คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตำนานแห่งบารามอส
-4-
ในตอนเช้ามีวิชาเวทย์มนต์อาจารย์แม่มดวิงกี้เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตามมาจิกกัดเขารึเปล่า ต่อด้วยวิชาการใช้เงินพระราชา ประวัติศาสตร์กกษัตริย์ ฟันดาบ และวิชาคุณสมบัติพระราชาสองคาบรวด ซึ่งเป็นการเรียนการสอนวันแรกที่น่าอ้วกมากที่สุด สุดท้ายจบลงด้วยการยกโขยงป้อมอัศวินปี 3 ถ่อมายังห้องประชุมของปราสาทขุนนางตามที่ได้นัดหมายกันไว้เมื่อวาน
เมื่อเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป ทุกสายตาก็จ้องเขม็งมายังพวกเขาที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“นึกว่าจะมาพรุ่งนี้ซะอีกนะคะ คุณป้อมอัศวิน” ควีนแห่งปราสาทขุนนางที่เคยประมือกับป้อมอัศวินในศึกกระดานเกียรติยศลุกเอ่ย
“ก็ยังดีกว่าไม่มา” มาทิลด้ากล่าว ทั้งคู่สบสายตากัน ถ้าสังเกตดีๆอาจจะเห็นประกายไฟลั่นเปรี๊ยะๆเลยก็ได้
“เอาเถอะๆ มากับองค์ประชุมกันแล้วก็เปิดประชุมกันเลยดีกว่า” สาวน้อยจากแผ่นดินประชาชนปราม เมื่อเห็นทุกคนนั่งกันเรียบร้อยดีแล้วก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“พิธีการที่เรากล่าวถึงในครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 9 เดือนหน้านี้ ซึ่งชั้นปีที่ 3 ของเราได้รับมอบหมายให้จัดการในเรื่องการสร้างความบันเทิงภายในงาน...”
“และปราสาทขุนนางจะเป็นคนควบคุมการทำงานทั้งหมดเอง” ควีนคนเดิมเอ่ยขึ้นมาทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้น
“นี่ๆ ผมไม่อยากจะขัดใจคนสวยอะไรหรอกนะ แต่ได้ข่าวว่าเขาให้ ‘ชั้นปีที่ 3’ ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ ‘ปราสาทขุนนาง’ ซะหน่อย”
เฟรินโพล่งขึ้น นัยน์ตาคมสวยของคนถูกตอกหน้าหันควับมาจ้องตาเขียว เจ้าคนปากไวกลับแค่ยักไหล่
“ใช่ อย่างที่เฟรินพูด จริงอยู่ที่พวกเธอถนัดเรื่องการสร้างความบันเทิงหรือพวกประจบประแจง แต่งานนี้ทุกคนได้รับมอบหมายด้วยกัน เป็นงานของทุกคน ไม่ใช่แค่ของพวกเธอ” มาทิลด้าว่า
“ถ้าให้งานนี้มีพวกป่าเถื่อนอย่างป้อมอัศวินมีส่วนร่วม มีแต่จะทำให้โรงเรียนของเราเสียงชื่อเสียงเท่านั้นแหละ!”
“ว่าไงนะ!?” แองจี้ร้อง
อย่างที่ว่า ยัยคนนี้ปากกับหน้าตาขัดกันราวสวรรค์กับนรก พูดได้คำเดียวว่าไม่น่าคบเอาซะเลย
“นี่ๆ ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ กรุณาอยู่ในความสงบด้วยค่ะ” สาวน้อยท่าทางแก่เรียนจากปราการปราชญ์เอ่ยปราม ยัยควีน(ไปตั้งฉายาให้เขาอีกแน่ะ)ชักสีหน้าก่อนนั่งลงด้วยความหงุดหงิด
“เพราะฉะนั้นการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นจำเป็นต้องเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ให้เหมาะสมกับพิธีศักดิ์สิทธิ์ จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกคนให้ช่วยกันเสนอว่าเราควรจะจัดการแสดงอะไรดี”
สาวน้อยจากปราการปราชญ์กล่าว เฟรินอดนึกไม่ได้ว่าดูท่าทั้ง 4 ป้อมปราการจะถูกผู้หญิงยึดไว้หมดเรียบร้อย ดูจากผู้นำการประชุมล้วนแต่เป็นหญิง ส่วนพวกผู้ชายอกสามศอกได้แต่นั่งดูแม่เจ้าประคุณปะทะฝีปากกันอย่างสงบเสงี่ยม
“เต้นรำดีไหมคะ” เรนอนเสนอ
“นั่นก็ดีนะคะ แต่มันค่อนข้างที่จะเห็นกันบ่อยอยู่ เราควรแสดงอะไรที่มันแปลกใหม่ดีกว่า” คนจากแผ่นดินประชาชนบอก เรนอนยิ้มรับ
“ทำไมไม่ลองให้พวกป้อมอัศวินไปเล่นละครลิงดูล่ะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเอ่ย
“เอ๊ะ! นี่เธอ ให้มันน้อยๆหน่อยได้ไหม จะจิกกัดอะไรกันนักหนา นี่มันงานสำคัญนะ เสนออะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยได้ไหม หรือว่าไม่มีปัญญา!?”
