ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The silver fox ตำนานจิ้งจอกเงิน

    ลำดับตอนที่ #5 : การเดินทาง 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 54


    ตอนที่ 3

               

                ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งฮายะโตะและเคียวยะอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ตระกูลอินุยาฉะแม้กระทั้งไอและคูมิโกะก็ของมาพักด้วย   ปีศาจน้อยผู้อยู่ในความทรงจำของฮายะโตะหลับอยู่ภายในตัวของอายะจังผู้น่ารักตลอดอาทิตย์โดยไม่ออกมาภายนอกให้ได้เห็นเลย  แน่นอนอายะไม่มีทางทำตัวเจ้าเล่ห์ต่อหน้าพ่อแม่และพี่สาวของตนเด็ดขาดแม้ทุกคนในตระกูลอินุยาฉะจะรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของปีศาจน้อยในคราบนางฟ้าตัวน้อยดีแต่อายะก็ไม่มีท่าทีจะเป็นปีศาจน้อยต่อหน้าครอบครัวตัวเอง  ต่อเมื่อพ่อและแม่ของตนไปทำงานต่างประเทศและฮานะไปทำงานอายะก็ยังคงเป็นปีศาจตัวน้อย ๆ อยู่วันยังค่ำ  เช้าวันนี้ก็เช่นทุกวันชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรตกพาตัวเองเข้ามาภายในห้องครัวของบ้าน  นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองบุคคลที่กำลังทำอาหารเช้าเงียบ ๆ ไล่ตั้งแต่คุณแม่ยังสาว   ฮานะผู้เป็นพี่สาวที่เรียบร้อยชายหนุ่มแย้มยิ้มบาง ๆ เมื่อมองที่แผ่นหลังเล็ก ๆ ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ถูกรวบไว้สูงสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย  ร่างบางเจ้าของฉายาปีศาจน้อยเมื่องเทียบกับพี่สาวผู้เรียบร้อยคำว่าม้าดีดกะโหลกยังดีจะน้อยไปคำว่าลูกลิงน้อยไฮเปอร์อยู่ไม่สุขน่าจะใกล้เคียงมากกว่า แต่จะมีซักกี่คนที่จะรู้บ้างภายใต้ความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจะมีมุม ๆ หนึ่งที่ขี้อ้อนและมีฝีมือในการทำอาหารจนร้านอาหารห้าดาวยังต้องอาย  แต่คิดได้ไม่นานก็ถูกปลูกด้วยน้ำเสียงหวานของคุณแม่ยังสาว

                “อ้าว...หิวแล้วหรอจ้ะชิซึเนะคุง”ฮายะโตะส่ายหน้าเบา  ๆ หลังจากที่ตนเองและเคียว   ตกลงที่จะร่วมมือกับพวกฮิรุกะ   ในตอนที่อามาเนะซังบอกให้พวกเค้าทั้งคู่พักที่บ้านหลังนี้ก็ได้พูดขึ้น

                “ชิซึเนะคุง  เคียวคุงฉันขอเรียกพวกเธออย่างนี้ได้ไหม?”ฮายะโตะหยุดคิดก่อนที่จะตอบตกลงต่างจากเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่ากลับตอบตกลงในทันที  คุณแม่ยังสาวยิ้มรับก่อนที่จะบอกให้เค้าทั้งคู่เรียกตนเองว่าแม่ถึงแม้ในตอนแรกทั้งตัวเค้าและเคียวกำลังจะตอบปฏิเสธิไปกลับเจอกับใบหน้าหวานสวยทำท่าจะร้องไห้ออกมาหากเค้าทั้งคู่ไม่ยอมเรียกจนต้องยองตกลงที่จะเรียกอีกฝ่าว่าแม่

                “เปล่าครับ  ผมแค่ได้กลิ่นหอม ๆ เลยจะเข้ามาดูว่าทำอะไรครับ”ชิซึเนะกล่าวอย่างสุภาพแม้ว่าอยากจะช่วยทำอาหารเช้ามากเพียงใด แต่เค้าทำอาหารเป็นเสียที่ไหนกันเล่า!!

