คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ซ้อมละคร 3 กับเด็กหนุ่มปริศนา -edit-
- 9 -
“เข้าไปใกล้ๆกว่านี้หน่อยสิวะ คาโล”
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น เรียกนัยน์ตาสีฟ้าดุให้หันไปจ้องเขม็งแต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากร่างสูงก็ถูกมือปริศนาผลักให้เซถลาเข้าไปใกล้สาวน้อยอดีตหัวขโมยตัวแสบที่กำลังยืนสบถด่าเหล่าสหายทรพีอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์เอาเสียเลย
“ไอ้พวกบ้านี่ แกคิดหรอว่าฉันจะยอมยืนข้างๆเจ้าน้ำแข็งเดินได้ในสภาพแบบนี้น่ะ”
“ทำไมนายถึงไม่อยากยืนข้างๆฉันล่ะ”
ด้วยความโมโหและปากที่ไวกว่าความคิด เฟรินจึงเอ่ยตอบออกไปโดยที่ไม่หันไปมองต้นตอของคำถาม
“ถามได้ ขืนยืนข้างๆหมอนั่น มีหวังได้อาย...ตาย”
คำสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากนั้นช่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ร่างสูงข้างๆกายที่บังเอิญโดนผลักให้เข้ามาใกล้นั้นกลับเหยียดรอยยิ้มบางที่สาวอื่นมองว่าเท่นักเท่หนา แต่ในสถานการณ์นี้เฟรินกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ใบหน้าร้อนวูบ ก่อนจะรีบเอ่ยเสียงดัง
“หมอนั่นจะอายน่ะสิ เพราะรัศมีของฉันมันบดบังหมด ฮ่าฮ่าฮ่า”
ป้าบ!
ฝ่ามืออรหันต์ที่แสนจะคุ้นเคยฟาดป้าบเข้ากลางหลังของเฟริน จนเจ้าตัวแทบกระโดดโหยง
“ถ้ามีเวลามาโม้มากนักล่ะก็ไปซ้อมโน่น” แองเจลิน่าตวาดก่อนยื่นบทละครที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันให้ดู “ฉากนี้พวกนายยังไม่เคยซ้อมเลยนะ”
เฟรินเบ้หน้าเมื่อไอ้ฉากที่สาวน้อยตรงหน้ายื่นให้เขาดูนั่นมันคือฉากที่เขาพยายามใช้กลวิธีต่างๆหลบเลี่ยงมาตลอดเวลาที่มีการซ้อมก่อนจะดันแผ่นกระดาษเหล่านั้นให้ออกห่าง
“ฉันไม่...”
“คงทำไม่ได้สินะคะ ‘ฉากนั้นน่ะ’ ”
น้ำเสียงแปดหลอดที่เฟรินเพิ่งบ่นสงสัยว่าหายไปไหนอยู่ไม่นานจู่ๆก็ดังขึ้น ทำให้นึกอยากจะตีปากตัวเองสักป้าบสองป้าบ
“ถ้าทำไม่ได้ ดิฉันว่าคุณเปลี่ยนให้ดิฉันเล่นจะดีไหมกว่านะคะ” ควีนคนสวยแห่งปราสาทขุนนางเหยียดรอยยิ้มหวานโปรยเสน่ห์หยดย้อยให้กับเจ้าชายน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนเกราะน้ำแข็งหนาปึกยังคงทำงานได้อย่างดีจนหญิงสาวแทบแก้เก้อด้วยการให้ไปยิ้มกับคนอื่นไม่ทัน
“แหมๆ ไม่นึกว่าควีนคนงามจะถ่อสังขารมาสร้างสัมพันธไมตรีถึงที่นะครับ ช่างขยันจริงๆ คาโล แกทำไมไม่ตอบกลับเขาไปบ้างละวะ ยืนเป็นรูปปั้นน้ำแข็งอยู่ได้”
ประโยคง่ายๆของหัวขโมยตัวแสบเล่นเอาใบหน้าสวยของหญิงสาวเกือบชา เพราะความหมายแฝงเจ็บของประโยคเหล่านี้คือ คนสวยที่แบกหน้าเดินมาอ่อยผู้ชายถึงที่ แม้ผู้ชายเขาจะไม่สนใจก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้น คุณแสดงบทนี้ได้รึเปล่าล่ะคะ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอส”
ฉายาพ่วงท้ายที่ใช้มาตลอดสิบห้าปีถูกยกขึ้นมาย้ำ ควีนคนสวยเชิดใบหน้าขึ้นปรายสายตาหยิ่งผยองที่ไม่รู้ไปขุดมาจากแห่งใดจ้องมองมายังนัยน์สีน้ำตาลที่ฉายรอยขบขันแม้ในใจของเจ้าตัวกำลังวิ่งวุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากเคล็ดวิชาลับตระกูลเดอเบอโรว์ ทันใดนั้นเองรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเจ้าหญิงปิศาจ
“อ๊ะ! นั่นโรเวนมา”
ได้ผลถนัด ทุกสายตาเปลี่ยนไปจับจ้องทิศทางที่นิ้วของเฟรินชี้ไป ซึ่งปรากฏเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามเดินยิ้มเข้ามา และถ้าหากใครฉุกคิดขึ้นมาและหันกลับไปดู ร่างอดีตหัวขโมยตีนเบาก็อันตรธานหายไปจากห้องประชุมนี้เสียแล้ว
“ให้ตายสิ ประสาทรึเปล่า ใครจะไปเล่นบทพรรค์นั้นกัน ยิ่งคนเยอะๆด้วย ฝันไปเหอะ”
ท่ามกลางแสงสลัว มีเพียงเสียงบ่นอุบอิบของอดีตหัวขโมยแห่งบารามอสที่ใช้จังหวะตอนที่เจ้าชายคนเก่งแห่งเจมิไนเข้ามาดึงความสนใจ สงสัยต้องหาจังหวะไปกราบขอบคุณโรเวนเสียหน่อยแล้วที่ช่วยให้เธอหลบออกมาจากสถานการณ์คับขันแบบนั้นได้ สถานการณ์ที่เกือบจะได้ไปซ้อมฉาก...จูบ
“โว้ย!! จ๊ากก!!”
