ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The silver fox ตำนานจิ้งจอกเงิน

    ลำดับตอนที่ #8 : ความทรงจำตรั้งแรก 100%

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    หลังจากเหตุการณ์วุ่น ๆ ผ่านไปคณะเดินทางยังคงเดินทางต่อแต่มีคน(ตัว)ร่วมเดินทางด้วยอีกหนึ่งเดินปิดท้ายขบวน�� แม้จะได้ร่วมเดินทางแต่กลับไม่เป็นที่ต้องการของใครแต่ก็นะ...จะบอกว่าเข้าร่วมคณะเดินทางก็คงจะไม่ได้เพราะคน(ตัว)นั้นหน้าด้านเดินตามเองต่างหากถ้าพูดถึงอายะละก็ตอนนี้เด็กสาวร่างเล็กยังนอนหลับสบายอยู่บนหลังของเคียวอย่างไม่มีท่าทีจะตื่นในเร็ว ๆ นี้แม้แต่น้อย

    ����������� เมื่อหัวหน้าคณะจำเป็นอย่างอายะนอนไม่รู้ตัวและชิซึเนะก็ไม่มีทีท่าจะหนีการตามติดของเจ้าเสือยักษ์โอไลออนล์ได้พ้นก็มีแต่ต้องปล่อยในมันเดินตามได้เรื่อย ๆ

    ����������� ในขณะนี้การเดินทางของคณะเดินทางตกอยู่ในความเงียบเงียบจนน่าอึดอัดไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คูมิโกะก็ยังเงียบยิ่งคนที่เงียบอยู่แล้วอย่างเคียวและไอนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงียบเสียนึกว่าไม่มีตัวตน...

    ����������� ทามกลางความเงียบเสียงงึมงำเบา ๆ จากคนหลับบนหลังเคียวแม้จะเบามากแค่ไหนแต่ในตอนที่ความเงียบปกคลุมอย่างในตอนนี้นั้นมันกลับฟังดูดังและชัดเจนเป็นดังเสียงระฆังสวรรค์ที่มาปัดเป่าความเงียบที่น่าอึดอัดให้สิ้น

    ����������� เปลือกตาบางเปิดเปลือกตาช้า ๆ แต่พอนัยน์ตาสีเปลือกไม้ต้องแสงแดดยามพลบค่ำก็ต้องปิดเปลือกตาลงแต่ดูท่าทางเปลือกตาบาง ๆ นั้นจะหนักเกินไปในความรู้สึกของเจ้าของจนเจ้าของดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ทำท่าจะกลับสู่นิทราอีกครั้งเดือดร้อนเจ้าของแผ่นหลังที่ใจดีให้ยืมหลับพิงกับไหล่ให้ซบมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเคียวนั้นทั้งรู้สึกดีใจและทรมานใจแค่ไหนจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหากว่าร่างเล็ก ๆ ที่หลับอยู่บนหลังของตนนั้นนอนนิ่ง ๆแต่นี่อะไรกัน!�� ทั้งดิ้นดุกดิกไปมายังไม่ได้นับว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของอายะแนบสนิทกับหลังของเค้าจนไม่มีช่องว่างให้แม้แต่ลมผ่านไม่ใช้ไม่รู้สึกดีหรอกนะแต่มัน!...อ๊ากกกนี่ยังไม่นับลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดต้นคออยู่นะแม่คุณเอ่ย!ทำไมไม่หันหน้าไปอีกทางเล่าจะทรมานเค้าอีกนานขนาดไหนหลงนึกว่าแม่เจ้าพระคุณจะตื่นแต่ที่ไหนได้ทำท่าจะหลับต่อเสียอย่างนั้น

