ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unintentional Love วุ่นนัก..รักไม่ตั้งใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 63


    Chapter 3

     

    แสงแดดยามเที่ยงที่ส่องลอดกลุ่มใบไม้แน่นขนัดในสวนเล็กๆข้างตึกภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการพอทำให้มิลินคลายหนาวได้บ้าง ไม่บ่อยครั้งที่กรุงเทพจะได้เผชิญกับอากาศหนาวยาวนานเหมือนปีนี้ นี่เธอถึงขั้นต้องซื้อเสื้อกันหนาวเพิ่มเพราะหยิบติดมือตอนย้ายมาเรียนที่นี่แค่เพียงตัวเดียว แม้บ้านเกิดของเธอจะอยู่ที่เชียงราย แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้หญิงสาวคุ้นชินกับอากาศหนาวซะทีเดียว

     

    มือบางกดปิดหน้าจอโทรศัพท์หลังถูกอีกฝ่ายตัดสาย

     

    "ว่าไงแก โทรมามีอะไรรึเปล่า" ชายหนุ่มในเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มเดินตรงมาหาจากทางเข้าตึกภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ถึงแม้จะยังอยู่ในช่วงปิดเทอม แต่กานต์ก็เข้ามาที่คณะแทบทุกวัน ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นหนึ่งในทีมโปรเจ็ครถพลังงานไฟฟ้าที่ทางมหาลัยจะส่งเข้าร่วมแข่งขันระดับประเทศในต้นปีหน้า

     

    "อาทิตย์หน้าเปิดเทอมต้องส่งรายงานวิชาแมชชีนดีไซน์แล้วว่ะ ยังไม่ได้เริ่มทำเลย แกมีหนังสือแนะนำบ้างป่ะ" มิลินทำสีหน้าเบื่อหน่าย ก็วิชานี้เธอไม่ถนัดเอาซะเลย ถึงแม้จะเลือกเองว่าอยากเรียนวิศวะ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบทุกวิชาที่เรียนหรอกนะ

     

    "หนังสือแนะนำอ่ะมี แต่ทำหายไปละ"

     

    "เรียนเสร็จปุ๊บ เผาทิ้งปั๊บเลยว่างั้น"

     

    "นี่ๆเล่มนี้ดี แกลองไปหาดูที่ห้องสมุดคณะละกัน" กานต์ยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปปกหนังสือที่ค้นจากกูเกิ้ล ไม่ผิดหวังที่เธอเลือกมาขอความช่วยเหลือจากตัวท็อปของเครื่องกล

     

    "เดี๋ยวส่งเข้าไลน์ให้อีกที ปะ..ไปกินข้าวกัน หิวละ"

     

     

    ถึงแม้จะเรียนอยู่ตึกใกล้ๆกัน แต่ก็ไม่บ่อยครั้งที่เธอจะมาทานมื้อกลางวันกับกานต์ ก็คงเหมือนกับเกดและดาที่อยู่ภาคเคมี กับวินที่อยู่ภาคไฟฟ้า ที่แม้จะสนิมสนมเพราะต้องเรียนรวมกันตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่พอขึ้นปีสองต่างก็ต้องแยกย้ายไปเรียนที่ภาคใครภาคมัน บางตึกก็อยู่ไกล ส่วนใหญ่ต่างคนจึงต่างไปกับเพื่อนที่ภาคมากกว่า มีก็แค่นานๆทีที่ว่างตรงกันก็มีนัดทานข้าวหรือแฮงเอ้าท์กันบ้าง

     

