คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : งานเลี้ยง กับ การพบเจอ
สถานการณ์ตอนนี้คือฉันต้องหาชุดให้ได้ทันคืนวันพรุ่งนี้ไม่งั้น…ไม่อยากจะบรรยาย ราวกับหนังสยองขวัญแล่นเข้ามาในหัวเรียกความหวาดหวั่นให้ฉันอีกเป็นเท่าตัว อยากรู้เหตุผลมั้ยว่าทำไม? ก็เพราะคุณพ่อดันส่งข้อความมาเมื่อเช้าว่า…
‘พวกแกเตรียมตัวให้พร้อมไม่ว่าจะเป็นชุดหรือเครื่องประดับก็อย่าทำให้ฉันขายหน้าเด็ดขาด และพวกแกก็ไม่ต้องทำตัวประหยัดเช่าชุดถูกๆ มางานนี้ด้วย พวกแกต้องซื้อของที่ดูดีกว่านี้ฉันโอนเงินให้พวกแกแล้ว ถ้าพวกแกทำฉันขายหน้าฉันไม่เลี้ยงพวกแกไว้อีกแน่’
เหอะๆ แล้วจะไม่ให้ฉันร้อนรนได้ยังไง เหลือเวลาแค่ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ฉันไม่คิดว่ามันจะทันด้วยซ้ำไป ส่วนโนมันก็อยากจะบ้าตายไม่ต่างจากฉันหรอก เห็นนิ่งๆ แบบนี้เพราะต้องสงบสติอารมณ์เรียนให้รู้เรื่องนั่นแหละ พอเลิกเรียนปั๊บมันก็รีบบอกให้ฉันขับไปห้างอย่างเร่งด่วนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันยังกลัวตาย(รถคว่ำตาย)อยู่เลย
"สวัสดีคะ ต้องการชุดแบบไหนค่ะ?" ตอนนี้ฉันอยู่ในร้านที่ค่อนข้างจะหรูพอสมควร แต่เพราะโนมันดันรีบลากฉันมาเลยยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด พนังงานคงคิดว่านักเรียนอย่างพวกเรามาทำอะไรแถวนี้แหงๆ แม้จะยิ้มต้อนรับอยู่ก็เถอะ
"เราต้องการชุดเดรสที่เข้าคู่กันไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อน่ะคะ" โนกล่าวกับพนังงานอย่างสุภาพเพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ได้มาเที่ยวเล่นเอง แต่มาเพราะต้องไปงานกับพ่อ
"งั้นเชิญด้านนี้เลยคะ" พนังงานสาวเดินนำฉันกับโนไป ฉันแอบสังเกตุเห็นด้วยนะว่าพนังงานคนนั้นมีท่าทีนอบน้อมขึ้นทันทีที่โนพูดถึงคุณพ่อ คงคิดว่าตอนแรกเราไม่มีตังจ่ายมั้ง :P
"O_O/O_O" ทั้งฉันและโนต่างตะลึงไปกับชุดเดรสหลากหลายแบบที่ถูกจัดโชว์อยู่เต็มห้องเสื้อแห่งนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยน่าใส่ไปหมดจริงๆ แต่พอคิดถึงราคาก็รู้สึกกระเป๋าจะฉีกทันที
"เชิญเลือกดูก่อนนะคะ" ฉันกับโนเริ่มเดินดูชุดรอบๆ ทันที จนกันกระทั่งเราเดินมาชนกันพอดีที่ชุดสองชุดซึ่งมีรูปแบบเข้ากันได้อย่างสวยงาม มันเป็นเดรสทั้งคู่ชุดหนึ่งสีดำสั้นรัดรูป อีกชุดสีขาวยาวกว่าหน่อยรัดรูปเช่นเดียวกัน เนื้อผ้าทอระกายระยิบระยับ ทั้งสองสีให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ สีดำให้ความรู้สึกเซ็กซี่น่าค้นหาเพราะสีดำประกายของมันเหมือนจะดึงดูดใจโนไม่น้อย ส่วนสีขาวเหมือนจะทอประกายบริสุทธิ์ออกมา ให้ความรู้สึกสวยไร้เดียงสาแต่ก็น่าค้นหาไม่แพ้สีดำเลย
