คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 ลานกิจกรรมกับมินิ!!
ผมเดินช้าๆ อย่างหอยทากเข้าลานกิจกรรม ใจหนึ่งไม่อยากมา เพราะกลัวจะโดนคำถามจากไอ้แมก แต่อีกใจหนึ่งอยากมาเพราะมินิ แหะๆๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมครับ ผมอยากเจอมินิจริงๆ
“จีนค๊า....” เสียงผู้หญิงดังมาแต่ไกล ก่อนที่พวกผมจะเดินไปถึงลานกิจกรรมอีกครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ป่านทอ แฟนไอ้จีนซึ่งเป็นเพื่อนมินินั่นเอง
ป่านทอวิ่งมาเกาะแขนไอ้จีนอย่างกะไม่เจอกันมานาน แต่ผมว่าไม่หรอกเพราะวันที่ผมไปนอนบ้านมัน ผมเห็นเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักอยู่เลย แสดงว่าป่านทอคงมานานบ้านไอ้จีนก่อนผม แต่ในเมื่อมันสามารถเอาป่านทอมานอนบ้านได้แล้วทำไมไม่เอามานอนวะไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นผม ผมว่ากอดสาวน่าจะอุ่นกว่านอนกับผมเป็นร้อยเท่า
“คิดถึงจังเลยค่ะ” ป่านทอบอกไอ้จีนเสียงหวาน
“ฮิ้วววววววววววววววววว” ไอ้พวกนั้นแซว (รวมผมด้วยแหละ)
“มึงไม่หึงเหรอวะไอ้เหนือ” นั่นไงปากหมาๆ แบบนี้มีคนเดียวแหละ ผมไม่ตอบแต่ตบเกรียนมันไปหนึ่งที
“สัด!! ดีนะพูดเบา ป่านทอยิ่งขี้หึงอยู่” ผมบ่น ปกติพวกมันก็แซวแบบนี้ต่อหน้าป่านทอเหมือนกันครับ แต่วันนี้ผมเซนซิทีฟเป็นพิเศษเพราะมันมีบางสิ่งฟ้องอยู่ ผมไม่อยากให้ป่านทอเสียความรู้สึกกับสิ่งที่ไอ้จีนมันทำ แล้วผมก็ไม่อยากให้เพื่อนผมมีปัญหากับแฟนด้วย
ผมเดินเลี่ยงกลุ่มออกมา แต่ก็ไม่ลืมปลายสายตาไปทางกลุ่มโนลิมิต... ปลายสายตาไม่เห็นคนที่ผมมองหาก็เลยต้องหันไปดูให้เต็มตาแทน โชคดีจังครับมันไม่อยู่!!
“มองอะไรอยู่เจ้าเวียงเหนือ” เสียงหวานๆ ของมินิพูดใกล้ๆ แม้แต่ตอนเย็นๆ อย่างนี้ยังได้กลิ่นหอมจากมินิอยู่เลยครับ ผมสูดกลิ่นนั้นเข้าเต็มปอด
“เปล่า มินิมานานแล้วเหรอครับ”
“ไม่นานหรอก ถ้าซ้อมเสร็จทานข้าวกันนะเจ้า” พร้อมยิ้มกว้างส่งมาให้ผม ผมยิ้มรับและพยักหน้าให้ด้วยความยินดี วันนี้มีพลังเหลือเฟือวุ้ย เต้นให้ตายกันไปข้างนึงเลยยยยยย
^O^
แล้วผมต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อหันไปเห็นไอ้นายที่ใช้สายตาวิงวอนทอดมองมินิด้วยความอยากคุยด้วยที่สุด แต่มินิกลับไม่ได้สนใจอะไรเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่นั่งเล่นข้างลานซะงั้น -_-;;;;
เฮ่อ... ผมเดินไปยืนข้างๆ มัน
“เดี๋ยวมึงก็ไปแดกข้าวกับกูไง”
“อะไรนะ... กูไปได้เหรอวะ”
ผมพยักหน้าให้ ไอ้นายยิ้มกว้างโชว์ฟันเหล็กที่ถูกจัดไว้ ความจริงหน้าตามันก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนะผมว่า ตัวสูงๆ ขาวๆ หน้าตี๋ๆ แต่เวลามันยิ้มออกจะกวนๆ แถมท่าทางยังยียวนกวนได้อีก ถ้ามันลดความเกรียนลงบ้างก็คงน่าเข้าไปคุยมากกว่านี้
พอตอนผมพัก มินิก็ส่งน้ำมาให้ ผมรับมาดื่มด้วยหัวใจที่เปรมปรีด์ แต่จะยิ้มกว้างก็ไม่ได้อีกเพราะไอ้นายแมร่งมองมินิบ่อยจนผมทำตัวไม่ค่อยถูก เฮ่อ... ยิ้มมากก็ไม่ได้ จะไม่ยิ้มเดี๋ยวมินิก็เข้าใจผิด อึดอัดมากเลยครับตอนนี้...
