ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The silver fox ตำนานจิ้งจอกเงิน

    ลำดับตอนที่ #6 : คำสัญญา 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 54


    ����������� “มีใครรู้ไหมว่าพวกเราอยู่ที่ไหน”เสียงหวานเอ่ยถามคณะเดินทางขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองทิวทัศน์รอบ ๆตัวที่มีแต่ต้นไม้ต้นไม้และต้นไม้พลางถอนใจเบา ๆ

    ����������� “นั้นสิที่เดิน ๆ อยู่นี่รู้หรอว่าไปทางไหนแล้วอีกอย่างรู้รึไงว่าพวกเราอยู่ที่ไหน!!”ชิซึเนะเอ่ยถามอย่างไม่พอใจสุด ๆ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโคนต้นไม้ไม่ไกลนักเป็นการประท้วงหัวหน้าคณะเดินทางจำเป็น

    ����������� “พักกันก่อนละกันพวกเรา”เจ้าของนัยน์ตาสีท้องฟ้ายามเช้าเอ่ยสมทบก่อนทุกคนจะเริ่มมองหาที่นั่งพักบริเวณใกล้เคียง

    ����������� “แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนหรืออย่างน้อย ๆ มีใครรู้บ้างว่าพวกเราอยู่แดนไหน”นัยน์ตาสีท้องฟ้าจับจ้องร่างเล็กบางเจ้าของเส้นผมสีเปลือกไม้ภายใต้ฮูดสีดำที่ปกปิดดวงตาสีเดียวกันนิ่งรอคำตอบเช่นเดียวกันคณะเดินทางคนอื่น ๆ

    ����������� อายะดึงฮูดที่ปิดหน้าออกช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้กวาดดวงตากลมโตจับจ้องคณะเดินทางทุกคนช้า ๆ ภายในนัยน์ตาเรียบสงบไม่สามารถคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่เรียวปากแดงระเรื่อยกยิ้มส่งให้ก่อนเอ่ยตอบคำถาม

    ����������� “ถามโง่ ๆ พวกเราก็อยู่ในอีกโลกหนึ่งนะสิ”คำตอบง่าย ๆ ของคนตัวเล็กเล่นเอาผู้ฟังทั้งหลายแทบจะลุกมาตบกะโหลกคนพูดเสียให้ได้

    ����������� “รู้ว่าอีกโลกแตอยู่แดนไหนละแดนสวรรค์แดนปีศาจแดนนรก”เคียวพยายามอย่างมากที่สุดเค้าสาบานเลยว่าตั้งแต่เกิดจนโตถึงตอนนี้ไม่เคยรู้สึกอยากจะจับใครมาตีก้นมากเท่าร่างเล็กที่ลอยหน้าลอยตาตอบคำถามเค้าตอนนี้เลยให้ตายสิ

    ����������� “ตอนนี้นะหรอหึ..หึ.. พวกเราอยู่ที่แดนสวรรค์นะมีอะไรจะถามอีกไหม”อายะตอบยิ้ม ๆมองดูคณะเดินทางของตนอย่างพออกพอใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี

    ����������� “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงอยู่ในเขตรอยต่อของแดนสวรรค์กับแดนเวทมนต์ที่พวกมนุษย์ในมิตินี้อาศัยอยู่สินะอายะจัง”หลังจากที่นิ่งฟังอยู่นานเด็กสาวนัยน์ตาสีราตรีผู้มันจะร่าเริงเป็นนิตเอ่ยถามอายะด้วยรอยยิ้มเช่นปกติจนทำให้หลายคนไม่พอใจนิด ๆ ที่เด็กสาวทั้งสามไม่รู้สึกต่อสถานการณ์ตรงหน้าเท่าที่ควรและหนึ่งที่เป็นเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนหงุดหงิดนั้นก็เพราะไม่ว่าใครที่เดินวนเวียนในป่าตั้งแต่ตะวันยังไม่ตรงหัวจนตะวันจะตกดินโดยไม่รู้ว่าจะออกไปจากป่าได้อย่างไร��ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ไหนก็ต้องรู้สึกอย่างเดียวกันกับชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างแน่นอน