"ขอลองสองชุดนี้หน่อยได้มั้ยค่ะ?" ฉันเอยถามออกไปในที่สุด เมื่อรู้สึกว่าชุดนี้คงไม่ทำให้คุณพ่อขายหน้าแน่ๆ
"ได้คะ คุณลุกค้าน่าจะใส่ไซส์นี้ได้พอดีนะคะ คงไม่ต้องปรับอะไรมาก" พนักงานเดินไปหยิบชุดมาให้ฉันกับโน และเดินนำไปที่ห้องลองชุดแต่ด้วยความที่ชุดเดรสนี้ใส่คนเดียวไม่ได้จึงต้องมีพนักงานเดินเข้ามาช่วยใส่อีกสองคน ฉันเพิ่งรู้ว่ามันใส่ยากเหมือนกันแต่ที่น่าแปลกคือชุดนี้ฉันสามารถใส่ได้พอดีโดยที่ไม่ต้องปรับแก้ตรงไหนเลย ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวนะ โนก็เหมือนกันราวกับมันถูกเตรียมไว้ให้พวกเรางั้นแหละ เมื่อสวมเสร็จเรียบร้อยเราทั้งคู่ต่างยืนหน้ากระจกข้างๆ กัน แทบไม่อยากเชื่อว่าคนในกระจกคือพวกเราจริงๆ แม้ว่าฉันจะมั่นใจความความสวยของตัวเองอยู่ไม่น้อยแต่ไม่คิดเลยว่าแค่ชุดจะเปลี่ยนคนได้จริงๆ
"สวยมากเลยคะ เข้ากันมากด้วย" พนักงานที่มาช่วยแต่งตัวเอยชมทำให้ฉันกับโนหลุดออกจากภวังทันที
"พวกเราเอาสองชุดนี้คะ" เมื่อชำระเงินเรียบร้อยต่อไปก็เครื่องประดับ แต่ก่อนที่จะได้ก้าวไปไหนไกลฉันแทบทรุดกับราคาชุดนี้จริงๆ นะ แม้แต่ฉันจะคิดว่าชุดนี้มันแพงแต่พอเห็นราคาจริงๆ ก็อดเสียดายเงินไม่ได้
"เข้าร้านนั้นกัน" คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายลากโนไปบ้าง
"ยินดีต้อนรับคะ ไม่ทราบว่าต้องการเครื่องประดับแบบไหนค่ะ?" ร้านนี้ก็ดูหรูไม่แพ้ร้านเมื่อกี้เลย สมแล้วที่ราคาแพงนี่ก็คงแพงไม่ต่างกันสินะ
"อยากได้เป็นแบบที่เป็นชุดใส่ด้วยกันพอจะแนะนำได้มั้ยค่ะ?" ฉันยิ้มตอบอย่างสุภาพแม้ว่าพนักงานสาวคนนี้จะทำหน้าเหมือนไม่อยากต้อนรับอย่างที่พูดก็ตาม แต่ครั้งนี้ฉันไม่คิดจะอธิบายอะไรเหมือนโนหรอกนะ แค่ซื้อของไปได้ก็พอแล้ว
"เชิญด้านนี้เลยคะ" แล้วเธอก็เดินนำไป พร้อมกับให้เราเดินดูไปด้วยในแต่ละอัน ในเมื่อชุดของฉันเป็นสีขาวเครื่องประดับก็ควรจะเป็นสีนิลสินะ ฉันเดินหน้าชุดเครื่องประดับที่เป็นสีนิลไปเรื่อยๆ จนสะดุดเข้ากับชุดหนึ่งเข้า เมื่อหันกลับไปมองโนท่าทางว่าก็คงจะได้แล้วเหมือนกัน
เครื่องประดับของโนเป็นสีขาวเพราะใส่ชุดสีดำซึ่งสลับกับฉันพอดี อืม เข้าคู่ดีแฮะ แล้วเราก็ชำระเงินอีกครั้ง มันแพงอย่างที่คิดจริงๆ ไม่สิ มากกว่าที่คิดอีก -0-;;;
