คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กลใจในม่านหมอกตอนที่ 2 แค้นแทนรัก
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบในยามค่ำคืน ดวงจันทร์กลมโตกระจ่างฟ้า สีนวลผ่อง แสงดาวระยิบระยับ วับวาวจับตา ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าที่มืดสลัวริมขอบระเบียงบ้าน ทอดอารมฌ์ไปตามความงดงามของราตรีกาล พระจันทร์ที่ว่างามนั้นยังไม่สู้ดวงหน้าของเธอ เขมจิรา แค่เพียงนึกถึงดวงตาที่งามคู่นั้น หัวใจก็เต้นรัว นวลแก้มที่หอมดั่งกุหลาบแรกแย้ม ยังติดตาตรึงใจไม่รู้ลืม…. อยากจะพบเธออีกสักครั้ง งานเลี้ยงก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว
ทำไมนะ…ทำไมไม่หยุดคิดถึงผู้หญิงคนนั้น เธอมีดีอะไร ทำไมถึงทำให้หัวใจชายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์อย่างเขา ชุ่มชื้นอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงกลิ่นหอมเย้ายวนเมื่ออยู่ใกล้ คิดถึงดวงตาที่แสนหวานคู่นั้น คิดถึงริมฝีปากที่นุ่มละมุลหอมหวน คิดถึงใบหน้าที่สวยอ่อนหวาน เธอคือใครทำไมถึงติดตาตรึงใจ ชายหนุ่มผู้มีความมั่นใจอย่างนายธรินธรได้ถึงเพียงนี้ ด้วยความเสน่ห์หา หัวใจของชายหนุ่มในตอนนี้มันร่ำร้องเรียกหา เพียงได้เห็นดวงหน้าก็รู้สึกสุขใจ
ชายหนุ่มยกโทรศัพท์มือถือขึ้นทันที ขอให้เพื่อนสาวช่วยเหลือ เพียงเพื่ออยากรู้จักหญิงสาวให้มากขึ้นกว่าเดิม อยากรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้
“ฮัลโหล….นิต นี่ธรเองนะ….ฉัน มีเรื่องขอความช่วยเหลือหน่อย….ฉันอยากรู้จักเพื่อนนิตที่ชื่อเขมจิราน่ะ เขามีแฟนหรือยัง เพื่อนนิตคนนี้น่ารักนะ น่ารักกว่าทุกคนที่ฉันเคยเห็นเลย”
“อะไรนะ…ธร…นายอยากรู้จักยายเขมหรือ….จริงจังหรือเปล่าเนี่ยะ ถ้าไม่จริงจังหยุดนะ เพราะเขมเขาเป็นเพื่อนที่นิตรักมาก…ถ้านายจะคิดเล่นๆไม่จริงจังอะไร ก็อย่าเหอะ ฉันไม่ต้องการให้เขมเสียใจ…เขายิ่งบอกว่าไม่ชอบขี้หน้านายอยู่ด้วย นายไปทำอะไรไว้กับเขาล่ะ บอกมานะ ทำไมเขาถึงได้โกรธนายขนาดนั้น”
“เฮ้ย…บ้าเหรอ ไม่ไดทำอะไรเลย นอกจาก….เออ เธออย่ารู้เลย” ชายหนุ่มพูดจาอ่ำอึ่ง
“นายทำอะไรเพื่อนฉันบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย ก็แค่ จูบก็เท่านั้น” ชายหนุ่มพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แค่จูบ…”นิตยาทำเสียงสูง
“ตายแล้วนี่นายกล้ามากเลยนะ นายธรินธร ทำไปได้ยังไง มิน่าล่ะยายเขมเขาถึงไม่อยากเห็นหน้านาย แล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพูดให้ฉันฟังว่าเกลียดขี้หน้านาย”
“นี่เขาพูดถึงเราด้วยเหรอ….ดีใจนะเนียะ ถึงเขาไม่ประทับใจในตัวเราเท่าไหร่นัก แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้ว นิตเล่าให้เราฟังหน่อยนะ เราอยากรู้ว่าว่าเขามีใครอยู่ในใจหรือเปล่า ฉันสนใจเพื่อนเธอจริงๆ นะนิตคนสวย เล่าให้ฟังหน่อย”
“เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันมาตั่งแต่เด็กจะ เล่าให้ฟังก็ได้ เพราะนายมันก็เพื่อนรักฉัน ยายเขมก็เพื่อนรักฉัน ก่อนจะเล่าให้นายฟังนายต้องสัญญาว่านายต้องไปขอโทษยายเขมอย่างเป็นทางการไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เล่าให้นายฟัง”
“ก็ได้….. ฉันไปขอโทษเพื่อนของเธอด้วยตัวเอง…”
“เขมจิราเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นคนอังกฤษ แม่เป็นคนไทย มีพี่น้องสองคน หน้าตาก็ไม่ค่อยเหมือนกัน พี่ชายเขมเขาหวงยายเขมมาก….ใครมาจีบต้องผ่านการสกรีนจากพี่ชายเสียก่อน พี่ชายเขมเขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว รายนั้นเขาเรียนไม่จบมหาลัยนะได้ข่าวว่าแอบไปทำผู้หญิงท้องก่อนก็เลยไม่ยอมเรียน ส่วน “ยายเขมเป็นดาวของมหาวิทยาลัย นักกิจกรรมตัวยง เพิ่งอกหักไปหมาดๆจากหนุ่มคณะแพทย์ ชื่อเอก ตอนนี้หัวใจยายเขมยังว่างอยู่ ยังไม่มีใครมาดามอก มีผู้ชายหลายคนมาขายขนมจีบให้ แต่เขมเขาไม่เล่นด้วย ก็เลยอกหักไปตามๆกัน “
แสดงว่าเรายังพอมีหวังอยู่ ธรินธรนึกในใจ
“ดาวมหาลัยนี่เอง มิน่าถึงได้สวยน่ารักนัก แล้วเขาเป็นเพื่อนนิตตั่งแต่ตอนไหน ทำไมเราไม่รู้จัก แล้วบ้านเขาอยู่ที่ไหน เหรอ”
“โอ๊ย….ถามทีละคำถามไม่ได้หรือไง รัวเป็นชุดเชียว ใจเย็นๆ ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเขาเองละ
“ก็คนมันอยากรู้จักนี่น่า แล้วใครจะไปกล้าถาม เปิดฉากมาก็ทะเลาะกันเลยไม่รู้ว่าโกรธกันมาตั่งแต่ชาติปางไหน เราก็พยายามจะพูดดีๆกับเขาบ้างแล้วนะแต่เหมือนเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าเรา”
“ฟังให้ดีนะยายเขมชื่อ นางสาว เขมจิรา ทรานฟิวเบิก แม่เป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อทำรีสอต์รอยู่ที่พัทยา”
“เอ…ทำไมนามสกุลคุ้นหูจังแหะ” ธรินธร นิ่งเงียบชั่วขณะ
นามสกุลนี้.งั้นเขมจิราก็เป็นน้องสาวของ นาย คณาศักดิ์ ทรานฟิวเบิก ผู้ชายที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ชายหนุ่มรู้สึกตกใจอย่างสุดขีด หัวใจของเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม จิตนึกหวนถึงผู้ชายคนนั้น คนที่สร้างความเจ็บแค้นและมีรอยช้ำในหัวอย่างที่สุด
“ธร…ธร ฟังอยู่ไหมเนียะ”ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไปพักหนึ่ง
“เออ…ฟัง ฟังอยู่ พอดีเมื่อกี้ไม่ค่อยได้ยินที่นิตพูด สงสัยโทรศัพท์ไม่มีคลื่น”
“เขมน่ะเขาชอบคนโรแมนติก เอาใจเก่ง และที่สำคัญต้องจริงใจด้วย”
“ เออ….ขอบอกไว้เลยนะธร…ถ้านายคิดจะจีบเขมนายต้องจริงใจถ้านายทำอะไรให้เขมเสียใจล่ะก็….ฉันจะเลิกเป็นเพื่อนกับนายเลย แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะไปนอนแล้ว”นิตยาวางหูโทรศัพท์ลง
