ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลใจในม่านหมอก

    ลำดับตอนที่ #4 : กลใจในม่านหมอกตอนที่ 3 ลวงหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 55


    เย็นวันเสาร์เขมจิราใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปสีน้ำเงินที่ตัดกับผิวขาวผ่องของเธอ   เผยให้เห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งบนเรือนร่างที่งดงาม   เธอแต่งแต้มใบหน้าอย่างประณีตชวนมอง   ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ทาลิปสติกสีไวน์แดง ผมที่หยักศกถูกพันเป็นเกลียวทิ้งตัวสวย ใส่รองเท้าส้นสูงสีน้ำเงิน  ใส่กำไลวาวระยับสีเงินที่เข้าเซ็ทกับต่างหู  วันนี้เธอดูเป็นผู้หญิงเปรี้ยวและเซ็กซี่    ด้วยรูปร่างที่งามระหงทำให้ดูเหมือนนางแบบที่เดินอยู่บนแคทวอล์ค  

    “เขมวันนี้เธอดูเซ็กซี่มากๆ ฉันไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้มาก่อนนี่ถ้าเธอไม่ใช่เพื่อน ฉันก็คงจะคิดว่าเธอเป็นดาราแน่ๆเลย” นิตยาทำน้ำเสียงตื่นเต้น                                     

    “อย่าว่าแต่ฉันเลยเธอเองก็ใช่ย่อยเปรี้ยวจนเข็ดฟันเหมือนกันแหละ”

    “เหม..ก็นานๆได้แต่งตัวแบบนี้ซักทีก็ต้องจัดเต็มกันหน่อย  ฉันไม่อายใครหรอกเพราะฉันมั่นใจว่าว่าฉันสวยอยู่แล้วนี่ไม่ได้ยอตัวเองนะหลักฐานมันเห็นอยู่ทนโท่  มีแต่เพื่อนกัน  แต่งกันเอง  ดูกันเองจะเป็นไรไป  วันนี้ขอดริงซ์ให้เต็มทีสักวันเถอะ”

    สองสาวขับรถไปถึงในตัวเมืองโคราช  จอดรถหน้าผับร๊อคโค่  เสียงดนตรีจังหวะสนุกสนานดังสนั่นออกมาจากในผับแสงไฟสีเขียวสีแดงวิ่งวนไปมาสลับกันไปมา  สองสาวเดินเข้าไปในผับอย่างมั่นใจ

    “เฮ้นิตเฮ้แขมทางนี้” เพื่อนๆของสองสาวราวสี่ห้าคนกวักมือเรียก  นิตยากับเขมจิราเดินเข้ามานั่งข้างเพื่อน

    “วันนี้พวกเราเต็มที่กันไปเลยนะเพื่อน  เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก   วันนี้สนุกกันซะให้พอเลยนะ”นิตยายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

    “เขมขอเตือนก่อนเลยนะนิต  อย่าดื่มเยอะเดี่ยวไม่มีใครขับรถพาเขมกลับหอ  ยิ่งขับรถไม่เป็นอยู่ด้วย”

    “เอาน่าดื่มแค่นี้ไม่เมาหรอก”

    สองสาวทั้งดื่ม แด็นซ์ จนเวลาล่วงเลยมาได้เกือบเที่ยงคืน   เพื่อนๆในคณะต่างพากันทยอยกลับจนหมดแล้ว แต่สองสาวก็ยังสนุกกันไม่เลิก  ต่างคนต่างเมา เขมจิราเมาเพียงเล็กน้อย  แตนิตยากลับเมามาก ขณะที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น  นิตยาเริ่มเมาหนักเซถลาเข้าไปหาเขมจิรา ทำให้เขมจิราเสียหลัก หงายหลังไปกระแทกกับอกของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเธอ  เขาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเธอก่อนที่จะช่วยพยุงตัวขึ้นเล็กน้อย

    “ขอโทษคะ”หญิงสาวหันไปกล่าวคำขอโทษ  พร้อมกับแหงนหน้ามองผู้ชายคนนั้น    เขานั่นเองคนที่เธอไม่คิดอยากเจอ เขามาที่นี่ทำไม  สองสายตาประสานกัน  แววตาของเขาที่จ้องมองเธอเหมือนประหนึ่งว่ากลืนกินไปทั้งตัว