ต่อไปก็รองเท้าเป็นอย่างสุดท้าย ครั้งนี้ไม่มีใครลากใครเพราะเราลงความเห็นเข้าร้านเดียวกันพอดี แน่นอนว่าก็ได้รองเท้าคู่สวยมาเป็นที่เรียบร้อย โดยที่หาสีที่เข้ากับชุดพอดี นั้นก็คือใครใส่ชุดสีอะไรก็รองเท้าสีนั้น
"เหนื่อยแฮะ" ฉันเริ่มเดินไปบ่นไปเพราะเรามาซื้อของกันได้ร่วมชั่วโมงแล้วมั้ง เมื่อยสุดๆ อยากกลับไปนอนเต็มทีแล้วเนี่ย
"ในเมื่อเสร็จแล้วจะกลับเลยมั้ยล่ะ หรือว่าจะหาอะไรกินก่อน" จะว่าไปเรายังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลยนี่ เพราะรีบมาดูของก่อนนั่นแหละ
"หาอะไรกินก่อนดีกว่า ฉันขี้เกียจกลับไปทำกินเองอ่ะ"
"เหมือนกัน" และแล้วเราก็พากันไปหาร้านอาหารกินกันเป็นมื้อเย็นก่อนจะหอบของกลับห้องอย่างยากลำบากเพราะดันเอารถมอเตอร์ไซค์มาเลยต้องให้โนขับส่วนฉันถือ เพราะมันกลัวฉันขับเร็วจนของหล่นหมด
เมื่อเท้าฉันได้สัมผัสพื้นห้องสิ่งแรกที่ทำคือ นอน! เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย ถือของหนักก็หนักแถมเมื่อยสุดๆ อีกต่างหาก อยากโดดเรียนวันพรุ่งนี้จริงๆ เลยแฮะ ถ้าโดดไปจะมีใครว่ามั้ยนะ?
"ไนท์แกไม่คิดจะอาบน้ำรึไง บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าแกไม่อาบพรุ่งนี้ไม่ต้องมาเข้าใกล้ฉันเชียว" โนขู่อย่างเอาจริงเอาจังจนน่าเชื่อถือ(?)
"ฉันพูดเหมือนฉันเคยไม่อาบน้ำงั้นแหละ -3-" ฉันย่นหน้ากลับไปด้วย
"เคย!" โนตอบกลับมอย่างชัดถ้อยชัดคำ มั่นใจไปมั้ย? -0-;;;
"แกช่วยลดความมั่นใจในการตอบนั่นสักนิดนึงได้มะ?"
"ก็มันเรื่องจริงนี่หว่า" โนตอบด้วยสีหน้าจริงจังจนน่ากระโดดเตะให้ความจำเสื่อมสักทีสองที
"ชิ" เมื่อไม่มีอะไรจะเถียงฉันก็สะบัดหน้าหนีตรงไปที่ห้องน้ำอย่างที่ไม่ต้องรอให้มันมาพูดซ้ำสอง
ณ คืนงานเลี้ยง
ไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้มันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ มันเป็นอะไรที่ฉันไม่คิดว่าจะต้องให้ใครมาทำให้ขนาดนั้นเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพ่อบังคับมา ไม่วันที่ฉันจะยอมเป็นตุ๊กตาบาบี้ให้ยัยช่างทำผมกับยัยช่างแต่งหน้ามันจับไปยำเล่นแบบนั้นแน่…
สามชั่วโมงก่อน
‘ฉันส่งคนไปช่วยแต่งตัวให้พวกแกแล้วนะ ถ้าพวกแกไม่ยอมให้เขาแต่งให้แล้วทำฉันขายหน้า พวกแกคงรู้สินะว่าจะเป็นยังไง’
นี่ขนาดต้องส่งข้อความมาขู่กันเลยเรอะ!?
