คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
วันนี้ ซึ่งอาจจะเป็นวันธรรมดาสำหรับใครบางคน แต่ไม่เลย สำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบป.6
โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังของจังหวัดจัดสอบเพื่อนให้นักเรียนที่สมัครได้เข้าเรียนต่อ บรรยากาศตอนเช้าตรู่บริเวณโรงเรียนเต็มไปด้วยนักเรียนเป็นจำนวนมาก
อากาศเย็นในตอนเช้าต้นฤดูหนาวทำให้บรรยากาศลดความคึกคักลง ความเงียบโบกมาตามสายลมประดุจโรงเรียนไร้ผู้คน นักเรียนบางส่วนกับผู้ปกครองมาดู
รายชื่อผู้ที่สอบพร้อมกับจำห้องสอบ บ้างก็บวงสรวงขอพรจากพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้างก็อ่านหนังสือเตรียมเข้าห้องสอบ
แพรก็เป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาสอบเช่นกัน แม้ว่าจะขาดความมั่นใจไปบ้าง แต่ถึงอย่างไร ก็มีคุณแม่ของเธอคอยเป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว เธอก็ทำเหมือนคนอื่นทั่วไป
คือเข้าไปดูห้องสอบ คุยกับเพื่อนๆที่มาสอบด้วยกัน โชคดีที่ห้องสอบของเธอก็มีเพื่อนๆที่มาด้วยกันอยู่ด้วย
เวลาที่นักเรียนทุกคนรอคอยก็มาถึง แปดโมงครึ่ง เวลาเข้าห้องสอบ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า เวลาขึ้นเขียงก็มาถึง แพรก้มหน้าก้มตาเข้าห้องสอบ ก่อนหน้าที่จะเข้าห้อง
เธอสังเกตว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ไม่กังวลกับการสอบเลย แถมแอบยิ้มๆอีกต่างหาก เขาเป็นคนที่เธอรู้จักดี แบงค์ ที่มาจากโรงเรียนเดียวกันนั่นเอง
"แบงค์ ไม่เครียดเหรอ" แพรถาม
"ไม่หรอก ไม่รู้สิ ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นกังวล อยู่ดีๆก็รู้สึกดีขึ้นมา" แบงค์ตอบแล้วเดินเข้าไปในห้องสอบ
"อืม แปลกเนาะ" แพรคิดในใจ
การสอบเริ่มขึ้น ทุกคนลงมือทำอย่างตั้งใจ แต่ไม่นานนักแบงค์ก็เดินออกห้องสอบก่อน แพรรู้ดีว่าเขาเป็นคนประมาท เมื่อทำข้อสอบเสร็จก็ส่งเลยไม่มีการตรวจทานเป็นปกติอยู่แล้ว
"ง่ายยยย!!!!" เสียงของแบงค์แผดขึ้นด้านนอกห้องสอบ ทำเอาหลายคนตกใจเหมือนกัน
-------------------------------------------------
หลังจากวันสอบวันนั้นไม่นาน เว็บไซต์ของยุพราชก็เกือบล่ม เพราะคนเข้าไปดูประกาศผลสอบ และในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งก็เช่นกัน
"ไหนๆ มีชื่อหรือเปล่า ตื่นเต้นๆ" เด็กหญิงพึมพำขณะตรวจรายชื่อไปทีละคน ทีละคน แต่แล้วเธอก็ต้องกรีดร้องลั่นบ้าน เพราะเธอดูแล้ว มันไม่มี
"ไหนๆ พ่อดูหน่อยซิ" พ่อของเธอนั่งดูรายชื่อ แล้วมันก็ไม่มีตามคาด ตอนนี้เด็กหญิงร้องไห้ฟูมฟายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พ่อก็กอดลูกปลอบใจ
"ไม่เป็นไรลูก เรามีเงินเยอะแยะ จะเข้าที่ไหนก็ได้"
"แง หนูไม่ย๊อมมมมมมมมมมมม"
