ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลใจในม่านหมอก

    ลำดับตอนที่ #5 : กลใจในม่านหมอกตอนที่ 4 หนีบัญชา

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55


     

     

     

                   

     

     

     

     

                    เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น   เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว ขับขาน แสงทองส่องประกายระยิบระยับ ค่ำคืนแห่งราตรีกาลช่างสั้นนัก  ความสุขเพียงแค่ชั่วข้ามคืนกำลังจะหมดลง  ชายหนุ่มนั่งพิงหัวเตียงและโอบกอดหญิงสาวไว้แน่นประหนึ่งว่ากลัวจะหนีหาย  หญิงสาวเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่ประการใด  ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น  ชายหนุ่มจูบเบาๆที่ศีรษะของหญิงสาวอย่างแสนรัก

                    “เช้าแล้วปล่อยฉันได้แล้ว” หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

                    “ยังไม่อยากให้เช้าเลย….อยู่ต่ออีกหน่อยนะคนดี” ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งแล้วกระซิบที่ข้างหู หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี      หน้าแดง  ด้วยความเขินอาย 

                    “ไหนนายบอกว่า  นายไม่ได้พิศวาสตัวฉันไง   ฉันมันไม่สวย ไม่อวบ หน้าอกไม่ใหญ่  แล้วนายมานอนกอดฉันทำไมเมื่อกี้นี้”  เธอหลับตาชังใส่เขา

                    “ก็แค่กอดเท่านั้น  ผมไม่ได้ทำอะไรคุณซักหน่อย  หรือว่าคุณจะให้ผมทำ….ก็ได้นะ แต่ก่อนทำเนี้ยะผมขอปิดตาก่อนนะ  จะได้จินตนาการถูก  ว่ากำลังทำอะไรอยู่กับดาราหนังเอ็กซ์คนไหน”

                    “อีตาบ้า….ทะลึ่ง  ฉันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกยะ”

                    “อย่างนี้มันต้องพิสูจน์”  ธรินธรลุกขึ้นเอียงตัวเข้ามาหาเขมจิรา

                    “ว๊าย!...อย่าเข้ามานะ   ออกไปไกลๆเลยว๊าย!...” ยังไม่ทันสิ้นเสียง  ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวแล้วหอมที่แก้มเบาๆ

                    “นี่เสร็จผมล่ะทีนี้” หญิงสาวดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม   เขาอุ้มและพาเธอออกไปดานนอกของห้องนอกห้อง  อุ้มเธอไปจนถึงรถสปอรต์คันงาม  แล้ววางเธอลงอย่างนุ่มนวล

                    “ทีหลังไม่ต้องอุ้ม  เพราะฉันเดินเองได้” เขมจิราพูดเสียงดังอย่างเขินๆ

                    “ก็คุณขาเจ็บ  ผมก็เลยต้องอุ้ม  ไม่อยากเห็นคนเดิน กะเพรกๆไปขึ้นรถ   คุณต้องขอบคุณผมถึงจะถูกที่ผมต้องเสียเวลามาดูแลคนพิการ”                ชายหนุ่มพุดกระเซ้า  มองด้วยสายตาหวาน

                   “ใครพิการ  ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ  ถ้าคุณไม่พาฉันมา  ฉันก็คงไม่เจ็บ”

                    “เจ็บขามากเลยเหรอ” ชายหนุ่มนั่งลงใช้มือค่อยประครองเท้าที่เจ็บขึ้น อย่างทนุถนอม

                    “เจ็บ”  เธอมองหน้าชายหนุ่มตาต่อตามาประสานกัน  ชายหนุ่มก้มลงลูบคลำที่เท้าอย่างเบามือ   ในใจของหญิงสาวในตอนนี้ มันสับสนในความคิด  บางครั้งเขาก็ดูเป็นคนดี และบางครั้งเขาก็ร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อ  เขาเป็นคนยังไงกันแน่   เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย  เขารักหรือ เขาเกลียด หรือว่าเขาไม่คิดอะไร  ทำทุกอย่างเพื่อความสนุกของตัวเองเท่านั้น

                    ธรินธรขับรถไปส่งเขมจิราที่หอพัก  เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนพูดจากันในขณะอยู่บนรถ