ฉันเริ่มจะแน่ใจแล้วนะว่าฉันกับโนมันไม่ได้อยู่ในฐานะ ‘ลูก’ จริงๆ น่ะ คุณพ่อทำเหมือนฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่แค่เอาไปประดับงานให้ดูดีขึ้นเท่านั้นเองจริงๆ แถมยังย้ำนักย้ำหนาราวกลับว่าฉันมันความจำสั้นไม่สามารถจำได้ว่าคุณพ่อต้องการความดูดีมากแค่ไหน…
ทำไมไม่เคยจะเชื่อฉันสักครั้งเลยรึไงนะ…
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่ข้อความถูกฉันเปิดอ่าน ก็มีเสียงกริ๊งดังมาจากหน้าห้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นคนที่คุณพ่อส่งมานั่นแหละ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่แบบนี้…!
"สวัสดีฮ้า~ คุณโนคุณไนท์ใช่มั้ยฮ้า?" ไม่อยากจะบอกว่าฉัยผงะถอยหลังมาหลายก้าวขนาดไหนเมื่อเจอกระเถยสาวประเภทสองตัวใหญ่อย่างกับหมี! ถ้าฉันมองผ่านๆ ฉันคงโกยไม่เหลียวหลังแน่ กลัวจะกลายเป็นเศษเนื้อให้มันแทะเล่น! แน่นอนว่าคงที่ตกใจไม่ใช่ฉันคนเดียวไอ้โนก็มีท่าทีผวาไม่ต่างกัน แถมพี่แกยังไม่ได้มาคนเดียวนะขนมาเป็นแพ็คคู่อีกต่างหาก ยิ่งน่าขนลุกคูณสองเข้าไปใหญ่
เพียงเวลาไม่นานฉันก็กลายเป็นตุ๊กตาบาบี้ให้พี่แกยำเล่นจนพอใจ ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนนิ่งๆ ให้พี่แกจัดการกับร่างกายฉันกับโนอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นช่วงเวลาที่ชาตินี้ก็ไม่มีวันลืมจริงๆ -[]-;;;
ปัจจุบัน
ฉันกับโนเพิ่งจะก้าวเข้ามในงานหรูหราแห่งนี้อย่างตกตะลึงในความหรูของมัน นี่แค่งานเลี้ยงเจรจาธุรกิจแค่นั้นจริงๆ ใช่มั้ย? ไม่ใช่งานเต้นรำจากพระราชวังหรอกนะ? มันจะอลังการไปไหนก็ไม่รู้ พวกคนรวยนี่ก็รวยจนน่ากลัวจริงๆ ฉันมองไปรอบๆ อย่างคนที่ยังตกตะลึงไม่หาย
หมับ!