    นั่งคุยถามสารทุกข์สุขดิบสักพัก มิลินก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับมีสายตาลึกลับคอยจับจ้องอยู่ พลันก็เหลือบไปประสานเข้ากับสายตาผู้ชายจากโต๊ะที่อยู่ถัดไปอีกสองแถว สายตาที่ทำเอาเธออึดอัดในทุกทีที่เห็น นั่นมันอีตาโจจอมหื่นนี่นา เธอเกลียดอีตานี่จริงๆ คนบ้าอะไรมานั่งจ้องคนอื่นกินข้าวอยู่ได้ ไม่มีมารยาท! แล้วดูสายตาที่มองมา ให้ตายเหอะเขาแทบไม่ปิดบังความคิดตัวเองเลย  นี่ก็หลายอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าผู้ชายคนนี้ เธอคิดว่าเขาคงจะลืมๆเรื่องคืนนั้นไปหมดละ แต่ดูทรงแล้วคงจะไม่ ทำยังไงเขาถึงจะเลิกมองเธอด้วยสายตาแบบนี้สักที ขนลุกชะมัด แล้วจู่ๆหญิงสาวก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะวางส้อม แล้วเลื่อนมือไปบนโต๊ะด้านหน้า

     

    "กานต์..แกจับมือฉันหน่อย"

     

    "ห๊ะ..จับทำไมอ่ะ" กานต์เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย จู่ๆจะให้เขาจับมือเธอทำไม ถึงจะสนิทกันแต่ก็ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้

     

    "บอกให้จับก็จับดิ" มิลินยังคงกระซิบต่อ พลางนิ่วหน้าให้สัญญาณว่าเธอพูดจริง กานต์จึงเลื่อนมือมาเกาะกุมมือบางเอาไว้ตามสั่ง

     

    "นาน..มั้ย จะกินข้าว"

     

    "จนกว่าฉันจะบอกให้ปล่อย ลูบๆหน่อยแก"

     

    "อะไรวะมิ้นท์ ให้ทำอะไรเนี่ย" ปากบ่นแต่มืออุ่นร้อนก็ขยับตามที่เธอร้องขอ หน้าเขาเริ่มแดงด้วยความเขิน

     

    "โอเคเอามือออกได้" เมื่อเห็นว่าโต๊ะของผู้ชายจอมหื่นลุกออกไปแล้ว มิลินจึงปล่อยให้เพื่อนชายเป็นอิสระ

     

    "เป็นบ้าไรของแก ขาดความอบอุ่นรึไง" กานต์ยังคงงงกับพฤติกรรมของหญิงสาวร่วมโต๊ะ

     

    "เออน่า.." มิลินตอบเพียงสั้นๆ ไม่ได้ชี้แจงอะไรทั้งนั้น ก่อนจะกลับไปจัดการอาหารกลางวันต่อ

     

     

    เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มระลงคลอเคลียกับแผ่นกระดาษสีจางของหนังสือที่ถูกเปิดกางทิ้งไว้ ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่กับตัวหนังสือ จนไม่ได้สังเกตว่าบรรดาผู้ชายรอบข้างคอยลอบมองเธอเป็นระยะๆ แต่ถึงจะรับรู้เธอก็ชินซะแล้วกับการตกเป็นเป้าสายตา มิลินไม่ได้จัดว่าสวย ดวงตากลมโตที่รับกับปลายจมูกโด่งพองามของเธอนั้นมองดูจิ้มลิ้มเป็นผู้หญิงน่ารักซะมากกว่า แล้วยิ่งมาอยู่ในคณะที่หาผู้หญิงได้ยากอย่างนี้แล้ว ก็ไม่แปลกที่จะมีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่บ่อยครั้ง หากแต่ด้วยพื้นฐานเป็นคนรักสันโดษ แถมยังพูดน้อย จะคุยก็เฉพาะกับเพื่อนที่สนิทๆเท่านั้น พวกผู้ชายที่เข้าหาจึงค่อยๆหายไปทีละคนสองคนเนื่องจากไม่รู้ว่าจะสานต่อความสัมพันธ์กับเธอยังไง บ้างก็ว่าเธอหยิ่ง ซึ่งหญิงสาวก็ชอบให้คิดแบบนั้น ดีซะอีกจะได้ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับเธอ

     

    "หนังสือที่กานต์ว่า มันอยู่ตรงไหนวะ" มิลินเปรยเบาๆหลังจากเดินดูตามชั้นหนังสือก็ยังไม่เจอเล่มที่ต้องการ