                    “เขมคุณยังไม่บอกผมเลยว่าคุณจะไปทำงานที่ไหน” 

                    “ฉันเองยังไม่รู้เลย  แล้วคุณจะถามไปทำไม”

                    “เปล่าผมถามดูเฉยๆ  ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนใหม่กัน  ถ้าคุณยังไม่ได้งานผมจะฝากให้คุณทำงานที่โรงพยาบาลของพ่อผม  ผมเส้นใหญ่นะจะบอกให้   จะได้อยู่ใกล้หูใกล้ตากันหน่อย” เขาพูดอย่างมีเลสนัย

                    “ใกล้หู ใกล้ตา…..ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใกล้หูใกล้ตานาย” หญิงสาวทวนคำ

                    “ผมหมายถึงมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ไง” ชายหนุ่มเฉไฉ

                    “อ้อ.งั้นก็แล้วไป   ไอ้เรื่องช่วยเหลือนายไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก  คนอย่างฉันถ้าจะหางานทำก็ต้องด้วยความสามารถตัวเองล้วนๆ  ต่อให้รู้ที่ทำงานแล้วฉันก็ไม่บอกนายหรอกว่าฉันจะไปทำงานที่ไหน  เดี๋ยวนายก็ตามไปตอแยฉันอีก”  เธอมองค้อน

                    “น้อยๆหน่อย  เขมจิรา  คุณสำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมก็เพียงเห็นว่าคุณเป็นยายนิตก็เลยคิดอยากจะช่วยเหลือ  ถ้าคุณไม่ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่เป็นไร”

                    รถแล่นมาถึงหน้าหอพักหญิง  ขณะที่ลงจากรถ  สายตาของเพื่อนร่วมหอพัก มองเขมจิราด้วยท่าทีที่แปลก  เธอหันมามองชายหนุ่มอีกครั้ง  สายตาประสานกันเหมือนจะบอกกับเขาว่าต่อไปนี้เราคงจะไม่ได้พบกันอีก

                    “วันนี้ฉันขอดีกับคุณวันเดียว คราวหน้าถ้าพบฉันอีกก็อย่าได้ทักทาย นึกเสียว่าเราไม่เคยพบกัน “  เธอกล่าวเหมือนร่ำลา และเดินจากไป  ทิ้งปริศนาไว้ให้ชายหนุ่มได้คิด ว่าต่อแต่นี้เธอกับเขาอาจจะไม่ได้พบกัน

                    เกือบเที่ยงวันนิตยายังไม่ตื่น  โชคดีจริง เขมจิรานึกในใจเนื่องจากไม่อยากให้เพื่อนสาวรู้ว่าตนเอง ไปทำอะไร

    ที่ไหน  กับใคร เขมจิราเตรียมตัวเก็บของออกจากหอพัก เนื่องจากวันนี้ในช่วงเย็นพี่ชายจะมารับกลับบ้าน

                    “เขม….เขมอยู่ไหม “เสียงนิตยายืนเรียกอยู่หน้าห้อง  เขมจิราเดินไปเปิดประตูห้อง

                    “อ้าวตื่นแล้วเหรอยายนิต   เมื่อคืนแกเมาหนักเลย  ฉันเห็นแกนอนหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก”

                    “แล้วเมื่อคืนใครขับรถมาส่งพวกเราล่ะ”

                    ก็นายเสกไงนายเสกเพื่อนของนายธรเพื่อนแกนั่นแหละ  เขามาเที่ยวผับเห็นแกเมามากเขาก็เลยขับรถมาส่งพวกเรา  เมื่อคืนแกเป็นยายเมรีขี้เมาเลย” หญิงสาวล้อเลียน แต่แฝงไปด้วยท่าทางที่ดูลุกลี้ลุกลน   มันเหมือนมีอะไรบาง

    อย่างซ่อนอยู่แต่ไม่กล้าบอก   นิตยาเองก็ไม่กล้าที่จะถามต่อ

                    “รถแกจอดอยู่ข้าล่างแล้ว   มีคนเขาขับมาให้แล้ว    เออ!...เย็นนี้ฉันว่าจะกลับบ้านแล้วนะ  พอดีพี่ชายจะมารับฉันจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปหางานทำทีหลัง“  พูดจบเขมจิราหยิบกุญแจมาให้เพื่อนสาว