    เขมจิรารู้สึกเสียววูบไปทั้งตัว  หญิงสาวสะบัดแขนและยันตัวขึ้น   เขมจิราเริ่มมีอาการมึนศีรษะ

    “ไม่เป็นไรครับ”ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก

                    เขมจิราพยุงนิตยาที่ล้มลงให้ลุกขึ้นและพาไปนั่งที่โซฟาที่วางเปล่า   ชายหนุ่มกับเพือนเดินตามไปไม่ลดละ

                    “สวัสดีครับคุณเขม  คุณคงจำผมได้นะผมธรินธรเพื่อนของยายนิต  ที่วันนั้นเราไปดูหนังด้วยกันไง” ชายหนุ่มขยับเข้ามานั่งใกล้เขมจิราจนตัวชิดกัน  ส่วนนิตยาก็เมาหลับไม่รู้เรื่อง

                    “ฉันจำไม่ได้และไม่คิดอยากจะจำ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วทั้งสองข้างแล้วยักไหล่เล็กน้อย   ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้จนจมูกเกือบติดใบหูของเขมจิรา

                    “เรามาทวนความจำกันหน่อยไหม”  ชายหนุ่มกระซิบบอกเขมจิราอย่างมีเลสนัย

                    เขมจิรารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวนั่งตัวแข็ง  เมื่อรวบรวมสติได้ ก็พยุงตัวลุกขึ้น  ชายหนุ่มดึงตัวของเขมจิรามานั่งตัก

    พร้อมทั้งเอามือทั้งสองข้างโอบกอดเขมจิราจากทางด้านหลังไปด้านหน้า  เขมจิราดิ้นไปมา

                    “คิดถึงผมไหม   วันนี้คุณแต่งตัวได้เซ็กซี่มากเลย  คุณรู้ได้ไงว่าผมชอบผู้หญิงแต่งตัวสไตน์นี้    ผมชักจะอดใจไม่ไหวแล้วซิ”

                    “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า  นายทำอย่างนี้กับฉันหลายครั้งแล้วนะ”หญิงสาวดิ้นไปมาชายหนุ่มยิ่งรัดแน่น

                    “ไหนว่าคุณจำผมไม่ได้ไง    ผมก็อุตสาห์จะทบทวนความจำให้   ตอนนี้จำได้แล้วเหรอ   เมื่อกี้คุณบอกว่าผมทำอย่างนี้กับคุณหลายครั้งแล้ว   ผมทำอะไร”  หญิงสาวหันหลังไปมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกโกรธ

                    “นี่ถ้าคุณไม่ปล่อย ฉันจะร้องให้คนช่วย”

                    “อยากร้องให้ใครช่วยก็ร้องไป   เพื่อนคุณน่ะเขากลับกันหมดแล้ว  เหลือแต่คุณกับยายนิตขี้เมานี่แหละ  ทีนี่ ไม่มีใครเขาไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายกับผมหรอก  คุณไม่รู้จริงๆเหรอ  ว่าผับนี้เป็นของผม  ยายนิตคงไม่ได้บอกคุณละซิ  ที่ผมมาที่นี่ ก็เพราะผมแค่อยากคุยกับคุณดีๆก็เท่านั้น”

                    “คุณก็ปล่อยฉันก่อนซิ”

                    “ปล่อยก็ได้”ชายหนุ่มปล่อยอ้อมกอดออก       หญิงสาวสะบัดตัวแรงๆก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น  มานั่งฝั่งตรงกันข้ามของโซฟา 

                    “คุณจะกลับยังไง” ชายหนุ่มถาม

                    “ฉันก็จะเรียกแท็คซี่กลับนะซิ”

                    “คุณผู้หญิงนี่มันโคราชนะครับไม่ใช่กรุงเทพจะได้มีรถแท็คซี่วิ่งไปวิ่งมาตลอดคืน  คุณขับรถเป็นไหม”

                    “ไม่เป็น”

    “งั้นให้ผมไปส่ง”

    “ แต่ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ขอบคุณสำหรับความหวังดี  แต่คุณกองไว้ตรงนั้นแหละ”เขมจิราค้อน

                    “ผมก็ไม่ได้อยากจะช่วยเหลือคุณหรอกนะ  ผมแค่อยากจะช่วยยายนิตเพื่อนผม    ก็เท่านั้น”