                “เราก็นึกว่าอยากจะช่วยทำอาหารเช้าสักอีกชิซึเนะจัง....แต่ว่าถึงอยากจะช่วยก็คงจะช่วยไม่ได้เพราะชิซึเระจังของเราทำอาหารไม่เป็นฮิ...ฮิ...”เสียงใสเอ่ยลอย ๆ ไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยินที่ตนกล่าวหรือไม่ทั้งยังหัวเราะน้อย ๆ อย่างถูกใจทำเอาคนเป็นพี่ต้องหันมาส่งตาเขียวในคนพูดหยุด   และมันก็เป็นเหตุที่ปีศาจในร่างนางฟ้าเรียกเค้าเช่นกัน  ชิซึเนะส่ายหน้าบอกกันฮานะผู้เป็นพี่สาวเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

                “เย่! เสร็จแล้ว”อยู่ ๆ อายะที่เงียบไปนานเพราะสายตาของฮานะและเพราะน้ำเสียงใสนั้นเรียกความสนใจของคนในห้องให้จับจ้องไปที่ร่างของอายะนิ่ง และยังเรียกให้ฮิรุกะ ไอ คูมิโกะและเคียวยื่นหน้าเข้ามาด้วยความสงสัย

                “เจ้าตัวแสบมีอะไร”ฮิรุกะเอ่ยถามพร้อมโอบกอดลูกสาวอย่างรักใคร่

                “คิก ๆ...ภูเขาอุนจิละคิก ๆ”เจ้าตัวเล็กเอ่ยท่าทางสนุกสนานยิ้มกว้างจนตาหยีชี้ให้ผู้เป็นพ่อมองตาม  มะม่วงสุกบดละเอียดอยู่ในถ้วดแก้วใสสีเหลืองหม่นเละ ๆ ปลายยอดถูกอายะใช้ช้อนคนจนดูคล้ายภูเขาดูเหมือนอย่างที่ร่างเล็กพูดจริง ๆ นั้นละ  ทุกคนภายในห้องมองดูผลงานของร่างเล็กตาเบิกกว้างกันทั่วหน้าแต่ดูเหมือนปฏิกิริยาของฮานะจะแรงกว่าทุกคน  หญิงสาวผมดำพุ่งตัวออกจากห้องครัวทันที  ตามมาด้วยเสียงปิดประตูที่ดูเหมือนจะเป็นประตูห้องน้ำ  อามาเนะตบหน้าผากตัวเองปลง ๆ

                พรืด

                ฮิรุกะระเบิดหัวเราะอย่างไม่อายใครจนทำให้ไอและคูมิโกะระเบิดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ส่วนชิซึเนะและเคียวยังตะลึงกันภูเขาอุนจิไม่หาย

                มื้อเช้าผ่านไปด้วยความสนุกสนานและเรียบร้อยสำหรับคุณพ่อยังหนุ่มลูกสาวคนเล็กและสองเพื่อนสาว  นอกนั้น....เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงละกัน

                หลังอาหารเช้าฮิรุกะเรียกอายะเข้าไปพบในห้องใต้ดิน  ห้องที่ชิซึเนะและเคียวเข้าไปในตอนแรกนั้นละ  ภายในห้องทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นโต๊ะกลางห้องได้เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ร่างสูงของฮิรุกะนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะอายะนั่งประจันหน้าจ้องตาของผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มเช่นปกติ

                “อายะจังรู้ไหมพ่อเรียกเรามาทำไม”ฮิรุกะเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานานดวงตาเรียวจ้องมองลูกสาวคนเล็กของตนนิ่งดวงหน้าฉายแววเย็นชาที่ไม่เคยใช้กันคนในครอบครัวหากแต่ตอนนี้ฮิรุกะกลับนำมาใช้กับลูกสาวคนเล็กที่รักยิ่งของตนเอง  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบแดงนั้นมองอายะราวจะมองให้ทะลุจนถึงก้นบึ้งของจิตใจให้ได้  ดวงหน้าหวานยังคงส่งยิ้มให้ราวกันไม่รู้สึกอะไรกับสายตาของฮิรุกะซักนิด   เกิดความเงียบระหว่างสองพ่อลูกอีกครั้งจนทำให้ผู้เป็นพ่อถอนหายใจอย่างปลง ๆ

                “เราไม่คิดที่จะตอบพ่อเลยหรอ”นัยน์ตาเรียวกลับมาฉายแววอบอุ่นอีกครั้งรอยยิ้มจาง ๆ ถูกส่งให้อายะเรียกเสียงหัวเราะใสเล็กน้อย

                “ขำอะไรอีกละ”เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมทำท่าทำทางราวน้อยใจหากอายะเป็นคนทำมันคงแลดูน่ารักน่าเอ็นดูหากแต่คนที่ทำกลับเป็นผู้ชายตัวโต ๆ มันกลับดู...อึ้มเอาเป็นว่าลืมมันไปดีกว่า

