ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลใจในม่านหมอก

    ลำดับตอนที่ #2 : กลใจในม่านหมอกตอนที่1 แรกสัมผัส

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 55




     


     


                   ภายในมหาวิทยาลัยเอกสิน มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในภาคอิสาน ท่ามกลางหุบเขาที่แวดล้อมไปด้วยมวลหมู่แมกไม้  อาคารเรียนซึ่งถูกสร้างไว้ห่างกันมีต้นไม้เป็นฉากกั้นระหว่างแต่ละคณะ  ด้านหลังเป็นภูเขา  สวยงามราวกับภาพวาดที่ผสมผสานความสวยงามจากธรรมชาติและความทันสมัยของอาคารได้อย่างลงตัว     มหาวิทยาลัยแห่งนี้ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศไทย ในการผลิตนิสิตนักศึกษาที่มีคุณภาพ หลายต่อหลายรุ่น   

                    แสงทองของวันใหม่ถูกสาดส่องเข้ามาริมขอบหน้าต่างของหอพักนักศึกษาหญิง ลมพัดโชยเอื่อย กระทบกับใบหน้าอันงดงามของหญิงสาว  ใบหน้าขาวนวล  ริมฝีปากเป็นกระจับ  จมูกโด่งที่รับกับใบหน้าอย่างได้รูป   คิ้วเข้มโค้งงาม   หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนสีขาว
     

                    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น   เขมจิรา  เจ้าของใบหน้าอันงดงาม ได้ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆดวงตากลมแวววาวเป็นประกายเบิกกว้าง  ค่อยๆลุกขึ้นจากตียงช้าๆ  เธอสะบัดผมที่หยักศกเล็กน้อยและรวบไว้อย่างลวกๆ 

    เสียงแว่วดังจากหน้าประตูห้องพัก

                    “ เขม เขม  ตื่นหรือยัง  วันนี้เรามีเรียนกันแต่เช้านะ”   เสียงนิตยาผู้เป็นเพื่อนดังขึ้น

                    “ตื่น แล้วจ้า  เดี๋ยวเขมขออาบน้ำก่อนนะ”  เขมจิราพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล

                    หญิงสาวพารูปร่างที่งามระหงของเธอค่อยๆลุกขึ้นเดินอย่างช้าๆหยิบเสื้อคลุมสีชมพู เพื่อไปอาบน้ำก่อนไปเรียน  หลังจากอาบน้ำหญิงสาวแต่งชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและน่ารัก  ออกไปกับเพื่อนซี้อย่างนิตยาเพื่อไปเรียน

                    คณะเทคนิคการแพทย์ของมหาวิทยาลัย เขมจิราเดินมากับนิตยาเพื่อนสาว  หญิงสาวในชุดนักศึกษาปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากหมดชั่วโมงเรียนคาบบ่าย หญิงสาวสองคนเดินปรับทุกข์กัน ใบหน้าที่แสดงความเบื่อหน่ายของเขมจิรา ทำให้ผู้เป็นเพื่อนอดถามไม่ได้ว่า

                    “มีเรื่องกลุ้มใจอะไรบอกเพื่อนได้นะ”

                    “เขม  เหนื่อยและเบื่อจังเลยอะนิต  ตั่งแต่เลิกกับ เอกไปเขมก็ไม่อยากทำอะไร  มันดูน่าเบื่อไปหมด   แล้วอีกแค่สองอาทิตย์เราก็จะเรียนจบกันแล้ว  ไม่มีวี่แววว่าเอกเขาจะกลับมาขอคืนดีกับเขมเลย”

                    “เอาน่าเขม  เดี๋ยวก็ลืมเอกได้เองนะแหละ นี่เขมก็เลิกกับเอกจะครบหนึ่งปีแล้วนะ  น่าจะลืมเขาได้แล้ว  ป่านนี้ไปมีสาวคณะอื่นเป็นแฟนไปแล้ว  เขมน่ะน่าจะลืมเขาได้แล้วนะ ผู้ชายน่ะไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะจ๊ะ เพื่อนสาว   เดี๋ยววันเนี้ยะ!  นิตจะพาเขมไปงานวันเกิดเพื่อนนิต    รับรองได้เกิดใหม่แน่ๆ   เขมสวยออกขนาดนี้สวยระดับดาวมหาลัยให้มันรู้ไปว่าไม่มีใครสนใจ     รับรองว่าเขมจะต้องลืมเอกได้แน่ แต่งตัวให้สวยๆนะจ๊ะ”

                    “เฮ้อนิต  แต่เขมไม่อยากมีใครแล้วนะ  เขมกลัวความผิดหวัง   ถ้ารักแล้วผิดหวังสู้ขออยู่คนเดียวดีกว่า เขมน่ะ

    ไม่อยากมีใครแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติขออยู่เป็นสาวโสดดีกว่า”               หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างท้อแท้

