คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : การเดินทาง 100%
ตอนที่ 3
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งฮายะโตะและเคียวยะอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ตระกูลอินุยาฉะแม้กระทั้งไอและคูมิโกะก็ของมาพักด้วย ปีศาจน้อยผู้อยู่ในความทรงจำของฮายะโตะหลับอยู่ภายในตัวของอายะจังผู้น่ารักตลอดอาทิตย์โดยไม่ออกมาภายนอกให้ได้เห็นเลย แน่นอนอายะไม่มีทางทำตัวเจ้าเล่ห์ต่อหน้าพ่อแม่และพี่สาวของตนเด็ดขาดแม้ทุกคนในตระกูลอินุยาฉะจะรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของปีศาจน้อยในคราบนางฟ้าตัวน้อยดีแต่อายะก็ไม่มีท่าทีจะเป็นปีศาจน้อยต่อหน้าครอบครัวตัวเอง ต่อเมื่อพ่อและแม่ของตนไปทำงานต่างประเทศและฮานะไปทำงานอายะก็ยังคงเป็นปีศาจตัวน้อย ๆ อยู่วันยังค่ำ เช้าวันนี้ก็เช่นทุกวันชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรตกพาตัวเองเข้ามาภายในห้องครัวของบ้าน นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองบุคคลที่กำลังทำอาหารเช้าเงียบ ๆ ไล่ตั้งแต่คุณแม่ยังสาว ฮานะผู้เป็นพี่สาวที่เรียบร้อยชายหนุ่มแย้มยิ้มบาง ๆ เมื่อมองที่แผ่นหลังเล็ก ๆ ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ถูกรวบไว้สูงสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย ร่างบางเจ้าของฉายาปีศาจน้อยเมื่องเทียบกับพี่สาวผู้เรียบร้อยคำว่าม้าดีดกะโหลกยังดีจะน้อยไปคำว่าลูกลิงน้อยไฮเปอร์อยู่ไม่สุขน่าจะใกล้เคียงมากกว่า แต่จะมีซักกี่คนที่จะรู้บ้างภายใต้ความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจะมีมุม ๆ หนึ่งที่ขี้อ้อนและมีฝีมือในการทำอาหารจนร้านอาหารห้าดาวยังต้องอาย แต่คิดได้ไม่นานก็ถูกปลูกด้วยน้ำเสียงหวานของคุณแม่ยังสาว
“อ้าว...หิวแล้วหรอจ้ะชิซึเนะคุง”ฮายะโตะส่ายหน้าเบา ๆ หลังจากที่ตนเองและเคียว ตกลงที่จะร่วมมือกับพวกฮิรุกะ ในตอนที่อามาเนะซังบอกให้พวกเค้าทั้งคู่พักที่บ้านหลังนี้ก็ได้พูดขึ้น
“ชิซึเนะคุง เคียวคุงฉันขอเรียกพวกเธออย่างนี้ได้ไหม?”ฮายะโตะหยุดคิดก่อนที่จะตอบตกลงต่างจากเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่ากลับตอบตกลงในทันที คุณแม่ยังสาวยิ้มรับก่อนที่จะบอกให้เค้าทั้งคู่เรียกตนเองว่าแม่ถึงแม้ในตอนแรกทั้งตัวเค้าและเคียวกำลังจะตอบปฏิเสธิไปกลับเจอกับใบหน้าหวานสวยทำท่าจะร้องไห้ออกมาหากเค้าทั้งคู่ไม่ยอมเรียกจนต้องยองตกลงที่จะเรียกอีกฝ่าว่าแม่
“เปล่าครับ ผมแค่ได้กลิ่นหอม ๆ เลยจะเข้ามาดูว่าทำอะไรครับ”ชิซึเนะกล่าวอย่างสุภาพแม้ว่าอยากจะช่วยทำอาหารเช้ามากเพียงใด แต่เค้าทำอาหารเป็นเสียที่ไหนกันเล่า!!