    ����������� เมื่อมองดูแล้วร่างเล็กบนหลังมีท่าทีจะนอนต่อเคียวจึงคิดใช่มาตรการสุดท้ายปลุกร่างเล็กบนหลัง�� ไม่ใช้ใจร้ายคิดจะกวนการนอนอันเป็นความสุขลำดับต้น ๆ ของร่างเล็กหรอกนะแต่ตัวเค้าไม่ไหวจริง ๆ และในการปลุกก็ไม่ได้มีอะไรมากเพียงแค่โยนร่างเล็ก ๆ บนหลังให้สูงขึ้นนิดหน่อยเช่นตอนที่พวกเค้ายังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆถึงแม้อายะในตอนนี้โตจากตอนเด็กไม่เท่าไรก็ตาม�อย่างตอนที่คนตัวเล็กบนหลังชอบอ้อนขี่หลังเค้าใกล้ตก��� แล้วยิ่งได้ยิ่งเสียงคางเล็กกระทบกับไหล่แกร่งของตนทำให้แทบกลั่นเสียงหัวเราะไม่ไหวและแน่นอนด้วยการนั้นทำให้คนร่างเล็กแสนซนมีอันพับความคิดจะนอนต่อและจำใจต้องตื่นเสียไม่ได้.....

    ����������� เป็นที่รู้กันว่าอายะเป็วพวกความดันต่ำเวลาตื่นยิ่งเมื่อถูกบังคับให้ต้องตื่นจากนิทราอันเป็นที่รักยิ่ง...มันยิ่งหน้ากลัวเป็นทวี

    ����������� “ตายซะ!!อย่าอยู่เลยนี่นี่!!”ดวงตาสีเปลือกไม้ยังไม่ทันจะลืมด้วยซ้ำไปเสียงหวานแหลมก็แผดเสียงร้องทันทีและไม่ได้มีแต่เสียงเท่านั้นทั้งยังมีมือเล็ก ๆ ที่เคียวคิดมาตลอกว่าบอกบางน่ารักก็ได้ทำการประทวงเจ้าคนที่มารบกวนการพักผ่อนอันแสนสำราญของตนทันที��

    ����������� แน่นอนหากไม่นับการต้องมาโดนตระโกนใส่หูกับมือเล็ก ๆ ที่ทั้งทุบทั้งตบทั้งทึ้งแล้วละก็การได้แกล้งอายะอีกครั้งเช่นยังเด็กก็เป็นเรื่องที่ทำให้เคียวมีความสุขจนเผยแย้มยิ้มบางๆ ด้วยความสุขไม่ได้

    ����������� ไอที่ตอนนี้เดินรั้งท้ายนำหน้าเสือยักษ์โอไลออนล์มองภาพของเพื่อนสาวบนหลังเด็กหนุ่มนัยน์ตาเรียวคมสีท้องฟ้าที่ยังคงนิ่งปล่อยให้เพื่อนสาวร่างเล็กที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเจ้านายของตนเงียบ ๆ พลางความไม่ไว้ใจในตัวของเคียวก็ค่อย ๆ จางลงช้า ๆหลังจากเห็นการกระทำหลาย ๆ อย่างและดวงตาสีฟ้าที่มักฉายแววอบอุ่นและห่วงใยที่มอบให้กับอายะเพื่อนสาวและเจ้านายที่ทั้งไอและคูมิโกะรักยิ่งกว่าชีวิตของตน

    ***************************************************************************

    ����������� เรื่องนี้เป็นความลับมาตลอดสิบกว่าปีแม้ในสังคมโลกมนุษย์ธรรมดาจะไม่มีใครรู้แต่ในโลกปีศาจแล้วน้อยคนนักจะไม่รู้ว่าตระกูลคาราซึและตระกูลคาเงะแห่งเผ่าอีกานั้นเป็นตระกูลที่รับใช้ตระกูลอินุยาฉะแห่งเผ่าจิ้งจอกตั้งแต่สมัยบรรณการและการที่บุตรของตระกูลอินุยาฉะเมื่อแรกเกิดตระกูลที่รับใช้ใกล้ชิดทั้งสองจะส่งหรือแม้แต่แต่งตั้งลูกของตนให้เป็นองครักษ์เพื่ออยู่ข้างกายบุตรของเจ้าตระกูลอินุยาฉะพี่ชายและพี่สาวของทั้งไอและคูมิโกะเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดพี่ฮายะแต่เป็นเพราะพี่ฮานะไม่ชอบทำให้ทั้งสองคนจำเป็นต้องทำตามพี่ฮานะที่ว่าห้ามเดินตาติดเธอเด็ดขาดแต่จริง ๆ แล้วทั้งสองก็ยังคงตามติดพี่สาวของอายะอยู่ดีเพียงแต่ตัวหญิงสาวนั้นไม่รู้ตัวเท่านั้นเองและตัวของไอและคูมิโกะก็ได้มาเป็นคนที่จะมาอยู่รับใช้อย่างใกล้ชิดของอายะ ครั้งแรกที่ได้เจออายะยังจำได้ดีตอนนั้นเธออายุเพียงแค่สามขวบ