    ����������� “เอาละ...วันนี้เราจะพักที่นี้กัน”อายะเอ่ยเรียบ ๆ มองทุกคนที่ตั้งแต่พวกตนเดินทางผ่านประตูมิติออกมาพวกเค้าก็เดินโดยที่แทบจะไม่ได้พักกันเลยและสิ่งที่อายะอยากพิสุจน์นั้นก็ได้พิสุจน์เป็นที่เรียบร้อยแล้วและผลที่ได้ก็ยังเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งการสร้างเวทประตูมิตินั้นนอกจากผู้วาดวงเวทจะต้องเป็นผู้มีพลังเวทสูงแล้วในระหว่างที่เดินผ่านประตูมิติจะต้องจ่ายค่าตอบแทนในการข้ามประตูด้วยพลังเวทจำนวนไม่น้อยอีกด้วย �ตอนแรกอายะคาดว่าพวกชิซึเนะและเคียวอาจจะหมดแรงตรงหน้าประตูแต่กลับยังเดินได้จนถึงตอนนี้ถือว่าไม่เลวเลยที่เดียว �คิดเงียบมือก็เตรียมที่พักไป�� พอหันกลับมามองสภาพแต่ละคนทำเอาอายะถอนหายใจพร้อมสายหน้าน้อยๆ ด้วยน้ำใจที่หมื่นปีมีครั้งพันปีมีหนอายะคว้ากระเป๋าเคียวด้วยความไวเปิดเอาเสบียงออกมาบรรณาการให้ทุกคนและทำเป็นลืมว่าเสบียงของตนนั้นมีมากกว่าอีกฝ่ายมากและยังให้เจ้าของกระเป๋าที่ตนทำการจูงแพะทีเผลอที่เป็นคนแบกกระเป๋าของตนแทนอีกโดยทำเป็นไม่สนใจหรือไม่สนใจตั้งแต่แรกแล้วกับแววตาสีท้องฟ้าที่จ้องมองพร้อมถอนใจอย่างเอือม ๆ ในพฤติกรรมของคนข้างกาย�� และอาหารเย็นอย่างง่าย ๆ ก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยดี
    � � � � � � � � ตกเย็นพระอาทิตย์ลาลับก็เป็นเวลาของรัตติกาลอันลึกลับ�� นภาที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดพระจันทร์เสี้ยวแลดูสวยงามแต่ได้แฝงไปด้วยมนตราอันลึกลับของรัตติกาลถูกห้อมล้อมด้วยดวงดาราราวกับเพชรบนผืนกำมะยี่สีดำเนื้อดีแม้สิ่งที่มองเห็นจะงดงามแต่กลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นไอของความน่าสะพรึงกลัวของป่าถึงที่นี่จะไม่ใช้ป่าของแดนปีศาจแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมือนกับการกางเต็นที่สวนหลังบ้านที่จะมีก็แต่หนอนแมลงตัวไม่ถึงนิ้วนะ
    !
    � � � � � � � � แต่จะว่าไปที่นี้ก็ต้องระวังหนอนด้วยเหมือนกันบอกใครจะเชื่อว่าพวกเค้าต้องวิ่งหนีหนอน�� แต่เป็นหนอนตัวยาวสามกิโลสูงเท่าตึกสามชั้นเท่านั้นเอง!!! �
    � � � � � � � �แถมไอ้หนอนที่ว่าก็มีเมือกสีเขียว ๆ เหม็น ๆ ถึงอายะจะเป็นคนขวัญกล้าไม่กลัวอะไรง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นพวกตายด้านไม่รู้สึกขยะแขยงสักหน่อย!!!
    � � � � � � � แค่คิดก็ทำเอาขนลกเกลียวขึ้นมาเลย � ใครจะคิดว่ากำลังก่อกองไฟไว้ไล่พวกสัตว์อยู่ดี ๆก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นหากแต่หน้าแปลกที่พวกเค้าสัมผัสได้มันไม่ได้มีแค่นั้น��มันกลับมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไปแผ่นดินไม่ได้ไหวแต่มันเป็นการสั่นที่เกิดขึ้นจากวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่อยู่จำนำให้เกิดแรงสั่นของพื้นดิน!!!

