คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ไม่แน่ใจ
ปราณนต์ซิ่งรถสปอร์ตหรูคู่ใจไปยังจุดหมาย หลังจากผู้ช่วยหนุ่มส่ง Location มาให้ ซึ่งเป็นโกดังร้างชานเมือง เขาแจ้งผู้ช่วยว่าอย่าให้ตำรวจบุกจับจนกว่าเขาจะไปถึง ด้วยหวังลึกๆในใจว่าเขาจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้อายอมมอบตัว จะได้ไม่มีใครต้องเลือดตกยางออก
“คนของเรา Standby รอแล้วครับบอส รวมถึงกำลังตำรวจครับ ผมบอกตำรวจตามที่บอสสั่งครับ” อาวุธรายงานผู้มาใหม่
“ฉันขอไปเจรจากับอาก่อน ฉันไม่อยากทำอะไรที่เป็นการกระทบกระเทือนใจคุณพ่อ” ปราณนต์คิดหนัก
“นี่ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ ฝั่งนั้นอาวุธครบมือครับ” ผู้ช่วยหนุ่มบอกอย่างห่วงใยพร้อมยื่นปืนพกสั้นที่เตรียมไว้ให้เจ้านาย
“ขอบใจมาก”
“ก๊อกๆ”
“อายุทธ์ ผมปรานต์เอง ผมขอคุยด้วยหน่อย”
เงียบ
“ก๊อกๆ”
“ผมรู้ว่าอาได้ยินผม อามอบตัวเถอะครับ เดี๋ยวผมกับพ่อจะช่วยอาเอง”
“มึงไม่ต้องมาโกหกกู กูไม่มีวันเชื่อพวกมึงหรอก” ประยุทธ์ตะโกนออกมาจากอีกฝั่งของโกดัง
“มึงไม่มีวันแก่ตายในคุกหรอก” พูดออกไปพร้อมส่งสัญญาณให้สมุนเตรียมเปิดประตูเพื่อยิงปะทะ
“ปัง” เสียงประตูที่พังออกพร้อมกับสมุนของประยุทธ์จากด้านใน พร้อมด้วยอาวุธครบมือ
“กูไม่มีวันเชื่อพวกมึง ปู่มึง พ่อมึง ไม่มีใครเห็นกูเป็นลูก เป็นน้องสักคน”
“ไม่จริงนะครับอา ทั้งคุณปู่และคุณพ่อรักอามากนะ อาเชื่อผม อามอบตัวซะ แล้วผมกับพ่อจะช่วยอาเอง”
ปราณนต์ยังไม่ยอมถอดใจที่จะเกลี้ยกล่อม
“ปัง ปัง” ก่อนที่ปราณนต์จะทันตั้งตัว ประยุทธ์ที่เล็งปืนมาทางชายหนุ่มอยู่แล้วก็กระหน่ำยิง จนร่างสูงล้มลงกับพื้น ตำรวจและทีมของเขาที่ซุ่มรออยู่แล้วก็ยิงสวนกลับไป
อาวุธรีบมาพยุงร่างเจ้านาย พร้อมสั่งให้ทีมเรียกรถพยาบาล
ประยุทธ์วิ่งหนีไปอีกทาง โดยมีลูกสมุนคุ้มกันทางด้านหลัง
“ปัง ปัง ปัง” ร่างท้วมล้มลง หลังจากคนของปราณนต์ที่ดักรออยู่อีกฝั่งของโกดัง สิ้นใจอย่างโดดเดี่ยว
หลายชั่วโมงกว่าที่ปราณนต์จะออกจากห้องผ่าตัด อาวุธไม่ได้แจ้งให้บุพการีของเจ้านายหนุ่มทราบ เนื่องด้วยกลัวจะพาลตกอกตกใจ จนหมอออกมาแจ้งว่าคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว และกำลังจะย้ายไปห้องพักฟื้น
ผู้ช่วยหนุ่มจำต้องโทรรายงานให้คุณปราบทราบเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
และอีกคนที่อาวุธเลือกที่จะบอกนั่นคืออิงกาญจน์
“ผมอาวุธนะครับคุณอิง”
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะคุณวุธ” หญิงสาวชักใจคอไม่ค่อยดี ที่ผู้ช่วยของเขาโทรมาเวลาดึกดื่นขนาดนี้
“ผมจะแจ้งคุณอิงว่าตอนนี้บอสถูกยิงอยู่โรงพยาบาล…..ครับ”
“คะ” หญิงสาวชาไปทั้งตัว
“คุณอิงครับ คุณอิง ยังอยู่ในสายมั๊ยครับ”
“อยู่ค่ะ อยู่ แล้วคุณปราณนต์เป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ คุณอิงไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้เช้าจะย้ายไปที่โรงพยาบาล….ครับ ผมโทรมาแจ้งคุณอิงแค่นี้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะที่โทรมาบอก”
หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาจนเกือบสว่าง