เฟรินตะโกนลั่นก่อนร้องเสียงหลงเพราะดันไปเตะระบายอารมณ์กับก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มจนลงไปกองกับพื้นหญ้า ลูบๆคลำๆหัวแม่โป้งเท้าที่เริ่มบวมป้อยๆ พลางบ่นคาดโทษไปถึงเจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาลที่บัดนี้คงถูกจับซ้อมบทนั้นกับสาวๆคนอื่นไปแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยไหม เฟลิโอน่า เกรเดเวล”
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเรียกความสนใจของเจ้าของชื่อให้หันไปมอง
ที่มาของเสียงคือเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักเรียนปีหนึ่ง ผมยาวสีดำสนิทที่ถูกมัดลวกๆไว้ด้านหลัง นัยน์ตาสีดำขลับ กับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยนที่เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน พร้อมกับมือที่ยื่นมาให้
“มะ ไม่เป็นไร ขอบคุณ” เฟรินว่าพลางดันมือของชายหนุ่มออกห่าง แล้วยันตัวเองให้ลุกขึ้นแม้จะเจ็บเล็บขบอยู่ก็ตาม
“ว่าแต่นายเถอะ ดึกๆดื่นๆมาเดินอะไรแถวนี้”
“คือ...พอดีนอนไม่หลับ ก็เลยมาเดินเล่นแต่ดันหลงซะนี่” เขาหัวเราะแห้งๆ
“อยู่ป้อมไหนล่ะเรา?”
คราวนี้ชายหนุ่มกลับอ้ำอึ้งก่อนชี้นิ้วไปยังป้อมที่อยู่ใกล้ที่สุด “นั่นน่ะ”
“ป้อมอัศวิน? นายอยู่ป้อมอัศวินงั้นหรอ แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อนเลย” เฟรินว่าพลางหรี่ตามองเจ้าเด็กตรงหน้าอย่างสงสัย
“โธ่ เด็กตั้งเยอะแยะคุณจะไปจำได้ยังไง อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยชอบเข้าเรียนวิชาเด็กๆแบบนั้นสักเท่าไหร่”
“เออ นั่นสิ อย่างว่าเด็กปีหนึ่งอย่างนายเลย ฉันก็ไม่ชอบ มัวให้มาเรียนประวัติศาสตร์บ้าบอ ขี่ม้า นับตังค์ อะไรไม่รู้ งี่เง่า” เจ้าตัวแสบที่ชอบแอบไปเฝ้าพระอินทร์ขณะนั่งเรียนเริ่มสาธยายถึงความเลวร้ายของวิชาเรียนยาวเรียน จนคุยไปถึงความหนักหนาสาหัสสมัยที่เรียนอยู่ปีหนึ่งให้เด็กหนุ่มที่นั่งฟังอย่างสนิทสนมขณะที่เดินกลับมายังป้อมอัศวิน
“นายนี่มันถูกใจฉันจริงๆ ชื่ออะไรล่ะเรา” อดีตหัวขโมยถาม
“เอ่อ...เอว...เอวิล เกรนเดล เดอะ พรีสต์ ออฟ ทริสทอร์”
“ยินดีที่ได้รู้จัก เอวิล ฉันเฟริน...”
ไม่ทันจะพูดจบเด็กหนุ่มก็แทรกขึ้นมาทันที
“เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ๊นเซส ออฟ เดมอส...ใช่ไหมครับ”
“เอ่อ...” คนถูกขานชื่อเต็มออกอาการเหวอ ไม่นึกว่าตัวเองจะดังขนาดนั้น “ชื่อนั้นก็ถูกน่ะนะ แต่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะ? หรือคุณไม่ชอบที่เกิดมาเป็นเจ้าหญิงแห่งเดมอส”
คำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้เฟรินชะงักฝีเท้ากึก หุบยิ้มฉับ หันไปสบนัยน์ตาสีดำของเอวิล เด็กหนุ่มจากทริสทอร์
“ฮ่า ฮ่า ฉันก็แค่ฟังชื่อนี้แล้วมันแปลกๆน่ะ รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้”
“หรอครับ”
“เอ้า ถึงแล้ว เด็กปีหนึ่งนอนชั้นสองสินะ งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกันเอวิล” เฟรินเอ่ย
“ครับ แล้วเจอกัน”
จากนั้นเด็กหนุ่มจากทริสทอร์ก็เดินหายลับสายตาไป เฟรินที่เพิ่งรู้สึกว่าความง่วงเริ่มมาเยือนและทำให้หนังตาเริ่มหนักขึ้น จึงตัดสินใจพาสังขารตัวเองปีนขึ้นบันไดไปโดยมีจุดหมายอยู่ที่เตียงนุ่ม โดยที่ไม่รู้สึกเลยว่าอาการบวมที่นิ้วเท้านั้นหายไปแล้ว
ความคิดเห็น