“เราก็นึกว่าอยากจะช่วยทำอาหารเช้าสักอีกชิซึเนะจัง....แต่ว่าถึงอยากจะช่วยก็คงจะช่วยไม่ได้เพราะชิซึเระจังของเราทำอาหารไม่เป็นฮิ...ฮิ...”เสียงใสเอ่ยลอย ๆ ไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยินที่ตนกล่าวหรือไม่ทั้งยังหัวเราะน้อย ๆ อย่างถูกใจทำเอาคนเป็นพี่ต้องหันมาส่งตาเขียวในคนพูดหยุด และมันก็เป็นเหตุที่ปีศาจในร่างนางฟ้าเรียกเค้าเช่นกัน ชิซึเนะส่ายหน้าบอกกันฮานะผู้เป็นพี่สาวเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
“เย่! เสร็จแล้ว”อยู่ ๆ อายะที่เงียบไปนานเพราะสายตาของฮานะและเพราะน้ำเสียงใสนั้นเรียกความสนใจของคนในห้องให้จับจ้องไปที่ร่างของอายะนิ่ง และยังเรียกให้ฮิรุกะ ไอ คูมิโกะและเคียวยื่นหน้าเข้ามาด้วยความสงสัย
“เจ้าตัวแสบมีอะไร”ฮิรุกะเอ่ยถามพร้อมโอบกอดลูกสาวอย่างรักใคร่
“คิก ๆ...ภูเขาอุนจิละคิก ๆ”เจ้าตัวเล็กเอ่ยท่าทางสนุกสนานยิ้มกว้างจนตาหยีชี้ให้ผู้เป็นพ่อมองตาม มะม่วงสุกบดละเอียดอยู่ในถ้วดแก้วใสสีเหลืองหม่นเละ ๆ ปลายยอดถูกอายะใช้ช้อนคนจนดูคล้ายภูเขาดูเหมือนอย่างที่ร่างเล็กพูดจริง ๆ นั้นละ ทุกคนภายในห้องมองดูผลงานของร่างเล็กตาเบิกกว้างกันทั่วหน้าแต่ดูเหมือนปฏิกิริยาของฮานะจะแรงกว่าทุกคน หญิงสาวผมดำพุ่งตัวออกจากห้องครัวทันที ตามมาด้วยเสียงปิดประตูที่ดูเหมือนจะเป็นประตูห้องน้ำ อามาเนะตบหน้าผากตัวเองปลง ๆ
พรืด
ฮิรุกะระเบิดหัวเราะอย่างไม่อายใครจนทำให้ไอและคูมิโกะระเบิดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ส่วนชิซึเนะและเคียวยังตะลึงกันภูเขาอุนจิไม่หาย
มื้อเช้าผ่านไปด้วยความสนุกสนานและเรียบร้อยสำหรับคุณพ่อยังหนุ่มลูกสาวคนเล็กและสองเพื่อนสาว นอกนั้น....เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงละกัน
หลังอาหารเช้าฮิรุกะเรียกอายะเข้าไปพบในห้องใต้ดิน ห้องที่ชิซึเนะและเคียวเข้าไปในตอนแรกนั้นละ ภายในห้องทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นโต๊ะกลางห้องได้เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ร่างสูงของฮิรุกะนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะอายะนั่งประจันหน้าจ้องตาของผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มเช่นปกติ
“อายะจังรู้ไหมพ่อเรียกเรามาทำไม”ฮิรุกะเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานานดวงตาเรียวจ้องมองลูกสาวคนเล็กของตนนิ่งดวงหน้าฉายแววเย็นชาที่ไม่เคยใช้กันคนในครอบครัวหากแต่ตอนนี้ฮิรุกะกลับนำมาใช้กับลูกสาวคนเล็กที่รักยิ่งของตนเอง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบแดงนั้นมองอายะราวจะมองให้ทะลุจนถึงก้นบึ้งของจิตใจให้ได้ ดวงหน้าหวานยังคงส่งยิ้มให้ราวกันไม่รู้สึกอะไรกับสายตาของฮิรุกะซักนิด เกิดความเงียบระหว่างสองพ่อลูกอีกครั้งจนทำให้ผู้เป็นพ่อถอนหายใจอย่างปลง ๆ
“เราไม่คิดที่จะตอบพ่อเลยหรอ”นัยน์ตาเรียวกลับมาฉายแววอบอุ่นอีกครั้งรอยยิ้มจาง ๆ ถูกส่งให้อายะเรียกเสียงหัวเราะใสเล็กน้อย
“ขำอะไรอีกละ”เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมทำท่าทำทางราวน้อยใจหากอายะเป็นคนทำมันคงแลดูน่ารักน่าเอ็นดูหากแต่คนที่ทำกลับเป็นผู้ชายตัวโต ๆ มันกลับดู...อึ้มเอาเป็นว่าลืมมันไปดีกว่า
