ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #25 : ถึงเวลาต้องตัดใจ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 65


    อิงค์กาญจน์เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อคืนปราณนต์ไม่ได้ป้องกันใดๆ ตอนมีอะไรกันกับเธอ จึงบอกคนขับแท๊กซี่ให้แวะห้างสรรพสินค้าก่อนถึงคอนโด

                    หญิงสาวแวะซุเปอร์มาร์เก็ตซื้อของสดกับของใช้บางส่วนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนมาแวะที่ร้านขายยาในห้างก่อนจะกลับ ยาคุมฉุกเฉิน เหมือนที่ปราณนต์เคยซื้อมาให้เธอในคราวก่อน

                    เธอเงยหน้าเพื่อให้น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ตอนนี้ ไหลกลับไปในตาอย่างเดิม กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างรู้สึกหนักอึ้งในใจ เธอจะต้องใช้ยานี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน เมื่อใดที่เรื่องระหว่างเธอกับเขาจะจบลงจริงๆ เสียที เมื่อไหร่เธอจะใจแข็งกับเขาได้เสียที อีกทั้งคนรักเก่าของเขาก็กลับมาสานสัมพันธ์ต่อ มันคงไม่ยากที่เขาสองคนจะกลับมารักกันเหมือนเดิม

                    คิดมาถึงตรงนี้หัวใจหญิงสาวก็ปวดหนึบขึ้นมาอีก ก่อนจะพาร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงนั่งพักตรงเก้าอี้หน้าร้านขายยา เธอต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อจบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ที่ดูยังไงเธอก็ไม่มีวันได้หัวใจเขามาครอบครอง

                    หญิงสาวกลับมาถึงห้องพัก พอจัดแจงเก็บข้าวของที่ซื้อมาจากซุเปอร์มาร์เก็ตเข้าตู้เย็นและตู้เก็บของ โดยไม่ลืมทานยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อมา เสร็จสรรพก็พาร่างล้มตัวลงนอน เพราะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เธอเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม ท้องเจ้ากรรมร้องรียกหาอาหารรวมถึงอาการปวดท้องก็กำเริบขึ้นมา เพราะวันนี้ทั้งวันมีแต่ขนมปังกับชาเขียวที่ตกถึงท้อง

                    เธอจัดแจงเอาอาหารแช่แข็งที่ซื้อติดมาด้วยเข้าไมโครเวฟ ปกติเธอไม่ชอบทานอาหารพวกนี้ แต่ก็มีติดตู้เย็นไว้บ้างยามฉุกเฉิน

                    หลังจากจัดการกับท้องตัวเองเสร็จ ก็หันหยิบโทรศัพท์มือถือดู Miss call สิบสายที่เธอไม่ได้รับ

                    เบอร์เพื่อนรักที่นัดแนะกันตอนกลางวัน อีกเบอร์คือคนที่ทำให้เธอทุกข์ใจอยู่ตอนนี้ เขาจะมายุ่งอะไรกับเธออีก แค่นี้เธอยังเสียใจไม่พออีกหรอ

                    “โทษทีว่ะ ชั้นเผลอหลับไป” หลังจากเพื่อนรับสายก็รีบขอโทษขอโพยเพื่อนรักอย่างรู้สึกผิด

                    “ไม่เป็นไรชั้นแค่เป็นห่วง พอดีจะบอกว่าไม่ได้เข้าไปหาแล้ว พอดีน้องที่แผนกให้ขึ้นเวรแทน”

                    “ไม่เป็นไร ชั้นโอเคแล้ว”

                    “แกโอเคจริงๆ ใช่มั๊ย” เอ่ยถามอย่างห่วงใย

                    “จริงๆ ชั้นว่าจะลาพักร้อนกลับบ้านสักอาทิตย์ แกจะไปกับชั้นมั๊ย”

                    “เดี๋ยวขอดูตารางเวรก่อนนะ ยังไงจะบอกอีกที แล้วแกจะไปวันไหน”