                    “เอาน่า   วันนี้ไปเป็นเพื่อนนิตหน่อย   นะเขมนะนิตยาพูดอย่างอ้อนวอน

                    “ก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามแนะนำใครให้เขมรู้จักเพราะเขมไม่อยากรู้จักใคร”

                    ตกเย็นของวันนั้น  เขมจิราในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสดใส ขับกับผิวสีขาวนวลรับกับรูปร่างอันบอบบางอรชรของเธอ    ผมสีดำขลับหยักโศกถูกติดด้วยกิ๊ฟสีเงินวาวใสถูกปล่อยลงมาประบ่า  ใบหน้าอันงดงามถูกแต่งแต้มเล็กน้อย  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนระเรื่อ  ราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้มที่ชวนให้น่าหลงใหล   สะพายกระเป๋าถือใบเล็กน่ารักปักเลื่อมสีเงิน     และสวมรองเท้าส้นสูงสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุด   ซึ่งดูอ่อนหวานและน่ารัก

                    “เขมวันนี้เธอสวยจริงๆนะ  นิตไม่ได้ยอเขมนะ  นิตพูดจริง”

                    “ขอบใจจ้า….นิต ว่าแต่วันนี้นิตก็น่ารักไม่หยอกเลยนะ   ระวังนะรถไฟจะชนกัน     ว่าแต่วันนี้จะพาเขมไปงาน

    วันเกิดใครล่ะ   เขมไม่มีของขวัญไปให้เขาหรอกนะ   เขมจะไปเป็นเพื่อนนิตเฉยๆ”    เขมจิราพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

                    “เอาน่าเขม….วันนี้จะพาไปงานวันเกิดเพื่อนไฮโซของนิตเชียวนะ….งานนี้มีหนุ่มๆเพียบ หล่อๆทั้งนั้น   รับรอง อดีตแฟนของเขมตกอันดับแน่นอน”  นิตยาพูดพร้อมกับยักคิ้ว  อย่างมีเลศนัย

                    รถเก๋งมินิคูเปอร์สีครีมถูกขับออกไป   จุดหมายอยู่ที่คฤหาส์หลังหนึ่งในตัวเมืองปากช่องซึ่งห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณสามสิบกว่ากิโลเมตร

                    ด้วยระยะเวลาเพียงไม่นาน   รถมินิคูเปอร์คันงามก็ถูกขับมาจอดที่หน้าคฤหาส์งามหรูใจกลางเมืองปากช่อง  พื้นที่โดยรอบคฤหาส์มีสนามหญ้าประดับประดาด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่    หญิงสาวนึกในใจว่า  “ใจกลางเมืองแบบนี้มีบ้านที่สวยงามขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ  นึกว่าจะมีแค่ในนิยาย  บ้านที่ผสมผสานความเป็นยุโรปกับไทยได้อย่างลงตัวสวยงาม” แสงไฟตกกระทบกับสระน้ำด้านข้างตัวบ้าน   เป็นประกายระยิบระยับ     เสียงบทเพลงดังกึกก้องมาจากในบ้าน   ผู้คนมากมายพากันมาแสดงความยินดีในงานวันเกิดผู้เป็นเจ้าของบ้าน      เขมจิราพร้อมกับนิตยาได้ก้าวลงมาจากรถซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านงาน  เขมจิรามองบ้าหลังนี้อย่างไม่วางตา 

                    “นิตนี่มันบ้านคนหรือปราสาทกันแน่    ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้    เขมไม่อยากเข้าไปด้วยแล้วล่ะ  เขมกลัว”

    เขมจิราทำหน้าวิตก  ท่าทางประหม่า

                    “โธ่เอ่ยเขมจะกลัวไปทำไม เพื่อนกันทั้งนั้น   แบบว่านิตก็คบเพื่อนไฮโซบ้างอะไรบ้างเป็นธรรมดา   เขมไม่ต้องกลัวหรอกนะ คุณพ่อนิดเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้านหลังนี้เจ้าของบ้านหลังนี้เขาเป็นคนดังในโคราชเลยนะเป็นเจ้าของไร่หลายไร่ในปากช่องมีกิจการอีกหลายอย่าง ไหนจะโรงแรมเอย….ไหนจะโรงพยาบาลเอยมีกิจการอีกหลายแห่งรวยติดอันดับมหาเศรษฐีต้นๆของเมืองไทยเลยนะ    ที่สำคัญเขามีลูกชายคนเดียวด้วยลูกชายเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกับนิตนี่แหละ…. เดี๋ยวนิตจะแนะนำให้รู้จัก”   นิตยากล่าว

                    “เหมยายนิตทำไมเธอไม่เก็บไว้เองล่ะจ๊ะ จะมาแนะนำให้ฉันทำไม”

                    “โธ่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่นิยมเพศตรงกันข้าม  สู้สาวทอมบอยมาดเทห์ไม่ได้หรอกน่าสนกว่าเยอะ”  นิตยากล่าว พลางบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย

