คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : โอไลออนล์ 100%
ตอนที่ 5
โอไลออนล์
����������� แสงแห่งวันใหม่สาดท้อผ่านยอดไม้ให้ความอบอุ่น� นกน้อยใหญ่นานาชนิดขับขานดนตรีแห่งธรรมชาติร่วมกับบรรดาต้นไม้และสายลม� มันชั่งเป็นเช้าที่สดใส...เสียเมื่อไรกัน!�
����������� หลังจากประสบพบเจอกับหนอนน้อง ๆ ตึกทั้งหลายในช่วงเย็นของเมื่อวานที่ทำเอาฮานะสลบไสลไม่ได้สติเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็ม ๆ แต่พาตื่นมาก็ได้พบกับฮายะโตะซังที่ง้วนอยู่กับอะไรบ้างอย่างพอฮานะเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยก็เจออายะนอนสบายใจไม่สนใจใคร�� ตัวฮานะนั้นไม่ใช่ไม่รู้ถึงความขี้เซาของน้องสาวของเธออีกทั้งเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรกตพบเจอในตอนนี้นั้นตัวฮานะเองก็เคยประสบมาแล้วเช่นกัน�� ฮานะจึงรู้ได้ในทันทีว่าวิธีที่ฮายะโตะปลุกอายะในตอนนี้นั้นถ้าเจ้าตัวไม่ตื่นเองละก็สะกิดปลุกอย่างฮายะโตะอีกสิบอายะก็ไม่มีทางที่จะตื่นแน่นอน��
����������� “ฮายะโตะซังค่ะ”ฮานะสะกิดไหล่เรียกชายหนุ่มจากด้านหลังเบา ๆ ฮายะโตะหันหลังมองด้วยความสงสัยโดยที่มือยังคงเขย่าปลุกร่างเล็กนัยน์ตาสีเปื่อกไม้ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้เปลื่อกตาขาวราวกับหยกขาวเนื้อดี
����������� ดวงตาเรียวยาวนัยน์ตาสีมรกตจ้องมองฮานะพลางส่งยิ้มจืดเจื่อ� ฮานะมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายนิ่งเป็นเชิงเห็นใจ� ได้แต่เก็บเสียงหัวเราะไว้ในใจไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้คือคนที่แม้แต่ปัญหาใหญ่แค่ไหนก็เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยและง่ายดายสำหรับเค้าไปเสียหมดแต่ในตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าฮานะกลับอับจนไร้ซึ่งหนทางปลุกร่างเล็กของน้องสาวจอมขี้เซาของฮานะซะนี่ทำเอาไม่รู้จะหัวเราะหรือเห็นใจชายหนุ่มนี่ดีหรือไม่
����������� ไม่ว่าจะด้วยคุณธรรมอันสูงส่งในจิตใจหรือด้วยไม่สามารถทนเห็นอีกฝ่ายอับจนหนทางหรือความจำเป็นที่จะต้องเดินทางต่อทำให้ฮานะขันอาสาจะปลุกน้องสาวผู้ขี้เซาของตน
����������� เมื่อมีผู้เสนอตัวในการผจญกับสิ่งตรงหน้าแทนตนเอง� ชิซึเนะมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความซึ้งใจเป็นล้นพ้นจนแทบปาดน้ำตาด้วยความยินดี� ยังถึงกับหันมาขอบคุณฮานะก่อนไปช่วยคูมิโกะและไอตะเรียมอาหารเช้า
����������� ฮานะมองตามหลังจนแน่ใจว่าชิซึเนะช่วยสองเพื่อนสาวของน้องสาวเตรียมอาหาร� จึงถึงเวลาต้องทำการปลุกคนขี้เซาให้ตื่นจากการนอนสักที� แต่พอหันกลับมาเพื่อปลุกน้องสาวกลับพบว่าอายะที่คิดว่ากำลังนอนหลับสนิทอยู่นั้นกลับเบิกตากลมโตสีเปลื่อกไม้จ้องมองตนเองเงียบ ๆ�
����������� อายะยันตัวขึ้นนั่งดวงตาคู่โตยังคงจ้องมองฮานะนิ่งจนคนถูกมองสะบัดร้อนสะบัดหนาวแปลก ๆ ก่อนส่ายศรีษะน้อย ๆ ยิ่งทำให้ฮานะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด� พยายามคิดอยู่นานก็ไม่เห็นจำได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปรึเปล่า
����������� “พี่นี่นา�� อายะไม่รู้ด้วยแล้ว”มองหน้าที่สาวปลง ๆ กับความซื่อเกินไป พลางค้นหาคำปลอบใจที่ดูจะพอทำใจยอมรับได้บ้างอย่างคนไม่รู้จะว่าอย่างไร��แต่กับพี่สาวตรงหน้าจะบอกว่าไม่รู้ดูเหมือนจะไม่ใช้แต่ซื่อ(บื่อ)เสียมากกว่า