                    เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ธรินธร ไม่ได้พบหน้าเขมจิรา  ในใจหวลคิดคำนึงถึงวันแรกเจอจวบจนวันที่ผ่านมา  เธออยู่ที่ไหน เธอเป็นอย่างไร  สุดทีจะรู้ได้   ทำไมเวลาที่ไม่ได้พบหน้าเธอมันช่างทรมาน  เราเป็นอะไรนี่ หรือว่าเรา รักเธอ

    เข้าแล้ว ชายหนุ่มได้แตพร่ำพรรณากับตัวเอง  ความรู้สึกนี้ทำไมมันถึงได้ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อปรวี  ทำไมความแค้นที่เคยมี มันดูจืดจางลง  ยังมีคำถามมากมาย ที่ธรินธรหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้  ชายหนุ่มได้แต่ทอดถอนใจ

                    “กริ๊ง!...”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

                    “เฮ้ยว่าไงไอ้เสีอรสชาติของดาวมหาวิทยาลัย  เป็นไงบ้างวะแจ่มไหม” เสกท้กทาย

                    “แจ่มกับผีอะไรเล่า   ยังไม่ทันทำอะไรกันเลย”

                    “หายังไม่ได้ทำอะไรกันเลย  ไอ้บ้าเอ๊ย!.. หมูอยู่ในอวยแท้ๆแกยังไม่มีปัญญา  อุตสาห์วางแผนกันมาตั้งนาน

    ไม่ได้เรื่องเลย….แกนี่  เป็นกันหน่อยไม่ได้”  เสกทวนคำ

                    “ไม่ได้นะแกจะทำอะไรผู้หญิงของกันไม่ได้” ธรินธรเสียงดังขึ้น

                    “ผู้หญิงของแก  พูดได้ไม่อายปากเลยนะแกนี่   หายไปตั้งครึ่งคืน  ไม่ได้ทำอะไรกัน   แล้วจะเขาเป็นผู้หญิงของแกได้ไง   หรือว่าแก….    รักผู้หญิงคนนึ้จริงๆ”  

                    “ กันไม่รู้วะ  มันบอกไม่ถูก   ความรู้สึกมันแปลกๆ

                      กันไม่รู้หรอกว่าตอนนี้แกคิดยังไงกับผู้หญิงคนนี้   ตกลงว่าแกรักเขาหรืแกแค้นเขากันแน่”

                    “ไม่รู้ซิ….กันทำร้ายเขาไม่ลง  อยู่ ๆก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมา 

                    “แกไม่แค้นเขาแล้วใช่ไหม  ฉันว่าแกหลงรักเขาเข้าแล้ว  งานนี้จากเสือกลายเป็นแมวแน่นอน” เสกพูดล้อเลียน

                    “ใครบอกละว่ากันจะไม่แก้แค้น   เอาไว้คราวหน้ากันจะแก้ตัวใหม่…..   คราวนี้ไม่รอดแน่”

                    “คราวนี้   คราวนั้น  คราวไหนวะ!.....จะมีโอกาสงามๆอย่างนี้อีก  เดี๋ยวเขาจะไปทำงานที่อื่นแล้ว  แกจะทำยังไง”

                    “กันก็ตามไปให้ถึงที่สุดซิ  ถามมาได้   ว่าแต่เหอะไอ้เสก  แกกับยายนิตเป็นยังไงบ้าง”

                    “โห!...อ๊วกเต็มรถเลย  กันเอารถไปล้างยังไม่หายเหม็นเลย  ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้เมาเป็นแป้ง  หลับตั่งแต่ที่ผับจนถึงหอพัก  เลยไม่ได้คุยกัน”  เสกทำเสียงเบื่อหน่าย

                    “โธ่เอ๊ย….แกมันก็ไม่ได้เรื่องพอกันนั้นแหละ  อุตสาห์อยากให้ยายนิตเลิกชอบทอมซะหน่อย….    อย่างน้อย….คราวนี้กันก็ยังดีกว่าแก  เพราะกันได้กอดเขาแล้ว ต่อไปกันก็จะทำมากกว่านั้นอีก  ไม่เชื่อคอยดู”   ธรินทรพูดอย่างกระยิ่มยิ้มย่องว่าตนเองเหนือกว่าเพื่อน

