ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #14 : หวั่นไหว

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 64


                    อิงค์กาญจน์ลืมตาตื่น โดยหวังว่าคนตัวโตบนโซฟาจะกลับไปแล้ว แต่หาเป็นอย่างนั้นไม่

                    เมื่อคืนเธอเหนื่อยมากจนเผลอหลับไป จนลืมอีกคนที่อยู่ร่วมห้องไปเลย เห็นเขานอนคุดคู้อยู่บนโซฟา อาจจะเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ หรือเพราะขนาดของโซฟาที่ความยาวน้อยกว่าความสูงของเขา

                    หญิงสาวเดินย้อนกลับไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้เขา พร้อมหยิบผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันอันใหม่ไปวางไว้ในห้องน้ำ ก่อนจะไปเปิดตู้เย็นหยิบของเพื่อทำอาหารเช้า

                    กลิ่นข้าวต้มทรงเครื่องและกลิ่นกระเทียมเจียว ทำเอาคนตัวโตที่นอนบนโซฟาลืมตาตื่น

                    ปราณนต์นั่งมองหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน เสื้อยืดตัวโคร่งคอย้วยกับกางเกงขาสั้นเลยเข่า ผมยาวถูกเกล้าแบบหลวมไว้ด้านหลัง มือเล็กสองข้างขะมักขะเม้นกับการจับโน่นวางนี่ ชวนเพลินตา ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ปราศจากเครื่องสำอางดูอ่อนวัย ช่างแตกต่างจากเวลาที่หญิงสาวทำงานเสียเหลือเกิน

                    ชายหนุ่มมองสำรวจไปรอบๆห้องที่ขนาดกระทัดรัด ภายในห้องดูสะอาดสะอ้าน สิ่งของต่างๆ ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของเจ้าของห้องเป็นอย่างดี หาได้ยากนักสำหรับสมัยนี้ ที่ผู้หญิงจะเก่งทั้งการบ้านการเรือน และงานนอกบ้าน

                    พลางนึกถึงดาด้าคนรักเก่า ที่ไม่เคยได้หยิบจับอะไรเลย ทำงานบ้านไม่เป็น ทำอาหารไม่เป็น ตามประสาลูกคนมีฐานะ ดาด้าไม่มีอะไรเหมือนผู้หญิงตรงหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าคนละขั้วน่าจะได้ 

                    อิงค์กาญจน์ทำงานบ้านพื้นฐานเป็นตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นกวาดบ้านถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รวมทั้งทำอาหาร ด้วย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่บ้านมีฐานะปานกลาง มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะสามารถใช้ชีวิตในเมืองใหญ่เพียงลำพัง 

                     หญิงสาววางชามอาหารบนโต๊ะ เตรียมเดินไปปลุกให้เจ้านายหนุ่มมาทานอาหารเช้า

                    “หอมจัง” เขาสูดหายใจเข้าแสดงออกว่าหอม แต่กลิ่นที่สูดเข้าไปไม่ใช่กลิ่นของอาหาร แต่เป็นกลิ่นกายของหญิงสาวที่เขาเอาหน้าเข้าแนบเกือบชิดแก้ม

                    อิงค์กาญจน์ถอยห่างอย่างอัตโนมัติ แก้มแดงระเรื่อดูมีเลือดฝาดดุจสาวแรกรุ่น ชายหนุ่มกลับชอบอากัปกิริยาที่ไร้เดียงสา แบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำแบบนี้ มันทำให้เขากระชุ่มกระชวยหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

                    “เอ่อ เอ่อ” 

    ‘ติดอ่างไปซะแล้วหรอนี่เรา’ อิงค์กาญจน์สมองตื้อขึ้นมาแบบดื้อๆ

                    “คุณไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะ ผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันดิฉันวางไว้ในห้องน้ำแล้วค่ะ” หญิงสาวแก้มยังไม่อายแดง

                    ปราณนต์อมยิ้ม พลางเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนแก้มแดงที่ตอนนี้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยืนนิ่งไปนานสองนาน ก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนเพื่อจัดการธุระส่วนตัวบ้าง

                    อิงค์กาญจน์ก้าวขาแทบไม่ออก เมื่อเห็นสายตาเจ้านายผู้แสนจะเย็นชาจ้องมองเธอตั้งแต่เธอก้าวออกจากห้องนอนมา

                    ชุดลำลองที่หญิงสาวใส่แบบสบายๆ เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้น ผมยาวถูกรวบแบบหลวมๆ ไว้ด้านหลัง ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางใดๆ หญิงสาวเพียงทาครีมบำรุงปกติ ปากบางทาเพียงลิปกลอส เพราะคิดว่าจะไม่ออกไปข้างนอก หญิงสาวจึงไม่คิดจะแต่งหน้า                หารู้ไม่ว่ามันดึงดูดให้ชายหนุ่มผู้ร่วมห้องไม่สามารถละสายตาได้