                “อย่าทำหน้าแบบนี้ให้แม่เห็นจะดีกว่านะค่ะ”อายะบอกเบา ๆ แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงประกายจริงจังน้อย ๆ ทำเอาอีกคนงงนิด ๆ

                “ทำไมลูก”

                “น่า~~ เชื่ออายะเถอะค่ะ...และพ่อจะถามในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจทำไมค่ะ”รอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้าน่ารักไม่จาง

                สองพ่อลูกพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกปากและไม่มีใครรู้ว่าทั่งคู่คุยเรื่องอะไรกันบ้าง  กว่าทั้งคู่จะออกมาก็เป็นเวลาอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว

                บนโต๊ะอาหารเติมไปด้วยอาหารหน้าตาหน้ากินมากมาย  ระหว่างที่ทุกคนกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขฮิรุกะได้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นปกติในตอนทำงาน

                “พวกเธอจะออกเดินทางกันวันไหน”ทำเอาสองหนุ่มสองสาวผู้เป็นแขกงงไปตาม ๆ กันและคงมีอาการไม่ต่างกันฮานะลูกสาวคนโตผู้ใสซื่อ(บื่อ)ในสายตาของทุกคน  ปฏิกิริยาต่อมาของทุกคนไม่ต่างกันนั้นคือหันไปจับจ้องอายะที่กำลังกินข้าวอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น

                “คงต้องให้อายะเป็นคนตัดสินใจละครับ”ชิซึเนะเอ่ยตอบนัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องอายะนิ่ง

                “พวกไอคุงกันคูมิโกะจังก็ด้วยสินะจ้ะ”อามาเนะกล่าวพร้อมหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสองคน   สองสาวพยักหน้ารับน้อย ๆ ทำให้สายตาทั้งหมดหันไปจ้องมองอายะอีกครั้ง  หากแต่คนถูกมองกลับไม่รู้สึกอะไรเช่นเดิมพร้อมทั้งทุ้มเทสมาธิทั้งหมดในการกินต่อไป

                “อายะ”ชิซึเนะเรียก.....ความเงียบเป็นคำตอบ

                “อายะ”เคียวเรียกบ้าง....แต่ยังคงเงียบ

                “อายะจัง”ฮานะเรียกอีกคน...แต่ก็ยังคงเงียบ

                “อายะจังจ้ะ”อามาเนะลองเรียกบ้าง....นอกจากเสียงง่ำ ๆ ก็ยังคงความเงียบต่อไป

                “อายะจัง”เสียงเข้มของฮิรุกะได้ผลทันใจ  อายะเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมองหน้าผู้เป็นพ่องง ๆ  กลืนข้าวลงคอดังอึกก่อนหันมาถามคนที่มาขัดจังหวะการกินของตนคนล่าสุด

                “อะไรค่ะพ่อ”อายะตีหน้างงอย่างเปิดเผยไม่เสแสร้งจนได้เสียงถอนหายใจดังจากทั่วโต๊ะ

                “พ่อถามว่าเราจะออกเดินทานวันไหน”ฮิรุกะเอ่ยถามอีกครั้งน้ำเสียงอ่อนใจจนสามารถจับกระแสเสียงได้

                “อ๋อ...ว่าจะออกเดินทานพรุ่งนี้ค่ะ”ตอบทันทีราวกับเจ้าตัวไม่ได้คิดสนใจ  แต่ปฏิกิริยาต่อเนื่องนั้นร้ายแรงกว่าที่คิด เสียงตะโกนถามดังมาจากทั่วโต๊ะนอกจากฮิรุกะที่แค่พยักหน้ารับรู้  สองพ่อลูกทำราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรสำคัญ

                “ล้อเล่นใช่ไหมอายะ”ชิซึเนะเอ่ยพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติสุดความสามารถแต่ก็ยังคงฉายแววตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย

                “นั้นสิอายะจัง ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”ฮานะเอ่ยน้ำเสียงหวาด ๆ

                “อ้าว~~ อายะไม่ได้บอกหลอกหรอค่ะ  คิดว่าบอกไปแล้วนี่นา”ประโยคแรกหันไปตอบพี่สาวก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่กลับไม่มีใครไม่ได้ยิน

