ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #5 : ระยะทำใจ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 65


    ระยะทำใจ

     

    “ไปกันเถอะ ว่าแต่จะไปไหนกันดี”

    “หาอะไรทานกัน หิวแล้ว” อิงค์กาญจน์บอกเพื่อนไปอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ได้อยากจะทานอะไรเลยสักนิด

    “ไหนบอกหิว ฉันไม่เห็นแกกินอะไรเลย แกมีอะไรไม่สบายใจบอกฉันมา”

    “ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนวะ มันหลายเรื่องผสมปนเปกัน“

    “แกใจเย็นๆ ค่อยๆเรียบเรียงให้ฉันฟัง ฉันมีเวลาสำหรับแกเสมอ”

    “อรกับกรณ์ เขาแอบคบกันมานานแล้ว วันก่อนฉันไปเจอเขามีอะไรกันที่ห้องของกรณ์”

    “อะไรนะ อรกับกรณ์เนี่ยนะ”

    “เบาๆสิแก คนหันมามองกันทั้งร้านละเนี่ย”

    “เขามีอะไรกันมานานแล้วว่ะ”

    หญิงสาวรู้ว่าแฟนของเพื่อนรักกับอรอุมาทำงานที่เดียวกันมานานแล้ว และเวลานัดเจอกัน ฐาปนกรณ์ก็จะมาด้วยทุกครั้ง แต่ไม่นึกว่าเรื่องราวจะกลับตลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้

    “แล้วแกคิดจะทำยังไงต่อวะ”

    ถามพลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม

    “ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก”

    อิงค์กาญจน์พูดเหมือนคนจิตใจไม่อยู่รับร่องกับรอย เสียใจเรื่องคนรักเก่ากับเพื่อนรักที่หักหลัง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในหัวตลอดเวลาเหมือนอีกเรื่องที่เพิ่งเข้ามากวนจิตใจ

    ณดาบีบมือเพื่อนรักอย่างปลอบโยน

     

    อิงค์กาญจน์ ณดา อรอุมา เป็นเพื่อนรักมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ทั้งสามคนเป็นเด็กต่างจังหวัดซึ่งบ้านอยู่ระแวกใกล้กัน แต่เมื่อจบมัธยมต้นก็แยกย้ายกันไปเรียนตามความใฝ่ฝันของตนเอง

    ณดา หญิงสาวท่าทางห้าวๆ พูดจาตรงไปตรงมาแต่มีจิตใจที่อ่อนโยน ใฝ่ฝันอยากเป็นพยาบาลเพื่อดูแลยายที่เธอรักยามแก่เฒ่า จึงมุ่งมั่นเรียนอย่างหนักเพื่อให้สอบเข้าเรียนวิทยาลัยพยาบาลกอร์ปกับเป็นคนตั้งใจเรียนตั้งแต่เด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ความพยายามของเธอจะประสบผลสำเร็จ เธอสอบและเรียนจนสำเร็จ ได้เป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ

    อิงค์กาญจน์ชอบบัญชี ตัวเลขเป็นสิ่งที่เธอชอบ พอจบมัธยมต้นจึงเรียนต่อสายอาชีพ พอจบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงก็มาหางานทำและเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพมหานคร จนจบบริหารธุรกิจบัณฑิตตามที่ตั้งใจไว้ และทำงานบัญชีอยู่โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีสาขาตามต่างจังหวัดเป็นรีสอร์ทขนาดกลาง

    ส่วนอรอุมาทางบ้านค่อยข้างมีฐานะดีพอจบมัธยมปลายก็เรียนต่อมหาวิยาลัยเปิด จบสาขาการตลาด ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่มาดมั่นแบบฉบับสาวยุคใหม่ทำให้เธอได้งานเป็นมาร์เก็ตติ้งอยู่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ใกล้ๆที่ทำงานอิงค์กาญจน์

    ทั้งสามคนยังคงสนิทสนมกันมาก เพราะได้เจอกันอยู่บ่อยครั้ง แต่อิงค์กาญจน์และณดามีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน สมถะไม่ฟุ้งเฟ้อ ชอบทำอาหารทานกันเองที่ห้องพัก ทำให้ทั้งคู่เจอกันมากกว่า ส่วนอรอุมาติดที่ทางบ้านมีฐานะชอบนัดเจอเพื่อนๆตามร้านอาหารต่างๆ

    “รักแท้แพ้ใกล้ชิด”

