ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ปี3 ในโรงเรียนพระราชา

    ลำดับตอนที่ #7 : บันทึกสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 54


     

    - 6 -


    บันทึกวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม (บันทึกสุดท้าย)

    นอกเหนือจากภาระหน้าที่ที่ซวยที่สุดในชีวิตขโมยอย่างผมคือการได้รับบทเป็นเจ้าหญิงแคลรีนในงานเสด็จขึ้นครองราชย์ของอาจารย์เจ้าชายชามัลก็คงจะหนีไม่ผลการเขียนบันทึกสุดท้ายในวิชาหัวใจกษัตริย์ที่ค้างมาตั้งแต่ปีที่แล้วนี่ บอกตามตรงว่าผมค่อนข้างติดใจกับการเขียนบันทึกนี่นิดหน่อย สาเหตุที่ต้องหยุดเขียนบันทึกไปกะทันหันคงจะรู้กันอยู่แล้วว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร (ซึ่งผมก็อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุ) และการจากไปอันยิ่งใหญ่ของไฮคิง ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ประชาชนนั้นก็ไม่ใช่ญาติโกโหติกาที่ไหน ทำไมต้องเสียสละอะไรมากมายขนาดนั้น ขนาดผมยังไม่คิดจะสละเศษสตางค์ให้ขอทานคนไหนเลย แต่ก็มีคำพูดของใครบางคนผุดขึ้นมาในหัวว่า ‘เสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนรวม’ อืม...นั่นคงจะรวมถึงเสียสละตนเองด้วย นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าหัวใจกษัตริย์ เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตตัวเอง...?

    ทุกเย็นพวกเราปีสามต้องรวมตัวกันไปซ้อมการแสดงที่ห้องประชุมของป้อมอัศวิน ไอ้เรารึก็ว่าจะชิ่งซะหน่อย ยัยแองจี้ตัวแสบดันพูดดักคอผมไว้ก่อนว่า

    ยังไม่ทันจะลองทำอะไรก็ยอมแพ้ แบบนี้จะให้พวกปราสาทขุนนางหัวเราะเยาะเอาหรือไง’

    ผมก็เลยเถียงไปว่าผมจะทำอะไรได้ ให้คนอื่นเป็นเสียจะดีกว่าจะให้ผมมาพางานล่มเสียเปล่าๆ โคลว์ที่อยู่ในที่นั้นด้วยจึงบอกผมว่า

    ที่เขาสอนไว้ว่าอย่าดูถูกคนนั่นไม่ใช้แค่อย่าดูถูกคนอื่น แต่รวมถึงอย่าดูถูกตัวเองด้วย

    เฟริน นายก็น่าจะลองทำดูก่อนสิ’

    ผมจึงต้องจำใจกลืนแผนการหนีทั้งหมดลงคอ ด้วยกลัวว่าจะโดนเพื่อนทั้งสายชั้นรุมตบตีและโดนพวกปราสาทขุนนางสบประหม่า

    พูดถึงเนื้อเรื่องในตำนาน ไม่น่าเชื่อเลยว่าบารามอสเป็นดินแดนที่แยกออกมาจากคาโนวาล เมื่อคาโนวาลเกิดภัยพิบัติก็มีพวกชอบฉวยโอกาสก่อกบฏทำศึกสงคราม ทั้งประเทศอื่น ทั้งองครักษ์ ทั้งเสนาอำมาตย์ หรือแม้แต่ลูกชายตัวเอง อย่างนี้คนเป็นกษัตริย์ก็คงไว้ใจใครไม่ได้สักคนนอกจากตัวเอง อย่างที่เคยได้ยินมาว่า อำนาจนำมาซึ่งหายนะ นั่นคงจะจริง มากอำนาจ มากทรัพย์ มากโลภ มากศัตรู มากทุกข์ แล้วอย่างนี้ไม่ขอมีอำนาจจะดีกว่า แต่เจ้าขอทานแห่งทริสทอร์กลับบอกว่า

    อำนาจก็ยังมีข้อดีที่คนเป็นกษัตริย์สามารถใช้อำนาจนั้นช่วยเหลือประชาชนและประเทศของตนให้มีความสุขได้ อย่างในตำนานแห่งบารามอส อำนาจยังสามารถสั่งคนเป็นกองทัพเข้าไปในดินแดนเอลฟ์เพื่อช่วยเหลือคิงแห่งคาโนวาลและประชาชนได้’

    ผมเลยเถียงกลับไปว่าแต่ถึงอย่างนั้นก็มีพวกเห็นแก่ตัวที่คอยจะแย่งชิงอำนาจของชาวบ้านเขาอยู่ดี

    จิตใจคนยากจะหยั่งถึง บางคนข้างนอกใสข้างในขุ่น ใครจะไปรู้ คนเป็นกษัตริย์บางคนจิตใจอ่อนแอถึงเป็นกษัตริย์ได้ไม่ยืน คนที่หัวใจเข้มแข็งไม่โอนอ่อนก็คำยุยง ยกยอ หรือถากถางของคนอื่นเท่านั้นที่จะยืนอยู่บนบัลลังก์ได้นาน’

    นั่นสิ หัวใจแห่งกษัตริย์ก็อาจเป็นหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่โอนอ่อนง่ายๆล่ะมั้ง


    หลายวันมานี้หลังจากได้ทำงานและฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนๆต่างป้อมทำให้รู้ถึงความสำคัญขอการทำงานร่วมกันขึ้นมานิดหน่อย จริงๆอาชีพขโมยไม่จำเป็นต้องทำงานหลายๆคนหรอกนะ แต่ผมว่าการที่ได้ร่วมพูดคุยสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ไม่ค่อยสนิทก็ดีไปอีกแบบ ก็คงจะเหมือนการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่พวกคิงชอบทำกันล่ะมั้ง ผมว่าคงไม่มีกษัตริย์คนไหนชอบทำศึกกันนักหรอก (หรืออาจจะมี?) ก็ต้องใช้การพูดคุยเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีหรือหาพันธมิตร ยิ่งเวลากษัตริย์คุยกันก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ขนาดผมยังต้องตีลังกาหลายตลบเพื่อตีความคำพูดของเหล่าคิงที่สรรค์หากันพูดมา ศิลปะในการพูดของกษัตริย์ หัวใจกษัตริย์ก็อาจจะเป็นหัวใจแห่งไมตรีหรือไม่ก็หัวใจแห่งวาทศิลป์

    ตั้งแต่เขียนบันทึกหัวใจกษัตริย์ฉบับแรกมาจนถึงฉบับสุดท้ายนี่ ผมก็ยังไม่ได้ข้อสรุปสักทีว่าที่จริงแล้วหัวใจของกษัตริย์นั่นคืออะไร หัวใจที่เสียสละ? หัวใจที่โอบอุ้ม? หัวใจที่แข็งแกร่ง? หัวใจที่เมตตา? หัวใจของกษัตริย์อยู่ที่ประชาชนหรืออยู่ที่ราชินี ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในความคิดของผม ความหมายของหัวใจกษัตริย์อาจจะกว้างเกินไป กว้างจนไม่สามารถหาคำบรรยายมาจำกัดความได้ ใช่แล้ว หัวใจกษัตริย์อาจจะเป็นหัวใจที่ ‘ไม่สามารถหาคำจำกัดความได้’ มั้ง

    ทำยังไงได้ ก็ผมเป็นหัวขโมยไม่ใช่กษัตริย์ที่ไหนสักหน่อย



    จาก หัวขโมยที่ไม่ใช่กษัตริย์











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×