                เฮ้อ...ลูกสาวคนนี้นึกอยากทำอะไรก็ทำไม่ว่า   ไม่คิดที่จะบอกคนรอบข้างสักนิดรู้ไหมทำให้ทุกคนเค้าเป็นห่วงแค่ไหน   แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเราคิดจะทำอะไร...แต่แม่จะเป็นกำลังใจให้อายะเสมอนะ  อามาเนะมองลูกสาวคนเล็กของตนเงียบพลางคิดทอดถอนในใจเบา ๆ

                และอาหารเย็นก็จบลงด้วยดีอีกวันพร้อมด้วยความวุ่นวายของการเตรียมการออกเดินทางของทุกคนและความรู้สึกตื่นเต้นของอายะโดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงความวุ่นวายของผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ เลยหรือไม่คิดจะสนใจตั้งแต่แรกก็ไม่ทราบได้

    **************************************************************************        เช้าวันออกเดินทางอากาศแลดูไม่เป็นใจสำหรับผู้ออกเดินทางสักเท่าใดนักในสายตาของสองหนุ่มหนึ่งสาวฮานะมองดูสายฝนที่สาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาตรงหน้าประตู   ตอนนี้ทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้วจะเหลือก็แต่อายะผู้นำขบวนที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเกลียดคร้านถึงจะมีคนไปปลุกหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม  แต่ยังไม่มีการตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้นเช่นเดียวกับสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด   จนล่วงเลยเข้า  9  โมงเช้า  ร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ได้เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางยังไม่ตื่นดีอายะอยู่ในชุดเดินทางเรียบร้อย  เสื้อแขนยาวสีดำพร้อมทั้งกางเกงขายาวสีดำเข้ารูปประเป๋า ข้าดเอว  ชุดถุงมือยาวปิดข้อมือ  สวมทับด้วยชุดคุม  ตลอดทั้งร่างเป็นสีดำสนิทราวกับห้วงเวลาแห่งรัตติกาลอันดำมืด  ฮานะเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย  

                “ทำไมอายะจังแต่งตัวอย่างนั้นละจ้ะ”แต่แทนที่จะได้คำตอบกลับถูกถามกลับซะอย่างนั้น

                “พี่ฮานะกับพวกเคียวจังมากกว่าทำไมแต่งตั้งอย่างนั้น”

                “แต่งตัวแบบนี้....ก็เราต้องบินเดินทางไปเกียวโตเพื่อข้ามไปทางโน้นไม่ใช่หรอ”ฮานะถามซื่อ ๆ เรียกสีหน้าสงสัยให้อายะอีกครั้ง   แต่ก็เอ่ยปากตอบคำถามของฮานะ

                “เปล่าค่ะ   พวกเราจะเปิดทางกันที่นี่ต่างหาก”

                “พวกเราไม่ได้บอกหรอค่ะ”คูมิโกะเอ่ยเสริม   เรียกสายตาเย็น ๆ กันรังสีหงุดหงิดมาจากเคียวไปมากโข

                “ยัง”น้ำเสียงเย็นเยือกตอบกลับมาด้วยท่าทางเย็นชาไม่แพ้กันแต่ก็ไม่ได้ระแคระคางใบหน้าคูมิโกะที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีจากอายะเป็นเวลานานนับสิบปี 

                “พี่ว่าพี่ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า   ฮายะโตะซังแล้วก็เคียว....อ้าว....เคียวคุงละ”ฮานะหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของชื่อ

                “ไปตั้งแต่ยังคำแรกแล้วละค่ะ”อายะบอกพร้อมสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องครัวโดยมีไอและคูมิโกะตามไปติด ๆ

                “ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ”ชิซึเนะเอ่ย ชายหนุ่มออกเดินพร้อมความคิดภายในใจและหวังอยู่ลึก ๆ ว่าการที่อายะไม่ชอบบอกเรื่องในใจหรือเรื่องที่ตนตัดสินใจนั้นจะเป็นเพียง  ลืมบอกคนรอบข้างไม่ใช่นิสัยส่วนตัวแต่อย่างใด   แต่ดูท่าทางฟ้าคงไม่เข้าข้างชายหนุ่มจริง ๆ นะละเพราะมันเป็นนิสัยที่แม้แต่อามาเนะยังไม่สามารถแก้ไขได้  ตัวชิซึเนะนั้นคงทำได้แค่ทำใจเท่านั้นละ….