    ����������� “หวา!อายะจังดูนั้นสิ”คูมิโกะร้องบอกพร้อมชี้ทางซ้ายมีบริเวณใกล้ ๆ กับที่พักต้นไม้ใหญ่หลายต่อหลายต้นพร้อมใจกันหักล้มลงตามมาด้วยเสียงของต้นไม้ดังตูมใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนมันถูกอะไรบางอย่างชนจนล้มลง!!!
    � � � � � � ทิศทางของมันกำลังตรงมาที่พวกอายะราวกันโดนมนต์สะกดด้วยความตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่สามารถขยับหนีได้ในที่สุดสิ่งที่สามารถทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงต้นแล้วต้นเล่าได้ปรากฏโฉมหน้าออกมาราวกับสวรรค์เล่นตลกร้ายก็ไม่ปานในจิตนาการของอายะนั้นไม่ว่าเจ้าตัวนั้นจะเป็นสัตว์เทพที่รักสงบ จิตใจดีงามหรือดุร้ายกระหายเลือกก็ตามแต่เจ้าตัวที่สามารถล้มต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อเป็นทางสำหรับเดินของมันแน่นอนจะต้องเป็นเจ้าตัวโต ��ร่างกายแข็งแกร่งราวกับเพชรอาจจะเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายเต่าขนาดยักษ์อย่างเช่นเต่าดำของนิทานพื้นบ้านของจีนแต่เมื่อได้เห็นเจ้าตัวนั้นเข้าจริง ๆ กลับทำให้ดวงหน้าหวานของอายะดำทมึนลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่อายะคิดนั้นจะผิดไปเสียทุกอย่างอย่างน้อย ๆ เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าของพวกอายะตอนนี้มันก็ถือว่าตัวใหญ่อยู่ละ

    ����������� “ใครก็ได้บอกฉันที��� นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!”ไอถามเสียงเบาดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องเจ้าตัวนั้นไม่วางตามือเรียวกระชับมีดสั้นในมือด้วยท่าทางเตรียมพร้อมหากเจ้าตัวนั้นเข้ามางานนี้เป็นมีตายไปข้างหนึ่งเช่นเดียวกับคูมิโกะที่ยืนอยู่ข้างอายะ

    ����������� “ก็อย่างที่เห็นนั้นละ�� ดูก็รู้หนอน”ชิซึเนะเอ่ยชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนตัวพร้อมดันตัวของฮานะที่กำลังหน้าซีดเพราะโดนรูปร่างของเจ้านั้นทำร้ายให้หลบอยู่ด้านหลังของตัวเอง

    ����������� “หนอนแถวบ้านพี่ตัวขนาดนี้หรอค่ะ”คูมิโกะสวนกลับชิซึเนะที่เดียวนี้ชักจะปากร้ายขึ้นทุกวันหลังจากที่ชายหนุ่มเข้ามาพักที่บ้านอินุยาฉะ��แต่จะว่าชิซึเนะก็ไม่ได้เหมือนกันและคูมิโกะก็ไม่ผิดก็เจ้าตัวตรงหน้าพวกอายะนั้นดูอย่างไงมันก็หนอนชัด ๆ แต่มันสูงสักตึกสามชั้นได้แถมยาวเป็นกิโลอีกตั้งหากตัวของเจ้าหนอนยักษ์เป็นสีน้ำตาลคล่ำทั่วตัวเจ้าหนอนยักษ์มีจุดสี ๆ บ้างเล็กบ้างใหญ่ถูกหุ้มไว้ด้วยเมือกสีขุ่น ๆ แถมท้ายด้วยกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนอีกตั้งหากปากของมันเติมไปด้วย.....
    � � � � � � �ด้วย....จะพูดว่าฟันก็ไม่ถูกแต่มันเหมือนเขี้ยวมากกว่าเขี้ยวแหลมยาวอันแน่นเติมปากลักษณะเรียงซ่อนกันเป็นวงกลมยิ่งตอนที่เจ้าหนอนอ้าปากมองดูดี ๆ แล้วมันมีอีกวงอยู่ข้างในปิดท้ายด้วยน้ำลายไหลยึดออกมาจากปากกว้าง ๆ นั้นอีกเจ้าหยดน้ำลายที่ไหลออกจากปากเจ้าหนอนเมื่อหยดโดนพื้นดินทำให้ดินบริเวณที่สัมผัสถูกหยดน้ำลายนั้นกลายเป็นหลุมไปในทันทีจนอายะเกินความคิดพิเรนขึ้นมาอย่างปุกปัปโอ้แม่เจ้า�� ถ้าโดนเจ้าหน้าหนอนนี้กินเข้าไปละก็คงจะย่อยก่อนถึงกระเพาะเป็นแน่�� ยังดีที่อายะไม่พูดจาทำลายขวัญของพวกเดียวกัน

