ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #13 : เกือบไปแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 64


     

    ตลอดทางตั้งแต่ออกจากโรงแรม สองหนุ่มสาวไม่ปริปากเอ่ยคำใดๆ ต่อกัน ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง

    บอสหนุ่มหนักอึ้งในใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งห่วงความรู้สึกของผู้เป็นบิดา รวมถึงผลกระทบหลังจากที่อาของเขาถูกจับดำเนินคดีฐานฉ้อโกงบริษัทตนเอง หุ้นของโรงแรมอาจร่วง รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่มีต่อตระกูลของเขา ที่กลายเป็นศึกสายเลือด

    ส่วนหญิงสาวผู้ร่วมทาง กำลังกังวลใจเรื่องที่เธอติดต่อไม่ได้ เพื่อนรักของเธอต้องเป็นกังวลอย่างมากเป็นแน่ เนื่องจากเธอไม่เคยเป็นเช่นนี้ เมื่อวานเธอรีบออกจากโรงแรมจนลืมสายชาร์ตแบต

    “เอ่อ คุณปราณนต์คะ ดิฉันรบกวนขอยืมใช้มือถือคุณได้มั๊ยคะ พอดีมือถือดิฉันแบตหมดตั้งแต่เมื่อวานค่ะ” พูดจาอึกอัก หลังจากกล้าๆ กลัวๆ อยู่สักพัก

    คนตัวโตไม่ตอบพลางใช้อีกมือที่ว่างจากการจับพวงมาลัย ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกง ยื่นให้หญิงสาวโดยสายตายังจับจ้องที่ถนน

    ‘นั่นสิ เขาลืมไปสนิทเลยว่าภวินทร์แจ้งให้เขาบอกเจ้าหล่อนติดต่อกลับเพื่อนสนิท’

    “ขอบคุณค่ะ” 

                    “ดาอิงเองนะ”

                    หญิงสาวถือสายฟังเพื่อนบ่นๆ จนพอใจ เนื่องด้วยรู้ว่าเพื่อนรักเป็นห่วงเธอมาก ก่อนจะตัดความให้สั้นลง เนื่องด้วยเกรงใจเจ้าของมือถือ

                    “ฉันโอเค ไว้คุยกันที่กรุงเทพนะ ฉันกำลังกลับล่ะ ไว้เจอกัน” 

                    “คุณปราณนต์ระวังค่ะ” หญิงสาวตะโกนอย่างตกใจเมื่อเห็นกระบะสีดำที่เหมือนจะขับมาแซง แต่แล้วก็ลดกระจกลงพน้อมปืนที่จ่อมาทางเจ้านายหนุ่ม

                    “ปัง ปัง”

                    

                    “เกิดอะไรขึ้นอิง อิง”

                    ณดาตกใจกับเสียงปืนที่ดังขึ้นขณะอยู่ในสายกับเพื่อนรัก พอตั้งสติได้ก็พาตัวเองไปหาที่พึ่งสุดท้ายที่คิดว่าจะช่วยไขข้อสงสัยของเธอได้

                    “หมอวินทร์ เมื่อกี้ฉันคุยกับเพื่อนฉันแล้วได้ยินเสียงปีน อิงบอกว่ากำลังเดินทางกลับกรุงเทพ ฉันลองโทรกลับไปเบอร์ที่โทรมาแต่ติดต่อไม่ได้ คุณช่วยติดต่อเพื่อนคุณหน่อยสิ ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น”

                    ภวินทร์ก็ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่พยาบาลสาวแจ้งแถลงไข เขาหันไปหยิบมือถือบนโต๊ะทำงานพลางกดดูเบอร์ที่คิดว่าจะบอกเขาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                    “อาวุธ นี่ผมหมอวินทร์นะ”

                    “คุณอยู่กับไอ้ปราณต์นรึเปล่า ผมว่ามันเกิดเรื่องแล้วล่ะ”

                    “ได้ๆ ยังไงส่งข่าวผมด้วยนะ”

                    ณดาเดินเป็นหนูติดจั่นระหว่างที่หมอหนุ่มคุยโทรศัพท์ พอเห็นว่าเขาวางสายก็รีบเดิดไปประชิดตัว