                    ทั้งสองสาววัยใสเดินก้าวเข้ามาในบ้านงานอย่างช้าๆ    เขมจิราดูท่าทางวิตกกังวลเนื่องจากไม่รู้จักใคร   รู้สึก ประหม่าไปกับสายตาคนรอบข้างที่จับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว     สายตาเหล่าชายหนุ่มในงานส่งสายตาหวานมาที่เธอ    เธอได้แต่ทำเฉยได้แต่ก้มหน้าเดิน  เพราะไม่รู้จักใคร    ซึ่งต่างจากนิตยาที่ทักทายใครต่อใครหลายคนอย่างคุ้นเคย

                    “นิตเขมอยากเข้าห้องน้ำ เขมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม     ห้องน้ำอยู่ด้านไหนน่ะนิต”

                    “นี่……เขมยังไม่รู้จักเจ้าของวันเกิดเลยนะ  แต่     อะเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้   ก็เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายจนสุดทางก็ถึง”              หญิงสาวเดินไปอย่างช้าพร้อมกับหลบสายตาใครต่อใคร  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด  ในใจก็นึกน้อยใจเพื่อนเล็กน้อย  

                    “ยัยนิตนะยัยนิต….จะไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกันหน่อยก็ไม่ได้  คนยิ่งเกร็งๆอยู่”

                    ในห้องน้ำชาย ทีดูสะอาดโอ่โถง  มีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง  ผิวขาว หน้าตาคมเข้ม  จมูกโด่งคมสันได้รูป   กำลังเพ้งมองตัวเองในกระจกห้องน้ำพร้อมกับเอาน้ำจากก๊อกน้ำล้างหน้าและเสยผมอย่างลวกๆ  “ธรินธร”เป็นชื่อของชายหนุ่มผู้นั้น   เขาเป็นทายาทคนเดียวของนักธุระกิจชื่อดังของเมืองไทย    มีธุรกิจโรงแรม  โรงพยาบาล   อสังหาริมทรัพย์มากมายจนใช้ไม่มีวันหมด  และที่สำคัญวันนี้เป็นวันเกิดของเขา

                    “เดี๋ยวมันก็จบแล้ว”   ชายหนุ่มพูดกับตัวเองพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำ   ในใจเขาคิดเพียงว่า  ทำไมมารดาถึงต้องจัดงานวันเกิดด้วย  จัดเสียใหญ่โต ผู้คนมากมาย  เสียเงิน  เสียเวลาเปล่าๆ    เขาไม่ได้ต้องการเช่นนี้    วันเกิดของเขา

    ต้องการแค่พ่อแม่มาทานข้าวร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันก็เท่านั้น   ชายหนุ่มนึกน้อยใจในชีวิตตัวเอง  ที่วันเกิดของตนเองทุกครั้งจะมีแต่แม่  ส่วนพ่อแทบจะไม่ได้เจอกันเนื่องจากทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ    ชายหนุ่มเดินออกไปจากห้องน้ำ

    อย่างเหม่อลอย  เหมือนมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ 

    ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินเลี้ยวทางไปหน้าห้องน้ำอยู่นั้น  ร่างบางเดินไปกับชนเข้ากับอกกว้างของใครบางคน                                  

    “ว้าย!…. เขมจิราได้ล้มลงทันที   

     “เฮ้ย! ชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาคมคายได้ล้มลงทับร่างของหญิงสาวเข้าอย่างจัง มือยันพื้นคร่อมตัวหญิงสาวไว้      ริมฝีปากประกบกับริมฝีปากเนื้อนวลสีชมพูระเรื่อของหญิงสาว   ตาต่อตามาประสานเข้าอย่างจัง ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มที่เพ็งมองหญิงสาวด้วยความตกใจสะกดให้หญิงสาวอยู่นิ่งสักพักหนึ่งเมื่อหญิงสาวนึกขึ้นได้ได้ผลักตัวชายหนุ่ม    เจ้าของสายตาคู่นั้นให้ออกไปอย่างรวดเร็ว   ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นและมองหญิงสาวด้วยท่าทางที่เขินอาย    หญิงสาวหน้าแดง หัวใจเต้นรัว  ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น

    “นี่คุณเดินยังไงกันเนี่ยะ     ไม่ดูทางเลยหรือไง”   ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอามือปัดแขนเสื้อตนเองเล็กน้อย      “ไอ้บ้า…,มา  มาจูบฉันทำไม”   เขมจิราพูดพลางเอามือถูริมฝีไปมาราวกับจะพยายามลบมันออกอย่างรวดเร็ว

        พร้อมกับนึกในใจว่า  หมอนี่เป็นใครกัน….ทำไมบังอาจมาขโมยจูบแรกของเธอไปได้

    “นี่นายเดินยังไงให้ชนฉัน….นายไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเลยหรือไงตัวใหญ่อย่างกับรถสิบแปดล้อ ทับลงมาได้”