    พยาบาลสาวพูดออกมาพลางมองหน้าเพื่อน

    “ไอ้อรมันไม่น่าทำแบบนี้เลย นั่นก็แฟนเพื่อน นี่ก็เพื่อน มันทำได้ไงวะ เดี๋ยวฉันโทรถามมันให้รู้เรื่อง”

    “ไม่มีประโยชน์หรอกดา เขาเกินเลยกันขนาดนั้น ตอนนี้ฉันก็เป็นแค่คนอื่นสำหรับกรณ์ แต่สำหรับอรเขาเป็นถึงเมียนะเว้ย”

                    “เขาอาจจะรักกันก็ได้ เขาทำงานที่เดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน เขามีเวลาให้กันมากกว่าที่ฉันมีเวลาให้กรณ์ซะอีก บางทีฉันว่ากรณ์อาจจะรักอรมากกว่าที่รู้สึกกับฉันก็ได้นะ”

                    “แม่พระไปป่าววะ แฟนไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นนะ เห็นมาตำตาแล้วยังมาพูดแบบนี้อีก เป็นฉันหน่อยไม่ได้ ขอชกสักหมัดสองหมัดให้หายแค้นทีวะ”

                    พูดพลางทำท่าออกหมัดซ้ายทีออกหมัดขวาที ทำเอาคนที่นั่งหน้าเศร้าอดขำออกมาได้ไม่ได้กับท่าทางเอาจริงเอาจังของเพื่อนรัก

                    “หัวเราะได้แล้วหรอคะคุณน้ำอิง ก็ดีแระที่อิงคิดแบบนี้ ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวฉันพาไปท่องราตรีคลายเครียด”

                    “แค่มีแกอยู่ข้างๆ แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีแล้ว ขอบใจแกมากนะ”

                    ทั้งสองโผเข้ากอดเพื่อถ่ายทอดความรักที่เพื่อนมีต่อกัน อิงค์กาญจน์ยิ้มทั้งน้ำตา

                   

    อิงค์กาญจน์ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่ง กับกางเกงยืนขาสั้นเลยเข่าสีซีดตัวโปรด เผยให้เห็นเรียวขายาว ผมยาวที่เคยปล่อยสยาย วันนี้ถูกเกล้าด้วยยางรัดผมเส้นเล็กแบบหลวมๆประบ่า ทำให้หญิงสาวดูอ่อนเยาว์น่ามองยิ่งนัก

    หญิงสาวไม่พูดเปล่ากึ่งดึงกึ่งลากเพื่อนรักเพื่อให้ลุกจากเตียงนอน ที่เมื่อคืนทั้งสองนอนคุยกันไม่รู้เผลอหลับกันไปตั้งแต่ตอนไหน อิงค์กาญจน์ตื่นมาเพราะความเคยชินที่ต้องตื่นเช้าเพื่อไปทำงาน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ยื่นใบลาพักผ่อนไว้เมื่อวาน หญิงสาวก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบปลุกเจ้าของห้องให้ตื่นด้วย ด้วยไม่อยากให้ตัวเองอยู่นิ่ง พาลจะนึกถึงเรื่องที่ทำให้ปวดใจอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาอีก

                    “จะรีบตื่นไปไหนแต่เช้าวะ วันหยุดขอนอนตื่นสายหน่อยไม่ได้หรอ”

                    เจ้าของห้องพูดในขณะที่ยังไม่ลืมตา

                    “ตื่นอาบน้ำไปหาไรกินกัน ไปเที่ยวด้วย แก้เครียด เครปะ”

                    อิงค์กาญจน์พูดพลางมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง มองตึกราบ้านช่องอย่างไร้จุดหมายปลายทางนัยย์ตาบ่งบอกถึงความปวดร้าวในใจ ณดามองเพื่อนแล้วรู้สึกสงสาร รีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนพร้อมเก็บผ้าห่มให้เป็นระเบียบ

                    “โอเคค่ะ ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวแพล้บนะคะ”

                    อิงค์กาญจน์มองเพื่อนรักแล้วส่ายหัวไปมา หญิงสาวไม่อยากร้องไห้ให้กับความรักที่ผิดหวัง ไม่อยากให้ตัวเองต้องหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนี้นานนัก มันเจ็บเจียนตาย แค่คิดหญิงสาวก็เจ็บจี๊ดตรงอกข้างซ้ายทุกที

                    “พร้อมค่ะ ว่าแต่เราจะไปไหนกันดีคะ”