                    “น่าจะวันอังคาร เพราะพรุ่งนี้ชั้นต้องเข้าไปเคลียร์งานแล้วจะยื่นใบลาก่อน”

                    “ได้ๆ ยังไงชั้นจะบอกอีกที แกพักผ่อนเถอะ ชั้นจะทำงานต่อละ”

                    “อืม บาย” 

                     หลังวางสายจากเพื่อนรักหญิงสาวก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะทานยาแก้แพ้เพื่อให้นอนหลับ

     

    หลังจากออกจากคอนโดหญิงสาว ปราณนต์ก็กลับไปโรงแรมเพื่อเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ กว่าจะเสร็จงานก็ปาไปเกือบสามทุ่ม เขาให้อาวุธกลับไปพักก่อนหลังจากปล่อยให้เขาทำงานหนักแทนเขามาหลายวัน ตอนแรกผู้ช่วยของเขาปฏิเสธด้วยห่วงใยอาการไม่ปกติของบอสหนุ่มที่ขึ้นๆ ลงๆ มาหลายวันแล้ว แต่เพราะเขาขู่จะไล่ออก อาวุธจำต้องทำตามที่บอสสั่ง

    เดิมทีเขาคิดจะกลับไปหาหญิงสาวที่คอนโดอีกครั้ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจขับรถหรูตรงไปคอนโดของตัวเอง วันนี้เขาเหนื่อยเต็มทีทั้งเรื่องงานและเรื่องของเธอที่เข้ามาป่วนในหัวใจของเขา พรุ่งนี้ค่อยสะสางอีกที

     

    หลังจากหลับสนิทตลอดทั้งคืน ทำให้เช้านี้อิงค์กาญจน์รู้สึกสดชื่นขึ้น เธอจัดการเตรียมตัวไปทำงานตามปกติ

    อีกแล้ว เธอเจอเขาในลิฟท์อีกแล้ว แต่คราวนี้หญิงสาวเลือกที่จะยืนให้ห่างจากเขามากที่สุด ดีที่คนในลิฟท์ค่อนข้างเยอะ ทำให้ช่องว่างระหว่างเธอกับเขามีมากขึ้นตามไปด้วย เธอรู้ว่าเขามองเธออยู่ แต่เธอเลือกที่จะทำไม่สนใจ ใช่ว่าจะกลัวเขาแต่เธอกลัวใจตัวเองมากกว่า กลัวว่าจะอ่อนไหวไปกับเขาอีก

    พอลิฟท์ถึงชั้นออฟฟิศ หญิงสาวรีบสาวเท้าออกจากลิฟท์ไวกว่าปกติเพื่อให้ถึงโต๊ะทำงาน

    ปราณนต์มองตามร่างบางที่แสดงอาการหมางเมินกับเขา ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟท์เขาชำเลืองมองเธอ แต่หญิงสาวกลับทำเมินเขาซะอย่างงั้น

    เขาจะมาแคร์อะไรกับผู้หญิงคนนี้นัก ปราณนต์สะบัดศีรษะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัว

    อาวุธเดินตามบอสหนุ่ม พร้อมกับความสงสัยในพฤติกรรมของสองคนนี้

     “วันนี้ชั้นมีงานด่วนอะไรมั๊ย” เอ่ยถามผู้ช่วยพลางอ่านเอกสารในแฟ้มไปด้วย

    “วันนี้บอสมีนัดคุยกับคุณธนากรเรื่องโรงแรมที่จะเทคโอเว่อร์ที่จันทบุรีครับ เวลา 10 โมงที่......บ่ายมีประชุมกับทีม Marketing ช่วงค่ำมี”

    “พอๆ เอาแค่นี้ก่อน ขอเคลียร์เอกสารพวกนี้ให้เสร็จก่อน นัดบ่ายเลื่อนไปก่อนแจ้งทีม Marketing ด้วย”

    “ครับบอส” ผู้ช่วยหนุ่มรับคำก่อนจะหอบแฟ้มที่ผ่านการอนุมัติแล้วออกไปจากห้อง

     