                    ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขมจิราและพูดด้วยท่าทางที่ล้อเลียน  ยักคิ้วข้างเดียวอย่างเยาะเย้ย

                    “ม้าก็อยู่ในป่าเรือก็อยู่ในน้ำ  แล้วผมจะเห็นตาม้าตาเรือได้ไง”

                    “อย่างกับผมจะอยากจูบคุณยังงั้นแหละ..ขอบอกนะมันเป็นอุบัติเหตุและอีกอย่างคุณก็ไม่ได้สวยมากพอที่จะทำให้ผมพิศวาสในตัวคุณหรอกนะหน้าตาก็บ้านๆ แต่งตัวก็เฉิ่มๆ….น่าสนตายล่ะ”

                    “นี่นายเดินชนเขาแล้วไม่รู้จักขอโทษอีก   ยังมีหน้ามาพูดกวนโมโหใส่ฉันอีกนะ   คนอะไรไม่มีมารยาทฉัน

    จะขี้เหร่จะไม่สวยมันก็เรื่องของฉัน….อย่างกับนายหล่อตายล่ะหน้าตาอย่างกับกิ้งก่าโดนรถทับเชอะ!”หญิงสาวพูด

                    “เอาล่ะผมไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณก็แล้วกัน   สวยก็ไม่สวยแถมยังซุ่มซ่ามอีก

    เอ       หรือว่า….คุณอยากเข้าใกล้ผมก็เลยวางแผนหาเรื่องเดินชนผมใช่ไหม   แอบหลงรักผมอยู่ก็บอกมาเถอะน่า”

                    เขมจิราโกรธแทบปริ๊ดแตก   นึกในใจว่าคนอะไรหน้าตารูปร่างก็ดีทำไมพฤติกรรมกับคำพูดถึงได้แย่ขนาดนี้  ผู้ชายคนนี้ช่างไม่มีมารยาท  และ ไม่ความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย    ปากคอเราะร้าย   ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย

    หญิงสาวสะบัดหน้าให้ชายหนุ่มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

                    หญิงสาวเดินเข้าห้องน้ำ  มองตัวเองหน้ากระจกพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   เปิดซิงค์น้ำเอาน้ำลูบริมฝีปากไปมา   หวังจะให้รอยประทับจูบได้จางหายไปพลางพูดกับตัวเองขึ้นว่า

                    “ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย ยายนิตนยายนิตรู้ยังงี้จะไม่มาด้วยเด็ดขาดสาธุขออย่าได้พบได้เจอนายคนนี้อีกเลย” หญิงสาวพนมมือขึ้น   ถอนหายใจยาวและธุระส่วยตัวจนเสร็จ

                    ภายในงานผู้คนมากมายที่เข้ามาร่วมงานต่างพากันไปร่วมแสดงความยินดีกับมารดาของเจ้าของงานวันเกิด

    ปทุมมา หญิงวัยกลางคนปลายๆ ท่าทางใจดียิ้มทักทายต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน

                    “สวัสดีคะคุณป้า               “เสียงนิตยากล่าวทักทาย   พร้อมกับยกมือไหว้อย่างคุ้นเคย

                    “อ้าวหนูนิตมาด้วยหรือลูกแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ไม่มาด้วยหรือจ้ะ”

                    “คุณพ่อกับคุณแม่ไปอังกฤษคะไปหาพี่ฝนคะ    วันนี้นิตมากับเพื่อนสาวนะคะเพื่อนสนิทของนิตเองคะ ชื่อเขมคะ   เอ๊….คุณป้าคะแล้วเจ้าของวันเกิดไปไหนคะ”

                    “ตาธรนะเหรอ….บอกป้าว่าจะไปเข้าห้องน้ำดูสิหายไปเลย    ทิ้งแม่ให้รับแขกอยู่คนเดียว  

                    “งั้นหนูฝากของขวัญให้ธรด้วยนะคะ”

                    “ได้จ๊ะอ้าวว่าแต่เพื่อนหนูนิตไปไหนล่ะจ้ะ”

                    “ไปเข้าห้องน้ำคะ”

                    “อะ…,มาพอดีตาธรมาทางนี้ลูก หนูนิตเอาของขวัญมาให้แน๊ะมาคุยกับหนูนิดหน่อยลูกแม่จะไปรับแขกทางด้านโน้น”  ปทุมมากล่าวกับลูกชาย    พร้อมกับเดินไปด้านในห้องรับแขก

                    ชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาทักทายเพื่อนหญิงอย่างคุ้นเคย

                    “ไงยายนิตตัวแสบ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

                    “เหมไม่ได้เจอกันนานเลยนะธร ตัวโตขึ้นเป็นกองเลยนะ   หล่อๆอย่างเนี่ยะสงสัยสาวติดเบ็ดเพียบเลยซิ”

