คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] Countdown with me
Countdown with me
Couple: Double B
Genre: Romantic – Drama
Note: ดำเนินเรื่องเรื่องในมุมของจีวอน เพราะฉะนั้น "เขา" ในที่นี้หมายถึงจีวอนนะคะTwT
ผืนกำมะหยี่สีดำปกคลุมท้องฟ้า ปราศจากแสงจากดวงดาว หากแต่แทนที่ด้วยแสงพราวระยับจากดวงไฟประดับในเมืองใหญ่ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเดินถนนยามค่ำคืน มหานครที่ไม่เคยหลับใหล – โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
กลิ่นของความสุขลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ ร้านรวงต่างๆหยุดทำการ แม้อุณหภูมิจะติดลบ แต่ท้องถนนยังเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาเฉลิมฉลองกันในเทศกาลแห่งความสุข บนใบหน้าเหล่านั้นเปื้อนรอยยิ้ม แตกต่างจากชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้าตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ บินนี่สีม่วงสดใสตัดกับชุดโทนสีดำและอารมณ์หงุดหงิดของเขาในตอนนี้
ร่างสูงก้มลงอ่านคำบรรยายวิธีการกดเครื่องดื่มอีกครั้ง ยกมือขึ้นเกาหัว ตาเรียวเพ่งมองตัวอักษรฮิรางานะที่อยู่ตรงหน้า ภาษาญี่ปุ่นที่เคยเรียนตีกันในหัวยุ่ง ทันทีที่ถึงตัวคันจิ เขาแทบอยากขอเงินคืนจากอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นโทษฐานไม่สอนวิธีการกดตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ สบถออกมาเบาๆกับประเทศญี่ปุ่นที่ควรจะมีภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักมากท่องเที่ยวมากกว่าน้อย – ประเทศเขาเองก็ไม่ต่างกันนัก
ลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นควันขาว ลอยคลุ้งจะจากหายไปในอากาศ
เคล้ง!
กระป๋องเครื่องดื่มสองกระป๋องอยู่ในมือเขาแล้วในที่สุด เปิดกระป๋องเบียร์ Asahi ขึ้นจิบ รสชาติขมปร่าที่ปลายลิ้นและความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วลำคอช่วยให้ร่างกายเขาอบอุ่นขึ้นไม่น้อย มือหนายกกระป๋องช็อกโกแลตร้อนขึ้นดูและกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปากก่อนจะซุกมันเอาไว้ในแจ็คเก็ตขนเป็ด Diesel ตัวเก่ง ความร้อนของมันทำให้รู้สึกดีท่ามกลางอุณหภูมิในตอนนี้ รองเท้า Nike Air Force 1 สีดำก้าวเดินไปสู่จุดหมายปลายทาง กลืนหายไปพร้อมกับผู้คน
วัดโซโจจิ สถานที่เคานท์ดาวน์ยอดนิยม ใครหลายคนมักจะมากิจกรรมนับถอยหลังและปล่อยลูกโป่งเมื่อเข้าสู่ปีใหม่กันที่นี่ และจากที่นี่ยังมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลได้อย่างชัดเจน ตัวเลขบอกปีค.ศ.บนทาวเวอร์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย
เวลานับถอยหลังใกล้จะมาถึง ภายในวัดผู้คนแน่นขนัด เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ ลูกโป่งสีขาวถูกแจกจ่าย ชายหนุ่มบินนี่ม่วงกับกระป๋องเบียร์ในมือหันซ้ายหันขวา ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ตรงม้านั่งที่มีชายอีกคนนั่งอยู่ มุมนั้นมีคนอยู่ไม่มาก บรรยากาศน่าจะดี – เขาคิด
แหวกฝ่าผู้คนมายืนอยู่เบื้องหน้า ภาษาญี่ปุ่นแสนอ่อนหัดถูกงัดมาใช้ด้วยสำเนียงแปล่งๆพร้อมกับรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุด โอเค ถึงฟันหน้ามันจะออกมาทักทายชาวโลกก็ตาม
เด็กหนุ่มบินนี่สีดำบนม้านั่งสีขาวเงยหน้าขึ้นมาพลางถอดเฮดโฟนไว้ที่คอ จมูกโด่งเป็นสันแดงรั้น ดวงตากลมฉายรอยฉงน ใบหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกจากคิ้วภายใต้หน้าม้านั่นจะขมวดกันแทบจะเป็นปม มองก็รู้
เขาหย่อนก้นลงบนที่ว่างบนม้านั่งที่อีกคนขยับให้ ไม่ลืมที่จะขอบคุณตามมารยาท กระป๋องเบียร์ถูกวางไว้คั่นกลางราวกับกำแพงที่แบ่งแยกโลกของทั้งคู่เอาไว้ บรรยากาศอึกอัดก่อตัวขึ้นช้าๆ เขาไม่ชอบเอาเสียเลย
ร่างสูงกระแอมขึ้น คว้ากระป๋องเบียร์และโน้มตัวไปข้างหน้า เอาศอกทั้งสองข้างเท้าอยู่บนหัวเข่า ตาเรียวจับจ้องไปยังบรรยากาศแห่งแสงสีเบื้องหน้า ทำลายความอึดอัดระหว่างเขาด้วยคำพูดโง่ๆ “หนาวเนอะ”
หันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มจนตาเป็นขีดเดียว กลับได้รับมาเพียงหน้าโง่ๆ กับดวงตากลมๆของเด็กนั่น
บางที...