    ����������� “ข้าชื่อ คาราซึไอเจ้าค่ะ”เด็กหญิงตัวเล็กผมสีดำรัตติกาลตัดสั้นจนดูผ่าน ๆ แทบทำให้คิดว่าเป็นเด็กชายอีกทั้งดวงหน้าอ่อนเยาว์ที่เรียบเฉยนั้นอีก

    ����������� “สวัสดีค่ะข้าชื่อคาเงะ คุมิโกะเจ้าค่ะนับแต่นี้ไปจะมาเป็นองครักษ์ของนายน้อยอินะยาฉะเจ้าค่ะ”เด็กหญิงอีกคนที่ยืนข้าง ๆ เอ่ยแนะนำพร้อมด้วยรอยยิ้มน่ารัก�� ทั้งเส้นผมและดวงแต่สีดำราวรัตติกาลเช่นเดียวกันเด็กหญิงข้างตัวหากแต่เด็กน้อยคนนี้กลับแย้มยิ้มตลอดเวลาจนใครมองเป็นต้องรู้สึกเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง�� คงเป็นเพราะเสียงแนะนำตัวของเด็กหญิงทั้งสองเรียกให้เด็กน้อยอีกคนที่หันหลังอยู่นั้นกลับมาสนใจเด็กทั้งสองคนที่บอกว่าจะมาเป็นองครักษ์ของตัวเอง

    ����������� เด็กน้อยหันกลับมาจับจ้องเด็กหญิงทั้งสองคนนิ่งไม่เอ่ยอะไรดวงหน้าหวานน่ารักเอียงเล็กน้อยยิ่งทำให้เด็กหญิงตรงหน้าน่ารักยิ่งขึ้นไปอีกดวงตาสีเปลือกไม้ฉายแววสงสัยน้อย ๆ

    ����������� “ทั้งสองคนจะมาเป็นเพื่อนเล่นของอายะไงไม่ดีใจหรอ?”ชายหนุ่มเรือนผมสีแดงเพลิงราวเปลวไฟนัยน์ตาคมสีเดียวกันฉายแววอบอุ่นเมื่อจับจ้องมองลูกคนเล็กของตนที่ยังคงทำหน้างงงวยเด็กน้อยจ้องมองพ่อของตนสลับกับเด็กหญิงสองคนที่มากับผู้ชายสองคนที่เด็กน้อยเคยเห็นว่ามาหาพ่อของตนก่อนเอ่ยถามกลับไปด้วยคำถามที่พ่อของตนกับเด็กหญิงทั้งสองพูดไม่ตรงกัน