ความเงียบสงบในยามค่ำคืน ทำให้เขาได้ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่ผ่านมา
ธรินธรนึกถึงเรื่องราวครั้งเก่า เขาเคยมีความรักเป็นครั้งแรก เขารักอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อปรวี ปอนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก น่าทนุถนอม เขาและเธอรู้จักกันตั่งแต่มัธยมต้น เขากับปอนรักกันมาก เคยสัญญากันไว้ว่าจะแต่งงานกันเมื่อเขากลับจากไปเรียนต่อที่เมืองนอกแล้ว ธรินธรได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยแคมบริส รัฐโอไฮโอประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะต้องสืบทอดกิจการของบิดา ไปเรียนต่อที่เมืองนอกได้ไม่นาน มีเพื่อนเคยบอกว่าปอนมีผู้ชายคนใหม่ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ พยายามโทรศัพท์หาก็ติดต่อไม่ได้ ไถ่ถามจากเพื่อนก็ไม่ใครพูดถึง เขียนจดหมายก็ไม่เขียนตอบจนกระทั้งมาทราบข่าวจากเพื่อนสนิทที่ชื่อเสกเพิ่งกลับมาจากเมืองไทยว่า ปอนมีแฟนใหม่ เป็นลูกครึ่งอังกฤษชื่อ คณาศักดิ์ ทรานฟิวเบิก เมื่อรู้ข่าวปอนเขาเสียใจมาก และไม่พยายามติดต่อปอนอีกเลย
หลังจากกลับมาที่เมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว ธรินธรก็ได้ยินข่าวว่าปอนได้ กินยาตาย มีคนไปพบศพอยู่ในหอพัก
ชายหนุ่มแถบช็อค เหมือนหัวใจแตกสลายเมื่อได้ทราบข่าว สอบถามจากเพื่อนและมารดาของปอน ได้ความว่า เธอเสียใจที่เขา ได้ทิ้งเธอไปมีผู้หญิงคนใหม่ และไปทำผู้หญิงอีกคนท้อง ปอนได้เขียนจดหมายก่อนที่เสียชีวิตถึงธรินธร
ธรินทรเดินเข้าไปหยิบจดหมายที่เขาเก็บไว้อย่างดีในลิ้นชัก มาอ่านอีกครั้ง ทั้งที่เคยอ่านมาแล้วเป็นพันๆ ครั้ง เนื้อความในจดหมายสร้างความเสียใจให้ชายหนุ่ม สะเทือนใจทุกครั้งที่ได้อ่าน เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกเจ็บแค้นผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก จดหมายมันมีคราบน้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เขาเคยรักอย่างสุดหัวใจ
เนื้อความในจดหมายมีว่า
ธรที่รัก
กว่าที่ทุกคนจะพบจดหมายฉบับนี้ปอนก็คงลาจากโลกนี้ไปแล้ว ปอนเสียใจที่ต้องมาตายอย่างไร้ค่าอย่างนี้ปอนไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยไม่มีศักดิ์ ปอนขอโทษที่ทำร้ายหัวใจของธร ปอนผิดที่ไม่ซื่อสัตย์กับธร ปอนรักเขา ถึงปอนจะรู้ว่าธรรักปอนมากแค่ไหน แต่ปอนก็ไม่สามารถห้ามใจไม่ให้รักศักดิ์ได้ เขามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับธร ความห่างไกลของเราทำให้ปอนรู้ว่าความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นกับธรมันไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความผูกพันมากกว่า เมื่อปอนมาเจอเขาทำให้ปอนรู้ว่าความรักมันเป็นอย่างไร