ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #15 : ระหว่างเรา

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 64


     

                    อาวุธกลับไปนานแล้ว แต่เจ้าของห้องสาวยังคงเก็บตัวอยู่ในห้องส่วนตัว เธอทำตัวไม่ถูกที่ต้องอาศัยอยู่กับคนแปลกหน้าที่บังเอิญมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน อิงค์กาญจน์เลือกที่จะปลดปล่อยความเครียดด้วยการนั่งเล่นกีตาร์ตัวโปรดอยู่ระเบียงห้องนอน ลมที่พัดโชยช่วยลดความอึดอัดปนหวั่นไหวได้บ้าง

                    คนตัวโตที่อยู่ร่วมห้องได้ยินเสียงกีตาร์ พร้อมกับเสียงใสๆ ลอดจากห้องนอน

                    ‘เล่นกีตาร์เป็นเสียด้วย’ เป็นอีกเรื่องที่ของหญิงสาวที่เขาคิดว่าไม่น่าสนใจ แต่กลับมีอะไรให้น่าทึ่งมากมาย

                                                    

                                                  เรื่องดีดี ที่ฉันนั้นลืมไม่ลง บอกตรงๆ คงไม่ค่อยมีให้จำ

    แต่ถ้าจะเคยมีใครใกล้ชิด ให้ชีวิตมันดูสวยงาม ถ้าจะถามใจฉันวันนี้ก็มีแต่เธอ

    จากเดิมเดิมที่เหมือนหัวใจไม่มี อยู่ดีดีก็เหมือนจะมีมากเกิน

    อยู่อยู่ก็กลายเป็นคนอ่อนไหว อยู่ที่ไหนก็คิดถึงเธอ อยู่เสมอไม่วายไม่เว้นเป็นเอามากมาย

    ก่อนที่จะพลั้งบางคำไปตามหัวใจเพ้อเจ้อ ก็อยากจะถามใจเธอว่าเราคบกันยังไง

    คิดว่าจะคบลึกซึ้งหรือแค่น้องสาวกับพี่ชาย อยู่ในฐานะอะไรฉันเป็นอะไรกับเธอ

    ก่อนที่จะพลั้งบางคำไปตามหัวใจเพ้อเจ้อ ก็อยากจะถามใจเธอว่าเราคบกันยังไง

    คิดว่าจะคบลึกซึ้งหรือแค่น้องสาวกับพี่ชาย อยู่ในฐานะอะไรฉันเป็นอะไรกับเธอ

    ก่อนที่จะพลั้งบางคำที่ทำให้เราต้องเก้อ ก็อยากจะถามใจเธอว่าเธอต้องการอะไร

    คิดว่าจะคบลึกซึ้งหรือแค่ที่พักพิงหัวใจ อยู่ในฐานะอะไรฉันเป็นอะไรกับเธอ

    อยู่ในฐานะอะไร ฉันยอมรับได้เสมอ
    อยากบอกว่าสำหรับเธอ ฉันเป็นได้มากกว่านั้น

     

    อิงค์กาญจน์ไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้ ทั้งหวั่นไหว หวั่นใจ ทั้งสับสน คนระดับปราณนต์ วัฒนาไพศาล จะมาสนใจอะไรกับคนบ้านๆ อย่างเธอ ที่เขามาข้องเกี่ยวกับเธอก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น เธอต้องไม่ให้เขามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเธอ ต้องไม่หวั่นไหวไปกับเขา ถ้าไม่อยากเป็นแค่ของเล่นของคนรวย

    คิดมาถึงตรงนี้ ใจดวงน้อยก็เจ็บแปลบ น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหล

     

    คนที่แอบฟังถึงกับอึ้งไปกับเพลงที่หญิงสาวเล่น หรือจะเป็นความรู้สึกของคนร้อง เขาถึงบอกว่าเพลงสามารถบอกอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย 

     

     

     

                    จวนใกล้เที่ยง เจ้าของห้องจึงโผล่หน้าออกมา เหลือบเห็นเจ้านายหนุ่มนั่งจ้องโน๊ตบุ๊คพร้อมแฟ้มเอกสารอีกหนึ่งกอง

                    “เที่ยงนี้คุณจะทานอะไรดีคะ” เอ่ยถามแบบโดยไม่มองหน้า

                    “นึกว่าคุณจะไม่ออกจากห้องเสียแล้ว” เจ้านายหนุ่มประชด

                    “คุณตอบไม่ตรงคำถามนะคะ” หญิงสาวพูดพลางมองหน้าคนตัวโตอย่างโมโห

                    ปราณนต์วางโน๊ตบุ๊คลงบนโต๊ะพลางลุกขึ้นเต็มความสูง คว้าเอวขอดของหญิงสาวตรงหน้าเข้าแนบชิด แค่เห็นหน้าของหล่อนมันทำให้เขาอารมณ์พลุกพล่านอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

