ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #12 : ถึงเวลาต้องเคลียร์

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 64


     

    “คุณหมอภวินทร์คะ ดิฉันขอคุยด้วยสักครู่ค่ะ” หมอหนุ่มหันตามเสียงใสที่เอ่ยขานชื่อเขา

    “ว่าไงครับคุณพยาบาลณดา มีธุระอะไรจะคุยกับผมไม่ทราบขอรับ” มิวายกวนอารมณ์

    “พอดีฉันติดต่อเพื่อนไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน โทรถามที่โรงแรมแจ้งว่าเพื่อนของดิฉันออกไปกับเจ้านายซึ่งเป็นเพื่อนของคุณหมอ ดิฉันรบกวนคุณหมอโทรหาเพื่อนของคุณหมอ หรือไม่ก็ขอเบอร์โทรเพื่อนของคุณหมดหน่อยได้มั๊ยคะ ดิฉันจะสอบถามเรื่องเพื่อนของดิฉัน”

    “เดี๋ยวๆ คุณพยาบาล ผมฟังไม่ทันครับ”

    “เพื่อนของผมคนไหนครับ” ยังกวนอารมณ์ต่อ

    “เจ้าของโรงแรมเครือวัฒนาไพศาลค่ะ” ณดาพยายามควบคุมอารมณ์เพราะกลัวเสียเรื่อง ห่วงเพื่อนก็ห่วง โมโหไอ้อหมอบ้านี่จนอยากจะชกสักหมัดสองหมัด

    “อ๋อ ปราณนต์ ได้ครับ เดี๋ยวผมโทรหาให้ครับ รอสักครู่นะครับคุณพยาบาล”

    “คุณๆ เพื่อนคุณชื่ออะไรนะ” ในขณะยังคุยกับปลายสายอยู่ก็หันมาถามคนที่ตั้งตารอคำตอบ

    “อิงค์กาญจน์ค่ะ”

    “อ้อ คุณอิงค์กาญจน์อยู่กับแกหรือเปล่าวะ เพื่อนเขาติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน”

    “โอเค ไม่มีอะไรละ บาย”

    ณดาตั้งตารออย่างมีความหวัง ภาวนาอย่าให้เพื่อนเธอเป็นอะไรไป ปกติน้ำอิงไม่เคยติดต่อไม่ได้ ไปไหนก็จะบอกเธอทุกครั้ง

    “เพื่อนคุณไปทำงานต่างจังหวัดกับเจ้านายเขา ตอนนี้ปลอดภัยดี พอดีเมื่อวานไม่สบายนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แล้วแบตมือถือก็หมดครับ สบายใจได้แล้วนะ ผมขอตัวก่อน”

    “เดี๋ยวคุณหมอ ไปจังหวัดไหนอ่ะ”

    “ผมก็ไม่ทราบครับ เจ้านายของเพื่อนคุณไม่ได้บอกอะไร บอกแค่ว่าจะแจ้งให้เพื่อนคุณโทรหาคุณเอง”

    “ผมไปได้รึยังครับ” ไม่พูดเปล่า พลางยื่นหน้าไปใกล้พยาบาลสาว

    “ค่ะ”

     

                    อิงค์กาญจน์ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ อาการปวดท้องของเธอหายไปแล้ว แสงแดดรำไรยามเช้าลอดผ่านเข้ามาในห้องนอน หญิงสาวดีดกายลุกขึ้นจากเตียงอย่างเสียไม่ได้

                    ทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้นก็ออกมาสูดอากาศนอกบ้านพัก บรรยากาศที่เขาใหญ่ช่างดีเหลือเกิน หญิงสาวเดินสำรวจรอบบ้านอย่างเพลิดเพลิน

                    ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาและสายหมอก บ้านหลังนี้ซ่อนตัวในบรรยากาศที่เงียบสงบ ซึ่งห่างจากโรงแรมของเครือวัฒนาไพศาลไม่มากนัก มองจากตรงนี้ก็สามารถเห็นโรงแรมได้อย่างชัดเจน เดาว่าบ้านหลังนี้น่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศของตระกูลวัฒนาไพศาล

                    ด้านข้างของบ้านมีสระว่ายน้ำที่หันหน้าเข้าหาขุนเขา พร้อมมีที่นั่งแบบ Sunken seat สำหรับจิบเครื่องดื่มและทานอาหาร ในสระว่ายน้ำยังมีหินอัคนีที่ช่วยรักษาอุณหภูมิในน้ำให้อุ่นสบาย

                    หญิงสาวทึ่งกับการใส่ใจรายละเอียดของเจ้าของอาณาจักรวัฒนาไพศาล ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือแม้แต่บ้านพักตากอากาศหลังนี้

                    “ตื่นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้างยังปวดท้องอยู่หรือเปล่า”

                    “ไม่ปวดแล้วค่ะ” ตอบพลางหลบสายตาคมปานเหยี่ยวที่จ้องมองมายังเธอ

                    ‘นี่เธอตาฝาดไปหรือเปล่า สายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงใยคู่นี้ เป็นของเจ้านายผู้เย็นชา’

                    “เดี๋ยวเราจะเข้าไปโรงแรมก่อนกลับกรุงเทพ ผมให้เวลาอีก 10 นาที เจอกันที่รถ” 

                    ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยคำใด คนสั่งก็หันหลังเดินเข้าบ้านพักไป

                    

                    “เป็นไงเจอตัวมั๊ย”

