คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : เมินเฉย
อิงค์กาญจน์กลับมาทำงานที่แผนกบัญชีตามปกติแล้วตามที่อาวุธแจ้ง
“ภารกิจจบแล้ว บอสให้คุณน้ำอิงกลับไปทำงานที่แผนกบัญชีเหมือนเดิมครับ”
“อ่อค่ะ”
“มีอะไรให้ผมช่วยยกมั๊ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มีแค่ของใช้นิดหน่อยเอง ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวใจหวิวอย่างยากที่จะเข้าใจได้
“ตอนนี้บอสกลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้วนะครับ เผื่อคุณน้ำอิงจะไปเยี่ยม” อาวุธบอกกล่าว
“คงไม่เหมาะหรอกค่ะ คุณปราณนต์เป็นถึงเจ้านาย” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเก็บของใช้ใส่กล่องอย่างรวดเร็ว เผลอมองโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าอย่างใจหาย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ อิงขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพลางยกกล่องของออกจากห้องไป เป้าหมายคือแผนกบัญชี
หลังจากวันที่หญิงสาวไปเยี่ยมปราณนต์ที่โรงพยาบาลวันนั้น เธอก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีก จนกระทั่งวันนี้เธอก็เจอเขาโดยบังเอิญในลิฟท์ เหมือนว่าเขาจะหายดีแล้วหลังจากไม่เจอเขาหนึ่งอาทิตย์กว่า หญิงสาวจะเอ่ยปากไถ่ถามอาการ แต่เขากลับเสมองไปทางอื่นเหมือนจะไม่อยากให้เธอทัก เธอเลยเลือกที่จะเฉย อีกทั้งมีพนักงานคนอื่นเดินเข้าลิฟท์มาอีกหลายคน เบียดจนเธอเสียหลักเกือบจะล้ม ดีที่เขาคว้าเอวไว้ได้ทัน
ปราณนต์โอบเอวคอดไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างตั้งใจ ในขณะที่หญิงสาวทรงตัวได้แล้วก็พยายามแกะมือของเขาออก แต่คนตัวโตทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนคนอื่นๆออกจากลิฟท์ไปหลายคนถึงยอมปล่อย แต่ก็ไม่เอ่ยอะไร จนถึงชั้นที่เป็นออฟฟิศ
บอสหนุ่มเดินออกจากลิฟท์ไปก่อนหญิงสาวโดยไม่เอ่ยคำใดๆ ทำให้อิงค์กาญจน์ไม่เข้าใจกับอากัปกิริยาของเขา
‘กลับมาอยู่ในโลกของเธอได้แล้วน้ำอิง โลกของเธอกับเขามันต่างกันเกินไป ไม่มีทางที่ดอกฟ้าจะโน้มมาหาหมาวัดอย่างเธอได้หรอก’
หญิงสาวดูเหม่อลอยจนหัวหน้าแผนกอย่างเพ็ญแขต้องเอ่ยถามด้วยความห่วยใยลูกน้องสาวคนสนิท
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าอิง บอกพี่ได้นะ” หญิงสูงวัยกว่าพูดพลางใช้มือโอบไหล่บางอย่างห่วงใย หลังจากเห็นอาการของลูกน้องสาวตั้งแต่ย้ายกลับมาทำงานที่แผนกดูไม่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม
“ไม่มีอะไรค่ะพี่แข อิงแค่เหนื่อยๆนะค่ะ ขอบคุณพี่แขที่เป็นห่วงนะคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างซาบซึ้งในความห่วงใย
“ลาพักสักหน่อยมั๊ย ชาร์ตแบต ช่วงนี้ที่แผนกก็ไม่มีอะไรยุ่งเท่าไร”
“อิงไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่แข”
“งั้นก็ตามใจ ถ้าอยากลาพักก็บอกพี่นะ พี่จะอนุมัติให้”
“ขอบคุณค่ะพี่แข” หญิงสาวพนมมือไหว้หญิงสูงวัยกว่าอย่างขอบคุณ
หญิงสาวเดินถือแก้วกาแฟตั้งใจจะไปชงกาแฟในห้องครัวส่วนกลางของออฟฟิศ เธอเห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตาเดินมาแต่ไกล ใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนก้าวขาแทบไม่ออก ก่อนตั้งสติแล้วเดินต่อไป
ปราณนต์เห็นหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดระยะเวลาที่พักฟื้น หวังว่าหล่อนจะมาเยี่ยมเขาบ้าง แต่ก็ไร้วี่แวว ช่างแล้งน้ำใจสิ้นดี
บอสหนุ่มเดินสวนกับพนักงานสาวโดยไม่แม้แต่จะคิดทักทาย อิงค์กาญจน์พยายามข่มความรู้สึกที่ปะดังปะเดเข้ามา หลังจากเขาทำเฉยเมยกับเธอถึงสองครั้งเหมือนคนไม่รู้จักกัน หญิงสาวรู้สึกว่าห้องครัวของออฟฟิศทำไมช่างไกลแสนไกล เดินไปไม่ถึงสักที