                    “รับรองผมไม่พาคุณไปฆ่าไปแกงหรอกน่า  ยายนิตเขาก็เพื่อนผม   ผมต้องดูแลเขาอยู่แล้ว   ส่วนคุณก็เป็นเพื่อนกับยายนิตเท่ากับว่าคุณเป็นเพื่อนผมด้วย” ชายหนุ่มชี้แจงด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง   ทำให้หัวใจของเขมจิราดูอ่อนลง

                    “ให้ผมได้ไถ่โทษที่ทำไว้ไม่ดีกับคุณก็แล้วกันผมจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับคุณอีก  ให้ผมไปส่งคุณนะเขม”  หญิงสาว

    นั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง   เขาอาจจะคิดอย่างนั้นจริงๆก็ได้ดูท่าทางเขาก็ไม่น่าจะเจ้าเล่ห์เพทุบายอะไรมาก   เขาคงจะมีส่วนดีอยู่บ้าง   ไม่งั้นยายนิตคงไม่คบเป็นเพื่อนหรอก

                    “ก็ได้แต่นายต้องให้เพื่อนนายไปส่งฉันกับยายนิตด้วย  เพราะฉันไม่ไว้ใจนาย”

                    “อ้อผมกับไอ้เสกเอารถสปอตร์มา  มันนั่งได้คันละสองที่นั่งเอง”

                    “เอาอย่างนี้ เอารถยายนิดไปก็ได้จะได้นั่งได้สี่คนพอดี  ส่วนรถของพวกคุณก็จอดไว้นี่แหละ  ผับของคุณไม่ใช่เหรอพนักงานคงไม่ปล่อยให้รถคุณหายหรอก”

                    “ไม่ได้  แล้วขากลับ  ผมกับเพื่อนจะกลับกันยังไง    ผมว่าเอารถผมกับเพื่อนไปส่งดีกว่าเพราะผมกับไอ้เสกบ้านอยู่คนละทางกันส่งพวกคุณเสร็จจะได้เตลิดกลับบ้านเลย  และอีกอย่างผมกลัวรถหายด้วย  ซื้อมาตั้งหลายล้าน  ส่วนรถยายนิตคุณเอากญแจมาให้ผม   ผมจะให้เด็กขับรถไปส่งให้ในตอนเช้า            เอ่อ   ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมคุณก็นั่งรถไอ้เสกมันก็ได้  ส่วนผมจะนั่งกับยายนิตเอง”

                    “คุณนิตมานั่งกับผมก็ได้  ผมไม่ได้เป็นคนอย่างไอ้ธรมัน   คุณไว้ใจได้” เสกพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงใจ

                    หญิงสาวหลงคำพูดชายหนุ่มจึงยอมตกลงตามนั้น  เพราะตอนนี้เริ่มมึนศีรษะและง่วงนอนอย่างบอกไม่ถูก

    สุดท้ายแล้ว นิตยานั่งรถกับธรินธร  ส่วน เขมจิรานั่งรถกับเสก

                    เกือบตีสองรถสองคันแล่นผ่านเขตอำเภอสูงเนินได้ไม่นานก็แวะเติมน้ำมัน ที่ปั้ม     ด้วยความเมาหญิงสาวทั้งสองคนต่างคนต่างหลับอยู่ในรถ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางเอาไว้  ชายหนุ่มทั้งสองคนลงจากรถของตัวอง  และสลับคันกันขับ   ต่างคนต่างขับรถแล่นออกจากปั๊มไปคนละทางจุดหมายปลายทางของแต่ละคนอยู่ในที่ที่ต่างกัน   รถของเสกและนิตยาไปทางมหาวิทยาลัยเอกสิน    ส่วนรถของธรินธรและเขมจิราวิ่งวกกลับมาทางโคราชด้วยความเร็วสูง   เข้าอำเภอวังน้ำเขียว  ลัดเลาะลดเลี้ยวขับมาในความมืดจนถึง     รีสอร์ตคนค้นดาวของธรินทร      รีสอร์ตนี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานยังไม่เปิดให้บริการ     มีเพียง ร..    เฝ้าเท่านั้น    ธรินธรเองก็ชอบมาที่นี่บ่อยๆเพราะบรรยากาศดี  เงียบสงบไม่มีใครมายุ่งวุ่นวาย  