‘เช้าเสียที’
หญิงสาวดีดตัวลงจากที่นอน จัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงพยาบาล โดยไม่ลืมโทรไปลางานโดยให้เหตุผลว่ามีธุระด่วน
หลังจากสอบถามเรื่องแผนก หมายเลขห้องพักฟื้นจากอาวุธ หญิงสาวเข้าไปในห้องโดยไม่ลืมเคาะประตู
คนตัวโตยังหลับอยู่ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าหลับสนิท แขนซ้ายพ่วงด้วยสายน้ำเกลือ แขนขวามีผ้าพยุงไว้กับไหล่ คาดว่าน่าจะโดนยิงตรงไหล่ขวา ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ซีดเซียว ปากกระจับแห้งกรังเหมือนคนขาดน้ำ
อิงกาญจน์จับมือคนหลับอย่างห่วงใย เขาจะรู้มั๊ยนะว่าเธอเป็นห่วงเขามาก น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหล เมื่อเห็นเขาต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้
เสียงเปิดประตูดึงเธอออกจากภวังค์
ปราบและภรรยาตกใจเล็กน้อยที่มีคนมาเยี่ยมลูกชาย
“อ้าวใครมาเยี่ยมลูกชายตัวดีของคุณก่อนเราละนั่น” ปราบหันไปพูดแหย่ภรรยา หลังจากแอบสังเกตหญิงสาวที่ยืนตาแดงๆ ข้างเตียงคนป่วย
“คุณก็” หันไปดุสามีก่อนจะหันมาใส่ใจสาวน้อยตรงหน้า
“มาเยี่ยมปรานต์หรอหนู”
“สวัสดีค่ะ” อิงค์กาญจน์พนมมือไหว้ผู้อาวุโสตรงหน้าอย่างนอบน้อม
ก่อนที่จะเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเคาะประตูตามด้วยร่างของอาวุธก็เข้ามา
“สวัสดีครับท่าน”
“คุณอิง นี่คุณปราบกับคุณกรกรนก เจ้าของโรงแรมเครือวัฒนาไพศาล และเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ของบอสครับ”
“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”
“คุณอิงเป็นผู้ช่วยคุณแข และเป็นผู้ช่วยบอสช่วงหาข้อมูลทุจริตทางบัญชีครับ และก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนบอสโดนลอบยิงที่เขาใหญ่ครับท่าน” อาวุธเอ่ยประหนึ่งสาธยายสรรพคุณสินค้า
คุณกรกนกมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจ ตามฉบับคนผ่านโลกมามาก ใบหน้างามดูหมดจด สายตาดูอ่อนหวานแต่แฝงด้วยความเข้มแข็ง เหมือนจะหัวอ่อนแต่ก็ไม่ยอมคน
“หนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะท่าน” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในที
ผู้สูงวัยรับไหว้
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งครับคุณอิง” อาวุธเสนอตัว
“ขอบคุณค่ะ”
“ลืมตาได้แล้วหรอพ่อตัวดี” ผู้เป็นแม่หันไปหยิกลูกชาย ด้วยแอบเห็นว่าคนบนเตียงรู้สึกตัวตั้งแต่พวกเขาคุยกับหญิงสาวที่เพิ่งออกไปแล้ว แต่ก็ยังแกล้งหลับต่อ
“ยังไง ไหนเล่ามาให้พ่อกับแม่ฟังเดี๋ยวนี้เลย”
“พอจะเป็นว่าที่ลูกสะใภ้แม่ได้มั๊ยครับ” ลูกชายกระเซ้า
“ว่าที่เองหรอ” กรกนกถามกลับ
“ก็ยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงกับเขาอ่ะครับ อีกอย่างก็ยังไม่รู้เลยว่าเขารักผมหรือเปล่า”
“มีความสุขมั๊ยเวลาอยู่กับเขา” ผู้เป็นพ่อถามบ้าง
“มีครับ แต่เรายังไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอกันเลย ผมกลัวครับพ่อ” ปราณนต์เอ่ย
“อย่าเอาอดีตมาตัดสินอนาคตของเรา อยู่กับปัจจุบันนะลูก” ผู้เป็นแม่สวมกอดลูกชายอย่างปลอบประโลม
ความคิดเห็น