“อย่าทำหน้าแบบนี้ให้แม่เห็นจะดีกว่านะค่ะ”อายะบอกเบา ๆ แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงประกายจริงจังน้อย ๆ ทำเอาอีกคนงงนิด ๆ
“ทำไมลูก”
“น่า~~ เชื่ออายะเถอะค่ะ...และพ่อจะถามในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจทำไมค่ะ”รอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้าน่ารักไม่จาง
สองพ่อลูกพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกปากและไม่มีใครรู้ว่าทั่งคู่คุยเรื่องอะไรกันบ้าง กว่าทั้งคู่จะออกมาก็เป็นเวลาอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว
บนโต๊ะอาหารเติมไปด้วยอาหารหน้าตาหน้ากินมากมาย ระหว่างที่ทุกคนกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขฮิรุกะได้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นปกติในตอนทำงาน
“พวกเธอจะออกเดินทางกันวันไหน”ทำเอาสองหนุ่มสองสาวผู้เป็นแขกงงไปตาม ๆ กันและคงมีอาการไม่ต่างกันฮานะลูกสาวคนโตผู้ใสซื่อ(บื่อ)ในสายตาของทุกคน ปฏิกิริยาต่อมาของทุกคนไม่ต่างกันนั้นคือหันไปจับจ้องอายะที่กำลังกินข้าวอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น
“คงต้องให้อายะเป็นคนตัดสินใจละครับ”ชิซึเนะเอ่ยตอบนัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องอายะนิ่ง
“พวกไอคุงกันคูมิโกะจังก็ด้วยสินะจ้ะ”อามาเนะกล่าวพร้อมหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสองคน สองสาวพยักหน้ารับน้อย ๆ ทำให้สายตาทั้งหมดหันไปจ้องมองอายะอีกครั้ง หากแต่คนถูกมองกลับไม่รู้สึกอะไรเช่นเดิมพร้อมทั้งทุ้มเทสมาธิทั้งหมดในการกินต่อไป
“อายะ”ชิซึเนะเรียก.....ความเงียบเป็นคำตอบ
“อายะ”เคียวเรียกบ้าง....แต่ยังคงเงียบ
“อายะจัง”ฮานะเรียกอีกคน...แต่ก็ยังคงเงียบ
“อายะจังจ้ะ”อามาเนะลองเรียกบ้าง....นอกจากเสียงง่ำ ๆ ก็ยังคงความเงียบต่อไป
“อายะจัง”เสียงเข้มของฮิรุกะได้ผลทันใจ อายะเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมองหน้าผู้เป็นพ่องง ๆ กลืนข้าวลงคอดังอึกก่อนหันมาถามคนที่มาขัดจังหวะการกินของตนคนล่าสุด
“อะไรค่ะพ่อ”อายะตีหน้างงอย่างเปิดเผยไม่เสแสร้งจนได้เสียงถอนหายใจดังจากทั่วโต๊ะ
“พ่อถามว่าเราจะออกเดินทานวันไหน”ฮิรุกะเอ่ยถามอีกครั้งน้ำเสียงอ่อนใจจนสามารถจับกระแสเสียงได้
“อ๋อ...ว่าจะออกเดินทานพรุ่งนี้ค่ะ”ตอบทันทีราวกับเจ้าตัวไม่ได้คิดสนใจ แต่ปฏิกิริยาต่อเนื่องนั้นร้ายแรงกว่าที่คิด เสียงตะโกนถามดังมาจากทั่วโต๊ะนอกจากฮิรุกะที่แค่พยักหน้ารับรู้ สองพ่อลูกทำราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรสำคัญ
“ล้อเล่นใช่ไหมอายะ”ชิซึเนะเอ่ยพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติสุดความสามารถแต่ก็ยังคงฉายแววตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย
“นั้นสิอายะจัง ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”ฮานะเอ่ยน้ำเสียงหวาด ๆ
“อ้าว~~ อายะไม่ได้บอกหลอกหรอค่ะ คิดว่าบอกไปแล้วนี่นา”ประโยคแรกหันไปตอบพี่สาวก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่กลับไม่มีใครไม่ได้ยิน
เฮ้อ...ลูกสาวคนนี้นึกอยากทำอะไรก็ทำไม่ว่า ไม่คิดที่จะบอกคนรอบข้างสักนิดรู้ไหมทำให้ทุกคนเค้าเป็นห่วงแค่ไหน แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเราคิดจะทำอะไร...แต่แม่จะเป็นกำลังใจให้อายะเสมอนะ อามาเนะมองลูกสาวคนเล็กของตนเงียบพลางคิดทอดถอนในใจเบา ๆ