                “ทำเป็นพูดอวดเก่งไปนะ   กว่าแกจะมีอะไรกับยายเขม  กันว่า  แก่ตายพอดี   แกว่ายายนิตกับยายเขมเขาเป็นทอมกับดี้กันหรือเปล่าวะแล้วใครเป็นฉิ่งใครเป็นฉาบ  เห็นตัวติดกันอย่างกับตังเม”

                    “ ฮาฮาๆ  ไอ้บ้าคิดอะไรของแก  เขาเป็นเพื่อนกัน  แกนี่ท่าทางจะเพี้ยน”   ธรินธรหัวเราะชอบใจ

                    “ เออ….วันนี้แค่นี้ก่อน   จะเอายังไงต่อไปก็โทรมาแล้วกัน”  เสกวางสาย                                                                       เขมจิราตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานในตัวโคราชร่วมกันกับนิตยาเนื่องจากต้องการหาประสบการณ์ในการทำงานก่อนซึ่งต่อมา เธอได้มาทำงาน  โรงพยาบาลธะระเวช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ไม่ห่างไกลจากห้างสรรพสินค้ามากนัก  เธอเช่าอาพาตเม้นท์อยู่ร่วมกันกับนิตยา  เธอทำงานในตำแหน่งนักเทคนิกการแพทย์ประจำโรงพยาบาลซึ่งประจำอยู่ที่ห้องแล็ปของโรงพยาบาล   วันนี้เป็นแรกที่จะมีการปฐมนิเทศและแนะนำผู้บริหารของโรงพยาบาลให้พนักงานใหม่ทุกคนได้รู้จัก    หลังจากปฐมนิเทศในช่วงเช้า   ช่วงบ่ายจะมีการแนะนำให้พนักงานใหม่รู้จักผู้บริหารของโรงพยาบาล 

                    นิตยาและเขมจิรา ใส่เสื้อกราวสีขาว เกล้ามวยผมครอบเน็ท  ใส่รองเท้าสีดำดู  เรียบร้อยสะอาดตานั่งอยู่ในห้องประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่พยาบาล และพนักงานผู้ช่วย  ราวแปดคน

                    “ขอสวัสดีอีกครั้งในช่วงบ่ายนะครับ  วันนี้พวกเราได้รับเกียรติ จากท่านประธานผู้บริหารโรงพยาบาลที่ท่านได้เสียสละเวลาอันมีค่าของท่านมาพบกับพวกเรา”  เสียงเจ้าที่บุคคลประกาศ

                    ธรินธรเดินมาชุดสูทสีดำและผูกเนคไท้ลายทางสีน้ำเงิน  ใส่รองเท้าสีดำ ดูสง่าและภูมิฐาน  เดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างมาดมั่น

                    “นี่คือคุณ ธรินธร  จินตระรางกูล  ประธานผู้บริหารของโรงพยาบาล”  เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลประจำโรงพยาบาลแนะนำ

                     เขมจิราถึงกับเข่าทรุด นายธรเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้หรือ  ทำไมฉันต้องมาเจอกับเขาอีก   ทำไมถึงหนีเขาไม่พ้น  เวรกรรมอะไรของฉันนี่  เขมจิราได้แต่รำพันกับตัวเอง  เธอพยายามทำหน้าเรียบเฉย

                    เมื่อเห็นเขมจิรา  ธรินธรก็ส่งสายตาล้อเลียนและยักคิ้วข้างเดียวให้หญิงสาวเหมือนทักทาย ด้วยท่าทางที่ยียวนกวนประสาท          หลังจากปฐมนิเทศเสร็จ    นิตยาเดินเข้าไปทักทายธรินธรอย่างคุ้นเคย

                    “ว่าไงท่านประธาน แกวางมาดมากเลยนะเวลาอยู่กับพนักงานเนียะ” นิตยากล่าว

                    “เออมันก็ต้องมีบ้างละน่า  พนักงานใหม่อย่างแกจะได้เกรงใจฉันบ้าง  ประธานอย่างฉันใจดีนะ  โดยเฉพาะกับ       พนักงานใหม่ ที่สาวๆสวยๆอย่างคุณเขม” ชายหนุ่มหันไปหาเขมจิราแล้วส่งยิ้มหวานให้    เขมจิราทำหน้าตึง  ได้แต่มองตาขุ่นขวาง  สะบัดหน้าพรื้ดแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ  นิตยาได้แต่ยืนทำหน้างงแล้วรีบเดินตามเขมจิรา

