คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เฟรินเป็นเจ้าหญิงแคลรีน!!
- 5 -
“แกว่าไงนะคิล!?” เจ้าหัวขโมยตัวแสบร้องเสียงหลงจนตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใครขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมใหญ่ของปราการปราชญ์ที่เป็นสถานที่ประชุมกันในวันนี้ ก่อนเจ้าตัวจะปั้นหน้าเครียด “สงสัยคราวนี้ฉันต้องขอตัวไปเอาหัวโขกส้วมตายก่อนว่ะคิล”
“เออ เจ้าพวกนั้นมันเอาหัวแม้โป้งคิดหรือตาตุ่มมองกันแน่วะ” คำตอบของเพื่อนซี้ทำเอาคนที่กำลังหงุดหงิดชะงักกึก นึกสงสัยว่าจะดีใจหรือจะเสียใจดีกับคำพูดที่ดูเหมือนแฝงคำด่าพ่วงมาด้วย “แต่ฉันว่าไอ้บท ‘นางเอก’ สำหรับนายคง...สนุกพิลึก”
คนได้รับบทนางเอกสบถพรืด ทำหน้าราวกับกลืนของขม
“สนุกบ้านแกนะสิ”
“ไม่ดีหรือไง จะได้หัดทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิงกับเขาสักที” น้ำเสียงเย็นของคนที่เงียบมานานดังขึ้น
“งั้นแกก็ไปหานางเอกคนอื่นสิฟะ เสือกเลือกมาได้ จะบ้าตาย!”
“หึ! ก็บอกแล้วไงคะ เฟริน คุณไม่เหมาะกับบทนี้หรอกค่ะ คนที่จะได้คู่กับเจ้าชายคาโลรูปงามคนนี้ควรเป็นดิฉันมากกว่า”
เสียงแปดหลอดจากนรกแทรกขึ้น ทั้งสามคนหันมองไปยังร่างสง่าของควีนคนสวยประจำปราสาทขุนนางที่ตอนนี้กำลังคว้าแขนของคาโลเข้าไปกอดส่งสายตาหวานหยดย้อยไปยังเจ้าชายก่อนหันไปยิ้มเยาะอดีตหัวขโมยแห่งบารามอสโดยไม่สังเกตสายตาเย็นเยือกจากคนข้างกาย
คนโดนเยาะกลับยิ้มกรุ้มกริ่มพลางขยับตัวเข้าไปใกล้สาวเจ้า ยกมือขึ้นลูบดวงหน้าเนียนใสที่เริ่มขึ้นสีเรื่อของหญิงสาว พลางโปรยรอยยิ้มหวาน “แหมๆ ควีนคนสวยแห่งปราสาทคุณนางกับเจ้าชายคนสำคัญของป้อมอัศวิน”
สายตาดุๆของคาโลดูท่าทางตอนนี้จะใช้ไม่ผล แถมยังทำให้เจ้าตัวยุ่งยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ก่อนหันไปส่งสายตาใครสาวตรงหน้าต่อ
“ใครน้าช่างใจร้ายใจดำ ขัดขวางความรักบริสุทธิ์ของสาวน้อยที่หวังจะมัดใจเจ้าชายคาโลไปไว้ในสต็อก”
คำพูดทิ้งท้ายของเฟรินเหมือนกระชากเธอที่เริ่มเคลิ้มให้กลับมามีสติก่อนปัดมือของเจ้าตัวแสบออก
“จะใครที่ไหนเล่า ก็นายนั่นแหละ!” ด้วยโทสะทำให้โพล่งออกไปโดยลืมรักษามาดที่เคยมี เมื่อรู้สึกถึงสายตาของเจ้าชายแห่งคาโนวาลก่อนสะดุ้งเฮือก กระแอมเบาๆ จัดท่าทางให้ดังเดิม “เท่าที่ฉันคิดนะ”
เจ้าตัวแสบหันไปยักคิ้วให้กับเพื่อนซี้อย่างสะใจก่อนหันกลับมา
