คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ซ้อมละคร 2
- 8 -
“ใจกล้าจังนะคุณเจ้าหญิง” น้ำเสียงกวนประสาทที่คุ้นหูดังขึ้นขณะที่เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลกำลังห้อบหิ้วของว่างกลับจากโรงอาหารฟีนิกส์เพราะเหตุว่าโรงอาหารดราก้อนนั้นปิดไปแล้วนั้นสะดุ้งเฮือกแต่พอเหลียวซ้ายแลขวากลับไม่เห็นใครที่เป็นต้นเสียงเลย มีเพียงความมืดที่ลายล้อมกับแสงจากดวงไปดวงน้อยทางด้านหลังเท่านั้น ทำให้ใบหน้าขาวผ่องเริ่มมีเหงื่อผุดพราย หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ คิดปลอบใจตัวเองว่าเพียงแค่หูแว่วเท่านั้น ถ้ารู้อย่างนี้พาแองเจลีน่ามาด้วยดีกว่า
ทันใดนั้นเองมือหนึ่งก็คว้าหมับเข้าที่ไหล่ซ้ายก่อนที่เจ้าหญิงคนงามจะไม่สามารถรักษากิริยาให้งามสมกับตำแหน่งได้เพราะตนได้กรีดร้องลั่นที่สุดในชีวิต ก่อนใช้ความกล้าทั้งหมดหันหลังแล้วหลับตาปี๋ใช้ถุงใหญ่ที่อยู่ในมือฟาดต้นเหตุของความกลัวอย่างไม่ยั้งมือ
“ตายซะผีบ้า!!”
“เฮ้ย!! เดี๋ยวๆๆ!! เรนอน!!” คนถูกหาว่าเป็นโรคจิตและผีร้องลั่นแต่ดูถ้าเจ้าหล่อนจะยังไม่ยอมหยุดมือง่ายๆ คิลที่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจคว้าข้อมือเล็กทั้งสองของหญิงสาวซึ่งได้ผลชะงัดเพราะร่างบางไม่สามารถสู้แรงของอีกฝ่ายได้ เธอจึงได้แต่หลับตาปี๋เม้มปากแน่นภาวนาในใจต่อสิ่งศักดิ์ทั้งหลายหรือแม้แต่อะไรก็ตามที่สามารถช่วยเธอได้
“นี่ๆๆ ลืมตาสิ เธอจะกลัวอะไรหา” คิลเอ่ย แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับหลับตาปี๋ ขมวดคิ้วมุ่นและส่ายหัวอย่างแรง มันช่าง...
“ฉันคิลเอง ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”
“เอ๊ะ!?” ได้ผล นัยน์ตาสีชมพูคู่โตเบิกโพลงก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อภาพตรงหน้าเล่นเอาหัวใจของ
เรนอนแทบหยุดเต้นเพราะดวงหน้าใสของนักฆ่าแห่งซาเรสอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่กี่คืบ แถมนัยน์ตาสีม่วงคู่สวยนั่นยังฉายรอยขบขันราวกับว่าจะเยาะเย้ยเธออย่างนั้น ทำให้ดวงหน้าขาวของเจ้าหญิงเรนอนร้อนผะผ่าวก่อนต้องรีบเบือนหนีเพราะคำพูดกวนอารมณ์ของชายหนุ่ม
“ฮ้า!! นี่เธอกลัวผีขนาดนั้นเลยรึไง”
“ปะ เปล่านี่คะ ฉันไม่กลัวผีอะไรนั่นซะหน่อย ต...แต่กลัวคนมากกว่า” น้ำเสียงแก้ตัวหวานๆกับดวงตาคู่โตที่เหลือบขึ้นมาสบทำเอาทายาทตระกูลนักฆ่าที่ไม่มีประสบการณ์แทบหยุดหายใจ ก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏบนใบหน้าของตนก่อนย่างสามขุมเข้าไปหาสาวน้อยที่ทำท่าจะเดินหนี
“งั้นแสดงว่าเธอกลัวฉันสินะคุณเจ้าหญิง”
“แน่ล่ะค่ะ ก็คุณเป็นนักฆ่านี่” ริมฝีปากบางเอ่ยสวนขึ้นทันทีก่อนวางมาดถมึงทึงที่ทำให้เส้นอารมณ์ของคนมีอาชีพ ‘นักฆ่า’ ถึงกับกระตุก
ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มก็หายวับไป ก่อนที่ร่างบางจะสัมผัสได้ถึงถึงวัตถุเย็นเยียบที่ทาบทับอยู่บนลำคอขาวกับลมหายใจอุ่นและจิตสังหารที่สามารถทำให้ใครหลายคนถึงกับเข่าอ่อน ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนๆนี้กระตุ้นความหวาดกลัวในใจของเธอให้พุ่งทะยานให้ถึงขีดสุด
“อย่าพูดคำว่านักฆ่ากับฉันอีก เข้าใจไหม”
คิลเอ่ยน้ำเสียงเย็น เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนสะกดความกลัวไว้ในใจ จะให้ใครมาข่มศักดิ์ศรีแห่งคาโนวาลไม่ได้ แม้ว่าชายตรงหน้าจะสามารถเฉือนเส้นใหญ่ที่คอของเธอเมื่อไหร่ก็ได้ก็ตาม
“แล้วถ้าฉันจะพูด คุณจะทำอะไรคะ” เรนอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทระนงตนพลางเชิดคางขึ้น แลสายตามองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ประชิดตัวซึ่งกำลังส่งรังสีอำมหิตแผ่ซ่านมาจนขนทุกเส้นบนผิวกายละเอียดเนียนตั้งชัน เหงื่อกาฬเริ่มแตกผลัก เริ่มนึกเสียใจที่ตัวเองนั้นหยิ่งในศักดิ์ศรีเสียจนลืมชีวิตตัวเอง
ใบมีดเย็นเยียบขยับแนบเนื้อเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม ก่อนเสียงหัวเราะร่าของนักฆ่านามว่าคิลจะดังขึ้นและคมมีดที่ถูกละออกจากลำคอขาว
“ฮะฮะฮะ เธอนี่มันตลกเป็นบ้า!”