ผมกวาดสายตาไปทั่ว มองเห็นคู่ไอ้จีนกับป่านทอ... พวกแมร่งไม่เคยอยู่ด้วยกันหรือยังไงพวกมึงน่ะ!!
อ่ะหวานได้อีก มีเช็ดเหงื่อให้กันด้วย อ่ะป้อนน้ำด้วย! วุ้ยยยยย ผมอยากมีคนทำให้อย่างนั้นมั่ง อิจฉาจริงๆ เลยพวกมีแฟนเนี่ย หาเองมั่งดีไหมวะ... แต่พอหันไปหามินิ อ่ะกำลังเม้าท์สนั่นกับเพื่อนซะงั้น ไม่เห็นสนใจผมเลยอ่ะ
-_-^
แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละครับ ผมไม่อาจให้มินิมาทำอย่างเดียวกับที่ป่านทอทำให้ไอ้จีนหรอกครับ อีกอย่างถ้าทำอย่างนั้นผมคงไม่มีหน้าไปมองไอ้นายมัน
“ไอ้เหนือ”
ผมหันไปทางไอ้ไรท์ เหมือนมันมีอะไรจะพูดกับผม
“มีอะไรวะ”
“มึงอย่าลืมเรื่องไอ้นายล่ะ”
ห่านเอ้ย!! กูเครียดอยู่นี่ไงล่ะ!!
“กูรู้น่า ว่าแต่ทำไมมึงกระตือรือร้นเรื่องนี้จังวะ” ไม่ใช่เรื่องตัวเองสักหน่อย อีกอย่างไอ้นายยังไม่เคยบอกผมสักคำเลยว่าให้ผมช่วยเรื่องมินิ
“กูขี้เกียจฟังมันคร่ำครวญถึงมินิ เวลามันเห็นมึงกะมินิอยู่ด้วยกันทีไร แมร่งแทบตายทุกที แล้วก็ต้องเป็นกูที่ต้องฟังเรื่องพวกนี้ โคตรรำคาญ แต่มันไม่อยากบอกมึง มันกลัวว่ามึงจะชอบมินิ แต่มึงก็ไม่ได้ชอบมินิแบบแฟนนี่ใช่ป่ะ”
“เอ่อๆๆ กูจะพยายาม” ผมบอกปัดไป เฮ้ยยยยยยย ทำไมต้องกดดันกูขนาดนี้ด้วยวะไอ้ไรท์เอ้ยยยย
ผมไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนผมจะมากมายได้ขนาดนั้น แต่จากสายตามันผมก็พอรู้แหละครับว่ามันเอาจริงขนาดไหน
“เชี่ยกูนึกว่าจะมีแค่มินิมึงแล้วก็กู” ไอ้นายพูดกับผม ตอนนี้พวกเราเลิกกิจกรรมแล้วและกำลังยกโขยงไปหาอะไรกระแทกกระเพาะอยู่ครับ พวกผมยกโขยงกันจริงๆ ครับ มีทั้งกลุ่มผมห้าคน กับกล่มมินิอีกหก และผมกับไอ้นายก็เดินรั้งท้าย
“มากันเยอะๆ สิดี สนุกดีออก” ผมบอก เพราะพอเราซ้อมเต้นเพลงที่เราจะเอาไปโชว์เรียบร้อย (วันนี้ผมกระโดดตีลังกาได้แล้วแหละ เย้ๆๆ ^O^ แต่ยากชิหอง -_-^) ผมก็ชวนทุกคนไปกินข้าวกันผมกลัวว่าหากไปแค่สามคนอย่างที่ไอ้นายบอก มันดูไม่ดีครับ แล้วมินิก็ไม่มีเพื่อนเม้าส์เดี๋ยวเหงาแย่
“ตกลงมึงจะช่วยกูอย่างที่ไอ้ไรท์พูดจริงๆ เหรอวะ”
“ก็เอ่อสิ” อย่าถามมากได้ม๊ายยยยยยยยยย กูไม่ได้อยากช่วยมึงหรอก กูไม่มีทางเลือก!!