    ����������� “เค้าบอกว่าจะมาเป็นองครักษ์ของอายะไม่ใช่หรอค่ะแล้วทำไมคุณพ่อบอกว่าเค้าอยากจะเป็นเพื่อนกับอายะหรอค่ะ”ประโยคเดียวทำเอาเด็กหญิงที่มีดวงหน้าเรียบเฉยไม่เข้ากับดวงหน้าอ่อนเยาว์นั้นถึงกับหลุดปากเล็ก ๆ อ้ากว้างดวงตาสีรัตติกาลเบิกกว้างจนอายะคิดว่าน่าจะใหญ่กว่าไข่ไก่เสียด้วยซ้ำ�� และไม่ใช่เพียงแค่เด็กหญิงผมสั้นเพียงคนเดียวเท่านั้นเด็กหญิงอีกคนและผู้ใหญ่ทั้งสองที่อายะเคยเห็นหน้าก็มีสีหน้าไม่ต่างกันเสียเท่าไร�� แต่จะเป็นด้วยความอ่อนเยาว์หรืออะไรไม่ทราบได้ทำให้เด็กน้อยกระตุกชายกางเกงผู้เป็นพ่อเบา ๆ�� ถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงอ่อนเยาว์เรียกเสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อและประโยคนั้นยิ่งทำให้ดวงตาทั้งสี่คู่ยิ่งเบิกกว้างขึ้นไปอีก

    ����������� “คุณพ่อค่ะพวกคุณลุงกับอีกสองคนทำไมตาเค้าโตกว่าไข่ไก่อีกอะ”ได้ยินว่าบุตรคนเล็กของท่านเจ้าตระกูลเป็นอัจฉริยะที่หมื่นปีจะปรากฏครั้งแต่ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้จนไอชักจะสงสัยนิด ๆ ว่าตนได้ข้อมูลมาผิดหรือไม่รู้ว่าการคิดไม่เชื่อใจต่อผู้ที่จะมาเป็นนายของตนนั้นเป็นสิ่งไม่ดีแต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ นิ�� เด็กน้อยผมสั้นสีรัตติกาลคิดเงียบ ๆ

    ����������� “แล้วแต่อายะจังอยากให้เป็นดีไหม”ผู้เป็นพ่อกล่าวตอบยิ้ม ๆ ให้ลูกสาวคนเล็กของตนด้วยรอยยิ้มมองดวงหน้าหวานน่ารักเอียงน้อย ๆจมอยู่ในความคิดของตนก่อนจะแย้มยิ้มน่ารักอีกครั้งก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ทุกคนเผยสีหน้าประหลาดใจอีกครั้งแต่คงต้องยกเว้นผู้เป็นพ่อจองเด็กน้อยไว้คนหนึ่ง

    ����������� “อายะไม่ชอบให้ใครมาเรียกอายะว่านายน้อยอะและถ้าอายะพูดว่าไม่ให้คอยตามเหมือนพี่ฮานะไอจังกับคูมิโกะจะก็คงจะตามอายะอยู่ดี...ถ้ามีคนมาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ คอยตามอย่างพี่ฮานะละก็...ไม่อยากคิดเลยอายะคงรำคาญมาก ๆ เลยละค่ะคุณพ่อ....เอางี้ละกันเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”พร้อมส่งยิ้มหวาน ๆ น่ารัก ๆ ให้เด็กหญิงทั้งสองคนแต่มันกลับทำให้ผู้เป็นบิดาของคนลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ถูกเอ่ยถึงพูดไม่ถูกเลยทีเดียวพลางคิดว่าบุตรคนเล็กของนายท่านของตนคนนี้นั้นเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริงอย่างไม่ต้องพูดถึงเลย

    ����������� และยังมีข้อแม้อีกหลาย ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือจะต้องปฏิบัติกับคนที่จะเป็นนายเหนือหัวของทั้งไอและคุมิโกะเช่นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น��ไม่เรียกนำหน้าด้วยนายน้อยปิดท้ายด้วยเจ้าค่ะและต้องเรียกอายะว่าอายะและเมื่อไอและคูมิโกะได้มาอยู่รับใช้อย่างใกล้ชิดก็ยิ่งได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวไอคิดนั้นผิดถนัด

    ����������� อายะนั้นเป็นคนที่มีความรู้สึกเร็วมากแม้ว่าเผ่าจิ้งจอกนั้นเป็นเผ่าที่มีความรู้สึกเร็วกว่าปีศาจเผ่าอื่น ๆ มากแต่สำหรับเผ่าจิ้งจอกอายะก็ยังเป็นคนที่ความรู้สึกเร็วมากที่สุดที่เคยมีมาก่อนเลยทีเดียวอีกทั้งยังเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สูงมากอีกด้วยไม่ว่าจะเรียนรู้ในเรื่องใดก็ดูเหมือนจะง่ายดายไปเสียหมด