����������� เฮ้อ.....ยิ่งคิดยิ่งเซ็ง�
����������� ฮานะมองดวงหน้าหวานที่ตอนนี้เปลื่อนสีไปมาด้วยความไม่เข้าใจ� อยู่ ๆ ต่อมความเป็นห่วงน้องสาวก็โตขึ้นมากระทันหันเมื่อคิดว่าน้องสาวของตนจะเป็นอะไรไป� มือขาวเรียวตะหน้าผากมน แก้มขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีดูไม่เหมือนคนกำลังป่วยเป็นอะไรแต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่สาวผู้เป็นห่วงน้องสาวนั้นหากกังวลแต่อย่างใด
����������� “อายะไม่ได้ป่วยค่ะพี่ฮานะ”ด้วยความที่เป็นคนความดันต่ำตอนตื่นนอนอีกทั้งมาเจอกับความซื่อ(บื่อ)ของพี่สาวอย่างฮานะทำเอาอายะยิ่งหงุดหงิดบวกเซ็งจับจิต� บัดมือฮานะออกจากหน้าตนเบา ๆ อย่างที่คิดว่าจะไม่ดูทำร้ายน้ำใจและความหวังดีของพี่สาวเกินไป
����������� “อ้าว� อายะจังจะไปไหนจ๊ะ� แล้วไม่เป็นไรจริง ๆ นะอายะจัง อายะจัง~~~”เสียงหวานตะโกนไล่หลังถามอายะด้วยความเป็นห่วง�� โดยอายะแค่โบกมือเรียวเล็กเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรโดยไม่หันมองคนถาม� �รู้ดีว่าฮานะเป็นห่วงตนเองแค่ไหนแต่ด้วยอาการเซ็งเหลือใจนั้นทำให้อายะจำต้องเดินออกจากผู้เป็นพี่สาวกลัวจะทนไม่ไหวตะหวาดสั่งสอนสักยกสองยกไม่ได้
����������� “ไม่ต้องห่วง� อายะไม่เป็นไรค่ะ”ตะโกนตอนส่ง ๆ เป็นการตัดปัญหาและไม่ต้องการให้ฮานะเป็นห่วงจนเกินไป
����������� แต่ถึงจะเดินออกมาจากฮานะแต่ความหงุดหงิดก็ไม่ได้จางไปแม้แต่น้อย� มันกลับมีท่าทีจะมากขึ้นไปอีกเมื่อต้องมาเจอข้าวเช้าหน้าตาสยองขวัญ
����������� ทันทีที่ไอบอกกับอายะไม่เต็มเสียงเรียวแววตาตื่นตะลึงให้ปรากฏบนดวงหน้าหวานสวยก่อนเปลื่อนเป็นดำทมึนลงเรื่อย ๆ
����������� “หมายความว่ายังไงที่ว่าเจ้านี่เป็นข้าวเช้านะไอจัง”เอ่ยถามอีกครั้งเพื่อเป็นการย้ำให้มั่นใจ� แต่ไม่ทราบจริง ๆ ว่าทำไมเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับส่องประกายแข็งชอบกลจนทำให้คนฟังสะดุ้งน้อย ๆ พลางมองซ้ายมองขวาหาคนช่วย� ทั้ง ๆ ที่เคียวกับคูมิโกะเป็นคนทำเจ้าตรงหน้าโดยที่ตัวเธอเองได้แต่นั่งเป็นคนดูเงียบ ๆ ข้าง ๆ แท้ ๆ เชียวแล้วทำไมคนรับเคราะห์จะต้องเป็นฉันด้วยนะ� ไอคิดเงียบ ๆ ในพลายหันมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่ลดละ� มองหาผู้ก่อคดีที่หนีหายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่อายะเดินเข้ามา� ตัวเธอนั้นไม่ได้รู้อะไรเลยทำไมต้องมานั่งรับเคราะห์แทนคนอื่นด้วยนะ� เมื่อคิดได้ดังนั้นไอที่ไม่มีความคิดจะเป็นผีตายแทนคนอื่นก็ได้สารภาพออกมาจนหมดเปลือกโดยไม่มีตกหลนบกพร้องเมื่อแต่น้อยนิด�
����������� “ไอจังฝากทำข้าวเช้าใหม่ทีนะ”จบคำร่างเล็กคนพูดเดินตัวปลิวโดยไม่พูดอะไร� อีกทั้งไอยังสังเกตเห็นอายะหันมองซ้ายทีขวาทีเหมือนตามหาใครอยู่� และถ้าให้ไอเดาละก็8-9ในสิบส่วนอายะจังเพื่อนผู้น่ารักของเธอจะต้องมองหาคนอื่นที่ตัวเธอบอกอย่างแน่นอน
����������� แต่ดูเหมือนไอคงจะลืมหรือทำเป็นลืมรึเปล่าว่าหนึ่งนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกับตนและอีกคนก็กำลังจะเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้ในอนาคตอันใกล้นี้เป็นกัน...........