แองจี้ว่าเสียงดัง ถลึงนัยน์ตาสีฟ้าจ้องข่มกับยัยควีนนั่น ก่อนที่ยัยนั้นจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีก่อน โดยไม่ตอบอะไร งานนี้ต้องขอปรบมือให้กับความเจ๋งของยัยแองจี้สักหน่อย
“เต้นรำก็ดีแล้วนี้ ให้สาวๆมาเต้นรำ โยกย้ายส่ายสะโพกให้พวกผู้ชายดูกันไงล่ะ” ครี้ดเสนอเสียงดัง และได้รับการโห่ร้องชอบใจตอบรับเต็มที่
“จริงจังนะครี้ด” มาทิลด้าดุ เจ้าคนเสนอถึงกับยิ้มแหยๆก่อนหันไปคุยกับเพื่อนต่อ
“หรือว่าจะเป็นการแสดงละครดีไหมล่ะครับ” ซีบิลเสนอ
“อา...ความคิดนั้นใช้ได้ แต่ว่าเราจะแสดงเรื่องอะไรล่ะ?” มาทิลด้าแสดงสีหน้าครุ่นคิด
“โรมิโอจูเลียต ตำนานเทพแห่งสายฟ้า ละครเพลงรักไรโอดิน...”
“ตำนานสามสิงห์แห่งเอเดน สงครามเอเดนเดมอส ตำนานรักเจ้าหญิงหิมะ”
แล้วพวกนั้นก็เริ่มสาธยายตำนาน นิทาน นิยาย เรื่องเล่าต่างๆที่จะพอนำมาทำเป็นละครได้ บ้างก็แสดงเรื่องที่เข้าท่า บ้างก็ไร้สาระ จนเฟรินทนไม่ไหวเพราะมันช่างรบกวนการพักผ่อนของเขาเหลือเกิน
“โอ๊ย! พวกนายจะคิดมากไปทำไม เขาสถาปนาคิงแห่งบารามอส พวกนายก็แสดงพวกตำนานเกี่ยวกับบารามอสสิ พวกตำนานการก่อตั้งดินแดนบารามอสอะไรเทือกๆนี้” เฟรินลุกขึ้นมาตะโกนก่อนฟุบลงไปกับโต๊ะดังเดิม ทำเอาพวกที่คิดกันหัวแทบแตกเบิ่งตากว้าง
“เออ ใช่” แองจี้ร้อง “ทำไมเราไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยนะ”
“ไม่นึกว่าคนอย่างหมอนั่นจะนึกออกนะคะเนี่ย” ยัยควีนเอ่ย
“ก็แน่ล่ะ รายนั้นเขาเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งบารามอสเชียวนะ” มาทิลด้ากล่าว สายตาจับจ้องเจ้าหญิงที่กำลังนอนอย่างไม่กลัวเสียภาพลักษณ์เจ้าหญิง
“ฮึ!”
“ว่าแต่มีใครรู้เรื่องราวของตำนานการก่อตั้งดินแดนบารามอสบ้างไหม?” กัส โทนีย่าเอ่ยคำถามที่ทำให้ทุกคนหันไปจ้องหน้ากัน
“พวกปราการปราชญ์น่าจะรู้นะ” โซโลว่า แต่คนถูกพาดพึงกลับส่ายหัว
“ตำนานเล่าว่า...”