                    ชายหนุ่มจอดรถและนั่งมองเขมจิราขณะที่เธอหลับอยู่บนรถ   แสงจันทร์สว่างสดใสสาดส่องมายังผิวขาวๆของเขมจิราช่างน่ามองยิ่งนัก   ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวย   แก้มขาวนวลเนียนน่าสัมผัส  ริมฝีปากเป็นกระจับขนตาที่งอนงาม   หญิงสาวขยับตัว  ชุดเดรสสั่นก็ถกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นต้นขาเรียวขาวนวลน่าลูบไล้ ธรินธรโน้มตัวมาหอมแก้มขาวของหญิงสาว   กลิ่นกายของหญิงสาวผสมกับกลิ่นไวน์กระตุ้นให้อารมณ์ของชายหนุ่มหวั่นไหว  ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าจากแก้ม และจูบเบาๆที่ริมฝีปาก   หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นพบใบหน้าของธรินธร  เธอผลักตัวชายหนุ่มให้ออกไปอย่างแรง  ชายหนุ่มจับข้อมือทั้งสองข้างเธอ 

                    “จะทำอะไรฉันน่ะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ   ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้จนปลายจมูกชิดกัน

                    “ก็จะทำอย่างนี้ไง”  ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากประทับกับริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง  ไล่ลิ้นซอกซอนความหวานที่อยู่ในริมฝีปากอย่างดูดดื่ม  หญิงสาวร้องแต่อู้อี้ อยู่ในลำคอ จนฟังไม่ได้ศัพท์   หัวใจเต้นรัว  รู้สึกเสียวสะท้านไปทั้งตัว 

    มือไม้อ่อนปวกเปียก  ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากลงมาซุกไซ้ที่ต้นคอและติ่งหูของหญิงสาวอย่างหลงใหล  มือหนึ่งเลื่อนลงมาลูบไล้ที่ต้นขาขาวเนียน   อีกมือหนึ่งประคองที่ใบหน้าของหญิงสาว   เหมือนมีมนต์สะกดให้อยู่กับที่

                    “เป็นของผมเถอะนะเขม”  ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหู     หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว   พยามปัดป้องและผลักใสให้เขาออกไป   เธอใช้มือทุบที่หน้าอกเขาอย่างเต็มแรง   จนศีรษะของชายหนุ่มไปกระแทกที่กระจกหน้ารถ

                  “โอ๊ย!...เสียงของชายหนุ่ม  ร้องด้วยความเจ็บปวด

                    หญิงสาวผลักประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ถอดรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่อยู่

                    “ไอ้บ้านายมันบ้า….ไอ้คนฉวยโอกาส”  หญิงสาวตะเบ็งเสียงใส่ชายหนุ่ม

                    หญิงสาวหันหน้าหนีแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต    ชายหนุ่มลงจากรถและวิ่งตามอย่างรวดเร็ว        คว้าแขนซ้ายของ

    เขมจิราไว้ได้แล้วดึงตัวเข้ามากอด  ไว้แน่น  เขมจิราดิ้นไปมาในอ้อมแขนของชายหนุ่ม

                    “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า….ปล่อยฉัน  ช่วยด้วย!  ช่วยด้วย!...มีคนบ้าจะปล้ำฉัน” 

                    “รู้ตัวดีนี่ว่ากำลังจะโดนปล้ำ”ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้  หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี   และก้มลงกัดที่ต้นแขนของชายหนุ่มอย่างแรง

                    “โอ๊ย!” คราวนี้เขมจิราวิ่งหนีไปได้อีกครั้งหนึ่ง  วิ่งไปได้ไกลพอสมควร    ท้องฟ้าก็มืดมิดมองไม่เห็นทาง  เธอหาที่หลบซ่อนบริเวณพุ่มไม้ใหญ่  เพื่อให้รอดพ้นจากสายของชายหนุ่ม

                    ธรินธรวิ่งตามมาห่างๆ สักพักหนึ่งก็ไม่พบหญิงสาว  คิดว่าคงหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