                    “ยายนิตแกก็พูดเกินไป คนอย่างฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ   เห็นอย่างนี้ฉันก็เลือกเหมือนกัน”

                    “เลือกแล้วได้หรือยัง”   นิตยากล่าวพลางยักคิ้วล้อเลียน

                    “ระวังนะเลือกมากจะไม่มีใครเอา”

                    “เหมก็ฉันรอแกอยู่เนียะ  เมื่อไหร่  แกจะชอบผู้ชายซักทีล่ะ...เออ!.. เมื่อกี้เจอ  ผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้   ปากร้ายชมัดมาว่าฉันหน้าตาเหมือนกิ่งก่าถูกรถทับบ้างล่ะ   ตัวใหญ่เท่ารถสิบแปดล้อบ้างล่ะ   ว่าแต่ว่าไอ้กิ่งก่าถูกรถทับเนียะ  หน้าตามันเป็นยังงัย”

                    “อ้าวฮาๆๆๆก็แบนแต๊ดแต๊ไงละเพื่อน”นิตยาพูดพลาง หัวเราะพลาง      “อะสาวที่ไหนช่างกล้าว่านายได้เนี่ยะสงสัยผู้หญิงคนนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว    นายไปทำอะไรให้เขาล่ะผู้หญิงเขาถึงได้ด่าเอา”

                    “ก็ทำเออทำทำโอ๊ย!...ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มพูดอึกอักอยู่ในลำคอ

                    “โอ๊ยน่ารำคาญ นายไม่อยากบอกฉันก็ไม่อยากรู้หรอก”

                    “ว่าแต่เธอมากับใครผู้หญิง ผู้ชาย ทอม ดี้ ตุ๊ด หรือแต๋ว”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

                    “ฉันมากับเพื่อนสาวย่ะพ่อรูปหล่อ”

                    “ฉันขอไปเดินตามหาเพื่อนก่อนนะแกอยู่รับแขกต่อก็แล้วกันพ่อไฮโซธรินทรว่าแล้วนิตยาก็เดินไปทางห้องน้ำ

                    เขมจิราเดินออกมานั่งพักกับโซฟาหน้าห้องน้ำอยู่พักใหญ่   รวบรวมสติได้แล้วลุกขึ้น เดินวกกลับออกไปนอกสวนสวยที่อยู่นอกตัวบ้าน  พลางบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมที่เธอแอบโดนจุมพิตโดยชายหนุ่มที่ไม่รู้จัก   มันน่าเจ็บใจจริงๆแม้เขาจะหล่อก็ตามที  แต่คนอะไรช่างไม่มีมารยาท   ถึงเธอจะเคยมีแฟนแต่ก็ไม่เคยต้องถูกจูบแบบนี้   มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก   หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

                    “เขมเขมจ๊ะนิตตามหาเสียทั่วเลย   ไปอยู่ไหนมา”

                    “เขมว่าจะเดินไปหานิตอยู่พอดีเลยเขมมัวแต่ เออ มัวแต่เดินเล่นอยู่นะจ๊ะ”เขมจิรากล่าวพร้อมกับหน้าแดง

                    “นิตว่าใม่ใช่การเข้าห้องน้ำและการเดินเล่นธรรมดาเสียแล้วนิตยากล่าวอย่างล้อเลียน

                    “เขมเราเข้าไปหาอะไรกินกันเถอะ….นิตหิวแล้ว”นิตยากล่าวพร้อมกับดึงแขนเพื่อนสาวไปในงาน

                    บรรยากาศในบ้านหรู  คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา  เนื่องจากเป็นบ้านนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย

    เสียงเพลงอันไพเราะ   อาหารที่รสเลิศถูกจัดวางอย่างบุฟเฟ่สวยงามและน่ารับประทาน    หญิงสาวทั้งสองคนสนุกสนานกับการรับประทานอาหารที่ตนชื่นชอบ   โดยไม่ได้สนใจบรรดาสายตาชายหนุ่มที่จับจ้องมองอย่างไม่อยากละสายตา

                    “เขม..ดูซิมีแต่ผู้ชายมองเธอเป็นตาเดียวเลยนะ   เหมเพื่อนเราเสน่ห์แรงไม่เบาเลย”

                    “เขามองเธอต่างหากล่ะยายนิต” เขมจิรากล่าวอย่างอายๆ

                    “สวัสดีครับ   ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน   ที่มาร่วมงานวันเกิดทายาทมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย    บุตรชายคนเดียวของคุณ  ปราบ  จินตระรางกูล และคุณหญิง  ปทุมมา  จนตระรางกูล   พบกับหนึ่งเดียวคนนี้  คุณ  ธรินธร 

    จินตระรางกูล  ได้เลยครับ”   พิธีกรกล่าวเปิดงาน  

                    ชายหนุ่มรูปงาม  มาดมั่น  ดูมีเสน่ห์เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างมั่นใจ

