Finally It's You
ผู้เข้าชมรวม
2,390
ผู้เข้าชมเดือนนี้
14
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Finally
it’s you
“พวกแก..
พี่ชายฉันจะกลับไทยพรุ่งนี้” ปัญญภาเอ่ยเสียงดังด้วยความดีใจ จากอีกฝากของโต๊ะกินข้าวในแคนทีนขนาดย่อมๆของบริษัท
“เบาๆหน่อยแก
คนมองใหญ่ละ” ฉันเอ่ยเตือน เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมามองต้นเสียงด้วยความสงสัย
ทั้งๆที่รู้ว่าผู้หญิงมาดมั่นแบบปันคงไม่ฟังเป็นแน่
“ก็ฉันดีใจอ่ะเมย์
นี่ไม่ได้เจอหน้าพี่อาษมาสองปีแล้วนะเว้ย คิดถึ้ง..คิดถึง” ปันยิ้มสดใส เธอคงหมายถึงพี่ชายคนโตของบ้านที่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมื่อ
2 ปีก่อน ปันมักจะพูดถึงพี่ชายเสมอ ซึ่งฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาหรอกนะ
เพราะเพิ่งรู้จักกับปันก็ตอนที่เข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ ซึ่งมันก็เพิ่งจะปีกว่าเอง
“โอย..อยากเจอพี่อาษอ่ะ
แค่คิดถึงหน้าหล่อๆใจก็ละลายละ คนอะไร..ทั้งหล่อ ทั้งหุ่นดี เรียนก็เก่ง
เพอร์เฟคชะมัด” นุ่นเพื่อนอีกคนในกลุ่มซึ่งสนิทกับปันตั้งแต่มหาวิทยาลัยเอ่ยขึ้น ก่อนจะโชว์รูปภาพที่ถ่ายร่วมกันกับผู้ชายหน้าตาดีอีกคนหนึ่งซึ่งก็คงจะเป็นพี่ชายคนที่เธอกำลังกล่าวถึง
“พอๆ
ตื่นค่ะ รีบกิน รีบไป บ่ายนี้มีประชุมอีกนะพวกแก” ฉันกรอกตาใส่เพื่อนสาวที่ทำหน้าราวติดอยู่ในความฝัน
พอเรื่องผู้ชายนี่ตาเป็นประกายเชียวนะ
“ขัดจังหวะตลอดเลยนะเมย์
กำลังฝันดีเชียว” นุ่นนิ่วหน้าใส่ก่อนจะกลับไปจัดการข้าวกลางวันตรงหน้า
“เออ..เมย์
โทษที..ฉันเพิ่งนึกได้ว่าลืมหยิบแฟ้มเอกสารมาให้แกว่ะ แล้วเย็นนี้ก็ว่าจะกลับบ้านแม่อีก
แกเข้าไปเอาที่คอนโดฉันเองแล้วกันนะ” ปันขอโทษขอโพยพลางหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าส่งให้ก่อนจะแยกย้ายกันกลับแผนก
ฉันกดปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 5 โมงเย็นพอดิบพอดี ถึงจะมีธุระหรือไม่มีธุระฉันก็มักจะเลิกงานตรงเวลาเสมอ
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะจะขยันหรือไม่ฉันก็คงไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้ เห้อ..นี่ก็คิดๆอยู่ว่ากลับถึงห้องจะเริ่มทำเรซูเม่เตรียมหางานใหม่อยู่เหมือนกัน
ทั้งปันและนุ่นต่างไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะตอนที่ฉันเดินผ่านแผนกของทั้งคู่
น่าจะยังคงติดประชุมกันอยู่ ฉันกดส่งข้อความเข้าไลน์กลุ่มเพื่อบอกทุกคนว่าจะกลับบ้านก่อน
ต่างจากทุกทีที่จะรอกลับพร้อมกัน
แสงแดดสีส้มเข้มสาดไปทั่วบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองแห่งนี้
พนักงานที่เลิกงานพร้อมกับฉันเริ่มทยอยกันกลับบ้าน ดีที่ออกจากออฟฟิศมาเร็วคนจึงยังไม่แน่นมากนักไม่เช่นนั้นคงต้องยืนรอลิฟต์นานแน่ๆ
เดินไปไม่ถึง 50 เมตรก็จะเจอกับทางขึ้นรถไฟฟ้า รวมๆแล้วก็ถือว่าเป็นสถานที่ทำงานที่สะดวกสำหรับคนเมืองหลวงเลยทีเดียว
ใกล้รถไฟฟ้า มีแคนทีนของบริษัทที่ขายอาหารราคาถูกให้กับพนักงาน ถ้าเกิดเบื่ออาหารแคนทีนด้านล่างตึกก็ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ
ให้เลือกอีกหลายร้าน ถ้าวันหนึ่งฉันลาออกไปทำงานที่อื่นก็คงนึกเสียดายความสะดวกสบายนี้อยู่ไม่น้อย
แม้จะเลิกงานเร็วแต่ผู้คนในรถไฟฟ้าก็ยังแน่นขนัด
ฉันต้องรอถึง 3 ขบวนกว่าจะเบียดตัวเข้าไปได้ คอนโดของปันอยู่ห่างไปไม่กี่สถานี ในย่านที่ราคาที่ดินสูงลิบเกินกว่าคนฐานะกลางๆค่อนไปทางจนอย่างฉันจะอาจเอื้อม
เดินจากสถานีรถไฟฟ้าไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวอาคาร ฉันหันไปยิ้มให้ รปภ.ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีเพราะมาบ่อย
ก่อนจะกดลิฟต์ไปชั้นบนสุด ในขณะที่เปิดกระเป๋าควานหาคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้อง
น้ำแดงโซดาที่เพิ่งแวะซื้อตรงทางลงรถไฟฟ้าก็กระฉอกรดเดรสสีขาวที่สวมอยู่
“เวรกรรม..” ฉันสบถ รีบวางแก้วลงในทันทีที่เข้ามาในห้อง วงสีแดงเริ่มขยายลามไปทั่วพร้อมๆกับความรู้สึกไม่สบายตัว ฉันรีบรูดซิปปล่อยให้ชุดเดรสทิ้งตัวกองลงกับพื้น แล้วก็เป็นไปตามคาด น้ำแดงซึมลึกเข้าไปยันชุดชั้นใน จะบ้าตาย ซุ่มซ่ามจริง ฉันเอื้อมมือปลดตะขอเพื่อถอดบราเซียตัวน้อยออก ยกมือขึ้นลูบหยดน้ำเหนียวๆที่ยังคงเกาะอยู่บนทรวงอกเปลือยเปล่า คงต้องล้างตัวก่อน ค่อยยืมเสื้อผ้าปันใส่กลับบ้าน นึกแล้วก็เสียดายชุดเดรสตัวโปรด พยายามคิดหาวิธีที่จะจัดการกับคราบเปื้อน หากแต่ความคิดทุกอย่างก็ต้องหยุดลง ในทันทีที่หันไปสบเข้ากับดวงตาเรียวยาวคู่นั้น สายตาประหลาดใจระคนสงสัยของผู้ชายที่คุ้นตากำลังมองมาจากหน้าประตูห้องนอนเล็กด้านใน จับจ้องมายังร่างกึ่งเปลือยของฉัน แม้อยากจะกรีดร้องแค่ไหนแต่ก็ทำได้เพียงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างรีบเร่ง และนั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้พบหน้า “พี่ชาย” ของเพื่อน
ผลงานอื่นๆ ของ Karinta ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Karinta
ความคิดเห็น