ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรักซาตาน

    ลำดับตอนที่ #9 : สานต่อ

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 64


     

    กว่าที่เธอจะเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะเพื่อไม่ใช้คั่งค้างไปถึงวันพรุ่งนี้ ทำเอาซะค่ำมืด กว่าจะออกจากโรงแรมก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่ารถติดมาถึงที่พัก

    อิงค์กาญจน์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างคนหมดแรงแทบทันทีที่ถึงคอนโดซึ่งอยู่ใจกลางเมืองหลวง เธออ่อนล้าไปหมดไม่ว่าจะเป็นสมองและร่างกาย วันนี้ทั้งวันเธอทานอาหารแค่มื้อเดียว ตอนนี้ท้องเจ้ากรรมดันทรยศเกิดหิวขึ้นมา

    จะนอนทั้งที่ท้องยังหิวแบบนี้โรคกระเพาะคงมาเยือนเธออย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นก็พาร่างอันอ่อนระทวยไปหาอะไรทานในตู้เย็น ก่อนจะเดินไปถึงเป้าหมายก็มีเสียงกริ่งดังรัวๆ หน้าห้องพัก

    ‘ใครกันนะมาเวลานี้’

    “ทำไมถึงเปิดประตูช้า”

    “......”

    “ผมถามทำไมไม่ตอบ”

    ปราณนต์รู้สึกขุ่นมัวตั้งแต่ผู้ช่วยของเขารายงานว่าหญิงสาวทำงานจนมืดค่ำ ไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งวันเจ้าหล่อนก็กินอาหารกลางวันแค่มื้อเดียว ที่เหลือคือชาเขียวเย็นที่ฝากน้องในแผนกบัญชีซื้อมาให้ตอนบ่าย

    เขาอยากจะนั่งเฝ้าหล่อนทำงาน แต่ด้วยวันนี้คิวงานกับลูกค้าของเขาเยอะเสียจนวิ่งวุ่น ผู้ช่วยคนสนิทก็ต้องให้อยู่คอยช่วยหล่อน เรียกว่าคอยเฝ้ามากกว่าช่วย แล้วรายงานความเคลื่อนไหวให้เขารู้เป็นระยะ

    กว่าจะปลีกตัวจากลูกค้ารายสุดท้ายได้ก็ปาไปเป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่ม เขาตั้งใจจะรับคนบ้างานไปทานข้าวแล้วมาส่งที่คอนโด แต่หล่อนดันขึ้นแท๊กซี่ไปเสียก่อน

    เขาขับตามแท๊กซี่มาจนถึงคอนโด ไม่เห็นหล่อนแวะทานอะไร เลยขับรถวนไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ หาซื้ออาหารสำเร็จรูปแช่แข็งง่ายๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าชอบหรือไม่ชอบทานอะไร เลยซื้อมาครบทุกอย่าง

    อิงค์กาญจน์ไม่ได้สนใจคำบ่นของคนตัวโต แต่หญิงสาวตกใจกับถุงในมือเขามากกว่า เขาขนอะไรมาตั้งเยอะแยะ อย่างกับจะไปเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน

    ปราณนต์วางถุงที่เต็มไปด้วยอาหารสำเร็จรูปลงโต๊ะอาหารโซนครัว พร้อมหันไปหาเจ้าของห้อง

    “ผมไม่รู้ว่าคุณทานอะไรได้บ้าง เลยซื้อมาให้คุณเลือกเอาเอง”

    “ของผมอันนี้นะ อุ่นให้ด้วย”

    หญิงสาวทำหน้าเหรอหรา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอก คือเลือกอาหารที่ตัวเองอยากทานพร้อมกับกล่องของเขาที่ถูกเลือกไว้แล้ว จัดแจงอุ่นอาหารในไมโครเวฟ

    บอสหนุ่มนั่งรอท่าทางสบายใจบนโซฟาตัวเก่งของเจ้าของห้อง

    “เชิญค่ะ”

    เมื่อจัดแจงกับอาหารที่อุ่นเสร็จ อิงค์กาญจน์ก็เดินไปตามคนตัวโตที่ถือวิสาสะทำตัวเยี่ยงเจ้าของห้องมาทานอาหาร

    ปารณนต์ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้า โดยไม่สนใจเจ้าของห้อง 

    ‘อย่างกับตายอดตายอยากมาจากไหน’

    “ไม่ต้องนึกค่อนขอดผมในใจ ผมคุยงานทั้งวันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ผู้ช่วยของผมก็ทิ้งไว้ให้ดูแลคุณ”

    เป็นการบ่นมากกว่าเป็นประโยคบอกเล่า

    หญิงสาวเจ้าของห้องเก็บโต๊ะอาหาร จัดแจงล้างภาชนะหลังคนโมโหหิวทานข้าวเสร็จ

    ปราณณต์นอนยืดตัวเต็มความสูง ขาของเขาเลยโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง เสียงกรนเบาๆ บ่งบอกว่าเขาหลับสนิท เสื้อสูทของเขากลายเป็นผ้าห่มไปแล้ว

    หญิงสาวเจ้าของห้องถึงกับถอนหายใจ ชั่งใจระหว่างปลุกให้เขาตื่นขับรถกลับไปนอนที่บ้านของเขา หรือปล่อยให้เขาหลับไปจนกว่าเขาจะตื่น ท่าทางเขาคงจะเหนื่อยจริงๆอย่างที่บอก

    อิงค์กาญจน์จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เวลาก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน หญิงสาวหยิบผ้าห่มในตู้ไปห่มให้คนตัวโตที่นอนอยู่บนโซฟา