------------------------------------------------
ณ โรงเรียนยุพราช
"เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่รับเด็กคนนี้น่ะ ดูจากกระดาษข้อสอบแล้วพลังสูงมากเลยนะเนี่ย" ครูคนหนึ่งกำลังดูกระดาษข้อสอบที่มาคำตอบอยู่
"ก็นั่นแหละพี่น้อง พลังของเด็กคนนี้สูงและร้ายกาจเกินไป ฉันเลยตัดสินใจไม่รับเข้ามาให้เขาได้ฝึกวิชาหรอก มันมากพอที่จะทำลายโลกได้เลย" ครูที่เป็นหัวหน้าโครงการตอบ
"ตามใจเธอก็แล้วกัน แล้วเรื่องสอบสัมภาษณ์ล่ะ เตรียมพร้อมหรือยัง"
"พร้อมแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เด็กที่เราเลือกคงมากันแล้วล่ะ"
-----------------------------------------------
ปีต่อมา โรงเรียนก็เต็มไปด้วยความคึกคักอีกครั้ง ในวันปรับพื้นฐาน ก่อนเปิดเทอมใหญ่ 1 เดือน
อาร์ต นักเรียนจากเกรดท็อปจากบ้านนอก ในหมู่บ้านเขาต่างร่ำลือกันว่า เขาสามารถสอบติดโรงเรียนชื่อดังกลางเมืองได้ พ่อของเขาก็ให้ความหวังเขามาก
เขาภูมิใจที่ได้เรียนที่นี่ และคิดว่าจะทำดีที่สุดเช่นกัน
หน้าเสาธงในตอนเช้า มีนักเรียนชั้นม.1 และม.4 มาเข้าแถวเต็มสนาม โดยมีผู้อำนวยการออกมาต้อนรับ
"ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยนะครับ วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนปรับพื้นฐาน ให้ทุกคนมีความรู้ระดับเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมในการเรียนการสอนจริงตอนเปิดเทอมนะครับ"
การชี้แจงก็ดำเนินต่อไปจนถึงจุดสิ้นสุด แล้วนักเรียนทุกคนก็ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องเรียนได้
อาร์ตเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้อง ซึ่งห้องเป็นห้องสีขาว พื้นประดับด้วยกระเบื้อง มีเครื่องปรับอากาศสามตัว หน้าห้องมีกระดานสีขาว เก้าอี้สีเขียวคู่กับโต๊ะสีขาวอีกหลายสิบตัว
ซึ่งเขาก็ไปจับจองที่นั่งเหมือนคนอื่นทั่วไป
อาร์ตสังเกตได้ว่ากางเกงที่คนอื่นใส่นั้นเป็นสีน้ำเงินหรือสีดำ ไม่มีใครสักคนที่ใส่กางเกงสีกากีแบบเก่าเหมือนเขา ไม่ว่าคนอื่นจะมาจากโรงเรียนไหนก็ตาม
แต่ที่แน่ๆ ไม่มีเพื่อนเก่าของเขาตามมาเลย
ไม่นานนักก็มีครูคนหนึ่งเดินเข้ามา นักเรียนคนหนึ่งบอกชั้นทั้งๆที่ไม่มีใครบอก และอาร์ตก็ยังไม่รู้จัก
"สวัสดีครับคุณครู" ทุกคนในห้องประมาณหกสิบคนทักทายครูตามมารยาทพร้อมกัน
"สวัสดีนักเรียนทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ EP หรือ Esper Program ครูชื่อครูปราณี ลิ้มเจริญ" ครูปราณีพูดพร้อมกับเขียนบนกระดาน
"English Program ไม่ใช่เหรอ " นักเรียนคนหนึ่งข้างหน้าอาร์ตพูดขึ้น ลักษณะอ้วนกลม แต่ตัวใหญ่
"ขอโทษที่ครูปกปิดพวกเธอมาจนถึงตอนนี้ ที่จริงโครงการนี้ไม่ได้มีไว้เสริมทักษะภาษาอังกฤษ แต่มีไว้เพื่อให้พวกเธอได้รู้จักพลังที่แฝงในตัวเธอต่างหาก Esper คือผู้ใช้พลังจิต ดังนั้น พวกเธอก็คือเอสเปอร์นั่นเอง"