                    “คุณหนีผมไปไม่พ้นหรอกเขมซ่อนอยู่ที่ไหนออกมาซะดีๆ   แถวนี้งูมันชุมนะคุณไม่กลัวเหรอ “ ชายหนุ่มเอามือท้าวเอว แล้วมองไปโดยรอบก็ไม่พบเขมจิรา      

                    หญิงสาวเริ่มรู้สึกหวาดกลัว  มีแต่ความมืด แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ  ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  แล้วทำไมเขาถึงเป็นคนขับรถพาฉันมา  คำถามหลายคำถามมันผุดขึ้นมาในหัว แต่กลับตอบคำถามตนเองไม่ได้แม้แต่คำถามเดียว

                    “เขม  คุณอยู่ที่ไหน คุณออกมาเถอะน่า ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”  เสียงตะโกนร้องเรียกดังขึ้น

                    หญิงสาวหัวใจเหมือนหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม  รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังหลบหนีฆาตกรจอมโหด  ทำอย่างไรจะรอดพ้น  หญิงสาวค่อยถอยตัวออกจากหลังพุ่มไม้ใหญ่ 

                    “แกรบ!...เสียงเหยียบกิ่งไม้ดังขึ้น

                    ชายหนุ่มหันไปตามเสียงทันที  เห็นหญิงสาววิ่งออกไปจากพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว   เขาวิ่งตามไปอย่างไม่หยุดย่อน

                    “โอ๊ย!...” หญิงสาวหกล้มลง  เจ็บบริเวณข้อเท้ามาก

                    “ผมบอกแล้วไงว่า คุณหนีผมไม่พ้นหรอก….เจ็บมากไหม”                 

                    “ไม่ต้องมายุ่งกับฉันนายพาฉันมาที่นี่ทำไม”

                    ธรินธรไม่ทันได้พูดอะไร   ก็นั่งคุกเข่าลงพร้อมกับอุ้มหญิงสาวขึ้น  เธอพยายามปัดป้องดิ้นไปมาในอ้อมแขนของเขา  ทั้งหยิกทั้งตีสารพัด  แต่กลับไม่ได้ระคายผิวชายหนุ่มแม้แต่น้อย

                    “ปล่อยฉันลงนะ ปล่อยฉัน  ฉันจะบอกยายเขมว่านายทำร้ายฉัน   ….ช่วยด้วยคะ….ช่วยด้วย”

                    “นี่คุณจะดิ้นอะไรนักหนา   เดินเองยังไม่ไหวเลย   ถ้าคุณยังไม่อยู่เฉยผมจะปล้ำคุณตรงนี้แหละได้บรรยากาศดี”

                    ชายหนุ่มอุ้มเขมจิราถึงห้องพักในตัวรีสอร์ตแล้ววางเธอลงบนที่นอน             

                    “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”

                    “แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายเขามาสถานที่แบบนี้เพื่อทำอะไรกัน”  ชายหนุ่มแกล้งปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นร่องอันบึกบึน  น่าจับต้อง  แล้วค่อยๆคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนเตียงนอนอย่างช้าๆ  โถมตัวลงมาหาหญิงสาว  สองมือจับข้อมือของหญิงสาวกดลงบนที่นอน  ทิ้งน้ำหนักตัวทาบทับลงบนตัวของหญิงสาว กดลำตัวลง สายตาประสานกัน

                    “ปล่อยฉันนะนายมันทุเรศ  รังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้” เธอพยายามดิ้นไปมา

                    “ใช่….ผมชอบรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้” ชายหนุ่มทวนคำ

                    “โดยเฉพาะผู้หญิงปากร้ายอย่างคุณ”  ชายหนุ่มโน้มตัวลงหอมแก้มขวาของหญิงสาวฟอตใหญ่

                    “ชื้นใจจริง  แก้มของหญิงสาวคนนี้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโน้มตัวลงมาหอมที่แก้มซ้ายอีกข้าง

                    “ข้างนี้ก็หอม  อย่างนี้ต้องลองหอมให้หมดทั้งตัวว่าจะหอมเหมือนกันไหม”