รู้สึกว่าโนจะได้สติกลับมาก่อนฉันเป็นที่เรียบร้อย มันก็จับมือฉันลากเข้างานทันที เพราะเราต้องรีบไปเจอคนที่คุณพ่อบอกให้ทำความรู้จักก่อนที่คุณพ่อจะเดินมาเจอเราเข้า แต่มันก็ไม่ได้เดินด้วยท่าทางเหมือนคนหนีตายอะไรแบบนั้นนะ ถึงมันจะรีบแต่ก็ยังคงเดินอย่างระมัดระวังในท่าทางการเดินของตัวเองอยู่เสมอตามหลักสูตรการวางตัวในงานฉบับเร่งรัดที่พี่หมี เอ๊ย! พี่กระเถย สอนให้เป็นของแถมเมื่อรู้ว่าฉันกับโนได้ลืมเลือนพี้นฐานส่วนใหญ่ไปหมดเรียบร้อยแล้ว เพราะทิ้งช่วงมานานตั้ง 6 ปีได้แล้วมั้งที่ฉันไม่ได้เรียนอะไรพวกนี้เพราะคุณพ่อเริ่มเห็นว่าฉันกับโนไม่จำเป็นต้องไปออกงานที่ไหน เพราะท่านไม่อยากให้ใครรู้ว่าท่านมีลูกแบบพวกเรา
เสียงดนตรีเบาๆ ภายในงานคลอยไปมาอย่างไพเราะ กลิ่นน้ำหอมลอยอบอ่วนไปทั่วทั้งงานพร้อมกับกลิ่นอาหารเลิศรสน่ากิน ภายในงานเลี้ยงถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นแจกันใบใหญ่ที่มีลวดลายสวยงามไม่แพ้อันที่ฉันเจอที่บ้านฟาเลย ไหนจะแต่ล่ะคนที่มางานนี้อีกดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเขาคุ้นเคยกับสังคมแบบนี้มากแค่ไหน แค่นั่นยังไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกประหม่าเท่ากับมีสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองมาที่ฉันและโนอย่างพิจารณา อาจจะเพราะไม่คุ้นหน้าก็ได้ แต่มันก็ไม่น่าเยอะแบบนี้นะ
"สวัสดีครับ ^^" หนึ่งในบรรดาคนในงานก้าวเข้ามาทักฉันกับโน ใบหน้าออกไปทางตะวันตกหน่อยๆ ทำให้ฉันเดาได้ไม่ยากว่าเขาอาจจะเป็นลูกครึ่ง ผมสีบรอนซ์ทองดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัส แถมริมฝีปากแดงสดจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ทำให้เขาจัดได้ว่าหล่อมากทีเดียว
"สวัสดีคะ ^^" ฉันกับโนเอยทักทายกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ดูเหมือนเขาจะตกใจไปวูบหนึ่งเหมือนกัน ที่พวกเราดันทักกลับไปพร้อมกันแบบนี้
"พวกคุณเป็นฝาแฝดกันเหรอครับ?"
"คะ" โนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นฝ่ายตอบ ก่อนะส่งสัญญาณให้ฉันไปตามหาผู้ชายที่เป็นเป้าหมายต่อ ฉันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วจึงเดินออกไป
"อ้าว แฝดคุณจะไปไหนเหรอครับ?"
"เธอคงหิวแล้วมั้งคะ ^^" คงต้องปล่อยให้โนมันรับหน้าไปก่อนล่ะ ไม่งั้นงานล่มแน่ๆ
ตี๊ดๆ
เสียงข้อความดังขึ้นจากมือถือที่อยู่ภายในกระเป๋า ฉันจึงไม่รอช้ารีบคว้ามันขึ้นมาดู จากคุณพ่อ?
‘นี่คือคนที่แกต้องเข้าไปทำความรู้จักด้วย’ พร้อมกับรูปของคนคนนั้นที่คุณพ่อพูดถึง
O_O!!!
ฉันอึ้งไปสิบวิได้มั้งเมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายกับคนคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ นี่มันเหมือนกับ…ฟา! ไม่ผิดแน่ แต่ท่าทางแบบนี้มันคนละเรื่องกับฟาเลยนะ ท่าทางหยิ่งสุดๆ นี่มันอะไรกัน? แต่เมื่อมันเป็นคำสั่งจากคุณพ่อฉันรึจะขัดได้
ฉันทิ้งความสงสัยเอาไว้ก่อนจะสาวเท้างามๆ เดินหาผู้ชายในรู้นี่ต่อ เพียงไม่นานสายตาฉันก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงที่มีใบหน้าเหมือนในรูปเป๊ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือเขากลับไปยืนเงียบๆ อยู่ที่ระเบียบนอกงานเลี้ยงเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่น่าจะต้องเข้ามาคุยเรื่องธรกิจอะไรแบบนี้ในงานไม่ใช่เหรอ?