“กูรักมึงจริงๆ ว่ะ” ไม่ว่าเปล่ามันดันดึงผมไปกอดด้วยนี่ดิ
“เฮ่ยยยยย เรื่องเล็กน่า” ผมตบบ่ามันเบาๆ แต่แล้วแขนผมก็โดนดึงออกจากร่างสูงของไอ้นาย
“กอดกันทำเชี่ยอะไรที่สาธารณะแบบนี้วะ” เป็นไอ้จีนที่ดึงผมออกครับ
“มึงหึงรึไงไอ้จีน ฮ่าๆๆ กูแค่กอดเมียมึงเล่นๆ อย่าหึงไปหน่อยเลยน่า”
อ่า~~ ปากหมาๆ ของมึงเนี่ยถ้ามันไม่มีสีมึงคงไม่หุบใช่ม๊ายยยย สัดเอ้ยยยยยย
ผมเลยตบหัวเกรียนมันไปหนึ่งทีข้อหาหมาเกินเหตุ
“มึงพูดเชี่ยอะไรวะ หัดเงียบซะมั่ง” ผมตีหน้าเครียดใส่ไอ้นายที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ
ถ้าเชี่ยพูดเบาๆ ผมคงไม่ว่าอะไรหรอกนี่ดันพูดซะดังเชียว ผมแหล่ตามองไปที่กลุ่มมินิที่กำลังเลือกมุมนั่งกันอยู่ ดูท่าทางพวกเธอไม่ได้สนใจอะไรตรงนี้เลย ผมล่ะโล่งอก
“แล้วมึงปล่อยกูได้แล้ว กูจะแดกข้าว” ผมบอกพร้อมสะบัดแขนออกจากไอ้จีน จะเดินไปที่โต๊ะที่ตอนนี้พวกมินิได้มุมแล้วและกำลังดูเมนูกันสนุก แต่มันดันคว้าข้อมือผมไว้
“ฝากป่านทอกับมินิแป๊บไอ้นาย” ไอ้จีนบอกไอ้นายแล้วลากผมออกนอกร้าน
“เฮ้ยมึงจะไปไหนวะ กูหิว” แต่ไร้ซึ่งคำตอบ วันนี้ผมรู้สึกว่าเหนื่อยเหลือเกินครับ ไม่อยากโวยวาย ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เป็นเพราะอะไรผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย
ไอ้จีนหยุดตีนไว้ที่ข้างๆ ร้าน แล้วมันก็ปล่อยมือผม
“เป็นเชี่ยอะไรของมึงวะไอ้เหนือ”
ผมงงกับคำถามครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยทำไมมันถามผมแปลกๆ
“กูเนี่ยนะ... กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ไม่ได้เป็นเชี่ยอะไร มึงรู้ตัวหรือเปล่า มึงเงียบทั้งวัน ไม่ร่าเริง ไม่กวนตีน ไม่ยิ้ม ไม่เล่นกับกู ไอ้เหนือของกูไม่ได้เป็นแบบนี้นะเว้ย!”
(กูเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้จีน!! -_-^^^)
“ก็ยิ้มอยู่นะ” ผมเถียงแม้ผมจะรู้ว่าวันนี้ผมไม่ทุกอย่างเหมือนที่มันว่าก็ตาม แต่ผมก็ยิ้มนะ ไอ้จีนมองหน้าผมประมาณว่าอย่าเถียง ผมเลยต้องหุบปาก แมร่งไม่รับมุขกูเลยอ่ะ
“บอกกูมา มีอะไรในใจมึง”
ผมก้มหน้าลงกับพื้น เอาเท้าเขี่ยดินเขี่ยหินเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จะตอบไอ้จีนว่ายังไงดีกับเรื่องที่กวนใจผมอยู่ตอนนี้ ทั้งเรื่องไอ้นายกับมินิ ทั้งเรื่องที่มันทำกับผม
“มึงเครียดเรื่องไอ้นาย?” คำพูดมันทำเอาผมหยุดทุกอย่าง แล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงอย่างยากจะเข้าใจ
เชี่ย มันรู้ได้ไง!!
“ไอ้ไรท์บอกกูเรื่องไอ้นายกับมินิแล้ว”
อ่านใจกูออกอีก!!
“มึงรู้แล้วถามกูไมวะ” ผมบ่น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเขี่ยดินตรงเท้าเหมือนเดิม มือใหญ่ของไอ้จีนยื่นมาโยกหัวผมไปมาช้าๆ
“ไอ้เหนือฟังกูนะ มึงเป็นของมึงนั่นแหละดีแล้ว ส่วนไอ้นายเรื่องของมัน มันก็ต้องจัดการเอง แล้วเรื่องที่ต้องทำตัวห่างมินิน่ะ มึงลืมไปได้เลย เพราะเรื่องนี้คนที่ตัดสินใจน่ะมินิไม่ใช่มึงเข้าใจไหม”
มันก็จริงที่มินิต้องเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ก็ไม่แน่ว่ามินิจะเลือกผมนี่นา
“ปล่อยวางมั่งเถอะวะ เรื่องคนอื่นก็ให้เจ้าตัวเค้าตัดสินใจไปเอง ส่วนมึงก็สนใจตัวมึงไป ไม่ต้องเอาเรื่องใครมาคิดใส่กะบาลมึงหรอก ยิ่งโง่ๆ อยู่”
อ้าว... ตกลงมึงจะให้คำแนะนำกูหรือว่าจะด่ากูครับพี่น้อง!!
ผมทำหน้านิ่วใส่ไอ้จีน มันกลับยิ้มให้
“แล้วเรื่องที่คอมึงน่ะ ก็เลิกคิดได้แล้ว ป่านทอขี้หึงก็จริง แต่หึงกูกับผู้หญิง เค้าไม่หึงกับผู้ชายหรอกสบายใจได้” ปลายเสียงมันหัวเราะ หึหึ ด้วยครับ
เชี่ยนี่สบายใจได้อีก!!
แต่ให้ผมเลิกคิดเรื่องพวกนี้มันยากจริงๆ นะครับ ผมไม่อยากให้คนที่รักกันเข้าใจกันผิด พอๆ กับที่ผมอยากให้เพื่อนสมหวัง ผมเงยหน้ามองไอ้จีน ก็เห็นรอยยิ้มที่แปลกออกไปกว่าทุกที เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมอบอุ่นอย่างประหลาด ผมเลยยิ้มกว้างแทนคำขอบคุณที่มันให้คำแนะนำและคำพูดที่ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้
“แต่ว่า... ทั้งหมดทั้งมวลที่กูพูดไปน่ะ สรุปคือ กูไม่ยกมึงให้มินิง่ายๆ หรอก” ประโยคสุดท้ายทำเอาผมต้องถลึงตามองมัน เกี่ยวกันตรงไหนวะไอ้ที่มันพูดกับบทสรุปน่ะ
“สัด!! กูไม่ใช่สิ่งของ” ผมพูดพร้อมดันมือใหญ่ออกจากหัว แล้วผมก็ไม่ใช่หมาด้วยมาลูบหัวผมอยู่นั่น
“กูหิว ถ้าหมดเรื่องคุยกูจะเข้าไปแดกแล้ว”
“เป็นไอ้เหนือคนเดิมของกูน่ะดีที่สุดแล้ว” ไอ้จีนบอก พร้อมคว้าคอผมไว้แล้วลากผมเข้าร้าน
.........................