***************************************************************************
����������� ภาพเด็กสาวแรกรุ่นร่างเล็กบอบบางเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ยาวสลวยที่เปียกน้ำจนลุบแนบกับผิวขาวสะอาดราวกับหยกขาวเนื้อเนียน� ร่างกายเล็กเปือยเปล่าถูกสายน้ำปกปิดเผยให้เห็นเพียงไหล่ขาวนวนหน้าสัมผัส� สายน้ำใสไหลผ่านร่างเล็กช้า ๆ ต้นไม้ต้นหญ้าสีเขียวขจีภาพตรงหน้าราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ลงมาเล่นน้ำยังโลกมนุษย์� สวยงามจับตาแต่ใครจะรู้ว่าเทพธิดาเลือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่เล่นน้ำอยู่นั้นไม่ได้ปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติที่สวยงามรอบตัวเลยแม้แต่น้อย� หากแต่กำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาเมื่อตนเดินหาร่างของเพื่อนสาวที่มักจะร่าเริงเสมอและชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีท้องฟ้ายามเช้าที่มักกวนประสาทของตนทุกครั้งที่มีโอกาส� เดินหาอยู่นานก็ไม่เจอในที่สุดอายะก็ตัดสินใจเดินมาแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลกันที่พักมากนัก� อาบน้ำเพียงดับไฟโทษะที่กำลังลุกโชกช่วงชักชะวานราวกันไปงานฉลอง
����������� มือขาวเรียวตบใส่สายน้ำที่ไหลผ่านตัวตนเองเติมแรงจนน้ำกระเซนตามแรงที่ตกกระทบ� แต่อายะเองก็ต้องจ่ายสิ่งตอบแทนอีกอย่างเช่นเดียวกัน
����������� “โอ๊ย! เจ็บชะมัดไอ้น้ำบ้า”พาลพาโลไปทั่ว� ทั้ง ๆ ที่ถ้าคิดดี ๆ ที่ตัวเองเจ็บก็เพราะตัวเองหาเรื่องเองโดยแท้...แต่สงสัยอายะคงทำเป็นลืมไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วละนะ
����������� เมื่ออาบ(เล่น)น้ำจนอารมณ์ค่อยปกติดีแล้วอายะก็ได้ย้ายตัวเองกลับมาที่ที่พักจำเป็นอีกครั้ง�� ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าไอ้ท้องเจ้ากรรมเลยร้องอย่างกันก๊อตสิล่าบุกโตเกียว
����������� พอกลับมาถึงก็ไม่เสียใจเลยที่วางใจให้ไอทำอาหารให้แทนที่จะเป็นคูมิโกะ� เป็นที่รู้กันระหว่างไอและอายะที่จะให้ใครทำอาหารให้ก็ได้....แต่คนนั้นจะต้องไม่ใช่คูมิโกะเพราะทั้งคู่เคยประสบกับตัวเองแล้วที่ต้องย้ายตัวเองไปนอนที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์เติม ๆ เนืองด้วยอาหารเป็นพิษ!!
����������� เจ้าคนที่เดินหาจนขาลากยังไงก็ไม่เจอกลับมานั่งเสนอหน้าพร้อมเพียงกันทั้งสองหน่อ� �ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ฉายแววโรธ�� แต่ก่อนที่อายะจะได้อาละวาดก็ได้ถูกความสงสัยในท่าทางของคูมิโกะดึงไปเสียก่อน
����������� เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลสนิทที่มักฉายแววร่าเริงอยู่เสมอตอนนี้กลับกวาดมองไปข้างตัวโดยไม่สนใจตัวอายะแม้แต่น้อยจนทำให้ต้องมองตามด้วยความสงสัย� ริมฝีปากสีเชอรี่ที่มักชอบออกความคิดเห็นไม่เป็นโล่เป็นพายเบ้ปากทำท่าประกอบให้มองตามที่สายตามองไป� สิ่งที่คูมิโกะจ้องอยู่นั้นคือหญิงสาวเรือนผมสีดำสนิทราวราตรีอันไรแสงของจันทราและดวงดารา ดวงหน้าหวานสวยเค้าโคลงหน้าหลายส่วนคลายกันอายะ� ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มฉานแววงงงวยไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อนสาวผู้ร่าเริงของน้องสาวอันเป็นที่รักยิ่งของตน�
����������� จากที่ตั้งท่าจะอาละวาดให้เข็ด� ยัยเพื่อนเจ้าเล่ห์กลับใช้พี่ฮานะเป็นโล่คุ้มภัยซะอย่างนั้น� คูมิโกะนั้นรู้เป็นอย่างดีว่าหากทำให้อายะโกรธนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่การจะหนีให้พ้นจะการลงโทษนั้นตั้งหากที่ยากยิ่งกว่า�� และคูมิโกะยังรู้อีกว่าเมื่อได้ทำให้อายะโกรธไปแล้วละก็ต้องเกาะติดฮานะพี่สาวผู้เรียบร้อยของเพื่อนสาวคนนี้ไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะลืมเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธตัวเธอก็จะรอดปลอดภัยไร้ลองรอย� แม้ดวงหน้าหวานน่ารักของคูมิโกะเพียงแย้มรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมาเท่านั้นแต่อายะและไอนั้นรู้ดีว่ายัยเพื่อนของตนตอนนี้นั้นกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเป็นหน้าเป็นหลังอยู่ในใจ� เพราะสำหรับพวกเธอทั้งสามคนที่เป็นเพื่อนกันมานานปีนั้นแค่เห็นหน้าก็รู้ถึงใส่ติ่งแล้ว.......