อิงค์กาญจน์ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลอที่ดวงตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไม่ควรจะมารู้สึกอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ควร และคงไม่มีวันที่จะเป็นไปได้ที่คนอย่างปราณนต์ วัฒนาไพศาล จะหันมามองผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอได้
ดีที่ห้องครัวไม่มีพนักงานคนอื่น หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะรีบทำภารกิจอย่างที่ตั้งใจแต่แรก ก่อนที่จะมีใครเข้ามาเห็น
วันนี้ทั้งวันหญิงสาวไม่มีกะจิตกะใจทำงาน นั่งมองนาฬิการอเวลาเลิกงาน พอได้เวลาเลิกงานปุ๊บเธอรีบเก็บอุปกณ์สำนักงานบนโต๊ะ พร้อมหิ้วกระเป๋าออกจากออฟฟิศ
เธอกดปิดลิฟท์ แต่ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท ก็มีมือใหญ่ยื่นมาขวางประตูลิฟท์ หญิงสาวเงยหน้ามองสบตาบอสหนุ่ม ก่อนที่จะเสมองไปทางอื่น
หลังจากอาวุธรายงานว่าหญิงสาวแอบไปร้องไห้ในห้องครัว เขาก็อยู่ไม่เป็นสุข แต่ก็อยากพิสูจน์อะไรต่ออีกนิดหน่อย เลยให้อาวุธคอยดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาว พอรู้ว่าเจ้าหล่อนเก็บของเตรียมกลับ เขาก็รีบแจ้นออกจากห้องทำงาน ทั้งๆ ที่ผู้ช่วยหนุ่มท้วงว่ามีเอกสารสำคัญให้เซ็นต์อนุมัติอีก แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง
โชคดีที่พนักงานคนอื่นยังไม่กลับช่วงเวลานี้ เขาเลยมีโอกาสอยู่สองต่อสองกับหญิงสาวในลิฟท์
ปราณนต์เลือกที่จะไม่พูดอะไร แอบชำเลืองมองคนร่วมทางที่ยืนก้มหน้าก้มตามองพื้น ไม่ยอมเงยหน้าตั้งแต่เห็นว่าคนที่เข้ามาในลิฟท์เป็นเขา
จนลิฟท์ถึงชั้นหนึ่ง หญิงสาวปล่อยให้บอสหนุ่มเดินออกไปก่อน แต่เขาก็ไม่ยอมเดินออกไป เธอเลยรีบเดินแกมวิ่งออกไปก่อน กลัวว่าจะเผลอแสดงความรู้สึกใดๆออกมา
อิงค์กาญจน์เรียกแท๊กซี่ ซึ่งปกติเธอเลือกที่จะนั่งรถเมย์ปรับอากาศมากกว่า เนื่องจากที่ทำงานกับคอนโดไม่ไกลกันมาก แต่วันนี้เธออยากกลับถึงที่พักให้ไวที่สุด รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดทั้งใจและกาย
เธอให้เขามีอิทธิพลกับเธอมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน แค่เขาทำเมินเฉยก็ทำเอาเธอไปไม่เป็นเสียแล้ว
‘ใจหนอใจ ทำไมอ่อนไหวได้ขนาดนี้นะน้ำอิง’
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปลุกเธอจากภวังค์ หน้าจอบ่งบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท
“ว่าไงดา”
“เฮ้ย ทำไมเสียงเหนื่อยขนาดนั้นอ่ะ ไปรบที่ไหนมา” ณดากระเซ้าเพื่อนหลังจากได้ยินน้ำเสียงจากปลายสาย
“อืม งานยุ่งนิดหน่อยอ่ะ มีอะไรว่ามา”
“พอดีมีนัดเดทที่ร้าน…….แต่ไม่กล้าไปคนเดียว จะชวนไปเป็นเพื่อนหน่อยอ่ะ นะนะ” เพื่อนรักมาไม้นี้ มีหรือเธอจะกล้าปฏิเสธได้
“ได้ มารับที่คอนโดแล้วกัน”
“ตอนนี้ชั้นออกจากโรงพยาบาลมาละ เดี๋ยวจะไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดแกเลย เดี๋ยวแวะหาอะไรไปรองท้องด้วย แค่นี้นะชั้นขับรถก่อน บาย”
ก็ดีเหมือนกัน อารมณ์แบบนี้เธอไม่อยากอยู่คนเดียว ได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง บางทีความรู้สึกที่เป็นอยู่อาจจะแค่เธออ่อนไหวไปเองก็เป็นได้
ปราณนต์มารู้ตัวอีกทีตอนรถสปอร์ตคู่ใจจอดอยู่หน้าคอนโดหญิงสาวที่เขาเพิ่งออกจากลิฟท์มาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี้ เขาก็ไม่เข้าใจที่พาตัวเองมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร เขาขับรถผ่านป้ายรถเมย์ก็ไม่เห็นหญิงสาวแล้ว แต่ถ้าเจอเจ้าหล่อนนั่งอยู่เขาจะรับขึ้นรถแล้วมาส่งที่นี่หรอ คิดวกวนไปมาอยู่ในรถโดยไม่ยอมลง
“ว่าไง” เอ่ยหลังจากกดรับสาย
“ว่างมั๊ยวะไอ้เสือ เจอกันหน่อย” หมอหนุ่มเอ่ย
“ได้ ร้านประจำนะ เดี๋ยวไปเลย”
“แกเลิกงานไวนะวันนี้ มีอะไรที่ชั้นพลาดไปหรือเปล่าวะ โอเคเดี๋ยวเจอกัน”
เป็นเรื่องแปลกสำหรับภวินทร์ กับการเลิกงานในเวลานี้ของพ่อนักธุรกิจใหญ่อย่างปราณนต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เอาไว้ไปซักไซ้ทีหลัง
ความคิดเห็น