“แหมๆ คงไม่ใช่ผมหรอกมั้งครับ ผมไม่มีทางทำร้ายผู้หญิงที่สวยราวกับยามรุ่งสาง ต้องไปโทษคนที่โหวตกันมากกว่า คนสวยอย่างคุณคงจะรู้นะว่าเรื่องแบบนี้แล้วแต่เสียงข้างมาก หรือว่าอาจเป็นเพราะคุณสวยจนหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้”
คำพูดของเฟรินที่มีนัยแฝงกระทบหน้างามๆของสาวเจ้าจนริมฝีปากสวยเริ่มขยับคำสบถด่าเบาๆ แต่ก่อนที่จะเอ่ย เสียงกวนบาทายังพล่ามประโยคที่ถึงกับเอาควีนแห่งปราสาทขุนนางแทบสกัดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่
“สวยจนเสียงส่วนใหญ่โหวตให้คุณได้รับบทเป็นแม่เฒ่าแห่งดินแดนเอล์ฟ”
ฉับพลันใบหน้าสง่าเริ่มตึงก่อนที่จะระเบิดเสียงกรี๊ด กระทืบเท้าอย่างขัดใจ ก่อนพุ่งเข้าผลักเฟรินอย่างแรงจนหงายหลังแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป
“พูดอะไรไม่รู้จักคิด” น้ำเสียงเรียบเฉยแต่ฟังดูนุ่มหูดังขึ้นข้างใบหู เจ้าตัวแสบแหงนหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับคนที่ตัวเองใช้พิงก่อนที่จะล้มลงไป ดวงหน้ารูปสลักอยู่หางไม่ถึงคืบจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น
“สมควรแล้ว จริงอยู่ที่สวยแต่นิสัยควรสั่งสอน”
“ปากนายก็ควรโดนสั่งสอน” คำพูดแฝงเลศนัยของคาโลทำให้ดวงหน้านวลเริ่มขึ้นสี แต่ก่อนที่จะขยับตัวออก ริมฝีปากบางของเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ประทับลงบนมุมปากนุ่ม ในใจนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เจ้าตัวแสบเริ่มแสดงอาการที่เห็นกันเสียชัดเจนว่ากำลัง ‘หึง’ ได้อย่างน่ารัก
“อะแฮ่ม! โลกนี้ไม่ได้มีแต่นายสองคนนะครับท่านเจ้าชายเจ้าหญิง”
“!!”
น้ำเสียงประชดประชันของคิลทำให้พวกเขาสะดุ้งเฮือกผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขาวของทั้งคู่เริ่มขึ้นสี ส่วนเจ้านักฆ่าก็มีดวงหน้าที่ร้อนผ่าวไม่แพ้กัน
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะน่าพวกนาย ไม่ต้องมาประกาศความรักให้ประชาชีเขารู้นักก็ได้”
“...” ต่างคนต่างไม่มีใครพูด เฟรินหันไปยิ้มแก้เขินให้กับหลายคนที่เดินผ่านมาเห็นทั้งที่ในใจอยากแทรกแผ่นดินหนี
“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปนอนห้องครี้ด เชิญพวกนายตามสบาย” คำพูดเจ็บแสบของคิลเรียกเอาเส้นเลือดบนหน้าแทบแตกก่อนสาบานกับตัวเองในใจว่าวันนี้จะได้เกิดศึกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันแน่!