กึก…!
ฉันเดินเข้าไปใกล้เขาอย่างถือวิสาสะลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจกับการมาของฉันแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่จิบไวท์ต่อไปเท่านั้น สายตาที่ทอดมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำที่ยากจะเห็นดาวเพราะในเมืองมันสว่างเกินไปราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยู่
ซ่าๆ …
สายลมเย็นพัดไปพร้อมกับความหนาวที่เข้ามาเยือน ตอนนี้ฉันไม่ได้ยืนมองเขาเหมือนก่อนหน้านี้เพียงแค่มายืนอยู่ข้างๆ เท่านั้นพร้อมกับชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนปล่อยให้อารมณ์ส่วนหนึ่งได้ซึมซับกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้
กึก…!
"ไนท์…" เสียงโนที่ก้าวเข้ามาสมทบกับฉันดังมจากด้านหลังก่อนจะมายืนข้างๆ ฉันอย่างเงียบๆ เพื่อที่จะไม่ได้ทำลายบรรยายกาศดีๆ ยามค่ำคืนแบบนี้
"เห็นรูปแล้วใช่มั้ยโน?" ฉันกระซิบถามเสียงเบา
"อืม ตอนแรกฉันตกใจหมดเลย นึกว่าฟาซะอีก" สายตาโนเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่นี่อีกคนอย่างพิจารณา ก่อนเขาจะหันมาทางฉันกับโน
"เมื่อกี้…พวกเธอคุยอะไรกันเหรอ?" ประโยคทักทายประโยคแรกของเขาทำเอาฉันประหลาดใจ ทำไมเขาถึงได้อยากรู้ได้ล่ะเนี่ย?
"ทำไมเหรอค่ะ?" ฉันถามกลับไปยันเชิงก่อน
"ผมได้ยินคุณพูดถึง…ฟา" เสียงตอบกลับมาด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตากลับคาดหวังในคำตอบของฉันจนฉันยังงง
"อืม คุณหน้าเหมือนเพื่อนเราน่ะคะ" ฉันอธิบาย
"เพื่อนคุณ?" เขายังคงหน้านิ่งไว้เหมือนเดิมแต่ท่าทีเหมือนจะสนใจมากขึ้น
"คะ เขาชื่อฟาไฮท์ แต่เขาไม่ใช่คนไทยหรอกนะคะ"
"การ์คาห์…" เขาทำให้ฉันประหลาดใจรอบสามเมื่อเขารู้จักประเทศของฟา
"คุณรู้จักประเทศนี้ด้วยเหรอค่ะ?" ฉันยังคงท่าทางเยือกเย็นไว้ได้อยู่ เพื่อจะถามให้รู้แน่ว่าเขาเกี่ยวข้องกับฟายังไง
"อืม เขาเป็นยังไงบ้าง?"
"เขา? ฟาเหรอค่ะ?" ฉันเริ่มปวดหัวเมื่อรู้สึกว่าคนคนนี้คุยไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
"…" เขาเงียบแต่พยักหน้าให้รับรู้ว่า ‘ใช่’
"เขาก็สบายดีนี่ค่ะ" ฉันตอบไปอย่างงงๆ
"ดีจังนะ…" เมื่อรับรู้สิ่งที่ต้องการเขาก็เบือนหน้าไปดื่มด่ำกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นเดิม จะผิดมั้ยนะ ถ้าฉันจะอยากจะบอกเขาจริงๆ ว่า เขาเป็นคนประหลาดชัดๆ จะว่าหยิ่งก็ไม่ใช่ อธิบายไม่ถูกจริงๆ หรือว่าที่บ้านเขาสอนให้สื่อสารกันทางสายตา? เป็นภาษาที่รับรู้กับเฉพาะคนอะไรอย่างงี้
"คุณรู้จักฟา?"