ปอนคิดว่าเขารักปอน แต่มันไม่ใช่ เขาไม่ได้รักปอน เขาเพียงอยากได้ร่างกายของปอนเท่านั้น ปอนมอบ กายและใจให้เขา ถึงแม้เขาจะมีผู้หญิงคนใหม่ และเขากำลังจะมีลูกด้วยกัน ถึงเขาไม่รักปอนแล้ว แต่ปอนก็ยังรักเขามากอยู่ดี ปอนจะขอรักเขาตลอดไปไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ธรอย่าโกรธ ปอนนะที่ต้องทำแบบนี้ การตายของปอนเป็นการตายอย่างเต็มใจ เขาจะได้เห็นว่าปอนรักเขามากและจะรักเขาไปจนวันตาย ถ้าชาติหน้า มีจริงขอเราได้พบกันอีก
ลาก่อนธร
ปรวี
ถ้อยคำในจดหมายทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า ปรวีรักผู้ชายที่ชื่อ คณาศักดิ์ มากแค่ไหน มากจนยอมพลีใจและกายให้ สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนั้นก็ทิ้งไป ผู้ชายคนนั้นทำไมถึงร้ายกาจนัก เขามีหัวใจหรือเปล่า ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องมาตายเพราะมัน ไม่คุ้มค่ากับชีวิตที่ต้องสูญเสียและไม่มีวันได้กลับคืนมา
“ทำไม…เหตุการณ์ที่ร้ายแรงต้องมาขึ้นกับคนที่เรารัก….ความรักของเราไม่น่าจะต้องจบลงแบบนี้ ถ้าตอนนั้นเราไม่ไปเรียนต่อ ปอนก็คงไม่ต้องไปคบกับผู้ชายคนนั้นและคงไม่ต้องมาตายอย่างไร้ค่าในสายตาคนอื่นแบบนี้ เพราะเรา
มันผิดเอง” ธรินธรได้แต่รำพันกับตนเอง น้ำตาของลูกผู้ชายไหลคลอเบ้าตา เมื่อนีกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“เขมจิรา เธอ เป็นน้องสาวของไอ้เจ้าคณาศักดิ์จริงๆหรือนี่ ทำไมถึงต้องเป็นเธอ ทั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองคงชอบเธอเข้าแล้วแท้ ฉันต้องเปลี่ยนหัวใจตัวเองเสียใหม่ ฉันต้องบอกกับตัวเองว่าต้องไม่รักผู้หญิงคนนี้ ฉันจะต้องทำให้ไอ้คณาศักดิ์เจ็บเหมือนที่มันทำให้ปอนกับฉันต้องเจ็บ มันต้องรับกรรมที่มันทำไว้ และเธอเขมจิรา เธอจะต้องรับกรรมที่พี่ชายทำไว้กับฉัน ธรินธรกล่าวกับตัวเองด้วยความโกรธแค้น ดวงตาดุดัน กำมือทั้งสองข้างไว้แน่น
คืนนั้นธรินธรนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ได้แต่พลิกตัวไปมา ได้แต่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หัวใจ เริ่มสับสนเหมือนมีกำแพงหนาๆมากั้นระหว่างเขาและเขมจิรา ความน่ารักของเขมจิราไม่ได้ทำให้ความแค้นจางลงได้ ถึงแม้เมื่ออยู่ใกล้เธอมันจะมีความรู้สึกที่แปลกไปจากปรวีก็ตาม เขาต้องสะกดใจเพื่อไม่ให้รักเธอให้ได้
“ เขมจิราฉันจะต้องไม่รักเธอ และฉันจะไม่มีวันรักเธอ เธอมันผิดเองที่เกิดมาเป็นน้องสาวของคนที่ฉันเกลียดเธอต้องรับกรรมของมัน” เขาพูดด้วยความโกรธแค้น
แสงสีทองของวันใหม่ได้เริ่มขึ้น ธรินธร ขับรถออกไปข้างนอกแต่เช้า เพื่อไปซื้อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ แล้วมุ่งตรงไปหอพักนักศึกษาหญิง ภายในมหาวิทยาลัยเอกสิน