คนที่โง่อาจจะเขาเอง...
หมอนี่อาจจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นของเขา
หัวเราะแห้งในลำคอ ก่อนเบือนหน้ากลับไป “โทษที ภาษาญี่ปุ่นฉันมันห่วยแตก”
“...แต่ฉันเก่งภาษาอังกฤษนะ ฉันโตที่อเมริกา นายอาจไม่เชื่อ” พูดกับอีกคนเป็นภาษาเกาหลี แน่นอนว่าไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย แหงล่ะ... บางที Asahi ในมืออาจจะออกฤทธิ์
“อันที่จริงแล้ว...ฉันเคยมาที่นี่นะ” สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มคนตรงหน้า บ้างมากับครอบครัว มากับเพื่อน รวมไปถึงคนรัก “ตอนนั้นฉันมากับเธอ มาเป็นคู่แบบนั้นเลย น่าอิจฉาไหมล่ะ”
หึ... หัวเราะกับตัวเองเบาๆ พอมาเห็นแบบนี้ น่าหมันไส้ชะมัด
“เธอชอบหิมะ บอกว่ามันโรแมนติก แต่ฉันว่ามันหนาวจนแสบจมูก” ร่างสูงหันไปสิ่งยิ้มกวนประสาทให้กับอีกฝ่ายที่กำลังสูดจมูกฟึดฟัด ก่อนจะส่งทิชชู่ที่ได้รับแจกมาให้และหันกลับมาโดยไม่รอคำขอบคุณจากอีกฝ่าย
“เธอชอบดื่มช็อกโกแลตร้อนตอนอากาศหนาวๆ ฉันว่าจะลองดูเหมือนกัน”
“ความฝันขอเธอคือการไปเคานท์ดาวน์รอบโลก แต่เธอเลือกมาที่นี่เป็นที่แรก เธอบอกว่าจากตรงนี้เห็นโตเกียวทาวเวอร์ที่เธออยากจะขึ้นไปบนนั้นสักครั้ง”
ดวงไฟสีแดงบนโครงเหล็กขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางกรุง ตัวเลข 2014 บนนั้นบ่งบอกว่าเขาอยู่อยู่ในปีเก่า
“เราสัญญากันว่าปีนี้จะมาที่นี่อีกครั้ง...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”
สมเพชตัวเองชะมัด
ว่าแล้วก็แค่นหัวเราะให้กับความโง่งมของตัวเองที่ยังคงจมปลักอยู่กับความหลังที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ได้แต่นึกเสียดายทีหลังในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป หวังเพียงกาลเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ พยายามที่จะลืมเรื่องราวเหล่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง ทำให้รู้ว่าเขาทำได้เพียงหลอกตัวเองไปวันๆ
ความเงียบปกคลุมเขาทั้งสองคนอีกครั้ง
ร่างสูงจึงตัดสินใจคั่นเวลาด้วยการควานหาซองนิโคตินสีเงินที่ซุกตัวอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด ยกแท่งมาโบโลขึ้นจรดริมฝีปาก ไลท์เตอร์ในมือพร้อมจะจุดไฟ หากแต่แรงสะกิดเบาๆที่ไหล่มาขัดจังหวะเสียก่อน
เขาหันไปหาหมอนั่น ใบหน้าขาวสายไปมา – หน้าโง่ๆที่เขาว่า พร้อมกับยืนมือชี้ไปยังป้ายห้ามสูบบุหรี่
“โอเค” มาโบโลกลับไปนอนนิ่งในกระเป๋ากางเกงดังเดิม “ดูซิ มีอะไรให้ทำบ้าง นอกจากนั่งแกร่วรอเวลาน่ะ”