ทำยังไงได้ เพื่อนซี้สองคนนับวันยิ่งหวานขึ้นจนแทบอ้วก ส่วนเขาน่ะหรอ...หัวเดียวกระเทียมลีบ หมันไส้จนอดแกล้งให้พวกมันอายเล่นไม่ได้ ให้ตายเถอะ
“เอาเป็นว่าบทละครตามนี้ก็แล้วกันนะ”
เสียงของมาทิลด้าดังขึ้นกล่าวเป็นบทสรุปของการตกลงว่าจะใช้บทตามที่ปราการปราชญ์ได้เรียบเรียงและเขียนขึ้นมาอย่างรวดเร็วตามหน้าที่ที่แบ่งไปเมื่อวานนี้ ซึ่งนอกจากนั้นยังต้องทำหน้าที่กำกับเวทีร่วมกับปราสาทขุนนางที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้ากับรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ แผ่นดินประชาชนรับหน้าที่จัดทำฉากและดูแลเรื่องฝ่ายบุคคล ส่วนป้อมอัศวินก็รับบทสำคัญที่สุด นั่นก็คือกรรมกรแบกของ หาบของ และหาอุปกรณ์ นี่มันงานเบ๊ชัดๆ
“พวกปราการปราชญ์นี่ยอดเลยนะครับ แค่วันเดียวก็เขียนบทได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้” ซีบิลเอ่ยชมขณะเปิดอ่านบทที่เพิ่งได้รับแจกมาอย่างสนอกสนใจ
“ไม่เหมือนกับพวกป้อมอัศวิน ที่ใช้กล้ามเนื้อแทนสมอง”
ประโยคฆ่าตัวตายที่ไม่เบาเลยหลุดจากปากของคนจากปราสาทขุนนางคู่อริที่ยังไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกสายตาจากคนทั้งป้อมอัศวินจ้องเขม็ง
“ฮ้า แต่ถ้าไม่มีป้อมอัศวินก็คงไม่มีใครทำงานให้พวกกล้ามเนื้อเหลวเป๋วที่บางทีอาจจะจับค้อนแทบจะไม่เป็นด้วยซ้ำจนสำเร็จหรอก” คนที่ถนัดเรื่องยั่วโมโหชาวบ้านที่สุดเอ่ยกระตุกให้บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มครุกกรุ่นขึ้นมาอีกรอบ
“ใครกันแน่ที่ไม่มีประโยชน์ พวกนายก็เอาแต่สนุกไปวันๆแค่นั้นไม่ใช่เหรอ แล้วดูสิ ให้มาทำงานร่วมกับพวกนาย งานนี้จะไหรอดรึเปล่าก็ไม่รู้”
“อ้าว พูดงี้ก็สวยสิ” ครี้ดสวนขึ้นปลุกเร้าอารมณ์ของพวกเลือดร้อนจากป้อมอัศวินและปราสาทขุนนางให้ลุกฮือ แต่ก่อนที่จะได้มีการตะลุมบอนเหมือนกับว่าได้ยึดเสียงของความอดทนของใครบางคนขาดผึงแล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อ...
ตึง!!!
“พวกนายหุบปากแล้วนั่งลงเดี๋ยวนี้!!!!”
มาทิลด้าทุบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนลั่น แววตาเดือดดาลชักหมดความอดทนกับรายการทะเลาะกันของพวกเด็กไม่มีหัวคิดเสียเต็มทน
“พวกนายก็โตๆกันแล้วไม่มีปัญญาคิดกันบ้างรึไง จะทะเลาะกันให้มันได้อะไรขึ้นมาหา!!” เจ้าหญิงแห่งอเมซอนตวาดลั่นอีกครั้งจนคนฟังสะดุ้งเฮือกกลับไปนั่งเก้าอี้ทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมดังเดิม นัยน์ตาสีเขียวมรกตเข้มฉายรอยหงุดหงิดก่อนใช้มือเสยผมหยักศกสีดำที่ร่วงลงมาปกหน้าอย่างรำคาญใจ
“ถ้าอยากจะตีกันนักก็ช่วยเอาเวลานั่นมาทำงานจะดีกว่า” เจ้าหล่อนถอนหายใจพรืดก่อนเหยียดยิ้ม “ถึงงานหมากกระดานเกียรติยศเมื่อไหร่ค่อยซัดกันให้สะใจ”
นี่แหละนะ...ป้อมอัศวิน ชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ
“เอาล่ะๆ” สาวน้อยจากแผ่นดินประชาชนที่ทนฟังอยู่เอ่ยตัดบทขึ้น “เอาเป็นว่าวันนี้คนที่ได้รับบทอะไรก็นำบทที่ได้ไปศึกษาด้วยนะคะ ส่วนใครที่มีหน้าที่อย่างอื่นๆก็ช่วยจัดการให้เรียบร้อยแล้ววันพรุ่งนี้เราจะเริ่มซ้อมกัน สถานที่จะเป็น เอ่อ..ห้องประชุมของป้อมอัศวิน โอเคไหมคะ เจ้าหญิงมาทิลด้า?”