����������� แล้วด้วยเหตุประการฉะนี้ทำให้อายะต้องพับโปรแกรมการอาละวาดไว้ �ได้เพียงแค่ส่งสายตาคาดโทษให้อีกฝ่ายเท่านั้นก่อนจะหันมากินข้าวเช้าเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จากับใครอีกเลยจนทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดี� และฮานะก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ไม่ใช่เกิดสงสัยในตัวน้องสาวผู้น่ารักของตนแต่เป็นเพราะกลัวว่าน้องสาวที่รักของตนนั้นจะเป็นอะไรร้ายแรงรึเปล่า� ทำท่าจะเอ่ยถามแต่กลับโดยอายะเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
����������� “อายะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ฮานะสบายใจได้ค่ะ�� เพียงแค่ตอนเช้าโดนแมลงมันกวนใจนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ”ส่งยิ้มหวานไปให้พี่สาวแต่ท้ายประโยคหันไปมองคูมิโกะกับเคียวอย่างดุดัน� แน่นอนมันไม่มีทางกระทบหนังหน้าของทั้งคูมิโกะและเคียวที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาอย่างนี้ของอายะมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว
����������� “แมลงหรอ”ฮานะถามด้วยความสงสัย� ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างฉายแววงงงวย�� ถ้าไม่รู้สึกเกรงใจฮานะ� อายะคงจะหัวเราะให้ตับกระเด็นออกมาข้างนอกไปนานแล้ว� แต่ในความเป็นจริงอายะเพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้พี่สาวเท่านั้น
����������� “ช่างเถอะ� รีบกินเข้าจะได้ออกเดินทาง”ชิซึเนะเอ่ยเป็นการตัดบท�� ถึงแม้ชิซึเนะจะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่อายะรู้ดีว่าชายหนุ่มพูดกันตนเอง�� ดูท่าความพยายามเร่งอายะให้รีบกินของชิซึเนะจะไร้ผลเสียแล้วเพราะเห็นได้ชัดว่าอัตราความเร็วในการกินของอายะนั้นไม่ได้เร็วขึ้นแม้แต่น้อยอีกทั้งยังจะช้าลงเรื่อย ๆ อีกด้วยแสดงออกโดยไร้เสียงว่า� เมิน� อย่างเห็นได้ชัดเจน� เพื่อนทุกคนให้ห้องเรียนของอายะนั้นรู้เป็นอย่างดีว่าคูมิโกะเด็กสาวม.ปลายที่ร่าเริงเสมอนั้นมึนจนเพื่อน ๆ ต้องน้อมคารวะกันเลยทีเดียว�� แต่จะมีสักกี่คนกันที่รู้ว่าเด็กสาวเพื่อนซี้ของคูมิโกะนั้นไม่ได้น้อยหน้าเพื่อนสาวของตนแม้แต่น้อย� หากดูเหมือนว่าจะก้าวหน้าโดยไม่มีทางน้อยหน้าคูมิโกะอีกด้วย
����������� ชั่งน่าสงสารชิซึเนะนักที่ปกติสามารถแก้ไข้ปัญหาที่ยากแสนยากได้ง่าย ๆ ราวกับลิงกินกล้วย??� แต่ตอนนี้กลับไร้หนทางจักการปัญหาตรงหน้าได้เพียงจ้องมองอายะด้วยสายตาไม่พอใจ และแน่นอนอายะไม่มีทางหันมาสนใจสายตาของชายหนุ่มแม้แต่ปลายหางตามองด้วยซ้ำ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
����������� แสงแดดยามบ่ายสาดส่องอย่างร้อนแรงแต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับคณะเดินทางเลยแม้แต่น้อย� คงต้องยกความดีความชอบให้กับพวกต้นไม้ใบไม้รอบ ๆ ตัวที่ช่วยกรองแสงให้คนที่ต้องเดินผ่านทางนี้ไม่ต้องทนกับความร้อนของแสงแดด� แต่พอคิดดูดี ๆ แล้วไอ้หน้าโง่คนไหนมันจะมาเดินเล่นในป่าลึกขนาดนี้กัน! �และแล้วความรู้สึกเดิม ๆ เช่นเดียวกันเมื่อวานก็เกิดขึ้นกับอายะอีกครั้ง�
����������� สงสัยใช้ไหมทุกครั้งที่เธอได้ฟังเพลง ฟังเพลงที่ฉันส่ง ส่งให้เธอได้ฟันอะนะ
����������� มีคำ คำหนึ่งเป็นคำ คำเดินที่เคยเติมมันเคยจะซ่อนอยู่ ในทุกเพลงเลยใช่มะ
����������� น่าเบื่อจัง� ไม่~~มีอะไรทำ� เดินเข้าไป� เมื่อย~~นะเธอ� รู้ไหมเธอ เบื่อจริง ๆ
����������� เบื่อออออออออออออออออออ
����������� ในที่สุดเส้นความอดทนสุดท้ายของอายะก็ขาดสะบั้นลงจนได้�� และเป็นที่รู้กันว่าเมื่อความรู้สึกเบื่อนั้นน่ารำคาญยิ่งหากมันเกินขึ้นกับคนที่อยู่นิ่งไม่เป็นอย่างอายะนั้นน่ากลัวมาก�� เค้าว่ากันว่าเมื่อเกิดความสงบจะก่อให้เกินสมาธิ� สมาธิก่อให้เกิดปัญญาแต่สำหรับคนอยู่ไม่สุขเช่นอายะนั้น� เวลาสงบนิ่งจะเกินปฏิกิริยาต่อเนื่องอันน่ากลัว
����������� อายะจะหลับภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที! �คณะเดินทางยังคงเดินทางต่อไป � และอายะก็เช่นเดียวกันยังคงเดินต่อไปข้างหน้าอย่างปกติ
� � � � � �ไม่มีใครรู้เลยว่าอายะหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!!