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปยังขอทานแห่งทริสทอร์ที่ถูกขนานนามว่าห้องสมุดเคลื่อนที่อย่างที่เฟรินว่านั้นท่าจะจริง
“ในอดีตกาลที่แสนเนิ่นนานมาแล้ว ครั้งตอนที่แผ่นดินเอเดนและเดมอสยังคงเป็นผืนเดียวกัน เอเดนมีประเทศอยู่ไม่กี่ประเทศ ดินแดนคาโนวาลประสบอาเพศครั้งใหญ่ เกิดวิกฤตฝนแล้ง พืชพรรณธัญญาหารขาดแคลน เกิดโรคระบาดจนถึงขั้นผู้คนต่างฆ่าแกงกันเพื่อแย่งชิงเสบียงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ประเทศอื่นๆก็ฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำศึกสงคราม เกิดการก่อกบฏ ลอบวางยาพิษคิงแห่งคาโนวาล ไม่มีหมอวิเศษผู้ใดสามารถถอนพิษนั้นเอง มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถรักษาพระองค์ได้คือหัวใจของเจ้าหญิงแคลรีนแห่งเผ่าเอล์ฟ ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นองค์สถิตแห่งเทพแห่งชีวิต นางอาศัยอยู่ในเดมอส แต่ถึงแม้จะส่งกองทัพทหารบุกเข้าไปในเดมอสเท่าไหร่ก็ไม่มีใครสามารถกลับออกมาได้เลย จนในที่สุดเจ้าชายทั้งสามคนผู้เป็นบุตรแห่งพระองค์จึงตัดสินเข้าไปในเดมอสเพื่อนำมารักษาบิดาและฟื้นฟูคาโนวาล เจ้าชายคนโตชื่อ อาซัส ผู้เป็นเลิศด้านฝีมือดาบบอกว่าจะไปทางทิศตะวันออก เจ้าชายอาลูวิสคนรองผู้มีสมองอันชาญฉลาดบอกให้ไปตามลำน้ำ ส่วนเจ้าชายคนเล็กเก่งกาจด้านเวทย์มนต์ อเล็กซิส เสนอให้ทุกคนเดินทางไปด้วยกัน เมื่อพี่ชายทั้งสองคนแยกกันไปตามทางของตนน้องชายคนเล็กจึงต้องออกเดินทางคนเดียวโดยตรงไปด้านหน้าอย่างไม่มีหลักการอะไร ในระหว่างการเดินทางเจ้าชายอเล็กซิสเจอกับภัยอันตรายนานัปการแต่เขาก็ใช้ความสามารถและความมุ่งมั่นที่จะช่วยคาโนวาลสู้กับมันแต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่ลมหายใจสุดท้ายของเขาจะดับลง สตรีนางหนึ่งได้ประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของเขาทำให้บาดแผลและความเหนื่อยล้าที่มีทั้งหมดของเขาจางหายไปราวกับปาฏิหาริย์ นางพาเขากลับไปยังหมู่บ้านเอล์ฟ และทำให้เขารู้ว่านางคือเจ้าหญิงแคลรีนผู้ที่เขาตามหาอยู่ เขาพยายามหาทางที่จะสังหารนางแต่เพราะการที่นางดูแลเขาอย่างดีและบุญคุณที่นางได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาจึงไม่สามารถลงมือฆ่านางได้ หลายวันผ่านไปเขาก็ได้พบศพพี่ชายคนรองที่ถูกดาบคมกริบผ่าร่างซึ่งทำให้เขาโศกเศร้าเสียใจมากแต่ได้เจ้าหญิงแคลรีนมาช่วยผ่อนคลายความทุกข์ให้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ และยิ่งนับวันความงามดุจดั่งเทพธิดาและความดีของนางทำให้เขาเริ่มตกหลุมรักนางอย่างหมดหัวใจ แต่แล้วค่ำวันหนึ่งในขณะที่เขากับนางกำลังจะเข้าพิธีเสกสมรสในวันรุ่งขึ้น เจ้าชายอาซัสก็ปรากฏตัวขึ้นละสั่งให้เขาฆ่านางซะ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ อาซัสจึงบอกกับเจ้าหญิงแคลรีนว่าแท้จริงแล้วเจ้าชายอเล็กซิสหมายจะสังหารนางและขอให้นางหลบหนีไปกับตน เมื่อรู้ว่าเจ้าหญิงแคลรีนหายตัวไปเจ้าชายอเล็กซิสก็รีบออกตามหานางในทันที ในที่สุดเขาก็เจอนางที่กำลังหันคมดาบเข้าสู่ตัวเขา ดาบเปื้อนเลือดที่เป็นของพี่ชายคนโตของตน นางถูกอาซัสหลอกให้ฆ่าเขาก่อนที่เขาจะฆ่านาง แต่ด้วยความรักเขายอมให้นางปลิดชีพตัวเองแต่โดยดี ในขณะที่เขากำลังจะตายมนต์สะกดของนางได้คลายและนางก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้อีกครั้ง นางได้เล่าให้เขาฟังว่าเจ้าชายอาซัสได้ฆ่าเจ้าชายอาลูวิสผู้เป็นน้องชายและเป็นคนวางยาพิษบิดาของตนเพื่อตัดทอนคนที่เป็นก้างขวางคอในการขึ้นเป็นกษัตริย์และคนที่จะถูกฆ่าเป็นรายต่อไปคือเจ้าชายอเล็กซิสโดยใช้นางเป็นตัวล่อ ในที่สุดเขาก็สามารถล้มเจ้าชายอาซัสได้ เขาพานางออกมาจากเดมอสแต่