                    “ขอบคุณครับแขกผู้มีเกรียติที่มาร่วมงาน   ผมยังไม่แน่ใจว่าวันนี้ เป็นวันเกิดผมหรือวันเกิดแม่ผมกันแน่  เพราะแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ผมไม่รู้จักท่าน   แต่ท่านอาจจะรู้จักกับคุณแม่ของผม  เอาเป็นว่าผมไม่ได้เชิญ   ยังไงก็ขอขอบคุณที่มาชวยกิน  ช่วยดื่ม   ก็ไม่เป็นไร   สนุกกันให้เต็มที่ ตามสบายเลยแล้วกันครับนึกเสียว่าเป็นบ้านของพวกคุณเองก็แล้วกันฮู้ๆๆ” ชายหนุ่มส่งเสียงดังพร้อมกับยกมือขวาขึ้น เสียงเพลงดังขึ้น ชายหนุ่มกระโดดโลดเต้นอยู่บนเวทีผู้เป็นมารดาปทุมมา รู้สึกอ่อนใจกับคำพูดของบุตรชาย พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ

                    “เขม  คนที่ยืนบนเวทีไงเพื่อนเรา  เราว่าจะแนะนำให้เขมรู้จักอยู่พอดี” นิตยากล่าว  พร้อมทั้งจะดึงแขนเพื่อนสาวไปทำความรู้จักกับชายหนุ่ม

                    เขมจิราตกใจ  สะบัดมือของนิตยาออกทันที 

                    “ไม่อะนิตเขมไม่เขมไม่อยากรู้จักผู้ชายคนนั้น”   เขมจิราทำหน้าเหมือนเข็ดขยาด

                    “เขมปวดท้อง  สงสัยท้องจะไม่ดี  เขมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เขมจิราเดินผละออกไปจากนิตยาอย่างรวดเร็ว

                    “อ้าวเขมเดี๋ยวเฮ้ย เดี๋ยวก่อน”

                    หญิงสาวรีบเดินออกไปที่สวนสวยด้านอกตัวบ้าน  พรึมพรัมกับตัวเองว่า “ อีตาบ้า ไร้มารยาทคนนั้นน่ะเหรอเจ้า

    ของงานวันเกิด  แถมยังเป็นทายาทมหาเศรษฐี  ไม่น่าเชื่อ!...   ชาติตระกูลก็ดี  รูปร่างหน้าตาก็ดี  นิสัยแย่   สงสัยถูกตามใจจนเคยตัว     เลยไม่เห็นหัวใคร       กริยาท่าทางเหมือนคนไม่เคยได้รับการอบรม      ไม่สนใจใคร  อยากทำอะไรก็ทำ

    พูดจาไม่เกรงใจใคร   ปากเสีย แถมหลอกด่าเราบนเวทีอีกต่างหาก               รู้อย่างนี้จะไม่มาเป็นเพื่อนยายนิตหรอก    โธ่ยัย

    เขมเอ่ยเธอไม่น่ามาเล้ย  เสียเวลาจริงๆยายนิตจะให้เราทำความรู้จักอะไรอีก….ไม่มีทาง….แอบหนีกลับดีกว่า”

                    เขมจิราเดินหนีออกด้านหน้าสวนและเปิดประตูบานใหญ่ออกไปนอกบริเวณบ้าน  พร้อมกับเอามือล้วงในกระเป๋าถือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหานิตยา

                    “ฮัลโลนิตนี่เขมเองนะ  เขมขอกลับก่อนนะเขมรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบาย  ปวดท้องมากเลย   แค่นี้นะนิตไม่ต้องเป็นห่วงเขม  เขมกลับเองได้”

                    “เขมจะกลับยังไง   มหาวิทยาลัยอยู่ตั่งไกล   พอดีนิตออกไปส่งเขมตอนนี้ไม่ได้ซะด้วยเกรงใจคุณหญิงป้า  เอางี้เขม   นิตจะให้เพื่อนนิตขับรถออกไปส่งเขมที่มหาลัยเขมรอแถวหน้าปากซอยก่อนนะ  แค่นี้นะ” นิตยาวางหูโทรศัพท์

                    “นิตยายนิต...โธ่วางหูซะแล้ว”  เขมจิราทำหน้าบูด

                    ภายในงานนิตยาได้ไถ่ถามเพื่อนว่าใครสามารถตามไปส่งเพื่อนสาวได้บ้าง   แต่ทุกคนมัวแต่สนุกสนานไม่มีใครสนใจเธอ   ธรินธรเดินเข้ามาหานิตยาซึ่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่

                    “เป็นไรยัยนิตทำหน้าเหม็นบูดเชียว”

                    “เฮ้อก็เพื่อนนิตนะสิดันหนีกลับก่อนบอกว่าไม่สบายยังไม่มีใครไปส่งเลย  นิตก็ออกไปส่งไม่ได้เสียด้วย