� � � � � � ไอ้ที่ที่เดิน ๆ อยู่นะ� ละเมอ!!!
�แม้แต่ไอที่ปกติมักจะสังเกตอายะตลอดเวลาส่วนคูมิโกะที่เดินตามหลังอายะมองซ้ายมองขวาสำรวจรอบ ๆ แม้จะมีแค่ต้นไม้และทางเดินเล็กสำหรับเดินที่มองดูยังไงก็คงเป็นทางเดินของสัตว์ในป่าที่ใช้กันสำหรับคนทั่วไปตลอดทางเดินที่ผ่านมาดูไม่มีอะไรต่างกันแม้แต่น้อย� แต่สำหรับคูมิโกะเส้นทางตรงหน้ากับเส้นทางที่ผ่านมานั้นแม้จะต่างกันไม่มากแต่ก็สามารถแยกแยะได้หากได้มาอีกครั้งโอกาสที่คูมิโกะจะหลงนั้นเป็นศูนย์โดยไม่ต้องสงสัย� แล้วเพราะคูมิโกะกำลังสำรวจเส้นทางโดยรอบนั้นก็ไม่ได้นึกสงสัยอายะแม้แต่น้อย
����������� ชิซึเนะผู้เดินนำคณะเดินทานด้วยเหตุเพราะชายหนุ่มเป็นชาวเผ่าภูตพฤกษาและชายหนุ่มยืนยันว่าตนเองเคยมาที่ป่าแห่งนี้(ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกที่มาเค้าเป็นคนแรกที่เอ่ยถามว่าที่นี่คือที่ไหนแท้� ๆ)แม้คูมิโกะและไอจะไม่เชื่อใจชายหนุ่มชาวภูตเสียเท่าไรแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเห็นว่าอายะไม่ได้ขัดศรัธาชิซึเนะ� แต่ความจริงคืออายะไม่เคยขัดผู้ที่อาสาทำงานแทนตนสักครั้ง� ทางที่ชิซึเนะพาเดินนั้นส่วนมากจะเป็นทางเดินของสัตว์ในป่าดังนั้นจึงมักจะเป็นทางเดินเล็ก ๆ ที่สองข้างทางปรกคลุมด้วยหญ้าและต้นไม้ใหญ่ �น้อยนักจะเป็นทางแยก� และข้างหน้าก็เป็นทางแยกที่น้อยนักจะเจอ!!!�
� � � � � � � � ชิซึเนะยังคงยึดมั่งในแนวทางของตนคือตรงตลอด�� เป็นตายร้ายดียังไรก็ตรงตลอด� ทุกคนยังคงเดินตามเช่นเดิมแต่ที่ต่างจากเดินคงจะเป็นอายะที่อยู่ ๆ ก็เดินเลียวออกไปอีกทางจนทำให้คูมิโกะทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองทางชิซึเนะทีอายะทีด้วยไม่รู้ว่าจะตามใครไปดี� ผ่านไปสักพักเมื่อเริ่มคิดได้ว่าควรเรียกอายะไว้เพราะบางทีอายะอาจจะมองเห็นอะไรผิดปกติ� หรืออะไรบางอย่างก็ได้
����������� “อายะจังจะไปไหนอะ!”อายะยังคงเดินต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่พวกชิซึเนะที่เดินนำไปก่อนเป็นผู้ที่หันกลับมาเสียเอง� และการที่ทุกคนไม่ทันสังเกตุนั้นเพราะอายะเดินอยู่ช่วงท้ายของคณะมีเพียงคูมิโกะเท่านั้นที่เดินตามหลัง
����������� “อายะจัง!”ฮานะร้องเรียกน้องสาวน้ำเสียงและแววตาฉายชัดถึงความเป็นห่วงน้องสาว
����������� “อายะจัง”ไอเรียกบ้างสองเท้าก็ทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี� เท้าทั้งสองกำลังจะออกเดินตามอายะแต่กลับถูกขัดด้วยเสียงคำรามของสัตว์
����������� กรรร� กรรร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
����������� สิ้นเสียงร้องปรากฏเงาวูบไหวของอะไรบางอย่าง� สิ่งนั้นสามารถเคลื่อนไหวรวดเร็วมากจนเห็นเพียงแค่เส้นขีดสีดำ� แต่อายะกลับยังคงเดินต่อไปเหมือนกับมองไม่เห็นมัน!!!!�
� � � � � �จะว่าเห็นก็คงไม่ถูกเพราะไอและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามานั้นเป็นตัวอะไร�� แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่อายะจะไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของมัน � คูมิโกะและไอคิดขึ้นเหมือนกัน� มือทั้งสองข้างของสองสาวเพื่อนซี้ปรากฏมีดสั้นอยู่ในท่าที่พร้อมโจมตี� แต่ทั้งสองยังไม่ทันที่จะดึงอายะหรือคิดที่จะโจมตี� สิ่งนั้นก็กระโจนเข้าหมายจะโจมตีและแน่นอนเป้าหมายของมันก็คืออายะที่ยืนอยู่ใกล้มันที่สุด�� เงาวูบไหวกระโจมเข้าใส่อายะ� ประกายบายอย่างกระทบแสงแดดเป็นประกาย � มันมีลักษณะแหลมคนตะปบลงตรงที่อายะยืนเต็มแรงจนพืนดินบริเวณที่อายะเคยยืนอยู่ยุบกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่� แต่ร่างเล็กของอายะกลับหายไป!!!!
