ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mad Fairy นางฟ้าจับซาตาน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตามล่าหาซาตานสุดหล่อ~

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 51


         หลังจากที่พวกเราได้ซุ่มซ้อมมานานนนนน(วันเดียวเนี่ยนะ)  ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะเอาจริงซักที พวกเราเดินทางมาที่สนามบินสามแยก(สวรรค์,โลกมนุษย์,นรก)เพื่อจะเดินทางไปยังโลกมนุษย์

    " ไฟล์ท Smt...013เตรียมตัวเข้าห้องฉายรังสีค้วยคะ ทวนอีกครั้งนะคะไฟล์ท Smt...013เตรียมตัวเข้าห้องฉายรังสีค้วยคะ    ตะลุงตุ้งๆ"   เสียงจากโอปาเรเตอร์ของสนามบินดังขึ้น พวกเราก็ตรงมาที่ฉายรังสีทันที

    "โอย ตื่นเต้นเนอะ จะได้ไปโลกมนุษย์แล้วดีใจจังเลย"  เพเนพูดพร้อมกับทำท่าตื่นเต้น(ถ้าคุณนึกไม่ออกก็นึกว่าคุณได้ไปกินข้าวกับเอสเจดูสิแล้วคุณจะรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนี้ดี)(แต่คนเขียนก็ไม่เคยเหมือนกัน ขนาดเข้าใกล้ยังไม่เคยเลย)

    "ทำอย่างกับไม่เคยไปอย่างนั้นแหละ" เชอร์เซ่พูดพร้อมลอยหน้าลอยตา

    "แล้วแกเคยไปเหรอ" เพเนถามเชอร์เซ่

    "ก็ไม่เคยไง"  เชอร์เซ่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

    "โถ่เอ่ย เหมือนเคยไปเลยเนอะ"  เพเนตอกย้ำซ้ำเติมเชอร์เซ่  ส่วนเชอร์เซ่ก็หัวเราะ "แฮะๆ"

    เพียงไม่นานก็ถึงตาเชอร์เซ่  เพเน  แล้วก็ฉัน    การฉายรังสีเขาจะให้เราเข้าไปในห้องมืดๆ สักพักก็มีแสงสว่างวาบปรากฏแล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราลอยเคว้งอยู่บนอากาศ พอรู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้างๆเพเนและเชอร์เซ่   นี่เรากำลังอยู่ในเครื่องบินที่กำลังเดินทางไปที่จีน

    ฉันหันไปมองเชอร์เซ่และเพเนที่กำลังพูดคุยกันถึงความตื่นเต้นเวลาฉายรังสี   ไม่นานเราก็มาถึงประเทศจีน

    "ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เครื่องบินของเราจะนำท่านลงสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนแล้วคะ โปรดเตรียมสัมภาระของท่านให้พร้อมสำหรับการเดินทางด้วยคะ"  หลังจากเสียงโอปาเรเตอร์ของเครื่องบินจบลง พวกเราก็เตรียมตัวลงจากเครื่องบิน

    "แก แล้วเราจะหาเข้าเจอไหมเนี่ย"  เพเนถามอย่างไม่มั่นใจ ฉันหยักไหล่แล้วบอกว่า

    "เดี๋ยวก็รู้"  สิ้นสุดเสียงของฉัน ก็มีคนมาตะโกนเรียกพวกเราว่า

    " เชอร์เซ่ เพเนโลปี้ ฟินิตี้ ทางนี้จ๊ะ" เราสามคนหันไปทางต้นเสียงก็เจอ ผู้หญิงที่สาวๆน่ารักๆยืน

    ขวักมือเรียกพวกเราอยู่ เราสามตนมองหน้ากันก่อนที่ฉันจะบอกว่า

    "คนนี้มั้ง"

    "แหงๆเลย"  เชอร์เซ่บอก

    "คงจะใช่อะ" เพเนเสริม  เมื่อพวกเรารวมหัวกันเสร็จ เราก็ตัดสินใจเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที

    "เป็นไงไปเที่ยวอเมริกากันมาสนุกไหม"   เราไปด้วยเหรออเมริกา?