    คุณหญิงป้าบอกว่าจะให้นิตทำความรู้จักกับเพื่อนๆของคุณหญิงป้าก่อน”

                    “เพื่อนนิตคนไหนล่ะรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง…..ใส่เสื้อผ้าสีอะไรรออยู่ตรงไหน    ธรจะไปส่งเอง    วันนี้วันเกิดธร   ธรต้องรับผิดชอบธรจะไปส่งเพื่อนนิตให้รับรองปลอดภัยหายห่วง”

                    “เหมน้อยๆหน่อยธร เห็นสาวๆเป็นไม่ได้เลยนะ  ขันอาสาทันทีก็ได้  เพื่อนนิตเขาชื่อเขมจิรา  ผิวขาว  ผมหยักศกยาวประบ่า  หน้าตาหวานเป็นลูกครึ่งอังกฤษ  ใส่ชุดสีฟ้า  ติดกิ๊ฟสีเงิน   รออยู่หน้าปากซอยบ้าน”

                    ธรินธร ตกใจขึ้นมาทันที พลางนึกในว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่เดินชนกันหน้าห้องน้ำ  ก็ดีน่ะซิ  สนุกแน่    ผู้หญิงอะไร

    สวยชะมัด  หน้าตาหวานปานน้ำผึ้ง   ผิวขาวนวลน่าสัมผัส  ริมฝีปากก็นุ้มนุ่ม   น่าจูบอีกซักล้านครั้ง    แถมปากเก่ง

    อีกต่างหาก  อย่างนี้ค่อยสูสีกันหน่อย   น่าสนใจดี  ปากบอกว่าเธอไม่สวยแต่เวลาอยู่ใกล้  หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  

                    รถสปอรต์คันหรูถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว   เมื่อไปถึงหน้าปากซอยบ้าน   ธรินธรเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่

    เป็นไปอย่างใจชายหนุ่มได้คิดไว้…. ผู้หญิงคนนั้นจริงๆ    ธรินธรชะลอรถแล้วจอด       ลงจากรถไปคุยกับหญิงสาว

                    “นิตเขาให้ผมไปส่งคุณน่ะผมชื่อธรเป็นเพื่อนของนิตยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”

    หญิงสาวมองหน้าด้วยความตกใจ

                    “แต่ฉันไม่อยากรู้จักกับนายไม่มีวันอยากรู้จักด้วยนายไม่ต้องไปส่งฉันหรอก    จ้างให้ฉันก็ไม่มีวันไปกับนายฉันเดินไปคนเดียวได้    เดี่ยวก็มีรถประจำทางผ่านมา”

    “ฉันมาได้เองก็กลับได้  นายกลับไปเสียเถอะ”  หญิงสาวยักคิ้วข้างเดียวเหมือนท้าทาย

                    “แน่ใจเหรอว่าคุณไม่อยากรู้จักผมเอแล้วเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาใครกันน้าโดนผมจูบเข้าเต็มๆปากประกบปาก รสชาติยังดูดดื่มแสนหวาน ติดที่ริมฝีปากผมอยู่เลย”ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งเอามือลูบที่ริมฝีปากตนเองไปมาอย่างเยาะ

    เย้ย

                    “อีตาบ้า…,มันเป็นอุบัติเหตุย่ะ  อย่างกับฉันอยากจะจูบนายนักนี่”

                    “อะแล้วคุณหน้าแดงทำไมคุณยังติดใจในรสจูบของผมก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องอายหรอก”

                    “ขอโทษนะอย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลยฉันไม่ไป”

                    “แต่คุณต้องไปกับผมผมจะบอกอะไรให้….แถวนี้ มีข่าวผู้หญิงโดนฉุดไปข่มขืนอยู่บ่อยๆ คุณไม่กลัวเหรอ”

                    “ฉันไม่กลัว….ไปกับนายมันก็น่ากลัวพอกันนั่นแหละ”

                    ธรินธรเริ่มโมโหจับต้นแขนเขมจิราเอาไว้แน่น   สองสายตาประสานกัน  ชายหนุ่มเหมือนต้องมนต์สะกดจากหญิงสาว กาลเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ  ผู้หญิงคนนี้ช่างหอมหวานไปทั้งตัว ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากกอดอยากหอม  ชายหนุ่มยอมรับว่าเธอมีเสน่ห์จริงๆ   ที่สามารถทำให้หัวใจผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างเขาเต้นรัวได้ถึงเพียงนี้

                    เขมจิราเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับธรินธร  หัวใจเหมือนจะหลุดออกมานอกโพรงอก  ทำไมรู้สึกเหมือนมือไม้อ่อนปวกเปียกไปหมด 