� � � � � � ไม่ใช้แค่สิ่งนั้นที่สับสนที่ไม่พบร่างเล็กของอายะไม่ใช่แค่มันตัวเดียวที่งงคณะเดินทางทุกคนก็งงไม่แพ้กัน� ในตอนที่มันหันซ้ายหันขวามองหาร่างเล็กของอายะอยู่นะไอก็สำรวจสิ่งที่เข้าโจมตีอายะอย่างละเอียด�
����������� มันมีขนสีฟ้าอ่อนอมเทาตัดกับลายสีดำตลอดทั้งตัว� เขี้ยวเล็บยาวแหลม� ขนตรงปลายหูเป็นสีดำมองไปมองมาไม่ว่ามองจากมุมไหนเจ้าที่โจมตีอายะมันก็คือเสือ!��
� � � � � �ใช่เสือที่ไหนกัน!!! � มันจะตัวเท่าช้างกันเล่า!!!��
� � � � � �ในขณะที่มันกำลังอาละวาดที่หาร่างเยื่อไม่เจออยู่นั้นอยู่ ๆ มันก็นิ่งและทิ้งตัวลงนอนนิ่งบนพื้นและสงบลงเสียเฉย ๆ�
����������� “มันนิ่งแล้ว”ฮานะเอ่ยเบา ๆ ราวกับกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาขย้ำคอเธอ
����������� “แล้วอายะละ”เคียวร้องดวงตาเรียวหันซ้ายหันขวา�� ดวงหน้าหล่อคมฉายแววเป็นห่วงเจ้าของชื่ออย่างไม่ปิดปัง� ไม่ใช้เพียงแค่เคียวเท่านั้นทุกคนก็ตกอยู่ให้อาการเดียวกันจะยกเว้นก็แต่ชิซึเนะที่ยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไร�� นัยน์ตาสีมรกตฉายแววระริกระรี้ระคนเบิกบานใจโดยไร้ซึ้งความกังวล� ซ้ำยังหัวเราะออกมาเบา ๆ ��แต่ควรรู้� ณ�� เวลาที่คนอื่นกำลังร้องใจแทบบ้าแม้ว่าคุณหัวเราะเบา ๆ แต่ผลลัพธ์มันไม่ได้เบาตามเสียงหัวเราะของคุณหรอกนะ� เช่นเดียวกับชิซึเนะในเวลานี้� แต่ก่อนที่ตัวเองจะมีอันตกตายเป็นผีเฝ้าป่าเป็นที่ทุเรสลูกตานั้น
����������� “เฮ้!� ใจเย็นสิดูนั้นก่อน”ไม่พูดเปล่าทำมือทำไม้ชี้ให้ไปทางเจ้าเสือยักษ์อีกต่างหาก
����������� “ฉันหาอายะไม่ได้อยากได้โอไลออนล์!”ไอตระโกนบอกไม่มีอีกแล้วท่าทางเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย� เหลือเพียงแค่ปีศาจนักฆ่าสาวเท่านั้น� ไม่ใช้เพียงแค่ไอเท่านั้นคูมิโกะก็เช่นเดียวกัน� ฮานะถึงกันมองชายหนุ่มชาวภูตด้วยสายตาเจ็บปวดระคนผิดหวัง�� ชิซึเนะถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่ออ่านสายตาของฮานะได้แต่อ้ำอึ้ง� พยายามละลำละลักอธิบายอย่างสุดความสามารถมือไม้ชี้ให้มองพยายามแก้ต่างให้ตัวเองสุดความสามารถ� ผิดกับเคียวเด็กหนุ่มไม่พูดไม่จาเดินผ่าก่อหญ้าเข้าหาเสือยักษ์โอไลออนล์� เจ้าเสือยักษ์โอไลออนล์มองร่างผู้บุกลุกอณาเขตของตนนิ่งส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ เป็นเชิงเตือนไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้แต่ดูท่าเคียวจะไม่สนใจคำเตือนของเจ้าโอไลออนล์เด็กหนุ่มยังคงเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ไอกับคูมิโกะที่กำลังต่อว่าชิซึเนะอย่างเมามันส์เมื่อได้ยินเสียงคำรามต่ำ ๆ ของเสือยักษ์ถึงกับละจากกิจการด่าเจ้าคนที่ไม่คิดเป็นห่วงเพื่อนของตนแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีกอย่างรำคาญนิด ๆ ทำท่าจะมาลงกับตัวต้นเหตุที่นอนส่งเสียงคำรามอยู่ห่างออกไป�� แต่พอหันกลับไปกะว่าจะด่าเติมที่กับเห็นเคียวเด็กหนุ่มร่วมคณะเดินทางของตนกำลังเดินช้า ๆ เข้าไปใกล้เจ้าเสือโอไลออนล์ท่าทางของเคียวนั้นไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวแม้แต่น้อย