    "สนุกคะ สนุกมากกกกกก"  เชอร์เซ่ตอบด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

    "ว่าแต่...พี่เป็นใครคะ"   เชอร์เซ่ถามด้วยใบหน้าแอ๊บแบ๊ว  ส่วนพี่ผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

    "แหม ไปทัวร์คอนเสริต์ที่อเมริกามา2อาทิตย์ทำเป็นจำผู้จัดการวงของพวกเธอไม่ได้" 

    หาOOผู้จัดการวง  พวกเราได้ฟังก็ถึงกับมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทางว่า นึกออกแล้วว่าท่านลูฟให้เรามาเป็นนักร้อง   จากนั้นพวกเราก็เดินมานอกสนามบินแล้วก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อเจอกองทัพคนเป็นร้อยมายืนรอใครก็ไม่รู้ที่สนามบิน พอเห็นพวกเราออกมาก็กรี๊ดกันลั่นสะนั่นหวั่นไหว

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  พี่เพเนขา  พี่เซอร์เซ่ขา   พี่ฟินิตี้   กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด"

    รู้แล้วว่ามารอใคร ว้าว เรามีแฟนคลับเยอะขนาดนี้เลยเหรอ  เราสามคนยืนอึ้งไม่ใช่ลิสองคน สองคนเท่านั้นที่ยืนอึ้งเพราว่าเจ๊เชอร์เซ่ของเราได้โบกมือและยิ้มอย่างปิติให้กับแฟนคลับนับร้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วเราจะยืนอึ้งกันทำไมละ ฉันกับเพเนก็โบกมือและยิ้มทักทายให้กับแฟนคลับพวกนั้นเหมือนกัน  และไม่นานก็มีรถลีมูซีนสีดำดูหรูหรามารับพวกเราขึ้นรถไปและก็มีเสียงกรี๊ดไล่หลังตามมา  ในรถนั้นมีพี่สาวคนนั้นกับบอดี้การ์ด(มั้ง)2คนแล้วก็พวกเรานั่งอยู่ในรถคันนั้น

    "ไม่น่าเชื่อว่าแฟนคลับเราจะเยอะอย่างนี้นะ" เพเนพูดอย่างตื่นเต้น(ยัยนี่ตื่นเต้นตลอด)

    "ฉันก็เหมือนกัน  โอ้ มีความสุขมากกกกก" เชอร์เซ่พูด

    "อะไรกันพึ่งรู้หรือจ๊ะว่าตัวเองมีแฟนคลับเยอะ  พี่จะบอกให้นะ ว่านี่แค่ส่วนย่อยนะจะบอกให้"สิ้นสุดเสียงของพี่เขาพวกเราก็อุทานกันดังลั่นรถว่า

    "ส่วนย่อย"

    "ใช่จะ ส่วนย่อย อืม....วันนี้มีคิวอักรายการกับวง Thirteen   Divinityนะจ๊ะ"

    "Thirteen   Divinity" พวกเราอุทานพร้อมกัน

    "ชาตานพวกนั้นนี่" เพเนพูดขึ้น

    "หือ ซาตาน ซาตานอะไรกันเหรอจ๊ะ" พี่สาวคนนั้นพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น

    "อ๋อ เปล่าคะ ไม่มีอะไร" ฉันแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แต่พี่แกก็ไม่สนใจอะไร ทำให้พวกเรารอดไปได้อีกเปราะ ไม่นานพวกเราก็มาถึงคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ไพรศาล มีสวนหน้าบ้านที่ชวนมอง ตัวคฤหาสน์ถูกทาด้วยสีครีบทั้งหลังตัดกับสีน้ำตาลดำของไม้ที่เป็นส่วนประกอบของขอบหน้าต่างและขอบประตู

    "โอ้โห  ทำไมมันกว้างขนาดนี้ละคะ พี่"  เพเนพูดแล้วหมุนตัวเพื่อดูความงามโดยรอบของคฤหาสน์  แต่ความจริงคฤหาสน์หลังนี้ก็ใหญ่กว่าคฤหาสน์เก้าเพี่ยงไม่เท่าไหร่หรอกแค่ประมาณ30ตารางวาเท่านั้นเองแต่ที่แตกต่างกันก็คือที่นี่มีสวนหน้าบ้านแต่ที่นั่นมีสวนลอยอยู่บนดาดฟ้า