ร่างสูงเหยียดยืนขึ้นเต็มความสูง ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดก่อนทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ความอุ่นร้อนแผ่ซ่านไปตามลำคอ ชายหนุ่มซุกมือหนาภายใต้แจ็คเก็ตดีเซลและเดินเอื่อยไปตามร้านขายอาหารหลากหลายประเภทที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ภายในบริเวณวัด ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตรงไปซื้อทาโกยากิที่ส่งกลิ่นหอมฉุย แขนเสื้อตรงข้อศอกก็ถูกกระตุกจากเจ้าของบินนี่สีดำเมื่อครู่ เด็กหนุ่มชี้ไปทางร้านขายโซบะก่อนหันมามองหน้าเขา
ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน คนตัวเล็กกว่าถึงได้ส่งเสียงจิ๊ในลำคอและคว้าข้อมือของเขาไปเสียดื้อๆ
ไอความร้อนลอยฉุยบนถ้วยกระดาษ ตะเกียบคีบเส้นโซบะเหนียวนุ่มส่งเข้าปาก สัมผัสแรกบนปลายลิ้นคืออุณหภูมิร้อนจัดของเส้นแป้ง
“ร้อนๆๆๆ”
ขวดน้ำเปล่าถูกส่งมาให้พร้อมกับเสียงหัวเราะจากอีกคน “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องมายิ้มล้อเลียนเลยนะ” ส่งคืนขวดน้ำคืนพร้อมส่งส่งสายตาดุๆให้คนตัวเล็กกว่า และหันกลับมาก่อนที่จะพบว่าตัวเองก็แอบยิ้มตามไปกับเขาด้วย เจ้าเด็กนี่...เวลายิ้มก็น่ารักดีเหมือนกันนี่
ซู้ดดดด
เสียงสูดบะหมี่ดังขึ้น บรรยากาศอึดอัดก่อนหน้านี้เริ่มคลายตัวออกไป รอยยิ้มบังเกิดขึ้นยามดวงตาเรียวจ้องใบหน้าคมออกจะติดหวานของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว บวกกับริมฝีปากอิ่มที่ขยับพูดกับเขาเป็นประโยคแรก ชายหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อย จนอีกฝ่ายสะกิดแล้วถามว่า “เข้าใจไหม?” เป็นภาษาญี่ปุ่น
ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนหัวเราะแก้เก้อ “ตอนแรกฉันนึกว่านายพูดไม่ได้ซะอีก”
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายฟังไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มจึงเหลือกตาขึ้นฟ้า เลิกพยายามที่จะพูดแล้วชี้มายังถ้วยโซบะว่างเปล่าข้างตัว ทำท่าสูดบะหมี่ ชี้นิ้วลงที่พื้น ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแฉ่งใส่เขา
“อ๊า” เขาพยักหน้า จะบอกว่ากินโซบะ วันนี้ วันขึ้นปีใหม่แล้วดีใช่ไหม
ความเงียบโรยตัวอีกรอบ ก่อนต่างฝ่ายต่างจะเสมองกันไปคนละทาง อีกคนคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มและท่าทางไร้เดียงสานั่น จุดประกายความสุขขึ้นในจิตใจของเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าเด็กนี่เลิกทำหน้าโง่ๆ แล้วหันมาส่งยิ้มเอ๋อๆแทนรึเปล่า
ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนมากนัก มีเพียงภาษามือ และภาษาญี่ปุ่นอันกระจอกงอกง่อยของเขา รวมไปถึงเสียงหัวเราะของอีกคน ตอนที่โยนเหรียญลงในกล่องเพื่อจะอธิษฐาน แต่ปรากฏว่ามันไม่ลงกล่องซะงั้น หรือแม้แต่ตอนถูกแกล้งให้ตักน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์มาล้างหน้าท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ ผลลัพธ์คือเขาหน้าชาไปทั้งแถบ
เขาพบว่าเจ้าเด็กนี่แสบไม่ใช่ย่อย
“ฮัดชิ่ว!”