ขากลับผมนั่งบนแท็กซี่กับไอ้จีนและ... ปิ๊งป่อง!! ใช่ครับ กับป่านทอ คือความจริงผมกลับบ้านเองก็ได้ แต่เชี่ยจีนแมร่งไม่ยอม มันบอกว่าผมยังต้องนอนกับมันอีกสองคืน...
แล้วแมร่งเป็นด๋อยอะไรของมัน ในเมื่อป่านทอกลับพร้อมมันเนี่ย ไม่ได้แปลว่าป่านทอมาค้างบ้านมันรึไง แล้วผมจะนอนที่ไหนครับท่าน ห้องพ่องมึงไง๊!!
ผมกะว่าถ้าแท็กซี่ผ่านหน้าบ้าน ผมจะลงเพราะบ้านผมน่ะทางผ่านมันจริงๆ ครับ ซอยเดียวกันแต่บ้านมันอยู่ลึกกว่ามาก บ้านผมน่ะอยู่ไม่ไกลจากปากซอยเท่าไหร่ทำให้บางทีถ้าผมตื่นเช้าก็เดินมาขึ้นรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งพี่วินมอร์ไซด์
“ไอ้เชี่ยแมก” เสียงไอ้จีนดังเบาๆ พร้อมๆ กับที่มันเอามือใหญ่มากุมมือผมไว้แน่น ผมหันไปมองหน้ามันแมร่งจะเรียกไอ้แมกทำไมเนี่ย และเมื่อผมมองตามสายตามันก็เห็นครับ ไอ้หน้าหล่อที่ยืนแอ๊กตรงประตูบ้านผม
“พี่ๆ จอดด้วยครับ” พอรถจอดปุ๊บผมแทบจะกระโดดออกจากรถ ป่านนี้ผมคงปิดประตูรถไปแล้วถ้าไม่โดนรั้งไว้ด้วยมือไอ้จีน
“ไหนจะนอนบ้านกูไง”
ผมยิ้มกว้าง
“ไปก่อนนะป่านทอ” ผมไม่ตอบคำถามแต่บอกลาป่านทอ เผื่อมันลืมว่ามากับใคร มันปล่อยมือผมแต่โดยดีครับ เพราะป่านทอยิ้มให้ผมและโบกมือให้ คือผมแค่อยากจะบอกไอ้จีนเท่านั้นแหละครับว่า มึงอยู่กับป่านทอแล้วให้กูไปเป็นก้างทำเชี่ยอะไร! เพราะผมคงไม่นอนห้องพ่อมันแน่ๆ
พอลงรถได้แล้วผมก็ตรงไปที่หน้าบ้านตัวเองแล้วยืนตรงหน้าไอ้ขี้แอ๊ก
“มึงมาได้ไงเนี่ย” แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนจะถึงคำถามนั้น มันต้องมีคำถามอื่นก่อน
“มึงรู้จักบ้านกูได้ไง” ผมมองหน้าไอ้คนยืนแอ๊กอย่างอยากรู้ ผมไม่เคยบอกมันสาบานได้ แล้วมันมาถึงนี่โดยไม่มีผมนำทาง แมร่งเก่งโคตร!!