    ����������� “หวังว่ามันคงกินข้าวเย็นมาแล้วนะ”

    แต่สิ่งที่พูดออกไปนะแน่ใจแล้วหรือว่าไม่เป็นการทำลายจิตใจของพวกพ้องเดียวกันจริง ๆ แต่ดูทางด้านเคียวจะเป็นพวกปากนรกมาเสียยิ่งกว่าอายะซะอีกเห็นได้ชัดจากประโยคนี้ของชายหนุ่มได้ทำให้ใบหน้าของชิซึเนะดำทมึนลงยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัน

    ����������� “แต่ฉันว่ามันกำลังหาข้าวเย็นอยู่มากกว่า....และท่าทางพวกเราคงจะไม่พอสำหรับพวกมันทั้งหมดอีกด้วย”ท้ายประโยคเบาลงไม่ต่างกับเสียงกระซิบเหตุด้วยเจ้าหนอนยักษ์ไม่ได้มาเพียงตัวเดียวแต่มันกลับขนพ่อแม่พี่น้องมาทั้งตระกูลสิบแปดชั่วโคตรมาจนหมดทำให้คิวของทั้งอายะและเคียวขมวดน้อย ๆ อย่างระวังตัว

    ����������� จากที่สังเกตเจ้าหนอนตรงหน้าคงเป็นจำพวกหนอนพันธ์ใหญ่หนอนชนิดนี้แยกเป็นหลายชนิดแต่เจ้าพวกที่อยู่ตรงหน้านี่คงเป็นจำพวกหนอนยักษ์มีพิษ �เมือกตามตัวของพวกมันมีพิษถึงขนาดแค่แตะโดนเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆ่าคนได้ฟันแหลมคมน้ำลายมีสภาพเป็นกรดสูงกัดกร่อนได้แม้แต่หินยังละลายและอย่าหวังว่าจะฆ่ามันด้วยวิธีผ่าท้องฆ่ามันเด็ดขาดเพราะถ้าคิดว่าพิษที่เมือกของมันร้ายแรงแล้วละก็มันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่อยู่ใต้ผิวหนังอันอ่อนนุ่มของมันด้วยซ่ำ� การทำอย่างนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายดี ๆ นี่เองแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีฆ่าเจ้าพวกนี้สักทีเดียวหากพวกมันมากันแค่ตัวสองตัวยังไม่มีปัญหาแต่พวกมันเล่นขนมาทั้งครอบครัวอย่างตอนนี้ละก็ถึงจะเป็นพวกเค้าก็ตามมันก็ถึงว่าเป็นปัญหาไม่เล็กแล้วก็ไม่ใหญ่เหมือนกัน � อีกทั้งคณะเดินทางทุกคนในตอนนี้ก็สูญเสียพลังเวทในการข้ามประตูมิติไปไม่น้อยทั้งเดินทางในป่ามาทั้งวันทำให้อารมณ์ในตอนนี้ไม่คงที่อยู่เป็นทุนเดินก่อนแล้วเมื่อถูกสะกิดเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ระเบิดออกง่าย ๆ เช่นในตอนนี้