"…" เขาหันมาสนใจกับคำถามของฉันนิดนึงก่อนจะพยักหน้ารับ
"คุณเป็นอะไรกับเขาเหรอค่ะ?"
"…" นิ่ง หมายความว่าไงฟะ -*-?
"คุณชื่ออะไรเหรอค่ะ?" ในเมื่อไม่ได้คำตอบฉันจึงเปลี่ยนคำถามแทน
"ซีกันร์ อลันเชียร์" เขาตอบโดยไม่งั้นมามองฉันสักนิด นี่ฉันต้องทำความรู้จักกับคนแบบนี้เหรอเนี่ย รู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมายังไงไม่รู้สิ U_U
"ฉันชื่อ ไนท์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^^" ฉันพยายามที่จะทำตัวเป็นมิตรให้มากที่สุด
"…" เขาพยักหน้าเชิงรับรู้อีกครั้ง แล้วก็นิ่งไปอีกรอบ เอ่อ…นี่เขาเป็นคิดว่าตัวเองเป็นรูปปั้นประดับระเบียบรึไงนะ จะนิ่งเพื่อ…!?
"คุณมาทำอะไรที่งานนี้เหรอค่ะ?" ฉันเริ่มชวนเขาคุยอีกครั้ง
"งาน" เขาตอบสั้นๆ สั้นไปมั้ย? -*-
"เหมือนกันเลยค่ะ ^^"
"…" นิ่ง
ฉันเริ่มจะประสาทกินแล้วจริงๆ นะ ฉันจะทำความรู้จักกับเขาได้ยังไงในเมื่อเขาไม่คิดจะคุยกับฉันด้วยซ้ำ T_T
จึกๆ
"คุณพ่อมาแล้วนะ" โนที่ยืนเงียบอยู่นาน สะกิดไหล่ฉันให้เรียกความสนใจของฉันสนใจ
"อืม" ฉันหันไปบอกลาซีกันร์ "ฉันขอตัวก่อนนะคะ" แต่เขาก็ยังคงความนิ่งไม่เสมอต้นเสมอปลายจนน่าจับไปเป็นรูปปั้นระดับงานจริงๆ (ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ)
ฉันเดินเข้าไปในงานอีกครั้งพร้อมโน ก่อนจะตรงเข้าไปหาคุณพ่อที่กำลังคุยกับผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นคุณนายอยู่ ฉันกับโนเดินตรงเข้าไปสวัสดีคุณพ่อกับคุณนายคนนั้นอย่างมีมารยาท
"สวัสดีคะคุณพ่อ" ฉันกับโนเอยพร้อมกันเรียกความสนใจจากทั้งคู่
"คุณพิมลศรี นี่ลูกสาวผมเองครับ" ผมคุณพ่อยิ้มแนะนำเรากับคุณนาย
"สวัสดีคะคุณพิมลศรี" ฉันกับโนหันไปสวัสดีคุณนายบ้าง
"สวัสดีจ๊ะ นี่แฝดเหรอค่ะ?" คุณนายเอยถามพร้อมกับมองฉันกับโนสลับกันไปมา
"ครับ" คุณพ่อยิ้มตอบ
"ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะว่าคุณจินโนมีลูกด้วย แถมยังสวยมากอีกนะคะ" ปกติก็ไม่น่าจะรู้หรอก ถ้ารู้สิแปลก
"อย่างนั้นเหรอครับ ฮะๆ" เหมือนท่านจะแกล้งหัวเราะเพื่อให้การสนทนาเป็นไปต่อได้ รู้จักการเอาตัวรอดจริงๆ สมกับที่อยู่วงการนี้มานาน
ความคิดเห็น