                    “ใจเย็นนะคุณ ผมให้ผู้ช่วยของปราณนต์ไปดูละ เขาขับรถตามอยู่ห่างๆ เดี๋ยวได้เรื่องยังไงเขาจะแจ้ง คุณใจเย็นๆก่อนนะ หายใจลึกๆ”

                    ปลอบใจพยาบาลสาว ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ แอบกังวลกับความปลอดภัยของเพื่อนรัก 

                    เขาพอจะรู้เกี่ยวกับการโกงของอาเพื่อนรักจากคำบอกเล่าของเพื่อน ที่มาระบายแกมบ่นกับเขาอยู่บ่อยๆ เขาเคยเตือนปราณนต์ไปบ้างเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา หากเข้าคิดจะเอาผิดกับคนโกง ว่าคนร้ายที่ไหนจะยอมโดนจับง่ายๆ      แต่แล้วก็เป็นดังที่คิดไว้จริงๆ แต่ไม่คิดว่าถึงขนาดจะเอาชีวิตกันขนาดนี้

     

                    “คุณๆ เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” คนตัวโตทื่ถูกยิงที่แขนขวา ดีที่เขาหักหลบทัน ไม่งั้นคงไม่เฉียดแค่แขนเป็นแน่

                    “ไม่เป็นไรค่ะ คุณถูกยิงนี่คะ” อิงค์กาญจ์มองสำรวจที่ตัวเขาแล้วไปสะดุดกับเลือดไหลอาบแขนของเขา

                    “ช่างมันก่อนคุณ เราออกจากตรงนี้ก่อนเถอะคุณ”

                    ก่อนที่คนร้ายจะย้อนกลับมาถึงจุดที่รถปราณนต์เสียหลัก ผู้ช่วยของเขาก็มาถึงเสียก่อน

                    “ปึ้นนนนนน” เสียงแตรรถของผู้ช่วยหนุ่ม ทำเอาคนร้ายที่กำลังเดินลงจากรถรีบกระโดดขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

                    “มาได้เร็วทันใจมาก” เจ้านายหนุ่มมิวายแซว

                    “ผมเห็นมีรถขับตามบอสตั้งแต่ออกจากโรงแรม คิดว่าน่าจะไม่ปกติ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

                    “อืม เห็นเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเอาถึงตาย” ปราณนต์มองหลุบต่ำอย่างสะเทือนในความรู้สึก ไม่คิดว่าคนที่ทำร้ายเขาจะกลายเป็นคนในครอบครัวของเขาเอง

                    “บอสคุณถูกยิง” หญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการตกใจกล่าวกับผู้ช่วยหนุ่ม

                    “แค่ถากๆ ไม่เป็นไรมากหรอก”

                    “เลือดออกเยอะขนาดนี้ จะไม่เป็นไรมากยังไงคะ คุณอาวุธพาบอสคุณไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ไม่งั้นเลือดคงไหลจนหมดตัว” หญิงสาวมองแผลคนตัวโตที่เลือดยังไหลไม่หยุดอย่างเป็นกังวล

                    บอสหนุ่มแอบขำกับอากัปกริยาของหญิงสาวตรงหน้า

                    อาวุธเห็นอาการของบอสหนุ่มที่ไม่โมโหกับคำพูดฉอดๆ ของหญิงสาวตรงหน้า อีกทั้งยังแอบยิ้ม ถึงแม้จะเป็นเพียงแว้บเดียวก็ตาม

                    “ไปครับบอส เดี๋ยวผมให้คนมาจัดการรถของบอส” ผู้ช่วยหนุ่มพูดพลางพยุงบอสหนุ่มที่ตัวโตพอกันกับเขา

                    “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันให้คุณอิงพาไปโรงพยาบาลเอง นายไปจัดการเรื่องรถเถอะ”

                    “ได้ครับบอส” จากประสบการณ์ที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ทำให้อาวุธรู้ใจบอสของเขา แค่มองตาก็เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรมากมาย

                    “ฝากด้วยนะครับคุณอิง” หันไปบอกหญิงสาวอย่างนบนอบ

                    “ค่ะ” อิงค์กาญจน์รับคำอย่างเสียไม่ได้

     

                    “เดี๋ยวคุณรออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปรับยา” สั่งคนตัวโตก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปยังจุดที่เขียนป้ายว่า ‘จ่ายยาผู้ป่วยนอก’