                    “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าโรงพยาบาลนี้เป็นของไอ้บ้านั่น”  เขมจิราแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง  คิดอยู่ในใจว่า

    นิตยาต้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจแน่   ทำไมเพื่อนรักถึงทำแบบนี้กับเธอได้    รู้อยู่แล้วว่าเธอเกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้

     “ก็….กะว่าจะบอกเขมพอดีมาปฐมนิเทศเสียก่อน ก็เลยไม่ทันได้บอก”  นิตยาเสียงอ่อย  รู้สึกผิด

                    “ถ้าฉันรู้ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นของเขา  ฉันจะไม่มาทำงานที่นี่เลย” หญิงสาวตัดพ้อต่อว่า

                    “เขมก็โรงพยาบาลในโคราชเกือบทุกโรงพยาบาลก็เป็นของนายธรทั้งนั้นนี่นา  จะทำยังไง  เอาน่า  เขมเราก็ทำงานอยู่แต่ในห้องแล็ป   ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับนายธรหรอก”

                    “ก็ได้!...    ฉันจะเชื่อแก….  แต่ถ้าเขามายุ่งวุ่นวายฉันอีกเมื่อไหร่ละก็ ฉันก็จะลาออกทันที”  เขมจิรากล่าว

    หลังจากเลิกงานตอนเย็น ธรินธรได้แต่วนไปมาอยู่หน้าห้องทำงานของเขมจิรา  พนักงานโรงพยาบาลหลาย

    เดินผ่านมาแล้วยกมือไหว้ชายหนุ่มในฐานะประธานบริหารโรงพยาบาล อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามายืนทำอะไรแถวนี้  แต่ไม่มีใครกล้าซักถาม  ทันทีที่เขมจิราเดินออกมาจากห้องแล็ป    ชายหนุ่มได้เข้าประชิดตัว     จับข้อมือขวาของเขมจิราแล้วกระชากแขน   ดึงตัวเธอออกไปด้านนอกโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวอย่างเธอหรือจะสู้แรงชายหนุ่มได้ แม้เธอพยายามสะบัดข้อมือหลายต่อหลายแต่สามารถหลุดพ้นจากมือชายหนุ่ม  ด้วยสถานที่เป็นโรงพยาบาลที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาทำให้เธอไม่กล้าที่จะร้องโวยวาย  เธอได้แต่รู้สึกอายที่เขาพยายามลากเธอออกไป   ชายหนุ่มบังคับให้เธอขึ้นรถ

                    “ขึ้นรถ!…ขึ้นรถ!...  ผมบอกให้ขึ้นรถไงเขมจิรา  ถ้าคุณไม่ขึ้นผมจะจูบคุณตรงนี้แหละ” ชายหนุ่มตะคอก  เดินเข้ามาประชิดตัว หญิงสาว  เธอพยายามสะบัดข้อมือและถอยห่าง

                    “ป่าเถื่อน!...คุณไม่มีสิทธิมาบังคับพนักงานนอกเวลางานแบบนี้นะ” สายตาประสานกัน  ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้

                    “ผมจะให้โอทีคุณเอง  ถ้าคุณหน้าบางก็กรุณาขึ้นรถซะ” ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหู  

                    “ฉันจะบอกใครต่อใครให้เขารู้ทั่วกันเลยว่า ประธานบริหารโรงพยาบาลนี้ป่าเถื่อน  หยาบคาย  เอาแต่ใจตัวเองชอบบังคับขู่เข็น   รังแกคนที่ไม่มีทางสู้” เธอตะคอกใส่  สายตาจ้องชายหนุ่มเหมือนโกรธแค้น

                    “เอาซี้เขมคุณจะทำอะไรก็ทำ  ใครต่อใครจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม  คุณอย่าลืมนะว่าที่

    นี่ถิ่นผม  ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!.... ผมก็แค่จะไปส่งคุณ   ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ   รับรองผมจะไม่ทำอะไรรุ่มร่าม  ส่วนยายนิตให้เขากลับเอง”