    ����������� ใบหน้าหล่อเหล่าเรียบเฉยนัยน์ตาเรียวสีท้องฟ้าไม่ฉายแววใด ๆ รังสีสังหารแผ่ออกจากร่างของชายหนุ่มเจ้าของนัยตาสีท้องฟ้าในยามเช้า��พร้อมขยับตัวบังร่างเล็กของอายะแสดงออกถึงความต้องการปกป้องร่างเล็กราวกับไม่ว่าฟ้าถล่มแผ่นดินถลายก็จะปกป้องเอาไว้ให้ได้การแสดงออกนั้นทำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นในจิตใจของอายะแต่อายะกลับสลัดความรู้สึกแปลง ๆ ต่อเคียวออกไปและหันมาสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแทนพลันอายะสัมผัสถึงพลังที่เคียวแผ่ออกมาอย่างกระทันหันนัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองมือของผู้ที่ปกป้องตนเอง สิ่งที่ปรากฏทำให้ร่างเล็กแข็งทื่อกลายเป็นหินในทันที

    ����������� นิ้วเรียวยาวทั้งสิบของเคียวตอนนี้เล็บที่ถูดตัดสั้นกลับยาวและแหลมคมไม่ต่างกับใบมีดดวงตากลมโตค่อย ๆ เบนขึ้นไปจับจ้องดวงหน้าครึ่งเสียวของเคียวนึกค้นจากกองความทรงจำที่ถูกทับทมมานานพักเดียวก็ปรากฏเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้าในยามเช้าแม้บนดวงหน้าอ่อนเยาว์นั้นจะเรียบเฉยหากแต่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกลับแลดูอบอุ่นพิกล เจ้าเด็กที่เธอมักจะเรียกว่าไอ้ขี้เก๊กที่ชอบแกล้งเธอเสมอที่มีโอกาสหรือทุกครั้งที่เจอเธอไม่น่าเชื่อไอ้ขี้เก๊กจะโตมาได้???

    ����������� ดวงตากลมโตจับจ้องมองเสี้ยวหน้าของเคียวนิ่งริบฝีปากสีระเรื่อยกยิ้มอย่างน่ารักโดยที่ไม่มีใครสังเกตุก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยร่างเล็กของอายะก้าวไปยืนเคียงข้างเคียวกระซิบถามในสิ่งที่ทำให้หัวใจของผู้ฟังนั้นเต้นแรง

    ����������� “เป็นห่วงอายะมากหรอไอ้ขี้เก๊ก”นัยน์ตาเรียวไร้อารมณ์หันมาจ้องดวงหน้าหวานด้วยแววตาตกตะลึงสับสนดีใจคละกันไปหมดเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเจ้าของดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ที่สบประสานนัยน์ตากับดวงตาเรียวของอีกฝ่ายใบหน้าหล่อเหลาแดงระเรื่อเมื่อสังเกตุเห็นแววล้อเลียนของคนตัวเล็กว่าจนต้องกระแอมกระไอเป็นการกลบเกลือนทั้งที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    ����������� “นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นนะยัยติ้งต๋อง”กระซิบตอบเสียงเบาแต่ดีกรีความดุนั้นไม่ได้ลงน้อยลงเลยหวังให้ร่างเล็กจะรู้สึกหมั่นไส้แต่กลับเรียวแววตาล้อเลียนจากร่างเล็กเพิ่มขึ้นไปอีก

    ����������� ในที่สุดเวลาเล่นสนุกก็ได้หมดลงอย่างรวดเร็วเจ้าหนอนยักษ์ที่อยู่หน้าสุดโถตัวเข้าโจมตีทำให้เกือบหลบไม่ทันแต่ก็แต่แค่เกือบพวกอายะกระโดดหลบไปคนละทิศคนละทาง

    ����������� “พี่ค่ะ! พี่!”แทนที่อายะจะห่วงตัวเอง �คนแรกที่อายะนึกถึงกลับเป็นฮานะผู้เป็นพี่สาวนั้นเพราะอายะรู้ดีฮานะเป็นคนอ่อนโยนและขี้กลัวมากเท่าที่รู้ตั้งแต่เล็กจนโตอายะไม่เคยเห็นฮานะทำร้ายใครเลยหรือแม้แต่มดสักตัวฮานะยังฆ่าไม่ได้เลย �นั้นทำให้อายะเป็นห่วงพี่สาวคนนี้ของเธออย่างมาก

    ����������� หันมองรอบตัวพร้อมทั้งตะโกนเรียกฮานะจนหันไปพบชิซึเนะที่โอบฮานะไว้แนบอกพลางตะโกนตอบอายะทำให้ร่างเล็กระบายลมหายใจอย่างโล้งอก