“ก๊อกๆ ….เขมจ๊ะ เขมอยู่ไหมมีคนมาหาแน่ะ” เสียงเพื่อนร่วมหอพักเคาะประตูห้อง
“อยู่จ๊ะ…เดี๋ยวเขมลงไป ขอบคุณนะคะ”
เขมจิราหวีผมให้เรียบร้อย แล้วรีบลงไปด้านล่างหอพัก
ธรินธร ถือช่อกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ พบหญิงสาวมาในชุดลำลองสบายๆ เขาก็เดินตรงเข้ามาหาเขมจิรา เขายื่นช่อกุหลาบสีสวยให้
“เอา…ยายนิตบอกให้ผมมาขอโทษคุณน่ะ”
หญิงสาวยืนทำหน้างง อย่างสงสัย ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“ขอโทษ…ขอโทษเรื่องอะไร” หญิงสาวทวนคำ
ไม่ทันไร ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เกือบประชิดตัว พร้อมกระซิบที่ข้างหู
“ก็ที่ผมจูบคุณไง” หญิงสาวหน้าแดง รู้สึกเสียววูบเมื่อเขาอยู่ใกล้
“คุณไปเล่าให้ยายนิต ฟังทำไม ฉันเป็นผู้หญิงฉันเสียหายนะ”
“หน้าตาก็ออกฝรั่ง… กะอีแค่จูบ …จะอะไรนักหนา รับดอกไม้ไปซักทีเถอะ ผมเมื่อยแล้ว”
“อยากถือมาเอง ก็ถือกลับไปเอง ฉันไม่รับช่อดอกไม้จากคนที่ไม่เต็มใจให้หรอก โดยเฉพาะของคุณ…แล้วก็อีกอย่างฉันจะบอกอะไรให้ ฉันเป็นผู้หญิงไทยใจเกินร้อย เรื่องที่ผ่านมาฉันถือ” เธอตะคอกเสียงดัง
“นี่ถ้าคุณไม่เอา ก็เอาไปให้ยายนิตก็แล้วกัน ผมขี้เกียจเถียงกับคุณแล้ว เจอหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที”
ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งจับช่อดอกไม้ใส่ไว้ที่มือเขมจิรา
“บอกยายนิตด้วยนะว่าผมมาขอโทษคุณแล้ว เขาจะได้ไม่ว่าผมทีหลัง ผมกลับก่อนล่ะ ผมจะไปธุระต่อ”
ชายหนุ่มใช่สองนิ้วแตะริมฝีปากเขมจิรา แล้วมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
“ชื่นใจจริง ผู้หญิงของผม” ชายหนุ่มส่งสายตาหวานให้
“อีตาบ้า นายทำบ้าอะไร”
หญิงสาวได้แต่ยืนงง อะไรของเขาน่ะ หมอนี่ท่าทางจะเพี๊ยน มาง้อผู้หญิงแทนที่จะพูดให้มันดีกลับพูดจากวนประสาท มันน่ายกโทษให้ไหมเนียะ เขมจิราคิดในใจ
รถของชายหนุ่มขับออกจากมหาวิทยาลัยเอกสิน มุ่งตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ในตัวเมืองปากช่อง เขานัดใครบางคนไว้ที่นั่น
“เฮ้ย…เสกมาทางนี้” เสียงตะโกนดังออกมาจากมุมหนึ่งของห้องอาหาร
“รอนานไหม กันมัวแต่วนหาที่จอดรถอยู่ ร้านอะไรไม่มีที่จอดรถให้ลูกค้า”
“แกอย่ามาทำบ่นเหมือนพวกผู้หญิงหน่อยเลย มาถึงเมืองไทยไม่ทันไรก็ปากเสียซะแล้ว”
เสกนั่งลงตรงกันข้ามกับธรินธร
“กันสั่งอาหารให้แล้ว รอแป๊ปหนึ่งเดี๋ยวก็คงมา”
“เออ….พูด ธุระของแกดีกว่า”
“กันมีเรื่องให้นายช่วย….แกจำเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อนได้ไหม ที่ปอนเขาตายน่ะ”
“เออ…จำได้มีอะไรวะ ท่าทางจะมีเรื่องนะเนียะ ว่าไงมีอะไร”
“กันไปเจอน้องสาวของไอ้คณาศักด์ คนที่มันทำให้ปอนต้องตายแล้ว กันอยากจะแก้แค้นมัน อยากจะสั่งสอนมันให้สำนึก กันยังเจ็บแค้นไม่หาย มันทำให้ปอนต้องเสียใจจนตาย พวกมันต้องรับกรรม” ธรินธรส่งสายตาดุดัน