                    “กินคุณได้มั๊ย” เอ่ยถามคนภายในอ้อมกอดที่ตอนนี้ดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งทำให้กอดรัดแน่นเข้าไปอีก

                    คนในอ้อมกอดหน้าแดงเป็นลูกตำลึง หญิงสาวหลากหลายอารมณ์ปนเปกันไป วาบหวิว หวั่นไหว โมโห

                    ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างนึกเสียดาย มองอาการของเจ้าหล่อนอย่างนึกขำ

                    “คุณเล่นกีตาร์เก่งดีนะ ผมชอบ” พูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว แววตากรุ้มกริ่ม

                    อิงค์กาญจน์ถอยหนีอัตโนมัติ ก่อนที่จมูกโด่งจะชนกับจมูกของเธอ

                    “สรุปคุณจะทานอะไรคะ” หญิงสาวถามย้ำ

    “อะไรก็ได้ เอาที่คุณชอบกิน” บอกไปอย่างนั้น

                    “แน่ใจนะคะ” หญิงสาวถามย้ำ นัยน์ตามีแววอาฆาตมาดร้าย

                    เจ้านายหนุ่มหันไปทำงานต่อ ส่วนเจ้าของห้องเดินเข้าครัวจัดการอาหารกลางวันให้ผู้ร่วมห้อง

                    

                    ชายหนุ่มนั่งมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ กลิ่นโชยมาแต่ไกล

                    “นี่หรอ อาหารที่คุณชอบกิน” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

    “ส้มตำปูปลาร้า ผัดหมี่ ไก่ทอด นี่แหละค่ะที่ฉันชอบ หรือคุณทานไม่ได้ เดี๋ยวฉันสั่งอาหารออนไลน์ให้ได้นะคะ” ถามพลางจะเดินไปหยิบมือถือ

    “ไม่ต้อง คุณกินได้ ผมก็กินได้” พูดพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ

     ทานส้มตำไปไม่กี่คำ น้ำมูกน้ำตาก็ไหลด้วยลิ้นไม่คุ้นชินกับอาหารรสจัด

    อิงค์กาญจน์มองเจ้านายหนุ่มอย่างนึกขำ แกมสงสารคนตัวโตที่กินเผ็ดไม่ได้

    “นมสดค่ะ อมไว้ในปากสักพักนะคะ จะช่วยแก้เผ็ดได้” หญิงสาวกล่าวพร้อมยื่นแก้วให้

    ‘นมเนี่ยนะจะช่วยลดเผ็ดได้’  ปราณนต์รับแก้วไปอย่างฉงน

    “จริงๆ ค่ะ” หญิงสาวกล่าวย้ำหลังเห็นสีหน้าคนไม่เชื่อ

    ไม่เชื่อแต่ก็ยอมดื่มตามที่หญิงสาวบอก

    เสียงเรียกเข้าจากเครื่องมือสื่อสาร ทำให้ความสนใจจากความเผ็ดหายไป

    “ว่าไงอาวุธ”

    “ตอนนี้เราเจอตัวคุณประยุทธแล้วครับบอส” ปลายสายรายงาน

    “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ตอบก่อนกดวางสาย

    “เดี๋ยวผมจะไปธุระข้างนอก คุณไม่ต้องรอนะ”

    คนฟังใจหวิว แค่เขาบอกว่าไม่ต้องรอ

    “ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ” เอ่ยอย่างห่วงใย

    ปราณนต์รับรู้ถึงความห่วงใยที่หญิงสาวส่งผ่านมาทางสายตา ใจกระตุก

    “ครับ” ตอบรับพร้อมเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด

     

    คนตัวการออกไปนานแล้ว แต่อิงค์กาญจน์กลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน ทั้งกระวนกระวายใจ ทั้งเป็นห่วง ปนเปกันไปหมดจนหญิงสาวชักไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตนเองในตอนนี้

    ความไม่เหมาะสมด้วยอะไรทั้งปวง เธอควรหยุดความรู้สึกไว้แค่นี้ก่อนที่จะถลำลึก

    หญิงสาวพยายามทำตัวไม่ให้ว่าง ทำงานบ้าน จัดโน่นนี่ภายในห้องเสียใหม่ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ มารู้ตัวอีกทีตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว

    ปกติเธอก็พักอยู่คนเดียวมาตลอดหลายปี ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน แค่เขาเข้ามาอยู่ร่วมแค่ไม่กี่วัน มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจดวงน้อยอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่กับฐาปนกรณ์อดีตคนรัก เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย

    ‘หรือเธอตกหลุมรักเขาให้แล้ว’

     

     

    ต้องกราบขอโทษทุกคนที่ติดตามด้วยนะคะที่อับเดตช้าไปหน่อย พอว่างเว้นจากงานประจำอันแสนหนักหน่วงก็รีบมาอับเดตให้เลยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×