“ก็ได้”
“แหงล่ะ เพราะป้อมอัศวินเวลาทำอะไรก็ไม่ค่อยใช้สมองมาปรึกษากันสักเท่าไหร่หรอก” เสียงของควีนแห่งปราสาทขุนนางดังขึ้น ใบหน้าเจ้าหล่อนยังคงบึ้งตึงก่อนส่งสายตาเหยียดหยามไปยังอดีตหัวขโมยที่ส่งยิ้มรับตอบกลับมาอย่างกวนประสาทเห็นแล้วก็ยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งปรี้ด แต่พอหันกลับไปสบนัยน์ตาสีมรกตที่ส่งรังสีบางอย่างที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจึงรีบเอ่ยแก้ “คิดว่าคงเหมาะสำหรับซ้อมได้ดีเหมือนกันนะคะ”
“มีใครจะถามอะไรอีกไหมคะ?” คนจากปราการปราชญ์ถามขึ้นพลางเหลือบไปเห็นเฟรินที่ยกมือส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้
“คือเรื่อง...บทเจ้าหญิงแคลรีนน่ะ คิดดีกันแล้วหรอ?”
“ทำไมจะๆไม่ดีล่ะ เสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย” มาทิลด้าตอบ
“โธ่ มีคนสวยๆออกตั้งเยอะแยะ ทั้งเธอ เรนอน ยัยแองจี้ หรือแม้แต่คนที่ได้รับบทแม่เฒ่า ทำไมมาเลือกคนที่แมนเต็มร้อยอย่างผมด้วย” ปากว่าพลางเหลือบมองไปยังคนเป็นแม่เฒ่าที่กำลังกระฟัดกระเฟียดอย่างโมโห
“ใช่ ให้เจ้าบ้านี่มารับบทเจ้าหญิง มีหวังทำผู้หญิงทั้งโลกขายหน้ากันหมด” เสียงหนึ่งที่สนับสนุนอย่างดีมาจากแองจี้ซึ่งยังไม่วายจะแฝงคำแขวะเล็กๆมาด้วย
“งั้นฉันจะถามความเห็นของคนที่โหวตให้นายเมื่อวานนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอนายต้องยอมรับ แต่ถ้าหากไม่ดียังไงก็โหวตกันใหม่”
ว่าที่เจ้าหญิงแคลรีนยิ้มรับข้อเสนอนั่นอย่างแห้งๆ หวังว่าไอ้คนที่มันโหวตเมื่อวานนี้มันจะยกเอาเรื่องไร้สาระขึ้นมาอ้างจนได้โหวตกันใหม่ แล้วถ้าเธอยังได้คะแนนนำอยู่ล่ะก็...คงต้องไปกราบเจ้าโคมุสแล้วเอาหัวโหม่งพื้นสักพันรอบ
จนในที่สุดการถามความเห็นก็เสร็จสิ้น บางเสียงจะบอกว่าอยากแกล้งเธอ บ้างก็บอกเธอเป็นเจ้าหญิงจากเดมอสคล้ายกับเจ้าหญิงแคลรีนที่เป็นเจ้าหญิงเอลฟ์ แต่ความเห็นส่วนใหญ่ที่ทำให้เธอแทบจะลมจับก็คือ ‘อยากให้คู่รักได้เล่นคู่กัน’
“ไม่เอา! ฉันไม่เป็น ใครอยากเป็นก็เป็นไปเถอะ!!” เฟรินลุกพรวดตะโกนโวยลั่นเมื่อฟังความคิดเห็นของทุกคนเสร็จ ใบหน้าบูดบึ้งนั้นแดงก่ำ ไม่กล้าหันไปสบตาคนที่ถูกหาว่าเป็นคู่รักด้วย
“เฟริน นายทำเป็นอายไปได้ ใครๆก็รู้ว่าพวกนาย... ขนาดเมื่อตอนก่อนเข้ามาที่นี้ยังทำอะไรไม่เห็นอายชาวบ้านชาวช่องเขาเลย แล้วแบบนี้จะอายอะไร” คำกระเซ้าซอร์โรเรียกเลือดบนใบหน้ารูปสลักของคาโลให้แดงเถือก
“ไอ้บ้า! นั่นมัน...” เจ้าขโมยที่ว่าตัวเองแมนนักหนากลับอึกอักพูดอะไรไม่ถูก “โว้ย!! ยังไงฉันก็ไม่เป็นหรอก!”