    "แหม พวกเธอนี่ชอบทำให้พี่ประหลาดใจเนอะ ก็นี่มันบ้านที่พวกพ่อแม่ของพวกน้องร่วมทุนกันสร้างให้พวกน้องไงคะ"  พ่อแม่? พ่อแม่เหรอ  เออใช่ ท่านลูฟบอกว่า พ่อแม่ของพวกเราเป็นเศรษฐีนี่เนอะ

    "ไปกันเถอะคะ เข้าไปข้างในกันเดี๋ยวจะไม่มีเวลาพักผ่อนนะคะ  จะมาว่าเจ๊ไม่ได้น้า~"  แล้วเจ๊แกก็นำเราเข้าไปในคฤหาสน์  ในนั้นประดับประดาไปด้วยโคมไฟคริสตัลที่ห้อยระย้าอยู่กลางบ้านและแสงสีทองจากเครื่องทองเหลืองต่างๆ

    "ว้าว~บ้านในฝัน" เชอร์เซ่พูด ในขณะที่ฉันก็กำลังมองไปโดยรอบอย่างปลื้มปิติ  นี่ ถ้ากลับไปสวรรค์จะได้อย่างนี้สักหลังไหมเนี่ย  หลังจากที่คิดโลภอยากได้นั้น  พวกคนรับใช้ต่างๆในบ้านก็มายกของพวกเราไปเก็บในห้องซึ่ง ถ้าเราไม่ตามคนรับใช้พวกนั้นไปเราอาจจะไม่รู้ว่าห้องของพวกเราไปทางไหน  พวกเราตามคนพวกนั้นขึ้นบันไดที่มีทางแยกถึงสามทาง คนรับใช้ที่ถือกระเป๋าของเพเนเดินเลี้ยวไปทางซ้าย ส่วนคนรับใช้ของเชอร์เซ่เดินตรงไปตรงกลาง และแน่นอนของฉันก็ต้องไปทางขวา        เมื่อเพเนเข้าไปในห้องก็ถึงกับอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อในห้องนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกจัดอย่างสวยงามในแจกันคริสตัลสุดหรู มีเตียงที่มีเสาสี่เสาอยู่ตรงกลางห้องซึ่งตรงเสาของเตียงนั้นได้มีการนำดอกไม้ปลอมมาประดับประดาพันไว้รอบเสาให้บรรยากาศเหมือนอยู่ท่านกลางป่าที่มีแต่ดอกไม้ และเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าสีขาวสะอาดดู ในนั้นก็มีแต่ชุดที่เหมือนการแต่งตัวสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรียหรือแฟชั่นโลลิต้าโกติ ซึ่งเป็นแนวการแต่งตัวที่เพเนอยากแต่งมานานแล้วแต่ไม่เคยได้แต่งสักที แล้วพอคนรับใช้ออกไปแล้ว เพเนก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ   

             ส่วนเจ๊เชอร์ของเรา พี่แกก็ต้องยิ้มออกมาเพราะ ห้องแกนั้นเป็นสีม่วงซึ่งมีวอลเปเปอร์สีทองหมุนเป็นเส้นเหมือนงวงช้าง บางเส้นก็หมุนเป็นดอกไม้ ดูแล้วมีเสน่ห์มาก เตียงของเจ๊แกก็ถูกปูด้วนผ้าปูที่นอนสีม่วงไล่ระดับ จากสีม่วงเข้มก็มาสีม่วงอ่อนตามลำดับที่ถูกใจเจ๊แกมากกกกกก และบนหัวเตียงของแกก็มีรูปแกซึ่งกำลังถ่ายแบบเซ็กซี่มากกกกกกกกจนเจ๊แกเห็นต้องกรี๊ดออกมาเลยทีเดียว  และเมื่อแกเปิดตู้ไม้สีน้ำตาลแกก็ต้อง กรี๊ดอีกรอบ เมื่อเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นแบบ เว้าตรงนี้ ปิดตรงนั้น ขาดตรงนี้หน่อย วิ่นตรงนี้นิด ซึ่งเป็นแนวเดียวที่เจ๊แกใส่มาตลอด   ส่วนฉันเป็นห้องที่ออกแนวสีฟ้าอ่อนๆมองแล้วสบายตา เตียงเป็นเตียงสี่เสา ที่นอนถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด มีหน้าต่างที่ลมพัดผ่านเข้ามาได้ตลอด ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่ชายทะเล โดยตัวห้องถูกประดับประดาด้วยภาพวาดต่างๆอย่างลงตัว และพอเปิดตู้เสื้อผ้าสีขาวออกดูก็เจอชุดราตรีมากมาย  นี่จะไม่ให้ฉันอยู่บ้านเลยใช่ไหมเนี่ย  แต่ชุดราตรีนั้นก็ดูมีเสน่ห์ดีและพอเปิดไปอีกตู้นึงก็เจอเสื้อยืด กางเกงยืนทั้งขาสั้นขายาว  สงสัยอันนี้คงจะใส่อยู่บ้านนั่นแหละ เมื่อทำธุระส่วนตัวในห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ลงมานั่งจุมปุ๊กกันอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่าง