    “โอ๊ย”

    อิงค์กาญจน์อุทาน หลังถูกคนตัวโตรั้งเอวขอดให้ล้มลงบนโซฟา จังหวะหันหลังกลับจะเดินกลับห้องนอนตัวเอง

    “นี่คุณ ปล่อยฉันนะ”

    “อืม….ผมง่วงแล้ว นอนเหอะ”

    ไม่พูดเปล่า เจ้านายหนุ่มยังจับตัวหญิงสาวให้เอนตัวลงนอนบนโซฟาด้วยกัน

    อิงค์กาญจน์เหนื่อยใจกับเขาจริงๆ คนเอาแต่ใจ แต่ก็ยอมนอนอย่างว่าง่าย อีกทั้งยังยอมปล่อยให้คนเจ้าเล่ห์โอบกอดร่างบางจากด้านหลัง

    .’รอเขาหลับแล้วหญิงสาวจะลุกขึ้นไปนอนห้องตนเองแล้วกัน’

    ปราณนต์ฉีกยิ้มพลางมองร่างบางในอ้อมกอด อบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

     

    “อิงตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสาย”

    “อืม ขอนอนต่ออีกหน่อยนะดา อิงยังง่วงอยู่เลย”

    ร่างบางหมุนตัว จมูกชนจมูก ปากชนปาก ทำเอาคนตัวโตสะดุ้งโหยง

    คนตัวเล็กที่หลับตาพริ้ม เริ่มมีสติพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้ เบิกตาโพลงอย่างรวดเร็ว พร้อมดีดตัวให้หลุดออกจากพันธการของคนตัวโตจนเกือบตกโซฟา 

    ไวเท่าความคิด มือของปราณนต์คว้าร่างบางได้ทันก่อนที่จะตก

    “เอ่อ…. ขอบคุณค่ะ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวไปทำงานสายค่ะ”

    “กริ๊งๆ”

    ‘ใครมาแต่เช้า’

    “ผมให้อาวุธเอาเสื้อผ้ามาให้ผมน่ะ จะได้ไปทำงานพร้อมกันเลย”

    “ไม่ต้องคุณ เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปแต่งตัวเถอะ”

    ชายหนุ่มอ่านสายตาของหญิงสาวออก อธิบายพร้อมสั่งการ

    ‘นี่บ้านใครกันแน่ ออกคำสั่งอยู่ได้’   หญิงสาวอดค่อนขอดในใจ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอก เนื่องจากกลัวไปทำงานสาย อาจจะเป็นเป้าสายตาของคนอื่นได้ หากมีใครเห็นว่าเธอนั่งรถไปกับเจ้านาย

    “มาคุณทานข้าวก่อน”

    “ค่ะ” หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย ก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานจนหมด พร้อมหยิบจานของตัวเองและของคนตัวโตตรงหน้า ไปไว้ในอ่างล้างจาน พร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพาย

    ปราณนต์นั่งมองพฤติกรรมของหญิงสาวแบบทึ่งๆ ทำอะไรดูกระฉับกระเฉง 

    ‘ช่างตรงข้ามกับหน้าตาที่แสดงออกจริงๆ’

    “ไปกันได้รึยังคะ หรือจะนั่งอยู่ตรงนี้”

    หมับเข้าให้ หญิงสาวแอบเหน็บแนมเขาหน่อย นั่งมองเธอทุกอิริยาบท

     

    “เดี๋ยวรบกวนคุณจอดให้ฉันลงข้างหน้าก็ได้ค่ะ”

    “ทำไม”  ถามออกไปแบบทำไม่รู้ไม่ชี้

    “เดี๋ยวคนอื่นในโรงแรมเห็นจะเข้าใจผิดค่ะ คุณเป็นถึงผู้บริหาร ส่วนดิฉันเป็นแค่พนักงาน มันไม่เหมาะค่ะ”

    “ไม่เหมาะยังไง”

    ‘จะกวนอะไรนักหนา’  หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ

    “ฉันไม่อยากเป็นขี้ปากของคนที่ทำงานค่ะ เหตุผลเพียงพอมั๊นคะ”

    “ใครมีปัญหามาบอกผม เดี๋ยวผมจัดการให้”

    อิงค์กาญจน์เหนื่อยใจที่จะทะเลาะกับคนดื้ออย่างเขา เลยเลือกที่จะเงียบจนรถวิ่งถึงโรงแรม

    เป็นไปดังที่เธอคาดไว้ สายตาพนักงานคนอื่นที่เห็นหญิงสาวนั่งรถมาพร้อมกับบอส เต็มไปด้วยคำถาม บางสายตาก็เหมือนจะเยาะเย้ย คงคิดว่าเธอเป็นของเล่นสินะ

    “เฮ้ย”  หญิงสาวหายใจออกอย่างโล่งใจ หลังจากถึงห้องทำงานของบอสหนุ่ม

    “แค่นั่งรถมากับผม ต้องหนักใจเบอร์นั้นเลยหรอ”

    “คุณก็เห็นสายตาคนอื่นแล้ว จะให้ดิฉันยิ้มร่าเริงหรอคะ”  ตอบพลางประชดในที พร้อมกับหันมาสนใจกองเอกสารตรงหน้า

    เจ้านายหนุ่มอดขำกับอาการของลูกน้องสาวไม่ได้ หญิงสาวค้อนเขาอย่างกับเป็นคนรักกัน

     

    ฝากติดตามด้วยนะคะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×