชายหาดมาเรื่อยๆ สองสาวสวยก็ได้เจอร้านที่น่านั่งอย่างใจตรงกัน

    จบคำพูดของณดา สองสาวก็จูงมือกันเข้าไปในร้าน โดยมีสายตาของหนุ่มๆมองกันอย่างนึกเสียดายในความสวยของทั้งคู่

    “เฮ้ย! นั่นพยาบาลที่โรงพยาบาลชั้นนี่หว่า ไม่นึกว่าพอถอดชุดฟอร์มพยาบาลออกจะสวยเซ็กซ์ขนาดนี้ อีกคนที่มาด้วยก็น่ารักว่ะ แต่นัยย์ตาเศร้าไปหน่อย”

    ภวินท์พูดพลางมองสองสาวด้วยแววตากรุ้มกริ่ม พลอยทำให้ปราณนต์ที่นั่งหันหลังให้ทางเข้าร้านหันไปมองอีกคน

    แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อกวาดตาไปเห็นหนึ่งในสองสาวคือคนที่ทำให้จิตใจเขาว้าวุ่นเพราะใบหน้าหวานคอยวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของเขามาหลายวัน

    ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอะไรที่สะดุดตาเขาเลยตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงแรม หน้าตาเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ แต่วันนี้ใบหน้าเนียนถูกแต้มด้วยแป้งอย่างบางเบา ริมฝีปากอิ่มได้รูปถูกเคลือบด้วยลิปกรอสสีชมพูอ่อน เสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่ก็ธรรมดา แต่ยิ่งทำให้อ่อนกว่าวัยไปหลายปีทีเดียว นัยย์ตาคู่สวยแลดูเศร้าผิดแผกไปจากเมื่อวาน เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้เขาลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังโต๊ะที่เป็นเป้าหมาย

    ก่อนที่จะปราณนต์จะเดินไปถึงโต๊ะที่สองสาวนั่งทานอาหารอยู่ น้ำหวานนางแบบสาวก็เดินมาเกาะแขนชายหนุ่มไว้ แล้วยื่นหน้าที่โบ๊ะเครื่องสำอางค์ราคาแพงไปจุ๊บที่แก้มชายหนุ่ม พลอยทำให้เป็นจุดสนใจของทั้งพนักงานและลูกค้า

    “ปราณต์มาทะเลทำไมไม่ชวนหวานบ้างละค่ะ หวานน้อยใจนะเนี่ย ถ้าหวานไม่ได้มาถ่ายแบบก็คงไม่ได้เจอรินทร์ที่นี่ใช่มั๊ยคะ”

    น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเรียกขานชายหนุ่มอย่างสนิทสนมอย่างคนมีจริต พูดพลางใช้ร่างกายที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเป็นแบบให้นิตยสารชื่อดังกับตากล้องมืออาชีพ แชะภาพเป็นปก เบียดชายหนุ่มที่ยืนนิ่งไม่กระดิก

    “พอดีผมมาธุระนะครับ ไม่ได้มาเที่ยวซะทีเดียว”

    ชายหนุ่มตอบพลางมองผ่านร่างนางแบบสาวไปยังโต๊ะเป้าหมายก่อนหน้า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อิงค์กาญจน์หันมาพอดี ทั้งคู่สบตากัน ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายหลบสายตาเจ้านายชาเย็นของเธอก่อน แค่เธอเห็นหน้าเขา ภาพวันนั้นก็หวลกลับมาให้เธอนึกถึง ทั้งที่เธออยากลบมันไปให้หมด

    “งั้นวันนี้ปราณต์พาหวานเที่ยวหน่อยนะคะ หวานเสร็จงานแล้วจะโทรหาอีกทีนะคะ”

    นางแบบสาวพูดจาออดอ้อนออเซาะ พร้อมทั้งกอดชายหนุ่มโดยไม่สนใจสายตาคนในร้านที่มองมายังคนทั้งคู่

    “ถ้าผมเสร็จธุระแล้วจะโทรหานะ”

    “จริงๆนะคะ หวานจะรอนะ จุ๊บ”

    น้ำหวานเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มสากของชายหนุ่มคู่ควงก่อนที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะทีมงาน

    ด้านอิงค์กาญจน์ก้มหน้าก้มตาทานอาหารบนโต๊ะอย่างไม่รู้รสชาติ รีบๆทานจะได้รีบๆไป

    ณดาเข้าใจว่าเพื่อนรักยังคงเศร้าจากเรื่องคนเราเก่า แต่ก็ยังดีที่เพื่อนยังทานอาหารได้ปกติ เลยทานไปโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ

     

    ด้านสองสาวพอทานอาหารอิ่มสมใจ ก็พากันเลยเดินเล่นริมชายหาดไปเรื่อยๆ

    “ชั้นเข้าไปเอนหลังที่ห้องก่อนนะ แกจะกลับพร้อมกันเลยรึเปล่า” ณดาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาสักพัก

    “ตามสบายเลยแก ชั้นขอเดินเล่นอีกสักพักนะ เดี๋ยวตามไป”

    “โอเคจ้า อย่าไปไกลนักละแก เดี๋ยวจะมืดละ”

    “จ้า”

    อิงค์กาญจน์รับคำเพื่อนรัก ก่อนจะเดินทอดน่องต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ก่อนนะหย่อนตัวลงชายหาดนั่งมองพระอาทิตย์กำลังจะตกดินด้วยใจเลื่อนลอย

     

    “ซู่.......”

    เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง พร้อมลมเย็น อิงค์กาญจน์นั่งนิ่งหลับตาอยู่ริมชายหาด ทะเลยามเย็นช่างสงบ ซึ่งตรงข้ามกับจิตใจของเธอในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

    พลางนึกถึงภาพคนรักกับเพื่อนรักแล้วน้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหล อิงกาญจน์เงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไปในที่ของมัน หญิงสาวตั้งใจจะไม่ร้องไห้ให้กับผู้ชายเลวๆพรรณนั้นอีก ก็แค่เสียดายความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอันยาวนานที่มีกันมา ระหว่างเธอกับอรอุมา มันไม่น่าจบลงเพราะผู้ชายเลวๆเพียงคนเดียว

    อีกเรื่องที่อยู่ในห้วงความคิดของเธอคือผู้ชายคนนั้น ในร้านอาหารเมื่อเย็นที่ผ่านมา สายตาเจ้านายของเธอ นางแบบที่ออเซาะเขา นี่เธอหวั่นไหวกับชายที่นอนกับเธอเพียงข้ามคืนหรือนี่

    ทำไมตอนคนรักเก่าของเธออย่างฐาปนกรณ์กับเพื่อนรักอย่างอรอุมานอนกอดกัน เธอยังไม่รู้สึกปวดแปลบที่หัวใจขนาดนี้เลย

     

    หญิงสาวนั่งเหม่อมองทะเลอันเวิ้งว้าง ไม่มีที่สิ้นสุด นานเท่าไรไม่รู้ที่อิงค์กาญจน์นั่งอยู่ตรงนั้น มารู้ตัวอีกทีรอบตัวหญิงสาวก็มืด อาจเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนดับ หรือเพราะชายหาดตรงนั้นห่างไกลผู้คน

    “มาทำอะไรคนเดียวมีดๆจ๊ะน้องสาว ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนมั๊ยจ๊ะ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” อิงค์กาญจน์ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่พยายามทำใจดีสู้เสือตอบไป

    “โห พูดเพราะซะด้วย”  ร่างสูงของผู้มาใหม่หน้าตาบ่งบอกถึงความไม่ประสงค์ดี กล่าวชมอิงค์กาญจน์ ในขณะที่หญิงสาวพยายามเดินหลบเพื่อให้พ้นมือที่ยื่นมาเพื่อจะเกาะกุมตัวหญิงสาวไว้

    อิงค์กาญจน์หันหลังเตรียมวิ่ง แต่ก็ช้ากว่าชายแปลกหน้าที่คว้าตัวเธอไว้ได้ หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความกลัวเข้ามาเกาะกุมใจ

    “กรี๊ด!! ช่วยด้วย”

    อิงค์กาญจน์พยายามสะบัดตัวออก พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากชายแปลกหน้าผู้ประสงค์ร้าย

    ปากก็พร่ำตะโกนให้คนช่วย เธอคิดในใจว่าเวลานี้ใครจะมาได้ยินเสียงร้องของเธอบ้างนะ เรื่องที่คนรักกับเพื่อนรักหักหลังเธอว่าเลวร้ายแล้ว แต่เหตุการณ์ตรงหน้ามันเลวร้ายยิ่งกว่าเป็นร้อยพันเท่า เธอจะทำยังไงดี ภาวนาในใจขอให้มีใครผ่านมาได้ยินเสียงเธอทีเถอะ เพี๊ยง!

    “โอ๊ย ใครวะ”

                    อิงค์กาญจน์มองตามร่างของชายแปลกหน้าที่ร่างล้มลงกองกับพื้น

                    “บอส” อิงค์กาญจน์เปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คาดฝันว่าคนที่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอจะเป็นเจ้านายชาเย็นของเธอ

                    ปราณนต์เตะซ้ำเข้าไปที่ท้องของคนที่มันกล้าทำร้ายผู้หญิง ก่อนจะหันมาดึงแขนหญิงสาวให้วิ่งตามเขาไป

                    นี่ถ้าเขาไม่บังเอิญเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาทางนี้ หญิงสาวคงโดนปู้ยี้ปู้ยำไปแล้ว คิดแล้วปราณนต์รู้สึกโล่งใจยังไงชอบกล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×