    ����������� อายะตรงเข้าไปหาฮานะที่อยู่ในโอมแขนของชิซึเนะโดยไม่สนใจหนอนพิษที่ตรงเข้าหวังจัดการกับตัวเองแม้แต่น้อย จนทำให้เคียวแทบบ้ากับการกระทำบ้าระห่ำของร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้ทั้ง ๆ ที่อยากเข้าไปช่วยแทบขาดใจแต่กับสลัดพวกหนอนที่รุมโจมตีเข้าใส่ตัวเองไม่ได้ไอที่เห็นเหตุการณ์พึมพำร่ายเวทไฟซัดเข้าใส่เจ้าหนอนที่เข้าโจมตีใส่อายะจนมันลุกเป็นไฟและหายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมาจักการฆ่าหนอนตรงหน้าตัวเองโดยที่ดวงหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง

    ����������� “ชิซึเนะจังไปช่วยพวกเคียวเถอะเดียวตรงนี้อายะจัดการเอง”พูดรัวเร็วมือเล็กบางยื้นไปรับร่างฮานะที่สลบอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายชิซึเนะเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนไปชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเรียกคทาสีน้ำตาลเข้มยาวราวเมตรครึ่ง หัวคทาทำด้วยลูกแก้วสีขาวหม่นขนาดเท่าลูกแอปเปิ้ลส่องแสงนวนตาสิ้นเสียงร่ายเวทต้นไม้เถาวัลย์พลันเคลื่อนไหวราวมีชีวิตเข้าตรงเข้าเกียวกระหวัดหนอนยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าจนครบทุกตัวเป็นเวลาเดียวกับที่อายะสร้างเกราะให้ฮานะเสร็จ

    ����������� อายะเดินไปรวมกลุ่มกับพวกเคียวที่ยืนล้อมบรรดาหนอนยักษ์ที่ถูกมัดจนกลายเป็นแหนมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์โดยทิ้งฮานะไว้ในเกราะ

    ����������� “เอาไงกับพวกมันดี”ไอเอ่ยถามทันทีที่อายะหยุดยืนข้างตนเองดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองดวงหน้าหวานของเพื่อนสาวนิ่งราวกับรอคำบัญชาจากอายะเช่นเดียวกับคูมิโกะที่ยืนรออยู่อีกด้าน

    ����������� เจ้าของดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ไม่แม้แต่จะหันมองคนถาม�� นิ้วมือเรียวเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากสีเชอร์รี่ดวงหน้าหวานเคร่งขรึมอย่างเสแสร้งทั้ง ๆ ที่ดวงแต่กลมโตฉายแววเจ้าเล่ห์ตลกร้ายเช่นยามปกติที่มีคนคิดร้ายกับตน

    ����������� “นั้นสิน้า�� เอาไงดีละ”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวปีศาจตัวน้อยยิ่งเผยมากขึ้นอีกแต่หน้าแปลกที่มันกับขับให้คนร่างเล็กดวงตากลมโตสีเปลือกไม้นั้นแลดูน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นไปอีกจนทำเอาคนมองอดหน้าแดงน้อย ๆ ไม่ได้

    ����������� “ค่อย ๆ เอาไฟย่างช้าให้เมือกค่อยแห้งหมุนไปหมุนมาให้เหมือนหมูหันเป็นไง”อายะเอ่ยน้ำเสียงสดใสจนทุกคนคิดภาพตามแต่ไม่ทราบว่าอุปทานไปเองหรือไม่ราวกับเห็นหน้าบรรดาหนอนรุ่นน้อง ๆ ตึกทั้งหลายค่อย ๆ ซีดเผือกลงเรื่อย ๆ หลังจากจบคำของร่างเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