“แล้วจะให้กันช่วยยังไงบอกมา”
“นายช่วยทำให้ยายนิตออกห่างจากยายเขมน้องสาวของไอ้คณาศักด์ก็พอ”
“จะดีเหรอ นายแน่ใจแล้วหรือว่าแก้แค้นเขา นายไมสงสารผู้หญิงเขาเหรอ”
“เออน่า ก็แค่สั่งสอน มันจะได้รู้ไงว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง”
“อะ…จะให้ทำยังไงว่ามา กันพร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ”
สองชายหนุ่มคิดวางแผนการอยู่พักใหญ่ ก็ได้บทสรุปที่ลงตัว นั่งทานอาหารไปคุยกันไป สักพักจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
ตกเย็นวันนั้นธรินธรโทรไปหานิตยา ตามแผนการที่วางไว้
“ฮัลโล…นิตฉันมีเรื่องให้เธอช่วยหน่อย ฉันอยากรู้จักเพื่อนของเธอให้มากขึ้น นิตช่วยนัดให้เราพบกันได้ไหม”
“อะไรนะ…นี่นายธรเอาจริงเหรอ อ้าว…ไหนเมื่อเช้านายเอาดอกไม้มาขอโทษยายเขมแล้วนี่ ก็ได้พบกันแล้วจะเอาอะไรอีก นายนี่มันชอบวุ่นวายกับฉันกับยายเขมเสียจริงๆ อะไรๆก็ช่วยหมดแล้ว หัดพูดจาให้มันดีกับเขาเสียบ้าง
จะได้สานสัมพันธ์ต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนอย่างฉัน” นิตยาต่อว่า
“โธ่….นิตช่วยฉันหน่อยเถอะ ตั้งแต่วันที่ฉันพบเขมฉันก็รู้สึกแปลกๆมองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าเขม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่พอเจอหน้ากันทีไรมันเหมือนจะทะเลาะกันทุกที หรือว่าจะเป็นคู่กัดกัน”
“จ้า….พ่อคนโรแมนติค พูดอย่างกับว่าตัวเองเป็นพระเอกในนิยายอย่างนั้นแหละ” นิตยาทำเสียงล้อเลียน
“ช่วยนัดให้ฉันอีกครั้งนะ ฉันอยากต่อยอด แล้วถ้าเขมเรียนจบแล้วเขมเขาจะไปทำงานที่ไหน”
“เออ…อีก ใช่สิอีกไม่กี่วันก็เรียนจบแล้ว นิตไม่แน่ใจนะว่าหลังเรียนจบเขมเขาจะไปทำงานที่ไหนแต่เขมเขาบอกว่าเขาอยากไปทำงานในโรงพยาบาลที่ติดกับทะเลนะ เขาอาจจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่เขาที่พัทยาก็ได้ เอาอย่างนี้วันเสาร์นี้ช่วงหัวค่ำพวกเราจะมีงานเลี้ยงที่ผับร็อคโค้ในตัวเมืองโคราช เขาให้ชวนคนนอกมาด้วยได้ นายก็ตามไปก็แล้วกันบอกว่าฉันชวน เอาเพื่อนไปด้วยสักสองสามคนก็ได้นะจะได้ไม่น่าเกลียด”
“จริงนะนิต…มันเป็นผับของฉันเองเอาเป็นว่าฉันจะปิดผับเลี้ยงส่งพวกเธอก็แล้วกัน กินฟรีดื่มฟรีกันไปเลยเอาเพื่อนไปทั้งคณะเลยนะ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ขอร้องอยู่อย่างว่า ห้ามบอกเขมจิรา เพราะฉันกลัวว่าเขาจะไม่มา”
“ดีเลย…เรื่องกินฟรีเนียะฉันชอบอยู่แล้ว” นิตยาทำน้ำเสียงตื่นเต้น
“งั้น นายก็อย่าลืมพาเพื่อนไปด้วยล่ะ”
“พอดีเลยเจ้าเสกมันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก จะได้ชวนมันไปด้วย” ชายหนุ่มทำเสียงสูง
“แล้วก็อย่าทำให้ยายเขมโกรธอีกล่ะ ริจะจีบสาวก็ทำตัวให้มันน่าประทับใจหน่อยแล้วกัน”
