ตอนที่ 0 : เจ็บตัว
คริสตศักราช 2068 ณ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยตึกระฟ้าอันเป็นศูนย์รวมของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีบนโลกใบนี้ จากการปฏิรูปและล้มล้างระบบข้าราชการรวมทั้งการปกครองของฝ่ายบริหารที่เหลวแหลกของกลุ่ม "โลกตะวันออก" เมื่อปี 2052
บนถนนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนและรถโดยสารที่จอดรอไฟจราจร ยังดีที่มีระบบทางเดินไฟฟ้าเชื่อมต่อระหว่างตัวอาคารเป็นทางยาวทอดเงาลงมาทำให้ใบหน้าของผมไม่โดนแดดเผา
"ช้าจังนะ"
ผมบ่นพึมพัมขณะที่ยืนรอสัญญาณไฟจราจรของคนเดินถนนให้กลับเป็นสีเขียว
ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปที่โรงเรียนมัธยมปลายของผม ที่ซึ่งผมจะไปเอาใบยืนยันการศึกษาก่อนที่จะไปเดินหาอนาคตในรั้วมหาวิทยาลัย
เมื่อไฟจราจรตรงทางม้าลายเปลี่ยนเป็นสีเขียวผู้คนรวมทั้งผมก็รีบเดินข้ามไปยังจุดหมายในอีกฝั่ง
ตอนที่ผมกำลังเดนไปที่โรงเรียนก็คิดเรื่อยเปื่อยถึงอนาคตของตัวเองว่าจะไปเรียนอะไรต่อ ซึ่งแน่นอนสำหรับผมตอนนี้ยังไม่ได้คิดไว้ ตัวเองหัวก็ไม่ได้ดี คะแนนทดสอบก็ครึ่งๆกลางๆ เลือกอะไรที่อยากจะเป็นไม่ค่อยจะได้ซะด้วยซ้ำ คิดไปคิดมาสุดท้ายแล้วค่อยเอาไปทบทวนตอนกลับไปที่ห้องดีกว่า
ท้ายที่สุดผมก็เดินมาถึงหน้าโรงเรียน "เก่า" ของผม โรงเรียนชื่อดังที่ผมจับฉลากเข้ามาได้ เป็นโรงเรียนของเขตซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติของรัฐบาลแห่งเดียวในประเทศ
ผมรีบรุดหน้าไปยังห้องทะเบียนการศึกษาเพื่อขอรับใบยืนยันการศึกษา โชคที่วันนี้เป็นวันสุดท้าย ผมจึงแทบไม่เห็นผู้คนเลยแม้แต่น้อย แล้วเพื่อนล่ะ ? แน่นอนว่าผมไม่มี ก็เหมือนจะน่าเศร้า แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วจะทำไม ผมเดินเข้าห้องทะเบียนการศึกษาแล้วไปที่แผนกจัดการเอกสาร
"มาเอาใบจบการศึกษางั้นเหรอจ๊ะ ? มากดรหัสทางนี้เลย"
หญิงสูงอายุท่านหนึ่งในชุดเครื่องแบบข้าราชการเรียกให้ผมไปรับเอกสารทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าว
หลังผมกดรหัสประจำตัวนักเรียนลงไปบนโต๊ะทำงานอิเล็กทรอนิค อาจารย์ท่านนั้นก็รับข้อมูลแล้วเดินเข้าไปในส่วนของที่เก็บเอกสาร แล้วหยิบเอกสารจบการศึกษาออกมาพลิกหน้าไปมาซึ่งน่าจะเป็นของผม แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
เธอเดินมายังที่โต๊ะทำงานเปิดลิ้นชักด้านข้างออกแล้วหยิบซองจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ พร้อมยื่นทุกสิ่งที่เธอถือไว้ให้กับผม
"อันนี้ก็คือเอกสารจบนะจ๊ะ ทุกอย่างเรียบร้อย... "
เธอนิ่งไปสักครู่พร้อมทำสีหน้าแปลกๆ แต่เหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี ผมทำได้แต่เพียงกระพริบตาปริบๆด้วยความฉงน
"ส่วนอันนี้เป็นจดหมายของเธอนะ ...."