และอาหารเย็นก็จบลงด้วยดีอีกวันพร้อมด้วยความวุ่นวายของการเตรียมการออกเดินทางของทุกคนและความรู้สึกตื่นเต้นของอายะโดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงความวุ่นวายของผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ เลยหรือไม่คิดจะสนใจตั้งแต่แรกก็ไม่ทราบได้
************************************************************************** เช้าวันออกเดินทางอากาศแลดูไม่เป็นใจสำหรับผู้ออกเดินทางสักเท่าใดนักในสายตาของสองหนุ่มหนึ่งสาวฮานะมองดูสายฝนที่สาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาตรงหน้าประตู ตอนนี้ทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้วจะเหลือก็แต่อายะผู้นำขบวนที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเกลียดคร้านถึงจะมีคนไปปลุกหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีการตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้นเช่นเดียวกับสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด จนล่วงเลยเข้า 9 โมงเช้า ร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ได้เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางยังไม่ตื่นดีอายะอยู่ในชุดเดินทางเรียบร้อย เสื้อแขนยาวสีดำพร้อมทั้งกางเกงขายาวสีดำเข้ารูปประเป๋า ข้าดเอว ชุดถุงมือยาวปิดข้อมือ สวมทับด้วยชุดคุม ตลอดทั้งร่างเป็นสีดำสนิทราวกับห้วงเวลาแห่งรัตติกาลอันดำมืด ฮานะเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย
“ทำไมอายะจังแต่งตัวอย่างนั้นละจ้ะ”แต่แทนที่จะได้คำตอบกลับถูกถามกลับซะอย่างนั้น
“พี่ฮานะกับพวกเคียวจังมากกว่าทำไมแต่งตั้งอย่างนั้น”
“แต่งตัวแบบนี้....ก็เราต้องบินเดินทางไปเกียวโตเพื่อข้ามไปทางโน้นไม่ใช่หรอ”ฮานะถามซื่อ ๆ เรียกสีหน้าสงสัยให้อายะอีกครั้ง แต่ก็เอ่ยปากตอบคำถามของฮานะ
“เปล่าค่ะ พวกเราจะเปิดทางกันที่นี่ต่างหาก”
“พวกเราไม่ได้บอกหรอค่ะ”คูมิโกะเอ่ยเสริม เรียกสายตาเย็น ๆ กันรังสีหงุดหงิดมาจากเคียวไปมากโข
“ยัง”น้ำเสียงเย็นเยือกตอบกลับมาด้วยท่าทางเย็นชาไม่แพ้กันแต่ก็ไม่ได้ระแคระคางใบหน้าคูมิโกะที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีจากอายะเป็นเวลานานนับสิบปี
“พี่ว่าพี่ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า ฮายะโตะซังแล้วก็เคียว....อ้าว....เคียวคุงละ”ฮานะหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของชื่อ
“ไปตั้งแต่ยังคำแรกแล้วละค่ะ”อายะบอกพร้อมสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องครัวโดยมีไอและคูมิโกะตามไปติด ๆ
“ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ”ชิซึเนะเอ่ย ชายหนุ่มออกเดินพร้อมความคิดภายในใจและหวังอยู่ลึก ๆ ว่าการที่อายะไม่ชอบบอกเรื่องในใจหรือเรื่องที่ตนตัดสินใจนั้นจะเป็นเพียง ลืมบอกคนรอบข้างไม่ใช่นิสัยส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ดูท่าทางฟ้าคงไม่เข้าข้างชายหนุ่มจริง ๆ นะละเพราะมันเป็นนิสัยที่แม้แต่อามาเนะยังไม่สามารถแก้ไขได้ ตัวชิซึเนะนั้นคงทำได้แค่ทำใจเท่านั้นละ
.