“รับรอง…นิต…เขาต้องประทับใจแน่” น้ำเสียงของชายหนุ่มแน่นหนัก อย่างมีเลสนัย ธรินทรวางหูโทรศัพท์
นิตยาไม่รู้เลยว่าเพื่อนชายอย่างธรินธรจะมีแผนการที่ร้ายกาจอยู่ในใจ
วันอังคารเกือบบ่ายโมงที่เขมจิราและนิตยากับเพื่อนๆอีกหลายคน ต้องนั่งอยู่ที่ใต้ถุนอาคารเรียน เพราะมีรุ่นพี่มาแนะแนวสถานที่ทำงาน ที่น่าสนใจ โรงพยาบาลต่างๆทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดรวมทั้งในตัวโคราช มีหลายโรงพยาบาลที่ต้องการบุคลากรทางการแพทย์เพิ่ม สองสาวให้ความสนใจกับโรงพยาบาลในตัวเมืองโคราชเพราะต้องการหาประสปการณ์ในการทำงานก่อนที่จะไปทำงานจังหวัดอื่น
“เออ…เขมวันเสาร์ที่เราจะไปกินเลี้ยงกัน…พวกเราจะไปกันกี่โมงดี”
“ประมาณสองทุ่มกำลังดีนะ เพื่อนๆก็น่าจะไปกันประมาณสองทุ่มนั่นแหละ เขมยังไม่มีชุดสวยใส่เลย”
“โธ่เอย…เขมใส่ชุดไหนก็สวยทั้งนั้นแหละ งานนี้นิตจัดเต็ม ทั้งกิน ทั้งดริงซ์ ทั้งแด็นซ์ เอาให้มันส์สุดๆไปเลย”
“งั้น…ตอนนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันก่อนเหอะ เขมเริ่มหิวแล้ว” เขมจิราเอามือกุมท้อง
ตกเย็นของวันนั้นทั้งสองสาวขับรถไปห้างดังในตัวเมืองโคราช สองสาวสวยสนุกกับการเลือกซื้อชุดไปงานกินเลี้ยงในวันเสาร์
“เขม…เราไปดูหนังด้วยกันไหม เดี๋ยวเราต่างคนก็ต่างกลับบ้านกันแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดูหนังด้วยกันอีก”
ในขณะที่สองสาวเดินไปที่โรงหนัง ชายหนุ่มสองคนเดนผ่านมาเห็นเข้าพอดี
“เฮ้ย…นั่นยายนิตกับยายเขมนี่ มาทำอะไรกันที่นี่….. คนที่หน้าตาออกฝรั่งหน่อยนั่นแหละน้องสาวของไอ้เจ้าคณาศักดิ์ “ ธรินธรและเสกแวะมาทำธุระที่ธนาคารในตัวห้าง ด้วยความบังเอิญ ได้พบหญิงสาวทั้งสองคนกำลังจะไปซื้อตั๋วหนัง
“สวยนี่น่า มิน่าล่ะแก ถึงบอกให้ฉันแยกยายนิตออกไปให้หน่อย ว่าแต่ว่าแกอย่าหลงรักศัตรูก็แล้วกัน กันว่าแกจะอดใจไหวเหรอไอ้ธร สวยซะขนาดนั้น” เสกเอามือกอดคอเพื่อน
“เราตามไปแอบดูสองคนนั่นดีกว่า ว่าเขากำลังจะไปไหน นั่นไง กำลังจะซื้อตั๋วหนังแล้ว”
สองชายหนุ่มแอบเดินตามโดยที่สองสาวไม่รู้ตัว เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋วหนังว่า
“สองคนนั่นเขา ดูหนังเรื่องอะไร” และจองตั๋วหนังที่นั่งติดกับสองสาว
แสงไฟที่มืดมิดในโรงหนังทำให้สองสาวไม่ทันสังเกตว่ามีคนสะกดรอยตาม และนั่งลงตรงที่ที่จองไว้ สองหนุ่มเดินแยกกันไปคนละฝั่ง เสกนั่งติดกับนิตยา เขมจิรานั่งติดกับธรินทร ด้วยความมืดทำให้สองสาวไม่ทันสังเกตว่าคนที่นั่งข้างๆมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จนกระทั่งหนังฉาย
“เอ๊…นายสองคนมาได้ไง” นิตยาหันหน้ามองหน้าสองหนุ่ม อย่างเลิกลัก
“ก็เรามาดูหนังเหมือนกัน ไม่เห็นจะแปลก แล้วเธอสองคนมานั่งตรงนี้ได้ไง” เสกพูด
ผู้คนที่มาดูหนังต่างหันมามองทั้งสี่คนทันที