����������� “อายาชินั้นนายจะทำอะไรนะ!”ไอเอ่ยถามเคียวที่กำลังเดินเข้าไปใกล้เสือโอไลออนล์ช้า ๆ แต่ในน้ำเสียงกลับไม่ปรากฏแววเป็นห่วงเป็นใยแม้แต่น้อย� แต่ที่ไอเอ่ยถามออกไปนั้นเป็นเพราะความสงสัยล้วน ๆ� เป็นที่รู้กันว่าโอไลออนล์เป็นสัตย์ดุร้าย�� การที่จะทำให้โอไลออนล์เชืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
����������� โอไลออนล์มีรูปร่างเป็นเสือแต่ถ้าถามอายะ� อายะจะบอกว่ามองยังไงยังไงไอ้เจ้าโอไลออนล์มันก็น้องแมวตัวน้อยเท่านั้น� เป็นแน่� แต่ถึงจะอยากจะถามเหลือเกินว่าแมวตัวรุ่นน้อง ช้างงันหรอ! แต่จะว่าอายะก็ไม่ถูกเพราะอย่างไรจะเสือจะแมวมันก็อยู่ในสปีชีส์เดียวกันละนะ� โอไลออนล์มีขนยาวหนาสีเทามีลายพาดเหมือนเสือสีดำ เขี้ยวเล็บยาวแหลมคม� ดวงตาทั้งสองข้างสีฟ้าราวกับอัญมณีของท้องฟ้า� ลักษณ์เช่นเดียวกับเสือแต่โอไลออนล์เป็นสัตย์ที่มีพลังสูงมากโดยไม่ต้องสงสัย� มันสามารถป้องกันเวทบางชนิดได้� มีพละกำลังมหาศาลทั้งยังมีรูปร่างที่ใหญ่โตขนาดรูปร่างของโอไลออนล์นั้นถือว่าตัวเล็กกว่าช้างนิดหน่อย��� ว่ากันว่าที่มันได้ชื่อโอไลออนล์มานั้นก็เพราะพละกำลังและพลังของมันนี้ละที่เหมือนนายพรานโอไลออนที่ว่ากันว่าเป็นบุตรของเทพแห่งท้องทะเล��
����������� แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้โอไลออนล์เรื่อย ๆ โดยไม่มีที่ท่าว่าจะเกรงกลัวหรือถอนหนีก็ชักจะเริ่มสงสัยเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลผู้เงียบขรึมก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวตามร่างสูงโปร่งของเคียวตามไปช้า ๆ ส่วนคูมิโกะนั้นเมื่อเห็นไอเป็นคนจัดการเรื่องของเคียวตนเองก็กลับไปต่อว่าชิซึเนะต่ออย่างเมามันส์โดยฮานะยังคงจ้องมองชายหนุ่มด้วยความผิดหวังจนคนถูกมองพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนตะลึง
����������� หนึ่งชายหนึ่งหญิงค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้เสือยักษ์โอไลออนล์เรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อเสียงคำราม� เห็นได้ชัดว่าเคียวไม่มีท่าทางจะเข้าโจมตีแต่อย่างใด� ทั้งยังจงใจเดินวกไปด้านหลังของโอไลออนล์� เด็กหนุ่มส่งสัญญาณให้ไอล่อโอไลออนล์� เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนหันไปจ้องตาโอไลออนล์ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ส่งเสียงคำรามเบา ๆ� เป็นเชิงเตือนเช่นเดิน
����������� ไม่มีคำเตือน� ไม่มีการปะทะ� ไม่มีการเข้าโจมตีมีแต่การจ้องสบตานิ่งดวงตารีสีฟ้าจ้องสบประสานสายตากับนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่เย็นไม่มีใครละสายตาหรือกระพริบตาราวกับกลัวว่าถ้าใครกระพริบตาก่อนคนนั้นแพ้.........
