คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ภาพบาดตา
ความขมขื่นจุกอกจนเธอสะอื้นออกมาเบาๆ หลังจากตื่นมาในตอนสายที่ไร้ร่างของคนข้างกาย เสื้อผ้าของเธอถูกจัดวางไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สายตาเหลือบไปเห็น Post-it แปะตรงหน้ากระจก ระบุข้อความ
‘ผมมีธุระด่วนต้องจัดการ ไว้ค่อยคุยกัน’
เธอทั้งจุกและเจ็บไปทั้งหัวใจ เธอไม่ต่างอะไรกับคู่นอนของเขา ความจริงที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
ก่อนจะพาร่างอันบอบช้ำกับเสื้อผ้าชุดเดิมเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำของเขา เธออยากพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด มันไม่ควรเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
เธอใช้น้ำเย็นจากฝักบัวช่วยชำระล้างคราบน้ำตาตัวเอง นานกว่าเธอจะสั่งน้ำตาให้มันหยุดไหลได้ ดวงตากลมโตบวมพอๆ กับปากบางที่เจ่อแดง ต้นเหตุคือคนเดียวกัน เธอไม่รู้ว่าตอนนี้คนต้นเหตุอยู่ไหน และไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา
หญิงสาวค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นสองก่อนจะมองหากระเป๋าของเธอ เธอจำได้ว่าวางมันไว้บนโซฟาตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงเรียกเข้าพอดี บ่งบอกว่ามีคนติดต่อเข้ามา
"ทำไมแกไม่รับสายชั้นเลย เกิดอะไรขึ้น” ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างหนักหน่วง ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนจะตอบเพื่อนรักไป
“ชั้นโอเค” ช่างตรงข้ามกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ยิ่งนัก
“แกอยู่ไหน เจอกันหน่อยมั๊ย” ณดาสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเพื่อนรัก ว่าไม่ได้เป็นดั่งที่บอกกับเธอ
“ชั้นมีเวลาพักหนึ่งชั่วโมง แกมาหาชั้นที่ร้านกาแฟใกล้โรงพยาบาลนะ”
“อืม” เธอพูดมากกว่านี้ไม่ได้เพราะน้ำเสียงบ่งบอกว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
“มาถึงก็โทรมานะ ชั้นรอแกอยู่” พูดทิ้งท้ายด้วยความห่วงใยในตัวเพื่อนรักก่อนจะกดวางสาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอตั้งแต่เมื่อวานหลังจากมีเสียงชายปริศนาแทรกเข้ามาระหว่างคุยโทรศัพท์กัน แล้วเธอก็ติดต่อเพื่อนไม่ได้อีกเลย
ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็มาถึงจุดหมาย ก่อนจะเลือกที่นั่งที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด โดยไม่ลืมโทรศัพท์ไปแจ้งเพื่อนรัก
หลังจากได้วางสาย ณดาก็รีบมาที่นัดหมายทันที
“กินอะไรมารึยัง” เอ่ยถามเพื่อนรัก
อิงค์กาญจน์ส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ ใบหน้าเรียวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวไปสั่งให้” ณดาจับไหล่เพื่อนบีบเบาๆ อย่างห่วงใย
ณดากลับมาพร้อมขนมปังกรอบเนยกับแก้วชาเขียวของโปรดของเพื่อนรัก
“รองท้องไปก่อน สั่งสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าให้ละ”
“ขอบใจนะแก” เอ่ยพลางรับขนมปังกรอบจากมือของอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับแก เสียงผู้ชายที่ชั้นได้ยินเมื่อวานในสายคือคุณปราณนต์ใช่มั๊ย”