                    “ขึ้นรถ     ผมจะไปส่ง “

                    “ฉันไม่ขึ้นใครจะบังคับใจฉันได้” หญิงสาวพูดพลางยื่นหน้ายื่นตามาท้าทาย

                    “ถ้าคุณไม่ขึ้นรถผมจะกอดคุณแบบนี้และผมก็จะจูบคุณ”ชายหนุ่มดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดไว้แน่น พร้อมกับยื่นใบหน้าคมเข้ามาใกล้ใบหน้านวลของเขมจิรา หญิงสาวเบือนหน้าหนี

                    “ช่วยด้วยคะช่วยด้วยคนโรคจิตกำลังจะลวนลามชั้น” เขมจิราร้องตะโกน

                    “คุณร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก   เพราะแถวเนี้ยะ!...ถิ่นผม  คุณก็รู้นี่ว่าผมลูกใคร”

                    เขมจิราพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนเขาจะยิ่งกอดรัดแน่นไปทุกที     ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว  ไม่สามารถทนความน่ารักของเขมจิราได้  จึงหอมแก้มเขมจิราไปฟอดใหญ่

                    “นี่คุณ!...

                    “อันนี้จองไว้ก่อน   ตกลงคุณจะขึ้นรถไปดีๆ หรือจะให้ผมจูบคุณแล้วอุ้มขึ้นรถ”

                    “เอ้อฉันขึ้นเองได้  ปล่อยฉันก่อนซิ”

                    “ถ้าผมปล่อยคุณ   คุณห้ามตุกติกนะ  ไม่งั้นผมจะกอดจะจูบคุณอยู่ตรงนี้แหละ”

                    “ก็ลองปล่อยฉันก่อน  แล้วมาหอมแก้มชั้นทำไมเนียะ”

                    “ก็บอกแล้วไงว่าจองไว้ก่อน”

                    ธรินธรปล่อยอ้อมกอดจากหญิงสาว   เขมจิราเดินขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจนัก   ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจและขับรถไปส่งเขมจิราที่มหาวิทยาลัย ระหว่างทางชายหนุ่มพยายามชวนคุยแต่  เขมจิราได้แต่นั่งเงียบไม่พูดจา   รู้สึกโกรธผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก    

                    ชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าหอพักตามคำบอกของเขมจิรา

                    “จอด..จอด..จอดตรงนี้แหละชั้นจะลง”

                    ธรินธรจอดรถ “อ้าวถึงแล้วเหรอ….ทำไมถึงเร็วจังขับรถวนเล่นรอบมหาลัยหน่อยดีไหม….

                    “นี่นายจะบ้าหรือไงฉันจะลงตรงนี้”  เขมจิราทำท่าจะลงจากรถ

                   

                    ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถ ชายหนุ่มได้ดึงมือหญิงสาวเข้ามาหาตัว มือหนึ่งประครองที่ใบหน้าของหญิงสาว และบรรจงจูบที่ริมฝีปากของหญิงสาว  เสียงของหญิงสาวขาดหายเพราะริมฝีปากของธริธรที่ประทับลงมาค้นหาความหอมหวานอย่างดูดดื่มโดยไม่ทันตั้งตัว   

    “ปล่อย   เสียงอู้อี้  ในลำคอของหญิงสาว  หญิงสาวผลักตัวธรินธรออกพร้อมทั้งตบหน้าชายหนุ่มไปหนึ่งฉาด

     “เพี่ยะ!…นี่สำหรับคนฉวยโอกาสอย่างคุณ”

    “กลัวที่ไหนกันเล่าผมชอบนะสไตน์ตบจูบเนี่ย….ยิ่งคุณตบผมก็จะยิ่งจูบ” ชายหนุ่มพูดท้าทายเขมจิราโกรธจนตัวสั่นสะท้าน

                    “ฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว”หญิงสาวเปิดประตูรถออกไป

                    “หวังว่าวันนี้ ชั้นจะเจอคุณเป็นครั้งสุดท้าย”

                    “ไม่ครั้งสุดท้ายหรอกจ้ะที่รัก…..คุณต้องเจอผมอีกนานเขมจิรา       อย่าลืมซิว่าผมจูบจองคุณไว้แล้ว   ห้ามให้ใครมาประทับรอยจูบผมเด็ดขาด”

                    เขมจิราได้เดินสะบัดหน้าหนีแลวิ่งเข้าหอพักไป   พลางรำพันกับตนเองว่า  ทำไมฉันจะต้องมาเจออีตาบ้านี่ด้วย  ขออย่าได้เจอะได้เจออีตานี่อีกเลย    ผู้ชายอะไรชอบฉวยโอกาส ไม่ให้เกียรติผู้หญิง ขโมยจูบของเธอไปอย่างหน้าตาเฉย

     ยายนิตนะยายนิต….ฉันไม่น่าไปกับเธอเลย

                    อีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นเขมจิราก็จะจบการศึกษาจากคณะเทคนิคการแพทย์   มหาวิทยาลัยเอกสิน เธอต้องเตรียมตัวหางานทำ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×