เมื่อทั้งสามคนเปลี่ยนชุดลงมาเสร็จก็เป็นเวลาที่อายะจัดการกับอาหารเช้าของตนเสร็จพอดี ทั้งสามคนอยู่ในชุดเหมือนกับของอายะจะต่างก็ที่ชุดของชิซิเนะเป็นสีเขียวเข้ม ฮานะเป็นสีน้ำสีน้ำตาลออกเทาส่วนของเคียวนั้นเหมือนอายะทุกอย่างยกเว้นขนาดที่ใหญ่กว่าของอายะมากพอดูเท่านั้น ส่วนสองสาวเพื่อนซี่ของอายะนั้นไม่ต้องเปลี่ยนเพราะทั้งคู่สวมชุดเช่นเดียวกันอายะอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ไม่ได้สวมชุดคลุมเลยไม่เป็นที่สงสัยของทั้งสามคนที่ต้องเปลี่ยนชุดหรือพวกเค้าซื่อเกินไปก็ไม่ทราบได้ และเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าเป็นที่เรียบร้อยก็เป็นช่วงเวลาอันสมควรแห่งการออกเดินทางอันทรงเกียรติ ฮิรุกะและอามาเนะออกมาเพื่อมาส่งทั้งหมด
ภายในสนามหลังบ้าน บ้านอินุยาฉะสายฝนยังคงเทลงมาอย่างต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงแต่อย่างใดชายหนุ่มหญิงสาวผู้มีป้ายยี่ห้อพ่อแม่แขวนคอกลับยืนกางร่มหลบฝนมองดูลูกสาวคนเล็กวาดวงเวทกลางสายฝนโดยไม่มีท่าทางจะมาช่วยเลยสักนิด ในขณะที่อายะวาดวงเวทอยู่นั้น ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเพื่อให้อายะใช้สมาธิได้อย่างเติมทีแต่นั้นทำให้อายะหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
“คิดจะยืนดูเงียบ ๆ จนทำเสร็จเลยใช่ไหม”คิ้วเรียวขมวดจนคล้ายผูกโบถามเสียงสูงอย่างไม่พอใจ
“พี่ก็อยากจะช่วยนะจ้า...แต่เอ่อ..เอ่อ..”ฮานะเอ่ยเสียงสั่นอย่างไม่มั่นใจแต่ในที่สุดก็เหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด
“พี่ไม่รู้จักวงเวทนั้นนะสิ”พร้อมส่งยิ้มเจื่อดสนิทให้เป็นของแถมและยังได้รับการพยักหน้าสนับสนุนจากคณะเดินทางอย่างพร้อมเพียง อายะมองคณะเดินทางของตนด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันไปวาดวงเวทต่อโดยไม่สนใจคณะเดินทางอีก
ชิซึเนะมองดูอายะวาดวงเวทนิ่งเงียบพยายามจดจำทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตัวของชิซึเนะรู้ดีไม่ใช่แค่ตัวของเค้าเท่านั้นแม้แต่เคียวเองก็คงจะรู้สึกสงสัยแน่ ๆ วงเวทข้ามมิติเป็นเวทที่ไม่ค่อยมีคนเรียนสักเท่าใดนัก นั้นเป็นเพราะเวทข้ามมิตินั้นมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากทั้งในตอนที่วาดลักษณะการวาดและยังต้องใช้พลังเวทของผู้วาดแทนน้ำหมึกซ้ำยังต้องใช้พลังเวทมหาศาลในการขับเคลื่อนเวทมนต์นี้อีก หากผู้ที่วาดวงเวทนี้เป็นฮิรุกะหรืออามาเนะเค้าคงไม่ประหลาดใจมากขนาดนี้แต่คนที่วาดคืออายะเด็กสาวอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น แม้แต่ภูตพฤกษาที่กล่าวได้ว่าเป็นเผ่าที่มีความรู้กว้างขวางที่สุดยังไม่สามารถประเมินอย่างแน่นอนได้ เสียงเย่เบา ๆ ของอายะปลุกชิซึเนะจากภวังค์มาพบว่าร่างเล็กที่ขมักเขม่นวาดวงเวทอยู่นั้นได้วาดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยและกำลังที่จะทำการขับเคลื่อนเวทมนต์เพื่อเปิดประตูมิติ แต่กลับถูกขับขึ้นก่อน