    อิงค์กาญจน์เร่งเคลียร์งานที่ค้างให้แล้วเสร็จ ก่อนจะพาตัวเองมาขอพบเพ็ญแขหัวหน้าแผนก

    “อ้าว ว่าไงอิง” หญิงสาวสูงวัยกว่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

    “อิงจะขอลาพักผ่อนสักอาทิตย์ค่ะ พี่แขมีงานด่วนอะไรมั๊ยคะ”

    “ลาหลายวันแบบนี้กลับจันทบุรีหรอ” ปกติที่ลูกน้องคนสนิทลายาวแบบนี้มักจะกลับบ้านเกิดเสมอๆ

    “ค่ะ ไม่ได้กลับไปหลายเดือนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบตามความจริง ที่เธอลากลับบ้านเกิดที่จันทบุรี แต่เหตุผลที่แท้จริงของเธอคือหนีไปรักษาแผลใจ

    “ช่วงนี้ไม่มีอะไรด่วนหรอก อิงไปพักผ่อนให้สบายใจเถอะ ถ้ามีงานเข้ารับรองว่าพี่ไม่รอช้าที่จะโทรตามอิงกลับมาแน่นอนจ๊ะ” เพ็ญแขแซวเล่นอย่างเอ็นดู 

    เธอรักและเอ็นดูอิงค์กาญจน์เป็นพิเศษ ด้วยเพราะหญิงสาวตั้งใจทำงานได้ดั่งใจเธอกว่าคนอื่นๆ อีกทั้งมีความรับผิดชอบงาน หัวไวและใฝ่เรียนรู้ ทำงานแทนเธอได้แทบจะทุกอย่าง ไม่เคยอิดออดเวลามอบหมายงานให้ทำ

    “ขอบคุณพี่แขมากนะคะ” หญิงสาวอ่อนวัยกว่าพนมมือไหว้หัวหน้าแผนก รู้สึกขอบคุณจริงๆ ตามคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา

    “แล้วอิงจะลาวันไหนล่ะ ยื่นเอกสารมาได้เลยนะเดี๋ยวพี่อนุมัติให้เลย จะได้ไปส่งฝ่ายบุคคล”

    “พรุ่งนี้เลยค่ะ วันนี้อิงจะเคลียงานให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้เดินทางแต่เช้า”

    “OK”

    “งั้นอิงขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”

    “จ้า”

     

    “ว่าไง” หญิงสาวเอ่ยหลังจากรับสายเพื่อนรัก

    “ชั้นเคลียร์เวรได้วันพฤหัส คงไม่ได้ไปพร้อมแกอ่ะ แกนั่งรถตู้ไปก่อนนะ เดี๋ยวชั้นตามไป โทษทีว่ะเพื่อน” ณดาเอ่ยอย่างสำนึกผิดที่ทำให้เพื่อนต้องลำบาก

    “ไม่เป็นไรเลยแก ทำอย่างกะพวกเราไม่เคยนั่งรถตู้โดยสาร มาขอโทษขอโพยอะไร”

    “ชั้นเสร็จงานจะรีบตามไปเลยนะ จะได้ไปโดดน้ำทะเลกัน”

    “จ้า”

    หลังจากวางสายเพื่อนแล้ว อิงค์กาญนจ์ก็หันไปทำงานต่อจนลืมเวลา

    “นี่มืดแล้วหรอเนี่ย ถึงว่าหิว” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเก็บเอกสารและอุปกรณ์สำนักงานใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายเดินตรงไปยังลิฟท์

    ก่อนมือเล็กจะเอื้อมไปกดปุ่ม ประตูลิฟท์ก็เปิดออกโดยมีร่างสูงใหญ่ที่เธอคุ้นเคยออกมาพอดี หญิงสาวยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะดึงสติกลับมา เดินหลบไปด้านข้างให้เขาเดินออกมา ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาเขา ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปในลิฟท์แล้วกดปิดประตูอย่างรวดเร็ว

    อิงค์กาญจน์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะรีบเดินไปยังป้ายรถเมย์เรียกแท๊กซี่กลับที่พัก

     

    ฝากติดตามด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×