                    หญิงสาวนิ่งเงียบชั่วขณะ ทำหน้าบึ้งตึง สะบัดแขนชายหนุ่มแล้วขึ้นรถ  นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาใช้กำลังบังคับขู่เข็น เธอรู้สึกเหมือนเป็นทาสที่ต้องคอยทำตามคำสั่งเจ้านาย  คนที่จิตใจหยาบกระด้างอย่างเขา  จริงๆแล้วต้องการอะไร  เธอทำอะไรให้เขานักหนา   ในเมื่อเธอยอมทำตามใจเขาแล้วครั้งหนึ่ง  ยังไม่พออีกหรือ  เธอคิดอยู่ในไจ    ชายหนุ่มไม่รอช้าขึ้นรถแล้วขับอกไปอย่างรวดเร็ว

                    “คุณเป็นอะไรเขม  ทำไมคุณไม่พูดกับผม  ผมมันน่ารังเกียจนักหรือไง”

                    เขมจิราไม่พูด นั่งคอแข็งไม่พอใจ  ทำหน้างอปล่อยให้ชายหนุ่มพูดคนเดียว โดยไม่ตอบคำถามใดๆ

                    “ผมถามคุณว่าคุณเป็นอะไร….  คุณทำไมไม่ตอบผม    ผมไม่ชอบผู้หญิงที่หน้างอคอหักแบบนี้” เขาเสียงดังขึ้น

                    เขมจิราหันไปมองหน้าชายหนุ่มเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ

                    “ไม่มีอะไรเพียงแต่ฉันไม่อยากพบ ไม่อยากเจอคุณ….ไม่อยากแม้แต่จะมอง  คุณมันเอาแต่ใจ ฉันเกลียดคุณ     ชายหนุ่มแวะจอดรถข้างทางอย่างรวดเร็ว  เบรกอย่างแรงจนศีรษะของหญิงสาวเกือบชนกระจกหน้ารถ

                    “คุณเกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอดี….   งั้นผมก็จะเกลียดคุณ   งั้นเรามาอยู่ด้วยกันอย่างเกลียดๆเลยดีไหม”

    เขาปล่อยมือจากพวงมาลัย  มาจับที่ข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้างแล้วจูบลงที่มือของหญิงสาว เธอสะบัดมือออก

                    “ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันน่าจะดีขึ้นแล้ว คราวที่แล้ว  คุณยังให้ผมกอดอยู่เลย ” เขาทำหน้าล้อเลียน

                    “คราวที่แล้วฉันหลอกให้คุณตายใจต่างหาก  ไม่งั้นคุณก็ไม่มาส่งฉัน   คุณคงไม่รู้จักมารยาผู้หญิงซินะ คุณคงคิดไม่ถึง   คุณจำไว้….ผู้หญิงอย่างฉันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดต่อให้คุณมีเงิน  มีอำนาจขนาดไหนฉันก็ไม่สน  ถ้าฉันเกลียดก็คือเกลียด   และในตอนนี้คนที่ฉันเกลียดมากที่สุดในชีวิตก็คือ  คุณ” หญิงสาวพูดกระแทกเสียง   ชายหนุ่มหันมาจับต้นแขนของเขมจิราทั้งสองข้างแล้วเขย่าตัวหญิงสาว อย่างโกรธเคือง

                    “เสียใจด้วยเพราะ  ตอนนี้ผมมีทั้งเงิน  ทั้งอำนาจ  ผมเป็นเจ้านายของคุณ และคุณก็กินเงินเดือนจากผม เพราะฉะนั้นผมสั่งอะไรคุณต้องทำตามที่ผมต้องการ”

                    “เหรอ!...ฉันไม่ทำ   ต่อจากนี้ไปคุณคงไม่ใช่เจ้านายของฉัน  ต่อให้ฉันหางานทำไม่ได้  ฉันก็ไม่มีวันง้อคุณ”หญิงสาวสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุม   เปิดประตูรถ แล้ววิ่งหนีออกไปด้วยความโกรธ  อยากหนีออกไปให้มันพ้นเสีย