อิงค์กาญจน์กลืนขนมปังลงคออย่างยากลำบาก ก่อนที่จะเอ่ยคำใดๆ สายตาเจ้ากรรมพลางเหลือบไปเจอคนต้นเรื่องเดินเข้าในร้านพร้อมกับผู้หญิงคนที่เธอจำได้แม่นยำ
ปราณนต์เดินเข้ามาในร้านโดยมีอรเนศควงแขนเขาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์สีสด สีหน้าของเธออาบด้วยรอยยิ้ม
นี่แหละมั้งธุระด่วนสำหรับเขา คิดมาถึงตรงหนี้หัวใจของเธอกลับรู้สึกปวดหนึบขึ้นมา
เขาหันมาสบตากลมโตของหญิงสาวพอดี ดวงตาฉายแววตัดพ้อแกมน้อยใจของเธอทำหัวใจเขากระตุก ก่อนจะปรับให้เป็นปกติภายในไม่กี่วินาที
“ทางนี้” ภวินทร์โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้มาใหม่
ปราณนต์ละสายตาจากหญิงสาว หันไปตามเสียงเรียกอันคุ้นเคยของเพื่อนรัก
“หวัดดีค่ะวิน” อรเนศเอ่ยทักทายเพื่อนของอดีตคนรักเก่าอย่างสนิทสนม
“หวัดดีครับดาด้า สบายดีนะครับ ไม่คิดว่าได้เจอกันแบบนี้อีก” หมับเข้าให้ ภวินทร์แอบเหน็บหญิงสาวที่ทำให้เพื่อนของเขาแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน
อรเนศไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของภวินทร์ แต่คนที่เธอเกาะแขนอยู่ตอนนี้สายตากลับจดจ้องอยู่กับหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะอีกมุมของร้าน ซึ่งเธอจำได้แม่นยำว่าเพิ่งเจอผู้หญิงคนนั้นเมื่อวานนี้ในเสื้อผ้าชุดเดิม เธอสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าหล่อนมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนที่เธอกำลังควงแขนอยู่
“ไหวมั๊ยแก” ณดาเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างห่วงใย จากใบหน้าที่ก่อนนี้ซีดเซียวอยู่แล้วเหมือนจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมอีกตรงที่มีน้ำตาคลอที่เบ้าอยู่
ตั้งแต่สองคนหนุ่มสาวนั้นเดินเข้ามาในร้านทำให้เพื่อนของเธอดูสติไม่อยู่กับร่องกับรอย
อิงค์กาญจน์ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ
“ชั้นว่าแกกลับไปพักที่ห้องก่อน เลิกงานชั้นจะไปหาที่ห้อง” พูดพลางพยุงให้เพื่อนรักลุกขึ้น
“อืม” ตอบรับก่อนจะชำเลืองมองไปยังอีกโต๊ะ
ณดาจัดการส่งเพื่อนรักขึ้นรถแท็กซี่พร้อมแจ้งจุดหมายให้คนขับเสร็จสรรพก็กลับเข้ามาเคลียร์ค่าอาหารก่อนจะกลับไปทำงานต่อ
ด้านสองหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวพูดคุยกันในบรรยากาศอืมครึมได้สักพัก ภวินทร์ขอตัวไปก่อนเนื่องจากได้รับสายจากโรงพยาบาลแจ้งว่ามีเคสด่วนเข้ามา
“ไว้ค่อยคุยกันนะไอ้เสือ” ภวินทร์ตบไหล่เพื่อนรักก่อนจะไปรีบกลับไป
ปราณนต์ไม่มีแก่จิตแก่ใจฟังอรเนศ เพราะมัวกังวลใจกับใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวที่ได้เดินออกจากร้านไปแล้วสักพัก จนอรเนศสังเกตเห็นความผิดปกติ
“นนต์คะ นนต์” อรเนศเรียก
“ครับ ว่าไงครับ” ปราณนต์ตื่นจากภวังค์
“คุณเหม่ออะไรคะ ด้าบอกว่าจะไปออฟฟิศกับคุณ ตอนเย็นเราจะได้ไปดินเนอร์กัน”
“เอ่อ ผมมีงานที่ต้องเคลียร์อีกเยอะเลย เอาไว้วันหลังแล้วกันครับ”
“นะครับ” เห็นว่าหญิงสาวจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เขาเลยใช้ลูกอ้อนเพื่อให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปก่อน
“ก็ได้ค่ะ นนต์สัญญาแล้วนะคะ” พูดพลางเอาใบหน้าไปแนบกับไหล่กว้างอย่างออดอ้อน
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนละกันครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยมีสายตาของอรเนศจ้องอย่างใคร่รู้