    ����������� แต่ก็เป็นเพราะเงือนไขที่อายะกำหนดนี่ละที่ทำให้ไอและคูมิโกะปฏิญาณกับตนเองว่าจะปกป้องคนผู้นี้ด้วยชีวิตจงรักภักดีต่อนายเหนือหัวและเพื่อนรักคนนี้ด้วยวิญญาณจากวินาทีที่ตกลงยอมรับข้อตกลงของอายะไปจนดวงวิญญาณนี้จะแตกสลายไปไม่ว่าจะเกิดในชาติไหนเป็นใครก็จะขอจงรักภักดีแต่เพียงคนที่ชื่อ อินุยาฉะอายะแต่เพียงผู้เดียว.....

    ����������� “จัง...ไอจัง...ไอจัง!”ดวงตาคู่สีรัตติกาลเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าตัวเองจะจมอยู่ในภวังของตนจนไม่รับรู้ถึงสิ่งภายนอกได้ถึงเพียงนี้

    ����������� “ไอจังคิดอะไรอยู่หรอยิ้มแก้มปริเชียว”เสียงใส ๆ ของคูมิโกะเอ่ยล่อเลียนไอเพียงแต่ส่ายศรีษะเบา ๆ และเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม

    ����������� ไม่หน้าเชื่อว่าเธอที่มีหน้าที่ปกป้องอายะจะเดินเหม่อได้ขนาดที่คูมิโกะตระโกนเสียงดังขนาดนั้นถึงได้รู้สึกตัว

    ����������� คูมิโกะมองเพื่อนสาวผู้นิ่งเงียบของตนยิ้ม ๆ ถึงแม้ไอจะไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเธอมาก็จริงแต่ด้วยการที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานานนับสิบปีทำให้รู้ได้ไม่ยากทำไม้คูมิโกะจะไม่รู้ไอนั้นเป็นคนที่สามารถคิดหรือทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่มีปัญหาแต่เมื่อกี้กลับเหม่อลอยได้ถึงขนาดนั้นและเรื่องเดียวที่ทำให้ทั้งตัวของคูมิโกะเองและไอเหม่อลอยไม่รับรู้เรื่องราวนอกกายได้ขนาดนั้นก็คงจะมีแต่เรื่องของอายะเท่านั้น�� เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทั้งคู่คิดถึงเรื่องของอายะพวกเธอทั้งคู่จะตัดการรับรู้ภายนอกออกจนหมดไม่รับรู้อะไรเลยและตกอยู่ในภวังความคิดของตนจนทำให้โดนอายะแกล้งหลายต่อหลายครั้ง

    ����������� “ไปกับเถอะ”ไอเรียกคูมิโกะเสียงเรียบก่อนก้าวตรงไปรวมกลุ่มกับอายะที่ยังคงอาละวาดเคียวไม่เลิกโดยมีฮานะคอยปลอบน้องสาวให้เลิกรังแกเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าที่อุตส่าห์ใจดีให้ยืมหลังแต่กลับทำดีไม่ได้ดีแถมยังต้องมารอบรับพายุความดันต่ำของใครบางคนอีกและยังมีพื้นหลังเป็นชิซึเนะหัวเราะร่าโดยไม่คิดจะเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย����

    ����������� ไปกันเถอะ...ไม่ว่าจะไปที่ไหนพวกเราจะตามไปอยู่เคียงข้างเธอเสมอ...

    ����������� ในทุกที่...ที่อายะอยู่จะมีไอและคูมิโกะติดตามไปปกป้องอายะ...เสมอ....