     

    ไม่บ่อยครั้งที่เธอจะเลือกใช้บริการห้องสมุดของคณะแต่มักจะไปหอสมุดของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่กว่า มีหนังสือให้เลือกเยอะกว่า หากแต่รายงานที่ต้องส่งในอาทิตย์หน้าค่อนข้างเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง เธอจึงเลือกที่จะมาที่นี่แทน

     

    มิลินกอบหนังสือที่เปิดค้างไว้บนโต๊ะนำไปวางคืน ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองของห้องสมุดเพื่อตามหาหนังสือที่เพื่อนแนะนำมา

     

    ร่างบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินเข้าไปยังชั้นหนังสือด้านใน กวาดสายตาจนพบกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่มันดันอยู่ชั้นบนสุด เกินกว่าที่คนตัวสูงร้อยห้าสิบกว่าๆแบบเธอจะเอื้อมถึง

     

    "ขอโทษนะคะ ช่วยหยิบหนังสือให้ทีได้มั้ย" มิลินเอ่ยขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่อยู่ล็อคติดกัน ถึงจะมองเห็นไม่ชัด แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นผู้ชายตัวสูงเลยทีเดียว แต่เมื่อเขาคนนั้นเดินมายังล็อคหนังสือที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวแทบอยากจะกัดลิ้นตายซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะร่างสูงที่ยืนยิ้มให้เธออยู่ตรงปลายทาง คืออีตาโจจอมหื่นนั่นเอง!

     

    มิลินชะงัก ได้แต่ยืนแข็งทื่อขณะที่จิรัชญ์เดินเข้ามาใกล้จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมที่ปะปนกับกลิ่นบุหรี่จางๆ หญิงสาวใจสั่นรัวในทุกฝีก้าวที่เขาเข้ามาใกล้จนตอนนี้ระยะห่างเหลือเพียงแค่ศอกเดียวเท่านั้น

     

    "เล่มไหน?" มิลินชี้มือไปยังหนังสือเล่มหนึ่งที่ชั้นบนสุด บังคับตัวเองสุดฤทธิ์ไม่ให้มือสั่น

     

    "ขอบคุณ" หญิงสาวเอ่ยแผ่วเบาหลังจากเขาส่งหนังสือให้ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเพื่อเดินออกจากล็อกหนังสือแคบๆนี้ ยิ่งอยู่กับเขานานยิ่งอึดอัดเหมือนจะขาดอากาศหายใจ แต่จิรัชญ์กลับยิ่งเดินเข้ามาใกล้ จนเธอถอยกรูดหลังพิงเข้ากับฝาผนัง

     

    "ขอคุยด้วยหน่อยสิ" ร่างสูงใหญ่ยืนบดบังจนเธอที่ตัวเล็กอยู่แล้วดูเล็กลงไปอีก ใบหน้าคมสันโน้มลงมาใกล้ จนมิลินต้องเบี่ยงหน้าหลบแววตาสุดร้อนแรงนั้น

     

    "เรื่องอะไร?" หญิงสาวกัดฟันถามออกไปท่ามกลางความเงียบงัน หัวใจเธอเต้นกระหน่ำจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน

     

    "ขอโทษนะ..สำหรับเรื่องคืนนั้น พี่ไม่ได้ตั้งใจ" ปลายนิ้วแข็งแกร่งยกขึ้นไล้เส้นผมสลวยหอมกรุ่นของเธอเบาๆ ไม่ใช่ด้วยความหื่นกระหายแต่คล้ายจะเอ็นดูเสียมากกว่า

     

    "ช่างมันเถอะ" มือหนายังคงลูบผมพลิ้วแผ่วเบา น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้เท่าในเหตุการณ์วันนั้น

     

    "งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย?" วงตากลมโตเบิกกว้างเงยขึ้นสบสายตา ด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยถาม จิรัชญ์รับรู้ว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อแม้แต่น้อย จึงได้เปลี่ยนคำถาม

     

    "พี่จีบเราได้มั้ย?"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×