    ����������� “คูมิโกะว่าไม่ดีนะอายะจังถ้าป่านี้เป็นป่าที่ตั้งอยู่ก่อนกำแพงมิติเทพจริงละก็....ที่นี่ก็ต้องมีนกคอนูรัสสินะงั้นเราก็เอาเจ้าพวกนี้ไปเลี้ยงคอนูรัสสิค่อย ๆ ให้พวกคอนูรัสจิกทึ้งแย่งกินมันจะหน้าสนุกมากกว่านะคูมิโกะว่า”นกคอนูรัสที่คูมิโกะเอ่ยถึงมันก็คลาย ๆ กับนกคอนัวร์ที่มีอยู่ที่โลกมนุษย์ที่พวกอายะจากมานั้นละนกคอนัวร์ (conure)ที่เป็นสัตว์เลี้ยงกลาดเกลื่อนแต่จริง ๆ มันมีแถบกำเนิดอยู่แถวลาตินอเมริกามีสีสันสวยงามตัวใหญ่ที่สุดแค่17.5นิ้วแต่เจ้านกคอนูรัสที่คูมิโนะเอ่ยถึงนั้นตัวใหญ่กว่าเจ้าหนอนน้อย ๆ ตึกแค่สิบเท่าทั้งนั้นเองแต่หลังจากที่คูมิโกะเอ่ยจบความรู้สึกที่ว่ามองเห็นเจ้าพวกหนอนแหนมทั้งหลายหน้าซีดตัวสั่นเสียยิ่งกว่าเดิมไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรสิน่า

    ����������� “เป็นความคิดที่ดีนะ”ชิซึเนะที่เงียบมาตลอดนั้นเอ่ยเสริมเรียบ ๆ แต่กลับเรียกแววแปลกใจของทุกคนได้ไม่ยากแม้แต่ตัวชิซึเนะเองยังรู้สึก�����

    ����������� “เพราะอะไรกันนะที่ทำให้ท่านเธียร์ผู้ยึดถือความดีงามเอ่ยเช่นนั้นออกมาเจ้าค่ะ”อายะเอ่ยล้อเลียนชายเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตยิ้ม ๆ กับความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่ม�� คนถูกล้อดวงหน้าหล่อขึ้นสีระเรื่ออยากตะโกนบอกคนถามใจจะขาดเพราะอยู่ใกล้ปีศาจอย่างเธอไงละ ��แต่เปลี่ยนใจเงียบเสีย

    ����������� “ปล่อยไป”อายะเอ่ยเรียบ ๆ ทำท่าจะหันหลังเดินออกจากตรงนั้นหากไม่ใช้โดนขัดขึ้นจากชิซึเนะที่ไม่เข้าใจสิ่งที่ร่างเล็กเอ่ย

    ����������� “หมายความว่าไงปล่อยไปงั้นหรอ”ดวงหน้าหวานหันมองคนถามนิ่งเอ่ยย้ำคำเดิมโดยไม่สนใจสีหน้าอีกฝ่าย

    ����������� “ปล่อยก็คือปล่อยไงละ”จบคำร่างเล็กก็ออกเดินโดยไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก

    ����������� “ได้ยินแล้วนิปล่อยไปซะเธียร์”เคียวเอ่ยในจังหวะที่เดินผ่านอีกฝ่ายไปราวกับเป็นการอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่มันกลับทำให้คนรับฟังงุนงงมากขึ้นไปอีก หันไปมองสองสาวเพื่อนของร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเปลือกไม้แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเมื่อทั้งสองออกเดินตามเพื่อนตัวเล็กของตนไปตั้งแต่เคียวยังไม่ได้เอ่ยอะไรกับชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตามีมรกต��

    ����������� ชิซึเนะก้มหน้าปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายแม้ในใจจะไม่เข้าใจสิ่งที่อายะต้องการเสียเท่าไรและหากคิดถามอายะก็คงไม่มีทางที่จะตอบคำถามของตนแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยคิดในใจเงียบ ๆ ในขณะปล่อยพวกหนอนพิษ

    ����������� หน้าแปลกที่เมื่อพวกน้องหนอนหลุดออกจากเถาวัลย์พวกมันไม่ได้มีท่าทีที่จะเข้าโจมตีใส่พวกอายะแม้แต่น้อยอีกทั้งพวกมันพร้อมใจกันกลับหลังหันคลานหนีเร็วเท่าทีจะทำได้โดยไม่สนใจจะหันกลับหลังมองด้วยซ้ำ