“โลกมันกลมจังเลยนะเขม ”ธรินธรกระซิบที่ข้างหูของเขมจิรา
“นายตามพวกเรามาทำไม” เขมจิราถามพร้อมกับเลิกคิ้วหนึ่งข้าง
“ผมก็มาดูหนังนะซิ ถามได้ จะให้ผมมาดูคอนเสริต์หรือไง”เขาเอียงตัวเข้ามาใกล้
“นายถอยห่างออกไปอีกหน่อยได้ไหม ทำไมต้องมานั่งเบียดฉันด้วย... นี่! ฉันอึดอัดนะ”
มีเสียงหนึ่งตะโกนแว่วมาว่า “ถ้าจะคุยกันออกไปข้างนอก คนจะดูหนัง” ทั่งสองคนก็เลยได้แต่นั่งเงียบ หนังฉายไปได้เพียงไม่กี่ฉาก ธรินธรก็มือซ้ายมาจับที่มือขวาของเขมจิราไว้ โดยที่เพื่อนอีกสองคนไม่ทันได้สังเกต หญิงสาพยายามสะบัดมือหนีการกาะกุมของชายหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“นี่มาจับมือฉันทำไม” ทำน้ำเสียงแผ่วเบา
“ก็ผมกลัวนี่” พลางเอียงศีรษะไปซบกับไหล่ด้านซ้ายของหญิงสาว เธอเบี่ยงตัวออกทันที
“ไหน ไม่เห็นมีฉากน่ากลัวซักนิด คุณอย่ามามั่ว”
“สองคนนี้กุกกิ๊กอะไรกันนักหนา คนอื่นเขาหันมามองพวกเธอแทนหนังแล้ว นี่ใจคอจะแสดงนอกจอกันเลยหรือไง “ นิตยาหันมาตวาด ทั้งสองคนได้แต่นั่งเงียบ ต่างคนต่างดูหนังจนจบ ขณะที่เดินออกจากโรงหนัง ธรินธรรีบเดินตามเขมจิรา ท่ามกลางผู้คนที่พากันเดินออกจากโรงหนัง ธรินธรสบจังหวะสวมกอดเข้าที่ด้านหลังแล้วหอมที่แก้มซ้ายฟอดใหญ่โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่สนใจสายตาใครต่อใคร เธอได้แต่ยืนตัวแข็ง
“แล้วมาดูหนังด้วยกันใหม่นะครับที่รักของผม” แล้วสองหนุ่มก็รีบเดินหายออกไปด้านนอกโรงหนัง
ขณะขับรถกลับไปที่มหาวิทยาลัย ใบหน้าของนิตยาเต็มไปด้วยความสงสัยจึงถามขึ้นว่า
“เขม เธอกับธรคุยอะไรกันนักหนา พอดีฉันไม่ทันได้สังเกต”
“ไม่ได้คุยอะไรกันมากหรอก ฉันไม่ค่อยกินเส้นกับเขาเท่าไหร่”
“ไม่จริงมั่ง ฉันเห็นเธอคุยกันกะหนุงกะหนิง ฉันยังคิดว่าเธอยอมเป็นแฟนเขาเสียอีก”
“จะบ้าหรือไงยายนิต ผู้ชายดิบๆเถื่อนๆ ปากเสียอย่างนั้นฉันไม่เอมาเป็นแฟนหรอก” ใบหน้าหญิงสาวแดงขึ้น
“ปากบอกว่าไม่ ใจบอกว่าชอบหรือเปล่าเขม พูดแค่นี้ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย” นิตยาพูดกระเซ้า
“ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ฉวยโอกาสกับผู้หญิง ต่อให้รวยขนาดไหนฉันก็ไม่เอา”
“ฉันก็ไม่เอา….แต่ถ้าเป็นทอมบอยมาดเทห์ ก็ไม่แน่นะฉันอาจจะเทใจให้เลยก็ได้” นิตยาทวนคำ
กว่าจะถึงหอพักก็มืดค่ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขมจิราล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า เมี่อนึกถึงเหตุการณ์ในโรงหนัง หัวใจก็สั่นระรัว นี่เขาจะมาไม้ไหนกันแน่ เขาชอบฉันจริงๆหรือเพียงเพื่อต้องการแกล้งฉัน ผู้ชายแบบนั้นคงรักใครจริงๆไม่เป็นหรอก เขาก็แค่สนุกไปวันๆเท่านั้น เขามีพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เขาจะมาสนใจอะไรไนตัวฉัน
เขมจิราบอกกับตนเองว่าให้หยุดคิดถึงเขาเสียที
ความคิดเห็น