    ***************************************************************************

    ����������� อายะหลับมาทำหน้าที่อีกครั้งแม้ปากเล็กสีเชอรี่จะส่งเสียงบ่นอุบอิบเป็นการท้วงเคียวเป็นระยะไม่ได้หยุดก็ตามตอนนี้คณะเดินทางยังคงเดินทางกันต่อไปถึงแม้เวลานี้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วก็ตามแต่คณะเดินทางที่นำโดยเด็กสาวมอปลายผู้มีดวงหน้าน่ารักแต่กลับเปรี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ราวปีศาจร้ายยังคงออกเดินต่อไปโดยไม่มีท่าทีจะหยุดหาที่พักแต่อย่างใด

    ����������� “พวกเราจะเข้าใกล้กำแพงมิติมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”ชิซึเนะเอ่ยหลังจากเงียบมานานตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ทะเละกันเรื่องที่ชิซึเนะบอกว่าอายะทำบางอย่างให้เจ้าเสือยักษ์โอไลออนล์เชื่องได้และมันก็ตามคณะเดินทางมาตลอดเวลาที่อายะหลับอยู่บนหลังของเคียวและสั่งให้อายะปล่อยให้มันอยู่ในป่าเหมือนเดิมดีกว่าจะให้เดินทางไปด้วย�� ดูเหมือนอายะไม่ยอมทั้งยังบอกว่าถ้ามันจะตามไปด้วยก็ให้มันไปแถมยังตั้งชื่อให้มันอีกว่าไวท์จัง เป็นอันว่าคณะเดินทางมีสมาชิกใหม่อีกคน(ตัว)ร่วมเดินทางไปด้วยอย่างเป็นทางการ.....ด้วยประการฉะนี่แล

    ����������� “ต้องเข้าใกล้อีก”อายะตอบกลับสองขาเรียวยังคงก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีท่าทีจะหยุดตามที่ชายหนุ่มชาวภูตเตือนแม้แต่น้อย

    ����������� “ไม่ได้!เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอหากเข้าใกล้กำแพงมิติในตอนนี้อะไรจะเกิดขึ้น!”ชิซึเนะไม่มีท่าทีจะยอมอ่อนข้อง่าย ๆ นัยน์ตาสีมรกตฉายแวววาวโรจน์จ้องมองร่างเล็กที่เดินนำทั้งยังไม่ยอมเดินต่อ�� แต่กับท่าทางของชิซึเนะอายะกลับไม่แม้แต่จะหันกลับไปโต้เถียงเสียด้วยซ้ำทั้งยังเดินต่อไปโดยไม่รอชายหนุ่มจนชิซึเนะต้องเป็นฝ่ายวิ่งไปดักหน้า

    ����������� “เธอไม่เข้าใจรึไง!การเข้าใกล้กำแพงมิติตอนนี้มีแต่จะสร้างผลเสียกับเราเท่านั้น”ชายหนุ่มยังคงไม่ถอดใจแม้อายะจะเดินผ่านชายหนุ่มไปอีกทางก็ยังคงเดินตามไป

    ����������� “ขอร้องละอายะในตอนนี้พวกเราไม่สามารถจะเข้าใกล้กำแพงมิติได้หรอก”ชิซึเนะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมากดวงตาคู่สีมรกตฉายแววจริงจังเช่นทุกครั้งราวกับจะบอกให้คนมองรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่ตนเองสื่อออกไป�� หากแต่สิ่งที่ชิซึเนะได้รับจากอายะกลับเป็นรอยแสยะยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยน์

    ����������� “ชิซึเนะจังแน่ใจเหรอว่าไม่สามารถเข้าใกล้ได้และแน่ใจได้อย่างไงว่าหากไม่เข้าใกล้มากกว่านี้จะไม่มีอันตรายหือ~”พูดโดยไม่มีท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่น้อยทั้งยังแฝงด้วยความมั่นใจในตัวเองโดยไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่าตนเองกำลังจะไปเดินเล่นสวนหลังบ้านก็ไม่ปาน