    ����������� หลังจากที่เดินหาที่พักใหม่ไม่นานก็ถึงเวลาพักผ่อนอายะรับอาสาเฝ้ายามกะแรกพร้อมเคียว ฮานะยังไม่ได้สติแต่ก็วางใจได้แล้วเพราะจากการตรวจอย่างคราว ๆ พบเพียงแต่จิตใจของผู้หญิงเป็นพิษเท่านั้น

    ����������� ภายใต้ผืนกำมะยี่สีดำของมานรัตติกาลเหล่าดวงดาราพราวระยิบล้อมรอบจันทร์เสี้ยวทอแสงนวนตาแสงสีแดงของกองเพลิงทอให้เห็นหนึ่งหญิงหนึ่งชายกำลังนั่งเงียบไม่พูดไม่จาดวงตากลมโตสีเปลือกไม้จับจ้องมองเปลวเพลิงตรงหน้านิ่ง�� จมนิ่งอยู่ในภวังของตนโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวจวบจงเสียงทุ้มเรียบของชายหนุ่มข้างกายดังขึ้นขัดความเงียบให้สลายไปสิ้น

    ����������� “ไม่คิดจะบอกอะไรเลยรึ”นัยน์ตาเรียวมิได้จับจ้องมองร่างเล็กแม้แต่น้อยหากแต่หลับตานิ่งซ่อนนัยน์ตาสีท้องฟ้ายามเช้าไม่ใช้อีกฝ่ายอ่านความคิดของตนเองได้แม้คำถามที่เอ่ยออกไปเคียวจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางว่าอีกฝ่ายจะตอบคำถามที่ตนต้องการออกมาง่าย ๆ เป็นแน่หากแต่เคียวก็ยังคงเอ่ยออกไป�� แต่กับคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนั้นเรียกให้อายะจ้องมองเคียวที่ยังคงหลับตานิ่งด้วยแววตาที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างน้อยนักที่จะได้เห็น

    ����������� “อยากรู้เรื่องอะไรละ”เอ่ยตอบเรียบ ๆ เหมือนสิ่งที่ตนเองเอ่ยนั้นไม่ได้สระสำคัญอะไรเคียวหับควับมองหน้าหวานนิ่งอย่างชั่งใจในคำพูดของคนตัวเล็กข้างกายราวกับรับรู้ว่าชายหนุ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเอ่ยจึงย่ำให้อีกฝ่ายคลายความสงสัย

    ����������� “อายะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังเคียวจังสักหน่อย”ประโยคเดียวทำให้เคียวล้มเลิกความคิดที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายทั้งหมดลงทันทีอีกทั้งหัวใจเจ้ากรรมที่ไม่รู้เป็นอะไรรู้สึกมันจะพองโตคับอกเต้นแรงจนกลัวว่าคนตัวเล็กข้างกายจะได้ยินเสียงเต้นของมันแถมเคียวยังรู้สึกว่าหน้าของตนร้อนไปหมดอีกด้วยจนต้องหันหน้าหลบดวงตากลมโตใส �รู้สึกไม่อยากให้อีกฝ่ายมองเห็นหน้าที่แดงระเรื่อของตนเอง

    ����������� “ช่างเถอะฉันก็...ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรสักหน่อย”เคียวตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเสียงเบาเรียวปากบางแย้มยิ้มน้อยอย่างยากนักจะได้เห็นหากแต่น่าเสียดายที่อายะไม่ได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของอีกฝ่าย

    ����������� “ทำตัวอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อยไม่ต้องห่วงนะเคียวจะปกป้องอายะเองเคียวจะไม่ให้ใครมาทำร้ายอายะอย่างแน่นอน เคียวสัญญา”สัญญาเงียบ ๆ ภายในใจแต่มันกลับหนักแน่นราวกับว่าไม่ว่าฟ้าดินจะเป็นอย่างไรเค้าก็จะขอทำตามสัญญานี้ตลอดไป....ไม่ว่าจะนานสักเพียงได้...มันจะเป็นความจริงเสมอ

    ����������� เคียวจะปกป้องดูแลอายะเสมอ..............เคียวสัญญา.........

    �����������

    �����������

    �����������

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×