                เมื่อทั้งสามคนเปลี่ยนชุดลงมาเสร็จก็เป็นเวลาที่อายะจัดการกับอาหารเช้าของตนเสร็จพอดี  ทั้งสามคนอยู่ในชุดเหมือนกับของอายะจะต่างก็ที่ชุดของชิซิเนะเป็นสีเขียวเข้ม  ฮานะเป็นสีน้ำสีน้ำตาลออกเทาส่วนของเคียวนั้นเหมือนอายะทุกอย่างยกเว้นขนาดที่ใหญ่กว่าของอายะมากพอดูเท่านั้น   ส่วนสองสาวเพื่อนซี่ของอายะนั้นไม่ต้องเปลี่ยนเพราะทั้งคู่สวมชุดเช่นเดียวกันอายะอยู่แล้ว   แต่ทั้งคู่ไม่ได้สวมชุดคลุมเลยไม่เป็นที่สงสัยของทั้งสามคนที่ต้องเปลี่ยนชุดหรือพวกเค้าซื่อเกินไปก็ไม่ทราบได้   และเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าเป็นที่เรียบร้อยก็เป็นช่วงเวลาอันสมควรแห่งการออกเดินทางอันทรงเกียรติ  ฮิรุกะและอามาเนะออกมาเพื่อมาส่งทั้งหมด

                ภายในสนามหลังบ้าน  บ้านอินุยาฉะสายฝนยังคงเทลงมาอย่างต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงแต่อย่างใดชายหนุ่มหญิงสาวผู้มีป้ายยี่ห้อพ่อแม่แขวนคอกลับยืนกางร่มหลบฝนมองดูลูกสาวคนเล็กวาดวงเวทกลางสายฝนโดยไม่มีท่าทางจะมาช่วยเลยสักนิด  ในขณะที่อายะวาดวงเวทอยู่นั้น   ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเพื่อให้อายะใช้สมาธิได้อย่างเติมทีแต่นั้นทำให้อายะหงุดหงิดเป็นอย่างมาก 

                “คิดจะยืนดูเงียบ ๆ จนทำเสร็จเลยใช่ไหม”คิ้วเรียวขมวดจนคล้ายผูกโบถามเสียงสูงอย่างไม่พอใจ

                “พี่ก็อยากจะช่วยนะจ้า...แต่เอ่อ..เอ่อ..”ฮานะเอ่ยเสียงสั่นอย่างไม่มั่นใจแต่ในที่สุดก็เหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด

                “พี่ไม่รู้จักวงเวทนั้นนะสิ”พร้อมส่งยิ้มเจื่อดสนิทให้เป็นของแถมและยังได้รับการพยักหน้าสนับสนุนจากคณะเดินทางอย่างพร้อมเพียง  อายะมองคณะเดินทางของตนด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันไปวาดวงเวทต่อโดยไม่สนใจคณะเดินทางอีก

                            ชิซึเนะมองดูอายะวาดวงเวทนิ่งเงียบพยายามจดจำทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตัวของชิซึเนะรู้ดีไม่ใช่แค่ตัวของเค้าเท่านั้นแม้แต่เคียวเองก็คงจะรู้สึกสงสัยแน่ ๆ วงเวทข้ามมิติเป็นเวทที่ไม่ค่อยมีคนเรียนสักเท่าใดนัก  นั้นเป็นเพราะเวทข้ามมิตินั้นมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากทั้งในตอนที่วาดลักษณะการวาดและยังต้องใช้พลังเวทของผู้วาดแทนน้ำหมึกซ้ำยังต้องใช้พลังเวทมหาศาลในการขับเคลื่อนเวทมนต์นี้อีก  หากผู้ที่วาดวงเวทนี้เป็นฮิรุกะหรืออามาเนะเค้าคงไม่ประหลาดใจมากขนาดนี้แต่คนที่วาดคืออายะเด็กสาวอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น แม้แต่ภูตพฤกษาที่กล่าวได้ว่าเป็นเผ่าที่มีความรู้กว้างขวางที่สุดยังไม่สามารถประเมินอย่างแน่นอนได้  เสียงเย่เบา ๆ ของอายะปลุกชิซึเนะจากภวังค์มาพบว่าร่างเล็กที่ขมักเขม่นวาดวงเวทอยู่นั้นได้วาดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยและกำลังที่จะทำการขับเคลื่อนเวทมนต์เพื่อเปิดประตูมิติ  แต่กลับถูกขับขึ้นก่อน

                “เดียว!!ว่าแต่อายะจังไปฝึกเวทนี้มาตอนไหนกันทำไมพี่ไม่รู้  แล้วก็เวทข้ามมิติจำเป็นต้องมีพลังเวทมากอายะจังจะขับเคลื่อนเวทนี้ได้อย่างไงกัน”ฮานะพลันถามคำถามออกมารัวเร็วและทุกคำถามก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ทั้งนั้นยกเว้นก็แต่ฮิรุกะคนเดียวแต่ทุกคำถามกลับไม่ได้คำตอบแต่อย่างใดจะได้รับก็เพียงรอยยิ้มโดยไร้ซึ่งความหมายใด ๆ 