    "แก ฉันรู้แล้วละ ว่าพี่คนนั้นชื่ออะไร" เชอร์เซ่เปิดประเด็น

    "ชื่อไร" เพเนพูด

    "ชื่อ  ฉิงเหมย" 

    "จีนซะ" ฉันพูด

    "แกไม่ให้เขาจีนได้ไง  ก็เขาเป็นคนจีนอะ"  เชอร์เซ่พูด

    "เออๆรู้  ก็พูดไปอย่างงั้นแหละ" ฉันพูดพร้อมทำหน้ามุ่ย

    " แต่ ฉันว่านะ เย็นนี้เราต้องเจอซาตานพวกนั้นแน่" ฉันพูดอย่างมั่นใจ

    "แก หมายความว่า วงที่เราจะเจอก็คือกลุ่มซาตานนั่น ใช่ไหม"  เพเนถาม

    "อืม" ฉันพยักหน้างึกๆ

    "ไชโย!!!!!!!!!!!!!!!!!!" อยู่ดีๆเจ๊แกก็ดีใจขึ้นมาเฉยเลย

    "แกจะดีใจไปทำไมเนี่ย"  ฉันถามพร้อมทำคิ้วขมวดใส่เจ๊แกทันที  เพราะว่าเรื่องที่เรากำลังพูดถึงนี่เป็นเรื่องที่จริงจังมากที่สุดในชีวิต

    "ก็จะได้เจอคนหล่อแล้วไง"  ฉันทำหน้าแบบว่า เอาเหอะ เรื่องของแก  ส่วนเพเนก็มองเชอร์เซ่ไม่วางตา  จนเจ๊แกรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพูดผิด ก่อนจะพูดว่า

    "ขอโทษที ลืมตัวไปหน่อย"  แล้วแกก็ยิ้มแบบแหยๆ

    "เข้าเรื่องละนะ" ฉันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    "เราจะทำยังไงกันดี กับพวกซาตาน"

    "ฉันว่าเราควรวางแผนให้ดีก่อน ทำอะไรบุกบ่ามไม่ได้เพราะพวกเรามีอยู่สามคน" เชอร์เซ่พูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   พอเชอร์เซ่พูดจบเพเนก็อมยิ้มขึ้นมาทันที แล้วก็หัวเราะออกมา จนฉันกับเชอร์เซ่งงไปตามตามกัน แล้วฉันก็เป็นฝ่ายถามเพเนว่า

    "นี่ แกขึกอะไรอีกละเนี่ยถึงหัวเราะขึ้นมา"  แต่เพเนก็ยังไม่หยุดหัวเราะ จนเราสองคนต้องสะกิดตัวเพเนแล้วถามซ้ำอีกรอบ เพื่อความแน่ใจว่า เพเนไม่ได้โดนผีเข้า

    "แกเป็นอะไร เฮ้ยๆ" ฉันพูดพร้อมเขย่าตัวเพเน  จนเพเนเริ่มได้สติ  แสดงว่าผีหมดฤทธิ์ไปแล้ว