    ����������� “หมายความว่าไง?”ฉับพันแววตาคู่มรกตที่ฉายแววจริงจังกลับเปลี่ยนเป็นสงสัยทำเอาคนมองปรับอารมณ์ไม่ทันแต่คงต้องเว้นอายะไว้คนหนึ่งเด็กสาวไม่แม้แต่เปลี่ยนสีหน้าเพียงน้อยนิด

    ����������� “ชิซึเนะจังก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ...เรื่องนั้นไง”อีกทั้งยังยิ้มน้อย ๆ พร้อมถามหลังจนทำให้ชิซึเนะและคนที่ฟังอยู่ไม่เข้าใจในรอยยิ้มและคำถามนั้นอีกด้วย

    ����������� “หึ..หึ..ก็เรื่องที่ชิซึเนะพูดเมื่อกี้ไงละ”เมื่อเห็นคำว่างงบนหน้าผากของคนฟังทำเอาอายะต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ�� ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างเข้าใจความหมายในสิ่งที่อายะพูด�� สิ่งต่อมากลับเป็นความสงสัยทั้ง ๆ ที่อายะรู้แต่ก็ยังจงใจเดินเข้าใกล้กำแพงงันนะเหรอ

    ����������� “ฉันรู้...เราถึงได้ต้องเข้าใกล้กำแพงมิติให้มากกว่านี้ยังไง”คราวนี้กลับไม่ปรากฏแววล่อเล่นในน้ำเสียงของอายะอีกทั้งยังเจื่อไปด้วยแววจริงจังอย่างน้อยครั้งนัก�� คำพูดนี้ทำให้ฮานะที่ยืนฟังทั้งสองคนตัดสินใจเดินตามอายะในทันที�� ไอและคูมิโกะนั้นไม่ว่าอายะจะทำอะไรทั้งคู่ก็ไม่คิดจะรู้ความคิดของเพื่อนสาวพวงเจ้านายอยู่แล้วเพราะเชื่อใจและมั่นใจในตัวของอายะและถึงแม้อายะจะสั่งให้ทั้งสองสาวตาย ทั้งไอและคูมิโกะก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งอย่างไม่อิดออดแต่ไม่ใช่ชิซึเนะ

    ����������� “หมายความว่าเธอรู้�� รู้มาตลอดตำนานอันกล่าวขานมาแต่โบราณในยามที่ทุกเผ่าพันธุ์อาศัยร่วมกันโดยไร้ซึ่งสงครามในยามที่เหล่าเทพผู้สรรสร้างศัทราสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในยามที่มีเพียงกำแพงมิติอันเปราะบางไว้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกเขตดินแดนมีตำนานเล่าขานไว้ว่าเมื่อยามที่กำแพงอ่อนแรงที่สุดจัดก่อให้เหล่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รอบกำแพงมิติเกิดการเปรียนแปลง...”ชิซึเนะไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงราวนักปราชญ์ผู้ทรงภูมิกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่สูงไม่ต่ำดวงหน้าหล่อคมเรียบเฉยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่สิ่งที่กล่าวออกมานั้นเรียกแววตื่นตระหนกให้ปรากฏบนใบหน้าสวยหวานของฮานะดวงตากลมโตมองสลับระหว่างชิซึเนะและน้องสาวของตนอย่างแตกตื่นในสิ่งที่ได้รับรู้

    ����������� “มะ...หมายความว่ายังไงอายะจัง...ฮายะโตะซังมะ...มันไม่จริงใช่ไหม..”ฮานะเอ่ยอย่างไม่มั่นใจสับสนไปหมดไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีระหว่างน้องสาวผู้เป็นที่รักและ...คนที่ตนแอบรัก!...