                    “เขมหยุดเดี๋ยวนี้นะ!…หยุดก่อน!….เขมคุณต้องคุยกับผมให้รู้เรื่องก่อน….คุณจะไปไหนเขมยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นหรอก” ชายหนุ่มตะโกน  และขับรถตามหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

    โชคดี  ที่ยังอยู่ในเมือง ยังมีผู้คนมากมายและยังมีรถวิ่งไปมา  ไม่อย่างนั้นเขมจิราคงทำอะไรไม่ถูก  เธอวิ่งลัดเลาะเข้าตามซอกซอยต่างๆ  เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้วิ่งตามไม่ทัน   ชายหนุ่มได้แต่ขับรถวนวนไปมา  หาเขมจิราไม่พบ ทั้งจอดรถเดินตามหาและขับรถตามหา ในใจคอยแต่พะวงกับคำพูดของเขมจิรา ว่าเธอคงเกลียดเขามาก

     ผ่านมาสองชั่วโมงไม่เห็นเขมจิรา  ชายหนุ่มโทรศัพท์หานิตยาทันที

    “นิตเขมเขาพักอยู่ที่ไหน “  เขาถามอย่างร้อนรน

    “เขาพักอยู่กับฉันนี่แหละ  ที่วารีอาพาตเมนท์  นายมีอะไรหรือเปล่าธร”

    “เปล่า  ไม่มีอะไร” ยังไม่ทันที่นิตยาจะถามต่อชายหนุ่มก็วางหูไป 

    ธรินธรไปดักรอเขมจิราอยู่ที่หน้าอาพาตเม็นท์   เขาจอดรถแล้วแอบสุ้มดูอยู่เงียบๆ คิดอยู่ในใจว่าวันนี้

    จะต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่อง  ว่าทำไมเธอถึงได้เกลียดเขานัก เพราะบางครั้งเขามีความรู้สึกว่าเธอมีใจให้เขา    ความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเริ่มมีมากขึ้นทุกที  มันเหมือนมีใครมาบีบที่หัวใจ   ทั้งที่เขาต้องการให้เธอเจ็บปวด  และทุกข์ทนแต่ทำไมเขากลับต้องเป็นฝ่ายต้องเจ็บปวดเสียเอง  เธอกำลังทำให้เขาหัวหมุน …. ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่เขาไม่รู้  รู้แต่ว่าเมื่อทะเลาะกันเขารู้สึกทรมานเหลือเกิน

                    เขมจิราตัดสินใจ จะกลับบ้านที่พัทยา เธอเดินทางไปยัง บ..ส ใหม่เพื่อขึ้นรถทัวร์ทั้งที่ใส่ชุดทำงานและยังไม่ได้กลับหอพัก  นิตยาโทรศัพท์หาเขมจิรา

                    “ยายเขมแกอยู่ไหนตอนเลิกงานฉันก็เดินตามแกออกมานะ   แต่ไม่เห็นแกเลย “

                    “พอดีฉันมีธุระด่วนน่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                    “แกนี่ก็แปลกจะรอฉันนิดหนึ่งก็ไม่ได้  แล้วนี่แกอยู่ที่ไหน “  นิตยาต่อว่า

                    “อยู่ตลาดแม่กิมเฮงพอดีฉันแวะซื้อของน่ะ” เขมจิราโกหก

                    “เออ!...เมื่อกี้ นายธร เอ้ย! ท่านประธานเขาโทรมาหาฉัน  มาถามฉันว่าแกพักอยู่ที่ไหน”

                    “แล้วแกตอบเขาว่าไง  ฉันก็ตอบเขาไปว่าฉันพักอยู่กับแกที่วารีอาพาตเมนท์   ฉันก็เลยถามเขาว่าเขามีอะไรหรือเปล่า  เขาก็บอกว่าเปล่า  มันแปลกๆนะ แกมีเรื่องอะไรกับเขาหรือเปล่า

                    “ไม่มีฉันกะแล้วว่าแกต้องบอกเขา  ว่าพวกเราพักอยู่ที่ไหน  ฉันว่าป่านนี้คงไปดักรอฉันอยู่ที่หน้าอาพาตเมนท์แล้วล่ะ”

                    “ตกลง แกจะเล่าให้ฉันฟังไหม  ว่ามีเรื่องอะไรกัน”  นิตยาคาดคั้น

                    “เออ..ไม่มีอะไรมาก เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะกลับบ้านที่พัทยา  แกนอนคนเดียวก็แล้วกัน”