����������� “อายาชิตกลงนายจะทำอะไร”ดวงตาคู่เย็นยังคงไม่ละจากดวงตารีสีฟ้า� ดวงตาทั้งสองคู่ฉายท้าทายอีกฝ่ายราวกับจะบอกว่า� ยอมแพ้ซะ!� เหล่าจื่อจะต้องเป็นคนชนะโว้ยยย!ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ?????��
����������� พรืดดด
����������� และในตอนที่ไอกำลังเล่นจ้องตากับโอไลออนล์อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ ๆ เสียงหัวเราะพรืดก็ดังเรียกความสนใจจากทั้งหนึ่งคนหนึ่งตัวที่กำลังเล่นจ้องตากันและคูมิโกะที่ยังคงก่อด่าชิซึเนะอย่างเมามันส์ยังต้องหันไปสนใจตามเสียงหัวเราะพรืดและยิ่งเห็นคนที่หัวเราะยิ่งช็อคใหญ่� อายาชิ� เคียวเจ้าเสือยิ้มยากคนนั้นนี่นะที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง� แต่เคียวก็ไม่ปล่อยให้ทุกคนสงสัยนานเด็กหนุ่มก้มลงไปชอนร่างเล็ก ๆ ของเด็กสาวที่เป็นต้นเหตุทำให้ทุกคนเป็นห่วงโดยที่เจ้าตัวยังคงหลับอย่างไม่รับรู้อะไรเลย� พอเห็นร่างเล็ก ๆ ของเพื่อนสาวที่เป็นห่วงอยู่ทั้งไอและคูมิโกะถลาเข้าใส่อายะที่นอนนิ่งในอ้อมแขนแข็งแกรงของเคียวนิ่ง ดวงหน้าน่ารักที่เห็นทำให้ทั้งไอและคูมิโกะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่นั้นคงเป็นเพราะ
����������� ดวงหน้าหวานน่ารักหลับตาพริ้ม� พวงแก้มระเรื่อสีชมพูอย่างคนสุขภาพดี� แพขนตาหนายาวเรียงตัวสวย� ดวงตาคู่สวยสีเปลื่อกไม้หลบซ่อนอยู่ใต้เปลื่อกตาบาง� คิ้วเรียวสวยรับกับดวงหน้าหวานทุกอย่างรวมเป็นภาพฉากราเทพธิดาองค์น้อยอยู่ในห้วงนิทรา� ติดอยู่นิดเดียวที่ปากเล็ก ๆ น่ารักที่ปกติแย้มยิ้มสดใสและบางครั้งยังแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ตอนนี้กับคาบแทงสีฟ้าเทาสลับดำแน่นอีกทั้งยังมีเคี้ยวเบา ๆ เป็นบางครั้ง� และพอมองดูดี ๆ ก็จะรู้ได้ว่าสิ่งที่ร่างเล็ก ๆ ของอายะคาบอยู่นั้นมาจากร่างเสือยักษ์สีฟ้าเทานอนนิ่งที่ถูกลืมอยู่ในตอนนี้นั้นเอง
����������� และคงจะเป็นเพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เสือร่างยักษ์โอไลออนล์นอนนิ่งสงบไม่มีทีท่าจะกระโจนเข้าโจมตีคณะเดินทางอีกกลับทำเพียงแค่คำรามเป็นเชิงขู่เบา ๆ เท่านั้น
����������� เมื่อเห็นอย่างนั้นชิซึเนะจึงเอ่ยแก้ตัวให้ตัวเองว่าทำไมตนจึงหัวเราะออกมาในตอนแรกเป็นการใหญ่แต่ดูท่าจะไม่มีใครสนใจฟังเสียเท่าไรนักแม้แต่ฮานะเองถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็เพียงแค่ขอโทษชิซึเนะคำเดียวก่อนวิ่งหน้าตั้งไปหาน้องสาวที่น่ารักของตนด้วยความยินดี�� ถ้าเป็นเวลาปกติฮานะคงหัวเราะน้อย ๆ ในความน่ารักของน้องสาวแต่ในตอนนี้ฮานะกลับร้องไห้ด้วยความโล่งใจที่พบน้องสาว� จนต้องเดือดร้อนชิซึเนะช่วยปลอบเป็นการใหญ่
����������� ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าวิธีที่จะทำให้โอไลออนล์เชื่องจะต้องกัดหาง!!�
����������� มันเป็นเรื่องที่ไม่หน้าเชื่อเอาเสียเลย!!
����������� แต่จากเหตุการณ์นี่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาอธิบายได้...นอกเสียจากการกัดหาง....!
����������� “ว่าแต่อายะนอนตั้งแต่เมื่อไร”สิ้นคำถามของคูมิโกะ� เสียงหัวเราะขำขัน� เสียงร้องไห้ด้วยความยินดีของฮานะก็หายสิ้นหลงเหลือเพียงความเงียบวังเวงและก็เป็นอีกคำถามที่ไร้คำตอบ
�����������
�����������
�����������
�����������
�����������
�����������
ความคิดเห็น