“ถ้าฉันถามคาโลล่ะ” มาทิลด้าเสนอ “ถ้าคาโลอยากให้นายเป็น นายก็ต้องแสดงบทนี้ เข้าใจไหม”
เฟรินอ้าปากค้างเหลือบไปสบนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยก่อนเหลียวกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงเท้าคางอย่างจนใจ
ไอ้น้ำแข็งบ้า...ห้ามตอบว่าอยากนะเฟ้ย!!
“คาโล นายว่ายังไง?”
“...” สายตาเย็นเยียบหันมาจับจ้องแผ่นหลังของคนที่ตนถูกถามถึง พลันรอยยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้าขาว “นายต้องเป็นเจ้าหญิงแคลรีน เฟริน”
คำตอบของคาโลเล่นเอาร่างบางสะดุ้งโหยง หันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับเพื่อนที่ตัดความหวังอันน้อยนิดของเธอไปจนหมด พร้อมกับเสียงเฮลั่นจากทั้งเพื่อนร่วมป้อมและเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆที่ทำเอาดวงหน้าเริ่มร้อนผ่าวอีกรอบ
“คิล กลับ!!”
นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยมองตามแผ่นหลังบางของเจ้าตัวแสบที่ลากเอาเพื่อนซี้จรรีออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว
นายต้องเป็นเจ้าหญิงแคลรีนของฉัน เฟริน
“พวกนายนี่พัฒนาเร็วกันจังนะ” เสียงที่ดังขึ้นข้างเรียกให้เขาต้องหันควับไปมองขอทานกิตติมาศักดิ์แห่งทริสทอร์ที่ทำให้เขาแปลกใจว่าคนตรงหน้าชอบโผล่เข้ามาเงียบอย่างที่เฟรินมันพูดจริงๆ
“ไม่ใช่เรื่องของนาย”
นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองก่อนหันไปจิบชาอย่างสบายใจ “เย็นชาจังนะ ระวังเถอะ เย็นชามากไปเดี๋ยวหมอนั่นก็เบื่อ แล้วนายจะเสียใจทีหลัง”
พูดจบโร ซาวาเรสก็ผละออกไปแต่ไม่หันจะออกห่าง คำพูดของคาโลก็ทำให้เขาต้องชะงักกึก
“คงเพราะมีขอทานบางคนคิดอยากเป็นขโมยมากกว่า”
โรหันมาสบสายตาเย็นชา ก่อนยิ้มน้อยๆ “บางคนน่ะนะ”
----------------------------------------------------------------
KaReiiNYAPPY
สวัสดีเพื่อนทุกคนหลังจากที่โบว์ห่างหายไปนาน (โดนเตะ)
ขอโทษค่ะที่ไม่ได่มาอัพ เนื่องจากอิคนเขียนมันชอบทานของเค็ม (ดอง)
เพราะงานเยอะมาก หม่อมแม่ไม่ให้อิฉันแตะคอม ยังไงก็จะพยายามอัพนะคะ
ส่วนช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว อาจจะอัพช้าอีกเหมือนเคย (ข้ออ้างเห็นๆ)
ขอให้เพื่อนๆตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะคะ
อ้า!! จริงๆแล้วโบว์เพิ่งส่งนิยายประกวดแจ่มใสมา Rocker Guys! เขย่าหัวใจยัยขาร็อก
แนวเจร็อกค่ะ มันมาก ไม่รู้จะได้รึเปล่า
ถ้ามีข้อติชมอะไรช่วยแนะนำด้วยนะคะ ไม่งั้นจะเขียนมั่ว ฮ่า
ความคิดเห็น