เพี๊ยะ!!
ใบหน้าด้านซ้ายที่เคยเนียนใสของคิลบัดนี้เริ่มมีรอยแดงคล้ายนิ้วมือ ซึ่งเจ้าของรอยพิมพ์มีสีสวยตอนนี้กำลังยืนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาสีสวยที่คลอด้วยน้ำตาใสจ้องเขาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อ...อะไรกันเนี่ย!?” คิลหันหน้ากลับมาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัยพลางยกมือขึ้นลูบแก้มของตนที่เริ่มบวมป้อยๆ “เธอตบฉันทำไม เรนอน?”
“นี่คุณโง่หรือคุณแกล้งโง่กันแน่” คิลสะดุ้งโหยงกับการตวาดของเรนอนที่เขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตถึงแม้ว่าจะไม่ดังมากก็เหอะ “นายกะจะฆ่าฉันจริงๆใช่ไหม”
“เปล่า แค่ล้อเล่น”
“ล้อเล่น? ถ้ามีใครเอามีดมาจ่อคอหอยคุณ คุณคงคิดว่าแค่อำกันแล้วปล่อยให้เขาล้อเล่นกับคุณตามสบายสินะคะ คุณคิลคะ กรุณาอย่าทำแบบนี้อีกเป็นอันขาดนะคะ”
จบประโยค เจ้าหญิงเรนอนคนสวยก็สะบัดหน้าหนี ก่อนสาวเท้าออกห่างอย่างเร็วโดยไม่ลืมที่จะเก็บถุงของว่างกลับไปด้วย ทำให้เจ้าคนอ่อนต่อโลกเริ่มหนักใจ
ทันใดนั้นเองข้อมือเล็กก็ถูกคว้าหมับทำให้ร่างบางชะงักกึก ทำให้เจ้าหญิงเรนอนต้องหันมาย้ำชะถ้อยชัดคำกับเจ้านักฆ่าไม่รู้จักจำคนนี้
“ช่วย-ปล่อย-มือ-ด้วย-ค่ะ”
“ไม่ จนกว่าเธอจะฟังฉัน”
“ปล่อยค่ะ”
“เธอช่วยฟังคำขอโทษของฉันได้ไหม”
คำพูดลุ่นๆกับนัยน์ตาสีม่วงที่เป็นประกายจริงจังแม้ในยามนี้จะมีเพียงแสงไฟดวงเล็กที่ทอแสงอยู่ ความอุ่นของมือใหญ่ที่กอบกุมข้อมือแผ่ซ่านไปทั่ว ทำให้ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ ทั้งที่สาบานกับตัวเองแล้วว่าจะใจเต้นให้กับเขาคนนั้นเพียงคนเดียวแล้วแท้ๆ
“ฉัน...ขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่ทำไป” เมื่อเอ่ยจบ ใบหน้าใสที่เริ่มขึ้นสีก็แสไปทางอื่นพลางยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขินจนเรนอนอดอมยิ้มไม่ได้กับคำขอโทษแบบเขินๆที่ออกมาจากปากคนๆนี้
“...ช่วยอย่าทำแบบนั้นอีกนะคะ” คิลพยักหน้ารับก่อนที่เรนอนจะยื่นถุงใหญ่ให้ชายหนุ่มก่อนออกเดินนำพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่เกิดขึ้น
“ฮะ เฮ้! รอด้วยสิ” คิลร้องก่อนรีบสาวเท้าตาม
เรนอน ฉันแค่ไม่อยากให้เธอมองฉันว่าเป็นนักฆ่า แต่อยากให้เธอมองฉันในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง...เท่านั้นเอง
“ไหนๆๆๆ เฟริน ออกมาเร็วสิวะ” ครี้ดเอ่ยอย่างขัดใจเมื่อเจ้าคนที่ปกติหน้าด้านหน้าทนกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาทั้งที่เพื่อนๆต่างรอที่จะดูมันอย่างใจจดใจจ่อ
“พวกแกก็อย่ามุงดูกันสิวะ” เจ้าตัวแสบตะโกนออกมาจากหลังประตูห้องน้ำ
“ทำไม นายอายหรือเฟริน?” ซอร์โลเอ่ยถามก่อนหันไปฮาครืนกับเพื่อน
“อายบ้านพวกแกน่ะสิ...ฉันกลัวพวกแกเห็นแล้วจะอึ้งในความสวยมากกว่า”
เสียงอะเอะโวยวายของชาวป้อมอัศวินเรียกให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลที่กำลังจัดระเบียบชุดของเจ้าชายอเล็กซิสเหลือบตาดูก่อนส่ายหัวอย่างอนาถใจ
“นายไม่อยากไปดูหมอนั่นหรือไงคาโล” เสียงเพื่อนซี้ที่คุ้นหูดังขึ้นโดยที่ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร
“ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“แต่นั่นมันเจ้าหญิงแคลรีนของท่านนะ เจ้าชายอเล็กซิส” คำกระเซ้าของคิลเรียกพายุหิมะให้ก่อตัวขึ้นก่อนที่เสียงหัวเราะของเจ้าเพื่อนซี้จะถูกแทรกด้วยเสียงตวาดของแองเจลีน่า
“ชักช้าลีลาอยู่ได้ ออกไปได้แล้ว!!”