"ครูอำเรารึเปล่าครับ" นักเรียนที่โพล่งขึ้นมาตะกี้ถามต่อ
"อำไม่อำก็ดูนี่" ครูปราณีแบมือออกมา มีเพลงไฟเล็กๆอยู่บนมือของครู "นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ หวังว่าพวกเธอจะไม่เปิดเผยพลังให้คนอื่น และอย่าแบ่งชั้นกับนักเรียนทั่วไป เข้าใจนะ"
"อ้อ ครูลืมบอกไป เธอไม่ต้องผิดหวังหรอกนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิตส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นพวกเธอก็ได้ฝึกภาษาอยู่ดี ครูไปล่ะ"
"นักเรียนเคารพ" นักเรียนก็ขอบคุณคุณครูขณะที่ครูเดินออกห้องไป
----------------------------------------------
ในวันแรกนั้นยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ก็เป็นการเรียนการสอบกับครูชาวต่างชาติแบบธรรมดาๆ แต่ในช่วงบ่ายนั้นเป็นวิชาพิมพ์ดีด
แบงค์ นั่งเรียนวิชาพิมพ์ดีดอยู่ข้างแมนและเอ็ด เพื่อนที่ย้ายมาจากโรงเรียนเดียวกัน เมื่อเรียนไปได้สักพัก ครูพิมพ์ดีดจอมโหดก็ตวาดนักเรียนคนหนึ่งจนร้องไห้ แบงค์สังเกตภายหลังว่านักเรียนคนนั้นหลังค่อม หัวเกรียน ท่าทางมาจากบ้านนอก ดูจากการแต่งตัว
"ไอ่คนข้างหน้ามันเป็นไรวะไอ่แมน" แบงค์ถาม
"ไม่รู้ว่ะ" แมนตอบ "สงสัยโดนครูด่า นี่เค้าว่าเบาะๆ ครูฟ้ามุ่ยที่อยู่อีกห้องโหดกว่า"
"เออ โหดไม่โหดไม่รู้ แต่รู้ว่าเราต้องเรียน" แบงค์พูดต่อ แมนก็พยักหน้าเป็นเชิงว่ามันก็จริง
-----------------------------------------------
หลายวันต่อมา การเรียนพิมพ์ดีดก็ถึงจุดเปลี่ยน เมื่อต้องไปเรียนการพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษซึ่งครูที่คุมวิชานี้ ว่ากันว่าโหดมาก
"นี่เธอ มองแป้นทำไม" ครูตัวกว้างขวางยืนเท้าเอวหน้ามุ่ยอยู่หน้าโต๊ะที่แบงค์นั่งอยู่ "นั่น ยังจะมองอีก ครูจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเธอจะไม่มอง นี่ยืนเพราะรักนะเนี่ย อ่าว พอไม่มองก็ผิด เอาใหม่ ไม่ได้เรื่องเลย"
"เอ่อ ครับๆ" แบงค์ก็ตั้งใจพิมพ์ต่อไป จนครูตัวกลมเดินผ่านไป
"นี่ๆ" มีคนสะกิดข้างหลังแบงค์ "อยากรู้วิธีโกงมั้ย กดเครื่องหมายฟันหนูรัวเลย" แบงค์หันไป คนหลังค่อมที่เคยร้องไห้เมื่อชั่วโมงก่อนๆนั่นเอง
"จะดีเหรอ" แบงค์ถาม แต่มือกดรัวลงไปแล้ว
"นี่พวกเธอ" ครูมองและชี้จากหน้าห้องมาที่แบงค์ "พวกเธอทั้งหมดวันนี้จะไม่ได้กลับบ้าน เพราะพวกคนข้างหลังนั้น"
"ไอ่เม้ง" เสียงไหนก็ไม่รู้ดังมาทั่วห้อง ชี้ไปทางเด็กหลังค่อม
"อ่าว ชื่อเม้งเหรอ" แบงค์ถาม
"ป่าว เราชื่ออาร์ต"
"ออ ชื่อเม้ง"แบงค์แกล้ง "ไม่รู้ล่ะ เราจะเรียกแกว่าเม้ง พอใจป่ะ"
"ไม่" เม้งตอบ
หลังจากนั้นมา อาร์ต ก็ได้รับชื่อใหม่ว่าเม้ง และเรียกขานกันจนทุกวันนี้
ความคิดเห็น