"จดหมายเหรอครับ ?"
"คงจะมาจาก.....ผู้ปกครองของเธอ ค่อยเอาไปเปิดดูแล้วกันนะจ๊ะ"
"อ๋อครับ"
คำว่าผู้ปกครองในที่นี้ก็คงหมายถึงคุณน้าของผมที่อยู่ที่ฟิลิปปินส์ เพราะผมเสียพ่อกับแม่ไปหลังเกิดมาได้สามเดือนจากเหตุการณ์ปฏิรูปประเทศครั้งล่าสุด
หลังจากที่ผมรับเอกสารก็ขอบคุณเจ้าหน้าแล้วเดินออกมามุ่งหน้ากลับบ้าน โดยไม่ได้คิดสงสัยถึงสีหน้าที่แปลกประหลาดของอาจารย์คนนั้นอีก
"น่าสงสารจริงๆเลยนะเธอเนี่ย"
หญิงคนนั้นรำพันออกมา ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน....
ผมเดินทางกลับห้องพัก เป็นอพาร์ทเมนต์ชั้นกลาง ที่อยู่ของผมตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา หอพักราคาถูกที่คุณน้าของผมจัดการเช่าไว้ให้ตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยม ซึ่งมันจะหมดสัญญาในอีกสองอาทิตย์
ด้วยเหตุนั้นระยะเวลาที่เหลือผมต้องหาที่อยู่ใหม่ นั่นคือผมต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน แล้วก็ต้องโทรไปคุยกับน้าของผมที่ไม่ได้พูดคุยกันมานานเกือบครึ่งปีแล้ว จดหมายที่ได้มาก็คงเป็นของคุณน้าแน่นอน
ผมไม่รีรอเมื่อเดินเข้าห้องพักก็จัดแจงวางเอกสารให้เข้าที่บนชั้นวางของ เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ ฉีกซองจดหมายออกดูข้อความข้างใน โดยไม่ได้มองว่ามันมาจากไหนเลยด้วยว้ำ
และสิ่งที่ได้พบเจอในเนื้อหาของจดหมายนั้นเขียนเป็นภาษาไทย
"ตำรวจสากลประจำที่ทำการฟิลิปปินส์ ขอเรียนมาเพื่อทราบพร้อมทั้งแสดงความเสียใจกับ คุณเลอร์ นาเวห์ เนื่องในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 เมษายน เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นในประเทศ ทำให้คุณ จัสมิน นาเวห์ บุคคลในครอบครัวของท่านเสียชีวิต และเนื่องด้วยเหตุที่เราไม่สามารถติดต่อผู้เกี่ยวข้องของคุณจัสมินที่อยู่ในประเทศได้ ขอแจ้งให้ทราบว่าทรัพย์สินของคุณจัสมิน นาเวห์ จะถูกจัดเก็บรักษาไว้จนกว่าจะได้รับการติดต่อมาจากท่านผ่านทางสถานทูตเพื่อเอาออกหรือโอนย้ายไปยังประเทศที่ท่านพำนักอยู่......... "
เนื้อหาในจดหมายทำให้ผมนิ่งไปสักพักแล้วพยายามคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนในครอบครัวของผมคนเดียวในตอนนี้....... คนที่ช่วยเหลือและเลี้ยงดูผมมาตลอดเวลาที่ผ่านมา..... ตายแล้วยังงั้นเหรอ
ด้วยความกระทันหันของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมทำอะไรไม่ถูก จะว่าเสียใจก็ไม่เชิง ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมยังเดินหน้าระรื่นคิดเรื่อยเปื่อยอยู่เลย
แล้วชีวิตของผมต่อไปนี้จะทำยังไง....
ในใจของตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า
ในเมื่อคิดอะไรไม่ออก ผมก้าวเท้าออกจากห้องอีกครั้งพร้อมจดหมายที่อยู่ในมือ มุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อไปยังสถานทูต ที่ๆเคยเดินผ่านอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่แม้จะเคยย่างเท้าเข้าไป
โปรดติดตามตอนต่อไป ง่วงแล้ว
ความคิดเห็น