ชายหนุ่มบินนี่่ม่วงเลิกเก๊กท่าถ่ายรูปแล้วเดินตรงมายังเด็กหนุ่มที่จามจนตัวงอ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มขบขันกับจมูกที่ขึ้นสีของคนตรงหน้าก่อนคว้า iPhone ในมือของตากล้องจำเป็นคืนมา “ถือดีๆหน่อยสิ ถ้าไอโฟนฉันตกจะทำยังไง”
เหมือนเจ้าของบินนี่สีดำจะพอเดาที่เขาพูดออก ส่งกำปั้นลุ่นๆมาชกบริเวณต้นแขนด้วยแรงที่ไม่เบา ก่อนบ่นอุบเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วออกเดิน ทิ้งคนตัวสูงกว่ายืนลูบแขนตัวเองป้อยๆและยิ้มจนตาหยีจนดูเหมือนคนโง่
สนีกเกอร์ไนกี้สีดำหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มที่เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ แต่พอคนที่นั่งอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะละความสนใจจากหน้าจอมือถือ บวกกับเสียงสูดน้ำมูกนั่น ทำให้เขานึกอะไรออก
มือหนาคว้ากระป๋องอะลูมิเนียมในซุกไว้ในแจ็คเก็ตออกมา อุณหภูมิที่สัมผัสผ่านผิวหนังบ่งบอกมามันยังคงอุ่นอยู่ กระป๋องทรงกระบอกถูกถูไปมากับเสื้อแจ็คเก็ตราคาแพง ยกสองมือขึ้นประกบแล้วถูไปมาอีกครั้ง ก่อนกระป๋องช็อกโกแลตร้อนที่ถูกอุ่นโดนเขาเองจะไปแนบอยู่ที่แก้มนิ่มของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตากลมที่เงยขึ้นมาสบฉายแววแปลกใจอย่างปิดไม่มิด
“นี่คงช่วยให้นายอุ่นขึ้น” เปิดฝากระป๋องแล้วยัดใส่มืออีกคน “เมื่อกี้ชวนกินโซบะด้วยกันก็ไม่เอา”
ยีหัวอีกคนด้วยคามหมันเขี้ยว ก่อนที่จะถูกดึงความสนใจด้วยเสียงประกาศของทางพิธีกรในงาน เขายกนาฬิกาขึ้นดูแล้วพบว่าจะถึงเวลานับถอยหลังในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“รอแปบนะ” บอกคนที่นั่งอยู่เป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนรีบผละออกไป
ไม่นานชายหนุ่มก็กลับมา เป็นภาพที่ดูตลกไม่น้อยกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดโทนสีดำสุดเท่ หมวกบินนี่สีม่วง รองเท้าไนกี้แอร์ฟอร์ซวัน กับลูกโป่งสีขาวสองใบ และท่าทางที่เหมือนกับไปฟัดกับใครมา เจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปดกับการฝ่าฟันแย่งชิงลูกโป่งโง่ๆเพียงสองใบกับผู้คนนับร้อย
ลูกโป่งสีขาวถูกส่งให้พร้อมกับรอยยิ้มโชว์ฟันขาว
เด็กหนุ่มชั่งใจก่อนเผยรอยยิ้มหวานและรับมันมา
ผู้ชายสองคน บนม้านั่งสีขาว บินนี่สีม่วง และสีดำ กับลูกโป่งสองใบในวันส่งท้ายปี
.
.
.
.
.
.
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
.
.
.
.
บางที...
อาจจะถึงเวลาที่ควรจะลืมความทรงจำเก่าๆ และเริ่มต้นสร้างความทรงจำใหม่แล้วก็ได้
บทส่งท้าย
ก่อนจะแยกย้ายกันไปในคืนนี้ เขาขอร้องให้เด็กหนุ่มตรงหน้าช่วยเป็นไกด์พาเที่ยวในวันพรุ่งนี้ คนอายุน้อยกว่าไม่ได้รับปาก
แผ่นหลังเล็กกับบินนี่สีดำเดินหายปะปนไปกับผู้คน
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมของชายหนุ่ม ความสุขเริ่มก่อตัวขึ้นในอก
เสียงเตือนไลน์ดังขึ้น มือหนายกโทรศัพท์ขึ้นดู สไลด์แถบล็อกสกรีนไปด้านข้าง ก่อนจะพบข้อความของใครบางคนเด้งขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเอ๋อๆของคนที่เพิ่งจากไปเมื่อสักครู่บนดิสไลน์
B.I : อันยอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมคิม ฮันบิน ;)
ไอ้เจ้าเด็กแสบคิม ฮันบิน!
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน ขอโทษที่มาอัพเลตไปหน่อย
อยู่บ้านเราไม่มีเน็ตเลย orz ความจริงเราอยากจะเขียนเกี่ยวกับวันปีใหม่ที่ญี่ปุ่นมากกว่านี้
แต่กลัวว่ามันจะยาวไป + เราขี้เกียจ ถถถ เลยเขียนมาแค่นี้ก่อน
ในคืนวันสิ้นปีที่วัดโซโจจิจะมีกิจกรรมปล่อยลูกโป่งกันในวันปีใหม่ มีการกินโซบะข้ามปี พระสงฆ์จะตีระฆังจำนวน 108 ครั้ง
ในวันปีใหม่จะมีการกินโมจิ ไหว้วัดหรือศาลเจ้าในสามวันแรกของปี ทานอาหารมงคลที่เรียกว่าโอเซิเรียวริ ฯลฯ
พูดเหมือนรู้เยอะ เอาจริงๆเราไม่เคยไปเลย ศึกษาและมโนล้วนๆ
หากผิดพลาดจากความจริงก็ขออภัยด้วยนะคะ
ติดแท็กนี้ดีไหม? #ดบบสตร
สุดท้าย รบกวนคอมเมนท์ให้หนูด้วย T^T
ความคิดเห็น