    ����������� อายะยิ้มพร้อมโอบกอดฮานะมือเรียวขาวลูบหลังปลอบผู้เป็นพี่สาวด้วยความรักสัมผัสที่ส่งมาจากมือเล็ก ๆ ที่ลูบแผ่นหลังได้ปัดเป่าความรู้สึกสับสนให้มลายสูญสิ้นไปไม่ยากทำให้ฮานะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านจากมือของผู้เป็นน้องสาวที่คอยปลอบโยนเธอเสมอมาความรู้สึกที่รับรู้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้องสาวคนนี้ก็จะคอยปกป้องเธอเสมอไม่ว่าจากอะไรก็ตามรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองที่เป็นพี่สาวจะต้องเป็นที่พึ่งของน้อง...แต่ตลอดเวลากลับเป็นเธอตลอดที่ถูกปกป้อง

    ����������� “ไม่เป็นไรไม่เป็นไรเชื่อใจอายะนะ”น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นไม่ว่าจะได้ฟังสักกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ยังคงความรู้สึกอบอุ่นเสมอไม่เสื่อมคลายนี่สินะคือสิ่งที่ผู้ที่เป็นผู้นำมิอาจขาดได้สิ่งที่เรียกว่า....เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ......

    ����������� ประโยคนั้นมิได้ส่งผลต่อจิตใจฮานะผู้อ่อนโยนเพียงผู้เดียวแต่ยังส่งผลต่อชิซึเนะอย่างร้ายแรงอีกด้วย

    ����������� นัยน์ตาสีมรกตอ่อนแสงลงในยามที่ดวงตาคมจ้องมองร่างสองพี่น้องโอบกอดกันแน่นแม้จะเป็นภาพที่แลดูประหลาดอยู่มากแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า...มันช่างเป็นภาพที่อบอวนไปด้วยความรักและความผูกพันระหว่างครอบครัวที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปขวางได้เลย

    ����������� อยู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า�� ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรถ้าตามคน ๆ นี้ไปละก็...ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะอันตรายแค่ไหน...จะต้องผ่านไปด้วยดีอย่างแน่นอน.....

    ����������� “ถ้าเธอยืนยันขนาดนั้น...ผมก็จะลองเชื่อใจเธอดูสักครั้งก็แล้วกันนะครับ”เอ่ยนิ่ง ๆ เมื่อเห็นอายะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของฮานะและเป็นฝ่ายออกเดินนำไปก่อน

    ����������� แต่ไม่ทราบว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวรึเปล่าว่าดวงหน้าหล่อคมนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อทำให้คนมองอดหัวเราะน้อย ๆ อย่างอดไม่ได้แต่ไม่ใช่สำหรับอายะเด็กสาวหัวเราะดังลั้นอย่างไม่คิดจะเกรงใจหรือเห็นใจคนถูกหัวเราะแต่อย่างใดซ้ำยังเดินเร็วตามชิซึเนะพร้อมเอ่ยคำที่ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อ ๆ นั้นยิ่งแดงไปถึงหูทั้งสองข้างและยังมีท่าทีจะลามไปทั้งตัวอย่างไม่ต้องสงสัยอีกด้วยไม่ทราบว่าเป็นโชคดีของชิซึเนะหรือจะเป็นคราวซวยของคณะเดินทางกันแน่ที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทุกคนตอนนี้ได้สะกดเสียงหัวเราะและคำพูดล้อเลียนจากอายะได้ชะงักให้เปลี่ยนเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ร่วมเดินทางมากับคณะเดินทางจนถึงตอนนี้

    ����������� เจ้าสิ่งที่ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่นั้นในตอนนี้กลับกำลังตั้งขบวนเดินทางแม้จะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นทัพออกศึกได้แต่ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เช่นกัน...

    ����������� ไหนบอกว่าถ้าเข้าใกล้กำแพงมิติตอนนี้แล้วจะไม่เป็นไรอย่างไงละ�� อินุยาฉะอายะ!!!....

    �------------------------------------------------------------------

    สวัสดีครับ� ผมชื่อเคยินดีที่ได้รู้จักครั้บ


    เรื่องนี้ผมแต่งจริง ๆ เป็นเรื่องแรกยังไงก็ฝากด้วยนะครับ


    บายครับ

    ps.� ไม่ว่าจะนานแค่ไหน...ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไรเปลี่ยนไปซักแค่ไหน....ข้าก็จะเป็นของเจ้าตลอดไป.................ตลอดกาล...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×