                    “ไอ้บ้าว๊าย!...อย่านะ” ชายหนุ่มก้มจูบที่ไหล่ซ้าย และไหล่ขวา จูบที่หน้าผากและใต้คางของหญิงสาว  และเลื่อนขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วงและดูดดื่ม ชิมความหวานที่อยู่ในริมฝีปากอย่างย่ามใจ  หญิงสาวลืมตาโพลงด้วยความตกใจ  ส่งเสียงฟังไม่เป็นศัพท์ ชายหนุ่มบดขยี้ที่ริมฝีปากของหญิงสาวราวกับว่ากลัวจะหลุดออก หัวใจสั่นสะท้าน เธอ พยายามดิ้นหาทางออก     เมื่อสบจังหวะหญิงสาวเบือนหน้าหนี   มือทั้งสองข้างสะบัดจนหลุดออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม  หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างดันใบหน้าชายหนุ่มออกแล้วผลักตัวชายหนุ่มออกไปทางด้านข้าง  ลุกขึ้นนั่ง  ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเหมือนเยาะเย้ย

                    “คุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณงั้นเหรอ  ผมก็แค่หยอกคุณเล่น” ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งตาม

                    “เพี้ยะ!...นี่สำหรับนาย     ล้อฉันเล่นเหรอ นายเห็นฉันเป็นอะไร  นายมันเลว  เลวอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น”ชายหนุ่มเลิกคิ้วทั้งสองขึ้น

                    “ไม่เจ็บตบยังไงก็ไม่เจ็บ….ตบเบาไปไหม  อะผมให้คุณตบใหม่อีกที” ชายหนุ่มเอียงแก้มให้ เอามือชี้ลงตรงแก้มเหมือนท้าทาย   หญิงสาวตบลงไปที่แก้มอีกครั้งด้วยความโกรธ

                    “เพี๊ยะ!... แล้วอย่างนี้ล่ะเจ็บไหม” หญิงสาวฟาดไปที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างเต็มแรง

                    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เจ็บ “  ชายหนุ่มยิ้มเยาะเย้ย

                    “นายมันหน้าด้านนี่  เลยไม่รู้สึกเจ็บ   หน้าตาก็ดีชาติตระกูลก็ดี   ทำตัวแย่ๆอย่างนี่ไร้ค่าจริงๆ”

                    “แล้วไง….พูดจบหรือยัง…..คราวนี้ตาผมบ้าง” ธรินธรเอามือสวมกอดเขมจิรา  แล้วก้มตัวลงหอมแก้มอีกครั้ง

    หญิงสาวผลักตัวออกอย่างแรง

                    “เอาซิถ้าคุณตบผม  ผมก็จะจูบคุณไปเรื่อยๆยันเช้าไปเลยดีไหม” หญิงสาวเอามือถูตรงรอยจูบ ราวกับว่าต้องการให้มันหลุดออกไป

                    “นี่นาย                ฉันจะทำยังไงกับนายดีเนี่ยนายมันหน้าด้านหน้าทนอย่างไม่เคยพบเคยเห็น ไหนนายบอกว่านายหยอกฉันเล่น  งั้นนายก็พาฉันไปส่งที่หอพักได้แล้ว “ หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ

                    “เหมคุณเขม ผมไม่ได้พิศวาสคุณขนาดจะทำอะไรต่อมิอะไรได้หรอกนะ  หน้าอกหน้าใจก็ไม่ค่อยมี รูปร่างก็ยังกับฝาบ้าน  ไม่รู้เป็นดาวมหาวิทยาลัยได้ยังไง  ผมจะบอกอะไรให้ คุณไม่อยู่ในสเป็คผมหรอก  ของผมมันต้องอึ๋มๆหน่อย  ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นตกอกตกใจไปได้”

                    “นี่นายถ้าฉันไม่สวย  ไม่อึ๋ม  ไม่อยู่ในสเป็คแล้วนายมาจูบฉันทำไม”

                    “ผมผมก็แค่จูบทักทาย  ก็เหมือนกับฝรั่งเวลาเขาเจอกันเขาก็จูบทักทายกัน ไม่เห็นเป็นไร คุณเป็นลูกครึ่ง

    คุณไม่รู้เหรอ”

                    “มั่วนิ่ม  แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นลูกครึ่ง”

                    “ก็ยายเขมบอกแถมหน้าตาคุณมันก็ฟ้องอยู่แล้วแค่จูบ  มันไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่”