                    ณดาปล่อยผมสยายครึ่งหลังในชุดเสื้อกล้ามสีดำรัดรูป กับกางเกงขาเดปสีน้ำตาลอ่อน เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง หากไม่ใช่คนรู้จักก็จะไม่รู้ว่าเธอคือพยาบาลสาวในชุดสีขาวผู้ใจดี

                    “ก่อนอื่นต้องไปเอารถชั้นที่คอนโดกรณ์ก่อน ชั้นจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พอเจอ…”

                    อิงค์กาญจน์พูดไม่ออก มันเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างจุดอยู่ที่อก มันแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

                    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวแกรออยู่ร้านกาแฟแถวหน้าคอนโด เดี๋ยวชั้นเข้าไปเอาเอง ตามนี้นะ”

                    หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักที่รู้ใจและแสนจะเข้าใจสภาพจิตใจของเธอในตอนนี้

                    หลังจากที่ได้ชาเย็นและเอสเปรสโซ่ อิงค์กาญและณดาก็เดินโอบกันออกจากร้านกาแฟ โดยมีสายตาหนุ่มๆในร้านมองตามสองสาวอย่างนึกอิจฉาและเสียดาย คงเข้าใจว่าเป็นคนรักกัน

                    “มานี่ ชั้นขับเอง”

                    อิงค์กาญจน์ยื่นกุญแจรถให้เพื่อนรัก พลางขอบคุณ น้ำตาพาลจะไหล

                    “นี่ ไม่ต้องทำซึ้งนะว้อย เดี๋ยวชั้นไม่พาเที่ยวนะ แปะ!ขึ้นรถได้ค่ะคุณผู้หญิง เดี๋ยวพี่พาไปตามแต่ใจน้องต้องการเล้ย”

                    ณดาทำท่ากระตือรือร้นเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้เพื่อน ทำท่าเหมือนคนขับรถ มิวายคำนับพร้อมกับปิดประตูรถให้อิงค์กาญจน์อดขำกับท่าทางของเพื่อนรักไม่ได้ มีเพื่อนคนนี้อยู่ข้างๆทำให้เธอลืมเรื่องราวร้ายๆไปได้บ้าง

                    “สรุปแล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ”

                    ณดาเอ่ยถามคนข้างๆที่นั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่ออกมาจากร้านกาแฟ พลางหยิบแก้วเอสเปรสโซ่ขึ้นมาดูด

                    “อยากกินส้มตำปูม้าตัวโตๆ ดูพระอาทิตย์ตกดิน”

                    อิงค์กาญจน์เอ่ยออกมา แต่สายตาจ้องมองนอกกระจกรถอย่างใช้ความคิด

                    “ไปทะเล”

                    สองสาวเพื่อนรักพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างรู้ใจ

    ตลอดการเดินทาง อิงค์กาญจน์พยายามทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ไม่แสดงออกให้เพื่อนรักต้องเป็นห่วง ทั้งที่ภายในเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ณดารู้ว่าเพื่อนรักยังคงเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่พบเจอมาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เลยพยายามพาเพื่อนรักแวะกินโน่นกินนี่ตลอดทาง เพื่อให้เพื่อนรักหายเศร้า

    บ่อยครั้งที่ดวงตาคู่หวานของอิงค์กาญจน์เหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย จนทำให้คนที่มาด้วยนึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ ไม่อยากเห็นเพื่อนรักต้องจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้

    “ถึงซะที ทะเล๊ ทะเล”

    ณดาพูดพลางกระโดดลงเตียงนอนในห้องพัก รีสอร์ทขนาดกลางที่เธอกับเพื่อนเคยมาพักกันบ่อยๆ ทั้งสองชอบบรรยากาศ คนไม่พลุกพล่าน

    “ไปหาส้มตำปูม้าอร่อยๆกินกันดีกว่าแปะ หิวแระ”

    “ห๊า ไอ้ที่กินมาตลอดทางแกเอาไปซ่อนไว้ตรงไหนวะ ไหนดูดิ”

    ไม่พูดเปล่า อิงค์กาญจน์ใช้นิ้วแหย่พุงเพื่อนรักไปมา ณดาจั๊กจี๋วิ่งวนไปรอบห้อง สองสาวเปลี่ยนกันวิ่งไล่จับ จนเหนื่อยจึงหยุดนอนเอกเขนกบนเตียงนอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×