ปราณนต์ขับรถหรูมาจอดหน้าคอนโดหญิงสาวคนที่อยู่ในหัวเขาตลอดเวลาที่เดินทางมาที่นี่
ด้านอรเนศเดินตามปราณนต์ออกจากร้านมาห่างๆ เห็นว่าเส้นทางที่ชายหนุ่มมุ่งหน้าขับรถไปไม่ใช่ออฟฟิศของเขา เธอจึงตัดสินใจเรียกรถแท็กซี่ให้ขับตามมา
‘นนต์มาทำอะไรที่นี่กันนะ ไหนว่าจะไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ’ ความใคร่รู้ทำให้เธอตัดสินใจแอบเดินตามเขามา
ปราณนต์กดกริ่งหน้าห้องพักของหญิงสาว
‘เงียบ’
ไม่มีการตอบรับใดๆ จากด้านใน เขากดกริ่งซ้ำอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมไม่มีการตอบสนองใดๆ
เขาร้อนรนจนทนไม่ไหว ใช้มือเคาะประตูซ้ำอีกนานสองนาน แต่ก็ไร้เงาของเจ้าของ
ก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถ ครุ่นคิดว่าหญิงสาวจะไปแวะที่ไหน หรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่ใจกดเบอร์ที่คุ้นเคย แต่ก็ไร้การตอบรับเช่นเดิม
“มัวทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่รับสาย” เขาบ่นอุบอยู่คนเดียว
“จะบ้าตาย ยัยบ้านี่ ถ้าเจอตัวได้เจอดีแน่” เขายังบ่นไม่หยุด
หญิงสาวทำให้เขาหงุดหงิดรวมถึงเป็นห่วงในที เขาจะกลายเป็นไบโพล่าร์ไปแล้วเพราะเจ้าหล่อนคนเดียว
ทางด้านอรเนศเธอเก็บความสงสัยไว้ในใจมากมาย ปราณนต์มาหาใครที่คอนโดนี้ ทำไมอาการของเขาถึงดูกระวนกระวายใจยิ่งนักเมื่อเจ้าของห้องไม่มาเปิดประตูให้
อรเนศหลังจากออกจากคอนโดปริศนาเธอก็ตรงกลับบ้าน แต่เจอแขกไม่ได้รับเชิญมารอพบอยู่ก่อนแล้ว
“อ้าวมาพอดีเลย พ่อนพมารออยู่นานแล้วนะลูก” อรอุสาผู้เป็นแม่บอกเสียงอ่อนโยน
“จะมาทำไมก็ไม่รู้” อรเนศพูดพลางเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังห้องรับแขก
“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามา ชั้นให้เวลาห้านาที” หญิงสาวพูดพลางหย่อนก้นลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส
“ผมคิดถึงคุณนะด้า เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั๊ย ผมจะตามใจคุณทุกอย่างเลย” ไม่พูดเปล่า อรรณพขยับมานั่งใกล้อดีตภรรยาพร้อมดึงมือมากุมอย่างรักใคร่
“คิดได้ตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยหรอคะณพ คุณอย่าลืมว่าเราเลิกกันไปแล้ว และสังคมก็รับรู้แล้วด้วย” หญิงสาวพูดพลางชักมือให้พ้นจากการเกาะกุม
“ผมขอโอกาสสักครั้งได้มั๊ย ผมสัญญา” สายตาอ้อนวอนนั้นเกือบทำให้เธอใจอ่อน ในใจของเธอตอนนี้เอนเอียงไปทางปราณนต์มากกว่า ทำไมคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผู้ชายอีกคนที่เธอกำลังวิ่งตามอยู่
“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว และอีกอย่างชั้นก็ไม่ได้รักคุณแล้ว” หญิงสาวพูดตัดบท
"ผมรู้นะว่าคุณกำลังกลับไปง้อแฟนเก่าของคุณอยู่”
“ใช่ แล้วจะทำไม คุณไม่มีสิทธิมาหึงหวงในตัวชั้นอีกแล้ว อย่าลืมว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ชั้นจะทำอะไรก็ได้” หญิงสาวพูดอย่างเป็นต่อ
“อย่าหาว่าผมไม่เตือน” พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้หญิงสาวคิดหนักกับคำขู่ของเขา คนอย่างอรรณพเขาไม่เคยแค่ขู่เฉยๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
ความคิดเห็น