“เดียว!!ว่าแต่อายะจังไปฝึกเวทนี้มาตอนไหนกันทำไมพี่ไม่รู้ แล้วก็เวทข้ามมิติจำเป็นต้องมีพลังเวทมากอายะจังจะขับเคลื่อนเวทนี้ได้อย่างไงกัน”ฮานะพลันถามคำถามออกมารัวเร็วและทุกคำถามก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ทั้งนั้นยกเว้นก็แต่ฮิรุกะคนเดียวแต่ทุกคำถามกลับไม่ได้คำตอบแต่อย่างใดจะได้รับก็เพียงรอยยิ้มโดยไร้ซึ่งความหมายใด ๆ
ร่างเล็กผมสีเปลือกไม้เข้าไปยืนกลางวงเวท อายะหันซ้ายแลขวามองดูความเรียบร้อยสักพักก่อนจะหันไปเอ่ยกับคณะเดินทางเสียงใส
“ถอนออกไปหน่อยซิ~~ถ้าชิ้นส่วนหายไปอย่าหาว่าไม่เตือนนะเอ่อ~~”ไอและคูมิโกะถอนออกมาอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าปกติ แต่สองชายหนึ่นหญิงนั้นถึงแม้จะแสดงความไม่เข้าใจแต่ก็ยอมถามออกมาแต่โดยดี
“ด้วยนามแห่งฟ้า ด้วยนามแห่งผืนพิภพ ด้วยนามแห่งข้า จงเปิดฟ้าข้าขอเรียกร้อยพลังแห่งแสงสว่างและความมืดมิดทั้งหลายโปรดเปิดประตูแห่งมิติรับเหล่าข้าด้วยนามแห่งข้า ด้วยนามแห่งแสงสว่างและความมืดอันเป็นนิรันดรประตูแห่งมิติเอ่ยจงเปิด!!”เสียงเรียบสูงต่ำเอ่ยราวเป็นท้วงทำนองอบอุ่นราวท้องฟ้ายามวสันฤดู ท้องฟ้ามืดทมึนปรากฏสายฟ้าสายแล้วสายเล่าราวกันมันกำลังเฝ้ารอโอกาสในการทำลายทุกอย่างให้สิ้นก็ไม่ปาน และราวกับมองเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่ตรงหน้าสายฟ้าที่ทรงอานุภาพสองสายฟาดลงมาที่ร่างเล็กผู้อยู่กลางวงเวทจงเกิดเป็นเสาแสงสีทองลำใหญ่โอบล้อมร่างเล็กตรงกลางไว้ภายในแสงสว่างของสายฟ้าอันทรงพลัง เสาแสงแสบตาจนต้องยกมือขึ้นบัง ผ่านไปสักพักเมื่อรู้สึกว่าแสงของสายฟ้าหายไปแล้วทุกคนมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงเสาแสงนั้นได้หายไปแล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือร่างเล็กบางเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้ยืนตะง่าอยู่กลางวงเวทโดยไร้รอยขีดข่วน ตรงหน้าของอายะปรากฏประตูบานคู่สีขาวบานใหญ่ บานประตูทั้งคู่ถูกแกะเป็นรูปดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ทำมาจากทอง ดอกไม้ทั้งหมดบานสะพรั้งสวยงามตา เทพธิดาแห่งสวรรค์อยู่ท้ามกลางมวลพฤกษาชาดดวงตาทั้งคู่ของเทพธิดาหลับพริ้มแย้มโอษฐ์น้อย ๆ แลดูเมตตา หัตถ์ตั้งสองกุมไว้ราวกับกำลังของพรจากองค์ทวยเทพ ชั่วอึดใจดอกแห่งสวรรค์สีทองทั่วทั้งประตูค่อย ๆ หมุนตนเองในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบดวงตาทุกคู่จังจ้องการเปลี่ยนแปลงนั้นราวกับตกอยู่ในห้วงของความฝันที่ไม่อยากตื่น จนเมื่อเหล่าดอกไม้สวรรค์หยุดหมุนบานประตูเปิดออกช้า ๆ และเสียงหวานใสร้องเรียกคณะเดินทางตามตนเดินผ่านประตูเข้าไปแม้คณะเดินทางจะงุนงงและตกอยู่ในภวังแต่ก็ยอมเดินข้ามผ่านประตูแต่โดยดีอายะหันมาโค้งคำนับพ่อและแม่ของตนก่อนเดินตามไป ประตูข้ามมิติปิดตัวลงพร้อมเลือนหายไปล่องลอยในการร่ายเวทได้เลือนหายไปพร้อมประตูภายในสนามเหลือเพียงสองสามีภรรยายืนดูบริเวณที่ประตูเคยตั้งอยู่เงียบโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าสายฝนนั้นได้หยุดลงตั้งแต่เมื่อใด......
ความคิดเห็น