                    ปราณนต์ตื่นจากภวังค์เพราะเสียงของหญิงสาว

                    “ทานข้าวเถอะค่ะ จะได้ทานยา” ประโยคสุดท้ายเธออยากจะบอกว่า

                    ‘จะได้กลับไปซะที’ แต่ก็กลัวจะตกงาน

                    “คุณอยู่คนเดียวหรอ” 

    ‘เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยเลย คนอะไร’ หญิงสาวนึกค่อนขอดในใจ

    “แล้วคุณเห็นใครไหมละคะ” แอบประชด

    “แสดงว่าคุณโสด” 

    ‘เขาเป็นคนแรกของเธอนี่นา ก็น่าจะโสดนะ’ ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

    “ดิฉันจะโสดหรือไม่โสด เกี่ยวอะไรกับการทำงานคะ” หญิงสาวไม่พอใจกับรอยยิ้มของเขา

    “เปล๊า” เสียงสูง

    “ก๊อกๆ”

    “สงสัยจะเป็นอาวุธ” บอสหนุ่มกล่าว

    “เดี๋ยวดิฉันไปเปิดให้ค่ะ” เจ้าของห้องพูดก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่

    เป็นดังที่คาด ผู้ช่วยหนุ่มมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ในมือ

    “เชิญค่ะ” เจ้าของห้องกล่าว

    “ทานอะไรมารึยังคะคุณวุธ” หญิงสาวกล่าวหลังจากพาแขกเข้ามาในห้อง

    “ผมเรียบร้อยมาแล้วครับ ขอบคุณมากครับคุณอิง” ผู้ช่วยหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวเจ้าของห้องที่มีแก่ใจห่วงใย

    “มือปืนให้ปากคำว่าจะปล้นครับบอส มันน่าจะโดนข่มขู่ เห็นว่าลูกเมียมือปืนหายไปจากบ้านครับ” อาวุธรายงาน

    “อีกอย่างตอนที่ผมไปเอาของที่คอนโดบอส ผมเห็นลูกน้องคุณประยุทธ์ด้อมๆมองๆ อยู่หน้าคอนโด” ผู้ช่วยหนุ่มยังคงทำหน้าที่รายงานต่อ

    “ยังไงให้คนตามอาฉันต่อด้วย ถ้าเคลื่อนไหวรายงานฉันด้วย”

    “ผมว่าบอสไม่ควรกลับไปคอนโดตอนนี้ครับ ควรหาที่อยู่ใหม่รอดูสถานการณ์สักพัก เพื่อความปลอดภัย” ผู้ช่วยหนุ่มแสดงความคิดเห็น

    ‘เข้าทางเขาเลยทีนี้’ บอสหนุ่มคิดในใจ

    “เดี๋ยวฉันจะพักที่นี่แหละ คุณคงไม่ติดอะไรนะ เดี๋ยวผมช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย” ผู้ช่วยหนุ่มได้กลิ่นทะแม่งของเจ้านายเขากับคุณผู้ช่วยคนใหม่แล้วสิ

    “เอ่อ….” หญิงสาวกำลังคิดคำปฏิเสธ

    “นะครับคุณอิง ถือว่าช่วยๆ กันนะครับ บอสจะได้ช่วยคุ้มครองคุณอิงด้วย วันก่อนคนร้ายก็เห็นหน้าคุณอิงแล้วด้วย” ผู้ช่วยหนุ่มช่วยเสริมทับเจ้านายทันควัน แถมยังเอาเรื่องความปลอดภัยมาอ้าง หญิงสาวคงหมดข้ออ้างที่จะไม่ให้เขาอยู่ร่วมห้องได้แล้ว

    “คงไม่นานใช่ไหมคะ” หญิงสาวหันไปมองหน้าเจ้านายกับผู้ช่วยหนุ่มสลับไปมาอย่างต้องการคำตอบ เธอรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา รวมทั้งสายตาที่เขามองเธอแบบเมื่อกี้อีก เธอไม่อยากต้องเผลอใจให้เขา ไม่อยากเป็นของเล่นของเขา ที่พอเบื่อแล้วก็ทิ้งไป เธอไม่อยากเจ็บปวดกับความรักอีกแล้ว

    คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของอิงค์กาญจน์ก็ปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก

                    “ครับคุณอิง ถ้าคนร้ายซัดทอดหาตัวการใหญ่ และตำรวจจับตัวเข้าคุกได้ เรื่องทุกอย่างจะจบครับ” ผู้ช่วยหนุ่มตอบแทนบอส ที่ตอนนี้มัวแต่จ้องมองหน้าหญิงสาวเจ้าของห้องอย่างใช้ความคิด

                    ปราณนต์เห็นแววตาเศร้าของหญิงสาว แต่ก็แค่แว้บเดียว เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แค่นั้นก็ทำให้ใจของเขากระตุก และใคร่รู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามใดๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×