                    “กลับบ้านที่พัทยา”นิตยาทวนคำ

                    “แกจะกลับได้ไงยายเขม  พรุ่งนี้แกเวรเช้านะ”  ถามแบบสงสัย

                    “ก็ฉันจะกลับ ….    ฉันลาออกแล้ว  ฉันฝากของไว้ที่แกก่อนนะ แล้วฉันจะให้พี่ชายมาขนทีหลัง  ได้งานใหม่เมื่อไหร่แล้วฉันจะติดต่อมา” ไม่ทันที่นิตยาจะพูดต่อ   เขมจิราปิดโทรศัพท์มือถือทันที

                    นี่ต้องมีเรื่องอะไรร้ายแรงแน่ๆ  ไม่งั้น ยายเขมคงไม่หนีกลับพัทยาอย่างนี้   แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ  เมื่อเช้านี้ก็ยังดีๆกันอยู่เลย  ถ้าอย่างนั้นเราต้องถามบุคคลที่น่าจะรู้เรี่องดีที่สุดนั่นก็คือ นายเสก  นิตยาคิดอยู่ในใจ

                    เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง   ธรินธรรอเขมจิราด้วยความว้าวุ่นใจ  นิตยาเดินผ่านมา

                    “อ้าวท่านประธานนายมาทำอะไรที่นี่ หรือว่านาย  มารอยายเขม”

                    “ก็ใช่นะซินิต  ฉันมารอเขมจิรา ฉันทะเลาะกับเขา  เธอต้องช่วยฉันนะนิต”  เขาตอบด้วยท่าทีที่ร้อนรน

                    “เรื่องอะไรที่ทะเลาะกัน   นายก็ไม่พูด  ยายเขมก็ไม่พูด แล้วฉันจะรู้เรื่องกับเขาไหมเนี่ยะ   ฉันจะช่วยอะไรใครได้

    ถ้าพวกแกไม่เล่าให้ฟัง   แล้วตอนนี้ยายเขมเขาก็ไม่อยู่ที่นี่แล้วด้วย  เขาบอกฉันว่าเขาจะกลับบ้านที่พัทยา  ของทุกอย่างก็ไม่เอาไป   เขาบอกฉันว่าเขาลาออก   ถ้าได้งานที่ใหม่แล้วเขาจะติดต่อมาเอง      นายก็อย่าเสียเวลารอเลยนะกลับไปซะเถอะ”  นิตยาตบไหล่ซ้ายเบาๆอย่างเห็นใจ

                    “ถ้าเขาติดต่อมาแกช่วยบอกฉันด่วนเลยนะ  ฉันอยากขอโทษเขา”

                    “ตอนนี้ล่ะอยากขอโทษ  อีตอนทำ ทำไมไม่คิด แกนี่นะนายธร  หลงรักเขาแต่ก็ปากเสียกับเขา…. ผู้ชายมันน่าเบื่ออย่างนี้แหละ  ฉันถึงหันไปชอบทอม”  เธอพูดประชด

                    “ฉันขอร้องให้แกช่วย…. ไม่ได้ให้แกมาด่าฉันนะ 

                    “ฉันก็ด่าแทนยายเขมมัน

    “เออ!..  ช่วยก็ได้   ถ้ายายนิตโทรมา  ฉันจะติดต่อแกไปทันทีเลยนะท่านประธาน   กลับไปได้แล้ว  รอไปก็เปล่าประโยชน์  เชื่อฉันซิ”

                    ธรินธรขับรถกลับด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง  ความรู้สึกเหมือนยิ่งไล่ตาม เขมจิราก็ยิ่งห่างออกไปทุกที  เขาไม่ต้องการให้เรื่องราวต้องเป็นแบบนี้  ทำไมเหตุการณ์พลิกผัน  คนที่รู้สึกเจ็บกลับเป็นเขา  ปัญหาทุกปัญหาเขาเคยแก้ไขได้

    แต่กลับเรื่องความรักเขากลับแก้ไม่ออก  ทำไมถึงได้รู้สึกสูญเสียเหมือนมีบางอย่างขาดหาย  หดหู่อย่างบอกไม่ถูก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×