    อ่า~ โล่ง  เพเนตอบแบบขำๆว่า

    " ฮ่าๆ สีหน้าแก อิอิ  ขำ ขำอ่า ฮ่าๆๆๆ"   ท่านผู้อ่านครับ  โปรดรับทราบด้วยนะครับ ว่า บัดนี้เพเนบ้าไปแล้วครับ บ้า บ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  อะไรที่ควรขำ แกไม่ขำหรอกขำ แต่อะไรที่ไม่ควรขำแกจะขำจนน้ำตาเล็ดน้ำตาลาดแบบที่ท่านกำลังจินตนาการภาพไปในตอนนี้นะครับ   ถ้ามีอะไรอีก เราจะรายงานให้ท่านทราบทันที  สำนักงานข่าว บูๆบีๆบาๆ ไดโนจอมป่วน ลาท่านไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ...........จบข่าว

    พวกเราสองคนเริ่มมองหน้ากัน ทำนองว่า ใช่เพื่อนเราหรือเนี่ย?  ก่อนที่ทำท่าจะลุกไป แต่เพเนก็หยุดขำแล้วบอกว่า

    "โอเคๆ อะๆ คุยต่อๆ" พวกเราก็มองหน้ากันอีกครั้งเพื่อให้ความมั่นใจของตัวเองว่า เพเนปกติแล้ว  จึงตัดสินใจนั่งลงต่อไป

    "อะอะ ต่อๆๆ" เพเนพูดพร้อมนั่งฟังอย่างตั้งใจ

    " เอาละทีนี้ก็มาถึงเรื่องสำคัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนละนะ.....เมื่อกี้ที่เชอร์เซ่พูดไปก็ฟังดูมีเหตุผล ซึ่งเจ๊แกไม่เคยพูดอะไรมีสาระเท่านี้มาก่อนเลย อ่า~ตบมือ"  ฉันยิ้มที่ได้กัดเจ๊แกบ้าง  แต่ฉันไม่ใช่สุนัขน้า~  แล้วเราสองคนก็ตบมือเปาะแปะๆให้กับเจ๊แก ส่วนเจ๊แกก็ยิ้มอย่างมีภาคภูมิก่อนจะสัมผัสมือลงบนหัวของเราสองคนอย่างหนักหน่วง

    "นี่แนะๆ โทษฐานที่พวกแกบังอาจมาเล่นกับฉัน" 

    "โอ๊ย!!!!!!!!!!! เจ็บนะ"  ฉันพูดพร้อมทำหน้าบู้บี้แล้วเอามือลูบหัวอย่างทะนุถนอม ส่วนเพเนก็ยิ้มแล้วบอกว่า

    "โถ่ แค่หยอกหน่อยเดียวเองน้า"

    "เหรอ~เออวันหลังหยอกอีกนะฉันจะได้ตบอีก หึๆ มันดี"

    "แกมันไปคนเดียวละสิ พวกเราไม่ได้มันด้วยซะหน่อย" ฉันพูดแล้วทำหน้ามุ่ย

    "แหม ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างสิ"  หลังจากที่พวกเราได้หยอกล้อกันเพื่อให้คลายความเครียดกันอยู่นั้น พวกเราก็ต้องกลับมาเครียดใหม่โดยมีเพเนคอยชักจูง

    "เราจะทำอย่างไรกันดี"

    "เอาเป็นว่า วันนี้เรายังไม่ต้องลงมือแต่ทำตัวให้เป็นปกติไว้ก่อนเพื่อให้มันตายใจแล้วค่อย....อิอิ" เชอร์เซ่พูดแล้วชะงักไปก่อนจะพูดต่อว่า

    "แล้วค่อย...ลากเข้ามาบนห้อง" สิ้นสุดคำพูดของเพเนก็ตามต่อมาด้วยคำว่า

    "หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนน"  ซึ่งฉันกับเพเนพร้อมใจกันพูด เชอร์เซ่ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า

    "แหม  ฉันก็พูดเล่นนะ แต่ถ้าได้ก็จะดีมากเลย"