“ยุงกัดชิหองรีบไขกุญแจดิ” ไม่ตอบคำถามไม่พอแมร่งใช้กูอีก แต่ผมก็รีบไขกุญแจทันทีเพราะตามตัวมันแมร่งมีจุดแดงๆ เต็มไปหมด ยุงกัดขนาดนี้เชี่ยนี่มายืนตั้งแต่กี่โมงวะเนี่ย
พอเข้าบ้านได้ผมก็เดินไปเปิดตู้เย็นโดยอาศัยแค่ไฟสลัวหน้าบ้านนำทาง ผมเป็นเจ้าบ้านที่ดีครับ แขกมาต้องต้อนรับหน่อย แม้จะยังอยู่ในอาการงงกับการมาของมันก็ตาม ไอ้แมกมองซ้ายมองขวาก็นึกว่าจะนั่งโซฟาที่ตั้งหรากลางบ้าน เปล่าครับมันเดินตามผม
-_-^^
“ตามกูทำเชี่ยอะไร ไปนั่งโน่น” ผมบอก “มึงแดกอะไร” เพราะในตู้เย็นบ้านผมมีครบครับ น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำหวาน รวมถึงเบียร์
“อะไรก็ได้ มึงอย่าทำเหมือนกูเป็นแขกดิ” ก็มึงเป็นแขกนี่ กูใช่รู้จักมึงที่ไหนห่า!! กำลังด่ามันอย่างใจคิด แต่พอหันไปหน้าผมก็ชนกับร่างสูงที่ยืนแทบจะเรียกว่าติดกับตัวผมเลยก็ว่าได้
“กูบอกให้ไปนั่งโน่นไง” พร้อมกับผลักอกมันด้วยมือที่กำกระป๋องเบียร์สองป๋องในมือ
“กู... ไม่คุ้นกับบ้านมึงนี่” คำตอบของมันทำเอาผมคลี่ยิ้ม
“มึงกลัวผีอ่าดิ ฮ่าๆๆๆ” สีหน้ามันนี่บอกเลยครับว่าผมพูดจริง
“เชี่ยตัวใหญ่ซะเปล่า”
“อย่ามากวนตีน ถ้ามึงรู้ก็เปิดไฟสักทีได้ไหม” น้ำเสียงมันนี่ขอร้องเต็มที่ แต่ผมกลับเดินนำหน้ามันตรงไปที่ห้องนอน มันรีบเดินตามผมให้ทัน ห่านี่กลัวของจริงนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ นึกขำกับท่าทางของมันจริงๆ ไอ้ที่แอ๊กเมื่อกี้หายไปหมด แถมหน้ากวนๆ ที่เคยเห็นก็หายไปด้วย
พอผมเปิดไฟเท่านั้นแหละ สีหน้าของมันที่ซีดๆ เมื่อกี้มีเลือดฝาดขึ้นซะงั้น!!
“ยิ้มพ่องดิ” แหม๋... หายกลัวนี่ปากดีเชียวมึง ผมยื่นเบียร์ให้มันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มันวางกระเป๋าของผมกับของมันไว้ที่โต๊ะหนังสือในห้อง คว้าเบียร์ได้มันเปิดแล้วกระดกรวดเดียวแทบจะหมดกระป๋อง
“เบาๆ ดิเฮ้ย! เป็นเชี่ยอะไรของมึง” ผมถาม แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ พอมันกลืนเบียร์อึกสุดท้ายลงคอก็นั่งแหมบกับพื้นปลายเตียงหน้าทีวี
“...........................”
อ้าวเงียบได้อีก “มึงจะตอบคำถามกูสักข้อได้ไหมเนี่ย” ผมเปรยทำลายความเงียบ
“กู.... นิสัยไม่ดีว่ะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่คิดว่าจะเจอ ทำเอาผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
.............................................
ตอนแรกกะว่าจะรอให้คอมเม้นท์ขึ้นสามสิบก่อน
แต่ดูท่าทางว่าไม่ขึ้นแน่ๆ
พอดีแต่งเสร็จก็เลยเอาลงซะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ขอบคุณที่คอมเม้นท์
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
^O^
...................................
ความคิดเห็น