แองเจลีน่า โรมานอฟใช้แรงทั้งหมดผลักเฟรินออกมาจากห้องน้ำทำให้เจ้าตัวเซถลาออกมาเกือบหน้าทิ่มพื้น
“โว้ย ยัยแองจี้ ผลักมาได้ หัวฉันจะทิ่มอยู่แล้วเนี่ย” พูดจบก็ยันตัวเองขึ้น แต่รู้สึกแปลกๆเพราะอยู่ดีๆคนทั้งห้องประชุมดันเงียบไปซะงั้นจนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของใครสักคน
“ถึงจะเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วก็เหอะ...” เจคเอ่ย
“ใช่ครับ แต่ว่าครั้งนี้คุณเฟริน...” ซีบิลเสริมก่อนที่ครี้ดจะเอ่ยต่อให้
“สวยเป็นบ้า”
ชุดเดรสเกาะอกยาวกรอมพื้นสีขาวนวลกับลายประหลาดสีเนื้อที่พาดผ่านกลางลำตัว ถุงมือสีเดียวกับชุดยาวถึงข้อศอก ผมยาวสลวยสีน้ำตาลถูกเกล้าขึ้นจนตึงเผยให้เห็นลำคอและเนินอกนวล ภาพของหญิงสาวตรงหน้าถึงกับทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจแม้ว่าเจ้าหล่อนจะไม่ได้สวยเทียบเท่ากับผู้หญิงคนอื่นแต่เธอก็มีเสน่ห์ดึงดูดประหลาดที่ไม่อาจละสายตาไปได้ หรือเป็นผลมาจากสายเลือดปิศาจกันแน่
“เห็นไหมๆๆ ฉันกลัวพวกนายจะเป็นอย่างนี้มากกว่า” เจ้าตัวยุ่งเอ่ยอย่างภูมิใจ พลางแอบมองไปยังบุรุษหนึ่งเดียวที่ทำให้ตนใจเต้นแรงซึ่งตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมุ่นมองดูเธอก่อนจะหันไปคุยกับคิล
“แต่งแล้วก็สวยดีนี่ เฟริน” มาทิลด้าเอ่ยชมพลางสำรวจชุดของเฟริน
“ส่วนเรื่องชุดก็มีส่วนต้องแก้นิดหน่อยก็เสร็จแล้วค่ะคุณมาทิลด้า” สาวน้อยจากปราสาทขุนนางเอ่ย เจ้าหญิงอเมซอนพยักหน้าตอบ
“เฮ้ยๆ คาโล ไหนนายลองมายืนข้างๆเจ้าหญิงเฟรินหน่อยสิวะ”
“!!”
ข้อเสนอของโคลว์ อาร์มสตรองทำเอาเฟรินแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองพร้อมกับจ้องตาถลึงไปยังเจ้าคนต้นคิดที่ตอนนี้หันไปโฮ่ฮิ้วกับคนอื่นอย่างพร้อมใจ
วันนี้แหละจะเกิดศึกนองเลือดกันในชั้นปีสาม!!
---------------------------------------------------------------------------------
คุยกะนักเขียนนิดนึงน๊า
** ขอบคุณทุกท่านที่ให้การติดตามค่ะ ขอบคุณมากๆที่บอกว่าแต่งได้เหมือนต้นฉบับ แต่ตัวเองคิดว่ายังคงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ยังขาดทั้งประสบการณ์และทักษะการใช้ภาษา อื้ม แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ ใครอยากให้มีฉากอะไรรีเควสต์มาได้ทั้งใน Dek-D ,E-mail,Facebook นะคะ
มีข้อที่อยากถามนิดนึงว่า อยากให้เขียนฉากของ วิเวียน + โรเวนไหม (จริงๆไรท์เบื่อคู่นี้ค่ะ-_-;;)
และถ้าไรท์จะเขียนนิยายเรื่องอื่นจะตามไปอ่านไหม ค่ะ บ๊ายบายจ้า
ความคิดเห็น