ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #3 : หนี

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 64


                 หนี


                 อิงค์กาญจน์ลืมตาตื่นพร้อมกับอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากคนข้างๆ เมื่อคืนเธอฝันว่ากอดชายในฝัน แต่ไม่เห็นหน้า ฝันทะลึ่งอะไรตั้งมากมาย พอคิดมาถึงตรงนี้ อิงค์กาญจน์ก็หน้าแดง     โดยไม่รู้ว่าคนที่กอดก่ายเธออยู่ก็รู้สึกตัวตื่นก่อนเธอเสียอีก แต่แกล้งหลับตา

    อิงค์กาญจน์รู้สึกปวดหัว แถมยังเจ็บแปลบตรงจุดสงวนเมื่อขยับตัว ถึงกับอึ้งว่าเรื่องเมื่อคืนที่เธอคิดว่าเป็นความฝัน เห็นจะไม่ใช่เสียแล้ว แล้วเธอมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน มิหนำซ้ำคนที่นอนข้างๆก็เป็นเจ้านายชาเย็นของเธอ คิดวกไปเวียนมาก็ยังไม่รู้ที่มาอยู่ดี

    หญิงสาวค่อยๆยกแขนกำยำที่โอบเธออยู่ เพราะกลัวเขาจะตื่นมาแล้วเธอจะทำหน้ายังไง แล้วพาตัวเองออกจากอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั้นอย่างเสียดายอยู่ลึกๆ

                    ก่อนที่เท้าเธอจะก้าวลงจากเตียง ปราณนต์ก็คว้าล่างเล็กมากอดไว้

    “บอส”  อิงค์กาญจน์สะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าคนที่นอนอยู่จะตื่น

    ปราณนต์ตื่นนานแล้ว แต่ยังอยากจะกอดร่างเล็กอยู่อย่างนี้นานๆ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้ว่าถ้าหญิงสาวตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกเขาปล้ำ หญิงสาวจะทำอย่างไร

    “จะไปไหน” ปราณนต์เอ่ยแบบไม่ต้องการคำตอบจากคนในอ้อมกอดสักเท่าไหร่

    “เอ่อ เอ่อ”

    “ถึงกับติดอ่าง ถามว่าจะไปไหน มานอนด้วยกันก่อน”

    ไม่พูดเปล่า จมูกโด่งก็ซุกไปซอกคอหญิงสาวจากด้านหลัง อิงค์กาญจน์ถึงกับขนลุกซู่ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำ เรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงหรือนี่ หญิงสาวจะทำอย่างไรต่อไปดี เขาคงเห็นหญิงสาวเป็นของเล่นของเขาเท่านั้นเอง

    คิดมาถึงตรงนี้ ใจของเธอก็เจ็บแปลบ แต่เธอจะไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเป็นอันขาด

    “ขอตัวไปแต่งตัวค่ะ จะกลับคอนโดค่ะ” หญิงสาวพูดโดยไม่กล้าหันไปมองหน้าคนตัวโต ด้วยกลัวเขาจะเห็นน้ำตาที่คลอเต็มเบ้าตา แล้วจะหาว่าเธอเรียกร้องความสงสาร

    พอปิดประตูห้องน้ำได้ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่รู้มาจากไหนตั้งมากมาย เรื่องเมื่อคืนที่ถูกคนรักกับเพื่อนรักหักหลังว่าเจ็บปวดแล้ว เรื่องวันนี้ที่เธอโดนลักหลับมันหนักหนายิ่งกว่าเสียอีก เธอจะทำอย่างไรต่อไปนับจากนี้

    นานจนคิดว่าทำใจได้ที่จะเผชิญหน้ากับคนที่พรากพรหมจรรย์เธอไปแล้ว

    “ผมนึกว่าคุณจะไปนอนต่อในห้องน้ำเสียอีก”

    “เสื้อผ้าดิฉันอยู่ไหนคะ”  ไม่ตอบคำถามเขาแต่กลับถามหาเสื้อผ้าของตัวเอง หลังจากมองหารอบๆห้องแล้วไม่พบ อยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

    “เมื่อคืนผมให้แม่บ้านเอาไปซักให้ สักพักคงจะเอามาส่ง”

    “คุณไม่ต้องรีบขนาดนั้น เรามาคุยกันก่อนก็ได้” ปราณนต์ตบที่นอนเบาๆเพื่อให้หญิงสาวมานั่งคุยกันบนเตียง

    “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ” หญิงสาวพูดพลางเงยหน้าให้น้ำตาที่คลอไหลคืนที่เดิม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้อง น่าจะเป็นแม่บ้านที่เอาชุดเธอไปซัก

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเมื่อรับชุดจากแม่บ้านประจำคอนโด

    พอจัดการตัวเองเสร็จ อิงค์กาญจน์ก็รีบออกจากคอนโดโดยไม่สนใจเจ้าของห้อง

     

    อิงค์กาญจน์เหนื่อยล้าเกินกว่าจะมีแก่จิตแก่ใจทำอะไรต่อหลังจากกลับมาถึงคอนโด ดีที่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่งั้นเธอคงลำบากใจที่จะไปทำงานแล้วต้องไปพบหน้าคนที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยล้าแบบนี้

    หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ พอตื่นมาอีกทีรอบตัวเธอก็มืดไปหมด ท้องเจ้ากรรมก็ร้องอัตโนมัติ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากนมที่เธอดื่มก่อนกินยาลดไข้ก่อนล้มตัวลงนอน

    “ก๊อกๆ”

    “นอนกินบ้านกินเมืองหรอคุณ กรุงเทพแหว่งไปครึ่งเมืองละ แล้วมือถือทำไมไม่เปิด” ปราณนต์บ่นพลางเดินเข้าในห้องพักหลังจากเจ้าของเปิดประตู โดยที่ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะเอ่ยอนุญาต พร้อมวางอาหารและผลไม้ที่แวะซื้อมาให้หญิงสาว

    ……

    “ผมพูดด้วยทำไมไม่พูด แล้วเมื่อเช้าหนีออกมาก่อนทำไม ยังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย”

    ปราณนต์นึกโมโหหญิงสาวที่หนีออกมาโดยไม่บอกเขาสักคำ ไข้ก็ยังไม่สร่างดี เขาต้องหาเหตุผลให้เจ้าอาวุธมากมาย ผู้ช่วยช่างสงสัยของเขาถามซอกแซกจนเขาเกือบเอาตัวไม่รอด กว่าจะได้เบอร์โทรศัพท์กับที่อยู่ของพนักงานสาวในโรงแรมตัวเอง

    “ไม่มีอะไรต้องตกลงกันค่ะ” หลังจากปล่อยให้เจ้านายชาเย็นพูดอยู่คนเดียวมานานสองนาน

    “หมายความว่ายังไง”

    “ก็หมายความตามที่พูดค่ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ดิฉันเข้าใจค่ะว่าบอสสามารถนอนกับผู้หญิงที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องมีความรัก ลืมมันซะเถอะค่ะดิฉันขอร้อง และกรุณากลับไปได้แล้ว เชิญค่ะ”

    “คุณต้องการเท่าไหร่”

    ……..

    “เรียกมาได้เลยนะ คนอย่างปราณนต์ไม่เคยนอนกับใครฟรีๆ”

    อิงค์กาญจน์มองหน้าชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตาที่คลอเต็มเบ้า ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากผู้ชายที่สาวๆต่างพากันหลงใหล เธอรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดเอ่ยกับเขา

    “ออกไปจากห้องชั้น ชั้นบอกให้ออกไป๊….

    “คุณ” ก่อนที่ร่างบางจะร่วงถึงพื้น ปราณนต์ก็วิ่งไปรับไว้ได้ทัน

    อาจเพราะเครียดและไม่มีสารอาหารเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่เช้า ทำให้อิงค์กาญจน์เป็นลม

    ปราณนต์พาร่างไร้สติของหญิงสาวไปวางที่โซฟา ก่อนจะจัดแจงหาผ้ากับน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้ นานกว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว

    “ตื่นมาก็เก่งเลยนะ”

    บอสหนุ่มเอ่ยแซวหลังจากเห็นหญิงสาวลืมตาขึ้นมาเห็นเขานั่งอยู่ ก็ทำท่าขยับหนี

    “บอสกลับไปเถอะค่ะ เราไม่มีอะไรจะต้องตกลงกัน”

    “ผมกลับแน่ แต่คุณต้องทานข้าวทานยาก่อน”

    “เดี๋ยวดิฉันจัดการเองค่ะ เชิญบอสกลับไปเถอะค่ะ”

    “ไม่ จนกว่าผมจะได้เห็นว่าคุณทานข้าวและยาลดไข้แล้วเท่านั้น นี่คือคำสั่ง”

    หญิงสาวเหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา

    หลังจากสั่งให้หญิงสาวนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ปราณนต์ก็หันมาจัดการกับอาหารและผลไม้ที่ซื้อมา

    อิงกาญจน์ทานได้ไม่กี่คำก็ขอตัวไปทานยาลดไข้

    “อ่ะ ทานยานี้ด้วย มีวิธีทานอยู่ในซอง”  ร่างบางรับกล่องยาจากมือชายหนุ่มแบบงงๆ ก่อนที่รู้ถึงวัตถุประสงค์ของชายหนุ่มเมื่อเห็นสรรพคุณของยา

    น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหล รันทดในชะตาชีวิตตัวเอง

    หนุ่มเพลบอยอย่างเขา ไม่รู้จักแม้กระทั่งความรัก และไม่เคยคิดจะหยุดอยู่ที่ใคร คงกลัวจะมาพลาดทำให้เธอท้อง เลยต้องสรรหายาคุมชนิดฉุกเฉินมาให้เธอ

    “คุณพักผ่อนซะ ผมกลับล่ะ แล้วเราค่อยคุยกัน”

    พูดแบบไม่รอคำตอบ

    คนต้นเหตุกลับไปนานแล้ว แต่อิงค์กาญจน์ยังจมจ่อมอยู่กับตัวเอง ครุ่นคิดถึงอนาคตตัวเองว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี อยากหนีไปให้ไกลเขา แต่งานดีเงินดีก็หายากเต็มที แต่ถ้ายังทำงานต่อไปก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาอีก แล้วเธอจะทำตัวยังไงถูก


    ฝากติชมกันด้วยนะคะ จะพยายามอับเดตให้อ่านกันเรื่อยๆค่ะ

    มือใหม่หันเขียน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×