                ร่างเล็กผมสีเปลือกไม้เข้าไปยืนกลางวงเวท  อายะหันซ้ายแลขวามองดูความเรียบร้อยสักพักก่อนจะหันไปเอ่ยกับคณะเดินทางเสียงใส

                “ถอนออกไปหน่อยซิ~~ถ้าชิ้นส่วนหายไปอย่าหาว่าไม่เตือนนะเอ่อ~~”ไอและคูมิโกะถอนออกมาอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าปกติ  แต่สองชายหนึ่นหญิงนั้นถึงแม้จะแสดงความไม่เข้าใจแต่ก็ยอมถามออกมาแต่โดยดี

                “ด้วยนามแห่งฟ้า  ด้วยนามแห่งผืนพิภพ  ด้วยนามแห่งข้า  จงเปิดฟ้าข้าขอเรียกร้อยพลังแห่งแสงสว่างและความมืดมิดทั้งหลายโปรดเปิดประตูแห่งมิติรับเหล่าข้าด้วยนามแห่งข้า  ด้วยนามแห่งแสงสว่างและความมืดอันเป็นนิรันดรประตูแห่งมิติเอ่ยจงเปิด!!”เสียงเรียบสูงต่ำเอ่ยราวเป็นท้วงทำนองอบอุ่นราวท้องฟ้ายามวสันฤดู  ท้องฟ้ามืดทมึนปรากฏสายฟ้าสายแล้วสายเล่าราวกันมันกำลังเฝ้ารอโอกาสในการทำลายทุกอย่างให้สิ้นก็ไม่ปาน   และราวกับมองเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่ตรงหน้าสายฟ้าที่ทรงอานุภาพสองสายฟาดลงมาที่ร่างเล็กผู้อยู่กลางวงเวทจงเกิดเป็นเสาแสงสีทองลำใหญ่โอบล้อมร่างเล็กตรงกลางไว้ภายในแสงสว่างของสายฟ้าอันทรงพลัง  เสาแสงแสบตาจนต้องยกมือขึ้นบัง   ผ่านไปสักพักเมื่อรู้สึกว่าแสงของสายฟ้าหายไปแล้วทุกคนมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงเสาแสงนั้นได้หายไปแล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือร่างเล็กบางเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้ยืนตะง่าอยู่กลางวงเวทโดยไร้รอยขีดข่วน  ตรงหน้าของอายะปรากฏประตูบานคู่สีขาวบานใหญ่    บานประตูทั้งคู่ถูกแกะเป็นรูปดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ทำมาจากทอง  ดอกไม้ทั้งหมดบานสะพรั้งสวยงามตา  เทพธิดาแห่งสวรรค์อยู่ท้ามกลางมวลพฤกษาชาดดวงตาทั้งคู่ของเทพธิดาหลับพริ้มแย้มโอษฐ์น้อย ๆ แลดูเมตตา  หัตถ์ตั้งสองกุมไว้ราวกับกำลังของพรจากองค์ทวยเทพ   ชั่วอึดใจดอกแห่งสวรรค์สีทองทั่วทั้งประตูค่อย ๆ หมุนตนเองในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบดวงตาทุกคู่จังจ้องการเปลี่ยนแปลงนั้นราวกับตกอยู่ในห้วงของความฝันที่ไม่อยากตื่น  จนเมื่อเหล่าดอกไม้สวรรค์หยุดหมุนบานประตูเปิดออกช้า ๆ และเสียงหวานใสร้องเรียกคณะเดินทางตามตนเดินผ่านประตูเข้าไปแม้คณะเดินทางจะงุนงงและตกอยู่ในภวังแต่ก็ยอมเดินข้ามผ่านประตูแต่โดยดีอายะหันมาโค้งคำนับพ่อและแม่ของตนก่อนเดินตามไป   ประตูข้ามมิติปิดตัวลงพร้อมเลือนหายไปล่องลอยในการร่ายเวทได้เลือนหายไปพร้อมประตูภายในสนามเหลือเพียงสองสามีภรรยายืนดูบริเวณที่ประตูเคยตั้งอยู่เงียบโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าสายฝนนั้นได้หยุดลงตั้งแต่เมื่อใด......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×