กะเหรี่ยงไทยในสหรัฐอเมริกา
ชีวิตของหนุ่มไทยคนนึง ที่ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาแบบค่อนข้างจะฉับพลัน ชีวิตเมืองนอก.. บางทีมันก็ไม่ได้ดีเสมอไป
ผู้เข้าชมรวม
748
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เกริ่นซะหน่อย
เรียนต่อเมืองนอก ปัจจุบันนี้แทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว คนส่วนใหญ่มักคิดว่านักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นลูกคนมีตังค์ทั้งนั้น ในความจริง มันไม่ใช่อย่างนั้นทุกอย่างหรอก อย่างน้อยก็มีผมคนนึงล่ะ ที่ไม่ได้มาจากครอบครัวของคนมีเงินถุงถังอย่างที่เค้าเข้าใจกัน พ่อกับแม่ผมเป็นคนธรรมดาในกรุงเทพฯ ไม่ร่ำไม่รวยอะไร กัดฟันขายที่นาเพื่อส่งควายน้อยๆ ตัวนึงเรียน จะว่าไปแล้วตัวผมก็ไม่น้อยเท่าไหร่หรอกนะ 182 cm เชียว ก่อนที่ผมจะมาเรียน ผมคิดเสมอว่า การได้มาเรียนต่อเมืองนอก ทุกอย่างมีแต่ความสะดวกสบาย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเหตุเนื่องมาจากพ่อกับแม่ผมส่งผมมาเรียนภาคฤดูร้อนที่อเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพตอนที่ผมอายุได้ 13 ขวบ ตอนนั้นผมมาอยู่กับโฮสต์แฟมิลี่แสนใจดี แถมมีครูคอยดูแลอีกต่างหาก เรียกได้ว่าไปเที่ยวมากกว่าไปเรียน มันก็เลยสร้างความเข้าใจให้กับผมว่า การมาอยู่เมืองนอก มันก็สบายดีนี่หว่า...
ผมเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งแถวรังสิต หลังจากอยู่ที่นั่นมา 4 ปีเต็ม ก็ออกมาทำงานกับบริษัทสื่อสารใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย ทำอยู่ที่นั่นซักพักก็ย้ายไปอยู่กับบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ต่างชาติอีกปีครึ่ง แล้วก็สบโอกาสมาเรียนเมืองนอกก่อนที่อายุจะเกินเลขสามซะก่อน ผมลังเลอยู่ประมาณปีกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะมาเรียนหรือไม่ ด้วยเหตุผลหลายประการ แผนแรกที่วางไว้คือ สมัครเรียนปริญญาโทจากเมืองไทยโดยสอบ TOEFL และ GRE (สายวิทย์) (เหมือน GMAT ของสายสิน) ให้ได้คะแนนดีแล้วสมัครไป แผนนี้ขอบอกว่าทำยากมากครับ ถ้าไม่มีความตั้งใจจริง ยิ่งสำหรับคนที่ทำงานด้วยแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมากเลยครับกับการที่ต้องทั้งทำคะแนนสอบ และทำงานไปพร้อมๆกัน ไปๆมาๆ คะแนนสอบ TOEFL ก็ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่คะแนน GRE ก็เหมือนกัน ก็มันจะไปดีได้อย่างไรล่ะครับ ก่อนวันสอบยังไปเที่ยวเล่นแต๊ดแต๋อยู่ข้างนอกทั้งสองวันเลย สอบได้ก็แปลกแล้วล่ะ แผนผมก็เลยเปลี่ยนซะดื้อๆอย่างนั้น เพราะมานั่งคิดดูแล้วถ้ามัวแต่รอสอบอย่างนี้ ท่าทางชาตินี้ก็คงจะไม่ได้ไปเรียนแล้วล่ะ ว่าแล้วก็ตัดสินใจฉับ เอาวะ ไปก็ไป อย่างมากก็ไ ปตายเอาดาบหน้าเอาด้วยความคิดโง่ๆว่าถ้าไปที่โน่นแล้วคะแนนสอบน่าจะดีขึ้น อ่ะ... มาถึงตรงนี้แล้วอาจสงสัยว่า ไม่ได้ไปเรียนโทแล้วจะไปได้ยังไง คำตอบก็คือ ผมตัดสินใจไปเรียนภาษาที่โน่นก่อนไปพลางๆ แล้วระหว่างนั้น ก็เตรียมสอบไปด้วย โดยผมจะไปอยู่ Seattle รัฐ Washington ที่มันขายแอ๊บเปิ้ลกันเยอะๆ (เผื่อบางคนไม่รู้จัก) เนื่องจากพี่สาวผมไปอยู่ที่เมืองนั้นมาก่อน แล้วก็ย้ายไปทำงานอีกเมืองชื่อ Vancouver (ไม่ใช่ Canada) อยู่ในรัฐ Washington เหมือนกัน มหาวิทยาลัยที่ผมตั้งใจจะเข้าชื่อ The University of Washington เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มากเลยทีเดียวพอคิดได้ดังนี้แล้วก็จัดการขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ
มาถึงตรงนี้.. ขอให้ความรู้เบื้องต้นกับคนที่กำลังจะเดินทางมาศึกษาต่อนิดนึงนะครับว่า ก่อนที่เราจะขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เราจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อยืนยันว่า เรามีที่จะไป และมีจุดหมายเพื่อจะไปทำอะไรที่สหรัฐอเมริกา มีเงินใน BankStatement จำนวนหนึ่ง เพราะทางอเมริกาค่อนข้างจะเข้มงวดกับเรื่องการเดินทางเข้ามา เพราะเค้ากลัวว่าจะมีแรงงานต่างด้าวแอบเข้ามาทำงานในประเทศเค้า หรือถ้าเพื่อนๆคนไหน จะให้ agency ทำเรื่องให้ก็ได้ อาจจะง่ายกว่านิดหน่อย แต่ตามความคิดผมแล้ว ทำเองนี่แหละง่ายดี แถมไม่ต้องพึ่งใครด้วย เราเลือกเราทำของเราเอง แต่จะว่าไปผมเองตอนเดินเรื่องทำวีซ่า ก็ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆเหมือนกัน กลัวว่าหลังจากเห็นหน้าแล้ว เค้าจะคิดว่ามาค้าแรงงานต่างด้าว แต่โชคดีนิดนึงที่มีจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียน (i-20) หลังจากนั้นไม่เกิน 5 วัน ทางสถานฑูตก็จะส่ง passport พร้อม visa ที่มีตราประทับอนุญาตเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในนั้นด้วย
หลังจากรออยู่ซักพักหนึ่งผมก็ได้ทุกอย่างมาครบแล้ว การเดินทางสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทของผม.. ก็เริ่มขึ้น
ผลงานอื่นๆ ของ กะเหรี่ยงไทย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กะเหรี่ยงไทย
ความคิดเห็น