                    หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จ ปราณนต์ก็พาหญิงสาวไปในโซนสำนักงานของโรงแรม ผู้ช่วยหนุ่มเข้ามารายงานความคืบหน้าให้บอสหนุ่มที่รออยู่แล้ว

                    “พาตัวไปไว้ที่เกสเฮ้าส์พร้อมลูกและเมียแล้วครับ เพื่อความปลอดภัย”

                    “มีคนอีกกลุ่มก็ต้องการตัวเช่นกันครับบอส ดีที่พวกผมไปถึงตัวเป้าหมายก่อน และเป้าหมายมีหลักฐานที่โดนข่มขู่ และพร้อมเป็นพยานให้ครับ”  ผู้ช่วยคนสนิทยังทำหน้าที่รายงานต่อ

                    “บอสจะให้ทำยังไงต่อครับ”

                    “คนบงการล่ะ เคลื่อนไหวอะไรมั๊ย” บอสหนุ่มถามพลางนึกไปถึงอาประยุทธ์ น้องชายต่างมารดาของบิดาตน

                    คนที่เขาเรียกว่าอาประยุทธ์ เกิดจากภรรยานอกสมรสของปราการซึ่งเป็นปู่ของเขา ซึ่งปู่ของเขาเอาประยุทธ์มาเลี้ยงดูตั้งแต่ภรรยานอกสมสรเสียชีวิตลง บิดาของเขาเล่าให้ฟังว่าประยุทธ์เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านวัฒนาไพศาลตั้งแต่อายุเกือบ 10 ขวบ ซึ่งโตพอที่จะรู้เดียงสาแล้ว พฤติกรรมค่อนข้างก้าวร้าวและต่อต้านพี่ชายต่างมารดาที่เกิดจากภรรยาในสมรสอย่างปราบ

                    แต่ปราบก็รักและเอ็นดูประยุทธ์ มีอะไรก็แบ่งปันให้ ไม่อยากให้น้องชายรู้สึกขาด ก่อนที่ปราการจะเสียชีวิต ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยโรงแรมในเครือวัฒนาไพศาลให้อยู่ในการดูแลของปราบทั้งหมด โดยประยุทธ์จะได้รับปันผลจากหุ้นที่มี 10 เปอร์เซน ซึ่งในแต่ละปีก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ประยุทธ์ไม่พอใจ

                    เนื่องจากปราการรู้ถึงนิสัยใจคอลึกๆ ของประยุทธ์ ที่มีความทะเยอทะยานสูง ชอบเอาชนะแม้แต่พี่ชายอย่างปราบ อีกทั้งยังติดการพนัน จึงไม่ยอมยกโรงแรมในเครือให้ แต่ให้ดูแลโรงแรมในเครือวัฒนาไพศาลสาขาเขาใหญ่ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สดุ และเป็นสาขาที่มีรายได้สูงมากในแต่ละปี

                    ด้วยความโลภและหนี้พนัน ประยุทธ์จึงแอบยักยอกเงินของโรงแรม ซึ่งปราณนต์รู้ระแคะระคายมาสักพักใหญ่ เนื่องจากจำนวนเงินที่ยักยอกเพิ่มมากขึ้นจากเดิม พอตรวจสอบเอกสารย้อนหลังพบว่าประยุทธ์ยักยอกมานานหลายปีแล้ว โดยบังคับให้ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของสาขาเขาใหญ่จัดทำรายงานงบการเงินปลอมขึ้น แต่เรื่องแดงเพราะยอดสุทธิในงบการเงินในปีล่าสุดขาดทุน ซึ่งตรงข้ามกับจำนวนผู้เข้าพักในโรงแรม

                    ที่ผ่านมาปราณนต์ไม่อยากทำอะไรที่รุนแรง เพราะบิดาขอไว้ และอาสาจะพูดกับน้องชายต่างมารดาเอง แต่ก็ไม่เป็นผล ประยุทธ์ไม่หยุดการกระทำดังกล่าว อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนเงินที่สูงขึ้นไปอีก

     

                    “อยู่ในบ่อนครับบอส” ผู้ช่วยหนุ่มรายงาน

                    “หลักฐาน พยานบุคคลครบ แจ้งความจับได้เลย” คนสั่งหน้าขรึม สายตาหลุบต่ำ ด้วยเป็นกังวลกับสิ่งที่เขาต้องอธิบายให้บิดาของเขาเข้าใจ เนื่องด้วยบิดาของเขารักน้องชายคนนี้มาก แต่หากปล่อยไว้ต่อไปย่อมเกิดผลเสียมากกว่าดีเป็นแน่ บอสหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง

                    “เดี๋ยวฉันจะกลับกรุงเทพ นายช่วยจัดการต่อด้วย”

                    “ให้ผมตามไปดูแลบอสก่อนมั๊ยครับ ผมเกรงว่า…..” ผู้ช่วยหนุ่มพูดได้แค่นั้น นึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนในวงสนทนา

                    “ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง” บอสหนุ่มตอบกลับทันควัน

                    “ไปคุณ” ประโยคหลังหันมาบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกมุมของห้อง

                    อิงค์กาญจน์มองตามแผ่นหลังผายอย่างกังวล แกมกังวล เขาคงเครียดน่าดู เพราะคนที่เขาแจ้งจับคืออาแท้ๆของเขาเอง 

    ‘นี่แหละหนา ไม่ใช่เป็นคนรวยจะไม่มีความทุกข์’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×