    "ยัยหื่นเอ๋ย!!!!!!!!!!!!!!!!!" ฉันส่ายหัวให้กับยัยนั่น

    "สรุปว่า...เราควรทำให้พวกนั้นตายใจแล้วรีบจับให้พวกนั้นเข้าไปในน้ำเต้าจากนั้นก็เอาไปให้ท่านลูฟ แต่ก่อนอื่นเราควรหาจุดอ่อนของซาตานพวกนั้นดีกว่า" และหลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็ถูกพี่ฉิงเหมยเรียกเข้าไปในห้องเสื้อผ้าของวง ซึ่งมีขนาดเท่ากับห้องโถงของบ้านในห้องนั้นมีแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า รองเท้าและช่างแต่งหน้าทำผมครบครัน   พวกเราเข้าไปอยู่ในห้องนั้นแล้วก็มีเพศที่สามมาบอกว่า

    "นี่ชุดของน้องๆนะคะ"  พี่แกเอาชุดมาสามชุดซึ่งเป็นชุดที่คล้ายๆกัน โดยชุดของเพเนคือกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อเกาะอกสีดำรัดรูป มีโบเล็กๆสีชมพูอยู่ตรงกลางเรียงลงมาเหมือนกระดุม มีอยู่สองอันและมีโบใหญ่ๆหนึ่งอันอยู่ตรงส่วนสุดท้ายของเสื้อซึ่งมีชายโบยาวลงมาถึงต้นขา ยาวกว่ากางเกงอีก ส่วนรองเท้าเป็นบู๊ตส้นสูงสีดำ สูงมาจนเกือบถึงหัวเข่า  ส่วนของเชอร์เซ่นั้น เป็นเสื้อสายเดี่ยวคล้องคอสีขาวและมีเสื้อคลุมตัวสั้นๆสีดำกับกระโปรงสั้นลายสก๊อตสีดำแดงโดยมีโบสีชมพูอันใหญ่ผูกอยู่ข้างหลัง รองเท้าเป็นส้นสูงสีดำเฉย

    "พี่คะ" เชอร์เซ่เรียกพี่เพศที่สาม

    "มีอะไรเหรอคะ น้อง"

    "ไม่ใส่เสื้อทับได้ไหมคะ"  ตามแบบฉบับของเธอเลยที่ต้องเซ็กซี่ตลอดเวลา

    "ไม่ได้คะ น้อง"  

    "L ได้คะ" ฮื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆทามายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆssเชอร์เซ่คิด

    และส่วนของฉันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว รัดรูป  มาพร้อมกับไทด์แดงผูกหลวมๆ กับกระโปรงสั้นลายสก็อตสีดำแดงผูกโบใหญ่ตรงด้านขวาของเอว ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าส้นสูงสีดำมีโบพันขึ้นมารอบขา สูงเกือบถึงเข่าแล้วผูกเป็นโบ

    "ในเมื่อน้องๆแต่งตัวเสร็จกันแล้วก็เชิญไปนั่งที่โต๊ะแต่งหน้าทำผมได้เลยคะ" จากนั้นพวกเราก็มานั่งหน้าสะหลอนเพื่อให้พี่เขาแต่งหน้าให้   จากนั้นพวกพี่ก็เริ่มละเลงสีลงบนใบหน้าของพวกเรา ส่วนพี่ที่ทำผมก็เริ่มยีหัวพวกเราเรียบร้อยแล้ว  จนออกมาเป็นอย่างนี้  เพเนแต่งหน้าด้วยโทนสีชมพูหวานๆดูอ่อนโยน ผมของเธอถูกทำให้เป็นลอนๆออกมาดูมีเสน่ห์ ส่วนเชอร์เซ่หน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยสีที่ดูร้อนแรง ดูแล้วเซ็กซี่เข้ากับผมของเธอที่ถูกปล่อยให้เรียบลงมาแต่พอถึงประมาณหูก็ถูกทำให้ฟูดูเซ็กซี่หน้าขย้ำทันที อิอิ ล้อเล่นนะจ๊ะเชอร์เซ่  ส่วนฉันถูกละเลงสีด้วยโทนสีม่วงอ่อนๆดูมีเสน่ห์ส่วนผมถูกทำทำให้เรียบยาวลงมาแล้วมัดกลางหัวเล็กน้อย (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงตอนที่เจ๊ซินเล่นเอ็มวีเพลงยูซิ) และเมื่อเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางไปพร้อมความสวยน่ารักของพวกเรา อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×