                    “ยายนิตล่ะยายนิตอยู่ไหน” เธอหันมองรอบๆห้อง

                    “ป่านนี้คงนอนหลับสบายไปแล้วมั๊ง  เสกมันพากับไปส่งที่หอแล้ว ไม่ต้องห่วงสองคนนี้เขาป็นเพื่อนกันยายนิตปลอดภัยสบายหายห่วงแน่”

                    “บอกมานะ   นายพาฉันมาที่นี่ทำไม “

                    “ผมก็แค่อยากจะส่งท้ายให้คุณให้มันประทับใจหน่อยไง  ในฐานะที่เราเป็นคู่รักคู่แค้นกัน  ได้ข่าวว่าคุณจะไปทำงานต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ “เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้  หญิงสาวถอยห่างเล็กน้อย

                    “ฉันจะไปทำงานที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน  นายไม่เกี่ยว และ อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นคู่รักของนาย  แต่เป็นคู่แค้นเสียมากกว่า   นายพาฉันกลับหอพักได้แล้ว ฉันมีธุระตอนเช้าด้วย  นายบอกว่าแค่หยอกเท่านั้น ไม่ใช่เหรอ  ก็สะใจแล้วไม่ใช่เหรอ  พอได้แล้วนะฉันไม่ชอบ”

                    “ได้ผมพาคุณไปส่งตอนเช้าก็ได้ ไม่มีปัญหา  วันนี้ผมยังไม่มีอะไรกับคุณแต่วันหน้าไม่แน่  ต่อไปคุณอาจต้องเป็นฝ่ายเดินตามผมเองก็ได้ลืมบอกไป  อ้อ!..ผมชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่ๆ  ลีลาดี ไม่งี่เง่า” ชายหนุ่มล้อเลียน

                    “ไอ้บ้า ใครบอกว่าฉันจะเดินตามนาย  ไม่ตักน้ำใส่กระโหลกชโงกดูเงาตัวเองซะบ้างจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง  ถ้าฉันมันแบนเหมือนฝาบ้าน  นายมันก็เหมือนตุ๊กแกที่มาเกาะฝาบ้านนั่นแหละโธ่เอ๊ย!..เมื่อกี๊ ใครมันนอนกอดฉัน  ถ้าฉันไม่สวยแล้วมากอดฉันทำไม” ชายหนุ่มเม้มปากแล้วทำท่าเหมือนอยากอาเจียน  ล้อเลียนเธออย่างเห็นได้ชัด

                    “เออแม่คุณคนสวยผมไปส่งให้ก็ได้  แค่พามาหยอกเล่นเท่านั้นทำเป็นจริงจังไปได้  ผมก็อย่างนี้แหละ ชอบแกล้งชอบหยอกคนนั้นคนนี้เป็นธรรมดา  โดยเฉพาะผู้หญิงที่ปากร้ายอย่างคุณ” 

                    “งั้นก็ลุกขึ้นซิ  จะมามัวนั่งอยู่ทำไมเหล่า  ไปส่งฉันได้แล้วนี่มันจะเช้าแล้วนะ  เร็วลุก” หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มให้ลุกขึ้น เขากลับดึงตัวเธอกลับอย่างรวดเร็ว  เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง  ชายหนุ่มจูบลงไปที่แก้มอย่างเบาๆและกระซิบที่ข้างหู

                    “อย่าลืมผมนะเขม  ผมจะไม่มีวันลืมคุณ” คำพูดนี้ทำให้เขมจิราอายจนหน้าแดง  ความรู้สึกเหมือนอยากจะบอกว่าขอโทษ  แต่เขาคงไม่กล้าบอก  เธอไม่ได้ปัดป้องใดๆ   ไม่เข้าใจว่าคิดยังไงกับหัวใจตัวเอง   เขารักเธอไหม  เธอไม่รู้      รู้แต่เพียงว่าเรากำลังจากกัน  เขาเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างไปจากเธอ ถึงจะมีความแค้นที่ฝังลึก…. แต่เขาไม่อาจจะดื้อต่อหัวใจตัวเองได้ อยากให้มีเวลาอย่างนี้อยู่นานๆ  เวลาที่ไม่มีคำว่าทะเลาะ  เวลาที่ไม่มีคำว่าโกรธเคือง  หัวใจของหญิงสาวเริ่มอ่อนลง  เธอยอมนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาจนเช้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×