คาโนวาลต้องการสังหารนางถึงแม้ว่าเขาจะเก่งกาจเพียงไรแต่ด้วยกำลังพลที่มากกว่าเขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ไกล ในขณะที่เขากำลังจะถูกสังหารนางได้ใช้ตัวเองบังลูกธนูนับร้อยเอาไว้ เลือดบริสุทธิ์ของนางหลั่งรดพื้นดินอันแห้งผากปรากฏเป็นความชุ่มชื้นอย่างไม่เคยจะหาได้ในดินแดนร้างผู้คนส่งต่อไปยังทั่วทุกบริเวณในเอเดนให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม เจ้าชายอเล็กซิสจึงตั้งตนเป็นกษัตริย์และสร้างดินแดนของตนขึ้นมานามว่า บารามอส เพื่อเป็นการระลึกถึงความรักและบุญคุณที่หาที่เปรียบไม่ได้ของเจ้าหญิงแคลรีน อิสสตรีเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา”
สิ้นคำกล่าว ขอทานแห่งทริสทอร์ก็ยกชาที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหนขึ้นจิบ ผู้คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างนิ่งเงียบนั่งมองรอให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นคนพูด
“ไม่รู้เลยนะว่าบรรพบุรุษของบารามอสจะเป็นคนจากคาโนวาล...” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นซึ่งเป็นความคิดอยู่ในใจของใครหลายๆคนที่ตอนนี้กำลังมองไปยังเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“เจ้าหญิงเอลฟแห่งเดมอสกับเจ้าชายแห่งคาโนวาล ทีนี้เราก็ได้ตัวพระนางแล้วสิวะพวกเรา”
คำพูดของครี้ดส่งผลให้คนทั้งห้องประชุมหัวเราะร่วนก่อนหยุดกึกพร้อมกันเมื่อตัวพระที่ว่าแผ่รังสีอำมหิตออกมา
“เอ่อ...ตกลงเราจะเอาตำนานของบารามอสมาแสดงใช่ไหมคะ” เรนอนถามขึ้น
“อืม...มีใครจะคัดค้านไหมถ้าเราจะนำเรื่องนี้มาแสดง” มาทิลด้าเอ่ยเสียงดังพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ “มติเป็นเอกฉันท์ ไม่มีใครค้านสินะ”
“เรื่องบทให้ทางเราเป็นคนเขียนเอง เพราะคงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม” สาวน้อยตัวแทนจากปราการปราชญ์เสนอตัว
“ฝากด้วยนะ ส่วนอีกเรื่อ...”
“เรื่องตัวละครฉันจะอาสาเป็นเจ้าหญิงแคลรีนเอง และแน่นอนเจ้าชายอเล็กซิสก็ต้องเป็นเจ้าชายคาโลแห่งคาโนวาล” คำประกาศจากควีนแห่งปราสาทขุนนางที่ไม่เบาเลยทำเอาคนทั้งห้องเริ่มสงเสียงซุบซิบลั่น
“ซุบซิบอะไรกัน! มีใครเหมาะกับบทนี้มากกว่าฉันหรือไง!”
“นี่ๆแม่คุณ รู้อยู่หรอกว่าอยากจะงาบเจ้าคาโล แต่ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นก็ได้ ไม่อายบ้างหรือไง” คำพูดของเจ้านักฆ่าตัวแสบที่น่าหลับอยู่ทำเอาเธอหันควับมามองตาถลึง
“เราน่าจะโหวตกันดีกว่าว่าจะให้ใครเป็นเจ้าชายอเล็กซิส ใครจะเสนอชื่อไหม?” สาวน้อยจากแผ่นดินประชาชนเสนอ ซึ่งเสียงทั้งหมดโหวตให้เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาลได้รับบทนั้นอย่างขาดลอย
“ว่าไงคาโล นายจะเป็นไหม” มาทิลด้าถาม
“...ไม่เป็น” สายตาอ้อนวอนหลายคู่จับจ้องมายังเขา ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงเริ่มใจอ่อนได้ง่ายขึ้น สงสัยต้องไปเอาเรื่องกับเจ้าหัวขโมยงี่เง่านั่นซะแล้ว “คงไม่ได้สินะ”
“แล้วเจ้าหญิงแคลรีนล่ะครับ” ซีบิลเอ่ยแต่ทุกสายตาหันควับไปจ้องมองคนที่ตอนนี้กำลังหลับปุ๋ย อย่างไม่รู้ว่านรกกำลังจะมาเยือน
ความคิดเห็น