                    พอรับยาเสร็จ อิงค์กาญจน์เดินไปยังตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ

                    “อย่าเพิ่งลุกค่ะ” หญิงสาวกดไหล่ผายให้นั่งลง ก่อนที่คนตัวโตจะลุกขึ้น ก่อนที่หย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวข้างๆ พลางหยิบซองยาในถุงพร้อมอ่านฉลาก แล้วหยิบยาจากซองออกมาอย่างละเม็ด พร้อมยื่นให้ชายหนุ่ม

                    “ทานยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบก่อนค่ะ”

                    “น้ำค่ะ ดื่มให้หมดขวดเลยนะคะ” มิวายทำเสียงแข็ง

                    แปลกที่เขาทำตามเจ้าหล่อนอย่างว่าง่าย เหมือนเด็กทำตามที่แม่สั่งอย่างไรอย่างนั้น

                    “เราจะกลับกรุงเทพกันเลยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวยิงคำถามหลังจากคนตัวโตดื่มน้ำจนหมดขวดแทบจะทันที มองหน้าบอสหนุ่มไม่วางตาอย่างรอคำตอบ

                    “อืม” กล่าวพร้อมลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินนำคนถามไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่

                    “กุญแจรถ เดี๋ยวผมขับเอง” หมุนตัวกะทันหันพาลทำให้คนที่เดินตามมาติดๆ ชนกับร่างโตอย่างจัง ดีที่ชายหนุ่มคว้าเอวขอดไว้ได้

                    “โอ๊ย” เสียงครางอย่างลืมตัว เนื่องจากชายหนุ่มใช้แขนขวาข้างถนัดคว้าร่างบางอย่างลืมตัวว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ

                    “ขอโทษค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวพนมมือกล่าวขอโทษขอโพยเจ้านายหนุ่มอย่างลุแก่โทษ

                    “เอากุญแจมา” พูดพลางแบมือรอสิ่งที่ร้องขอ

                    “คุณบาดเจ็บอยู่ เดี๋ยวดิฉํนขับให้ค่ะ” เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงห่วยใย

                    “ผมไหว เอามา” ชายหนุ่มเอ่ย

                    อิงค์กาญจน์จำต้องยื่นกุญแจส่งให้ แล้วเดินอ้อมไปอีกด้าน

     

                    “คุณจอดให้ดิฉันแถวนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันนั่งแท๊กซี่เอง คุณจะได้กลับไปพักผ่อน”  เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากคนตัวโต

                    อิงค์กาญจน์ชำเลืองมองเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา

                    จนกระทั่งรถแล่นถึงหน้าคอนโดของหญิงสาว 

                    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวหลังจากรถจอดสนิทแล้วพร้อมเดินลงจากรถทันที แต่เจ้านายหนุ่มกลับดับเครื่องยนต์ แล้วลงจากรถเดินตามเธอมา

                    “คุณกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องไปส่งดิฉันหรอก” หญิงสาวยังคงไม่เข้าใจความต้องการของเขา

                    “ใครบอกว่าผมจะไปส่งคุณ คุณไม่เห็นเหรอว่าแผลของผมเลือดไหลอีกแล้ว ผมจะให้คุณทำแผลให้ ผมอุตส่าห์ขับรถมาส่งคุณขนาดนี้ คุณจะใจร้ายกับผมหรอ” พูดพลางทำตาละห้อย

                    “ก็ได้ค่ะ” ก็ถูกของเขา อิงค์กาญจน์จำใจต้องยอมให้เขาขึ้นไปคอนโดอีกแล้ว

     

                    หลังจากทำแผลเสร็จ ปราณนต์ก็หาเรื่องไม่ยอมกลับ

                    “ผมขอนอนสักงีบนะคุณ ปวดแผลมากเลย” พูดโดยไม่มองสีหน้าเจ้าของห้องว่าจะแสดงอากัปกิริยาอย่างไร แต่เขาก็พอจะเดาออก พลางล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวเดิมที่เคยนอนวันก่อน

                    อิงค์กาญจน์เตรียมจะเอ่ยปากพูด แต่คนตัวการทำเป็นไม่สนใจ เธอเลยหันไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้าตู้ยา แล้วเดินเข้าห้องนอน ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนสักงีบอย่างที่เขากล่าวไว้

     

     

    ฝากติดตามด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×