คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ~*Wish No.5 ธาตุแท้*~
วันนี้ฉันตื่นมาพร้อมกับถุงใต้ตาที่ดำปื๊ด สาเหตุจากการนอนดึกเมื่อคืน ก็ฉันเอาแต่นั่งคิดถึงคำพูดของพี่
แอนนี และก็เรื่องของเอลล์กับผู้หญิงสองคนคือ พี่แอนนี และยัยเด็กปราย ดังนั้นวันนี้ฉันคงจะไม่มีโปรแกรมไปไหนแน่ๆ ตาดำซะขนาดนี้เจอคนรู้จักเข้าเสียเรตติ้งแย่ ( ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ใช่ดารา )
“พี่ริน ไปส่งผมหน่อย” เสียงตาเรย์ดังมาจากข้างล่าง ตอนนี้ฉันอยู่ให้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นบนของบ้านฉัน ( บ้านฉันเป็นบ้านสองชั้น ) และเสียงที่ตามมาก็คือเสียงมันวิ่งขึ้นบันได และพุ่งเข้าห้องที่ไม่ได้ล็อคประตูห้องฉันอย่างรวดเร็ว
“รีบอาบน้ำเลยพี่ ผมจะไปทำงานไม่ทัน” มันเร่งฉัน ในขณะที่ฉันยังนั่งเศร้ากับขอบตาอันดำๆ
“แกก็ขับเป็นนี่ จะให้พี่ไปส่งทำไมเล่า ดูขอบตาพี่สิ ด๊าม ดำ พี่ไม่กล้าออกไปไหนหรอก” ฉันปฏิเสธมัน แต่มันก็ไม่ลดละความพยายาม
“โอ้โห่ วันนี้ผมต้องไปที่อื่นอีก กว่าจะกลับก็ดึก เกิดมีใครจะใช้รถขึ้นมาจะทำไงเล่า ให้ไปขับรถไปส่ง ไม่ได้ไปเดินแฟชั่น นั่งอยู่ในรถไม่มีใครเห็นขอบตาพี่หรอก นะครับ นะครับ” ว่าแล้วมันก็นั่งคุกเข่า เอามือมาเกาะขาฉัน ทำท่าเหมือนลูกแมวน่าสงสาร มันคิดไหมน่ะ ว่ามันโตจนหาเงินเดือนได้แล้ว
“เออๆ รอแป๊บนึง” ด้วยสปิริตพี่ที่ดี ฉันจึงตกลงที่จะไปส่งมัน และแน่นอนฉันต้องไม่ลงจากรถแน่เมื่อออกจากบ้านไป
ฉันส่งมันจนถึงที่ทำงาน ตอนเย็นฉันไม่ต้องไปรับมันเพราะมันบอกว่าจะให้เพื่อนที่ทำงานไปส่ง หลังจากนั้นฉันก็ต้องใจว่าจะต้องกลับเข้าบ้านทันทีเพื่อทำการบำรุงรักษาขอบใต้ตา ( ประหนึ่งว่าขอบใต้ตากำลังจะสูญพันธุ์ ) แต่แล้วฉันก็สำนึกได้ว่าชีวิตฉันมันไม่สงบสุขจริงๆ เมื่ออยู่ๆ รถก็วิ่งแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ฉันตัดสินใจจอดข้างทางและลงมาดู ยางรถด้านหน้าข้างขวาของรถฉันแบนแต๊ดแต๊ พร้อมกับเจ้าตะปูตัวเล็กพอเจาะอย่างได้เสียบอยู่ ลองโทรหายัยทรายให้มาช่วยดีกว่า ฉันเอื้อมตัวเข้าไปในรถเพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าตัง แต่พอฉันลองค้นดู ตายแล้ว ไมในกระเป๋าฉันมันไม่มีอะไรอยู่เลยแหละ อ๋อ ใช่แล้ว ฉันลืมไปว่าฉันเพิ่งเปลี่ยนกระเป๋าใหม่เมื่อวานก่อน เพราะใบเก่าของฉันมันออกจะตกยุคไปแล้ว แต่สงสัยฉันคงรุกรี้รุกรนออกมาส่งตาเรย์ จึงหยิบมาผิดใบ แล้วของฉันก็ย้ายไปไว้ใบนู้นหมดแล้ว แล้วอย่างนี้สิรีรินจะทำยังไงละเนี่ย
“ปี๊น ปี๊น” มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งขับมาจอดเทียบข้างๆ รถของฉัน กระจกด้านคนที่นั่งข้างๆ คนขับค่อยๆ เลื่อนลง พร้อมกับใบหน้าของคนขับที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นอะไรเหรอครับ” ฉันอยากจะกรี๊ดออกไปจริงๆ ทำไมเวลาที่ฉันดูดีกว่านี้เค้าไม่โผล่มานะ ชอบมาตอนที่ฉันดูไม่ได้ตลอด ป่านนี้เขาคงคิดว่าฉันเป็นพวกไม่ดูแลตัวเองแน่ๆเลย เอลล์
“เอ่อ พอดียางอาย เอ้ย!! ยางรถมันแบนอ่ะค่ะ” อะไรเนี่ย ยางอาย พูดอะไรออกไปล่ะเนี่ย ตอนนี้ฉันก้มหน้าสุดฤทธิ์เลยแหละ หน้าก็มัน ตาก็คล้ำ ถ้าเอลล์เห็น ตายแน่ เขาขับรถของตัวเองไปจอดข้างหน้ารถของฉัน
พอเขาก้าวลงจากรถ ฉันก็แอบเงยหน้ามองนิดๆ วันนี้เขาแต่งตัวธรรมดามากๆ ไม่มีมาดของนักร้องหนุ่มชื่อดังอยู่เลย เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กับกางเกงยีนสีซีดๆ แถมรองเท้าก็เป็นรองแตะธรรมดาที่มีขายตามตลาดนัดทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ฉันก็รู้สึกว่า เขาน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง ตายแล้วฉัน รถฉันยางแบนอยู่นะเนี่ย มัวคิดเรื่องอะไรยะหล่อน
“คุณแพ้แดดรึปล่า หน้าคุณแดงมากเลย” ฉันมัวแต่คิดจนลืมมองไปว่า ตอนนี้เอลล์มายืนอยู่ตรงหน้าฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่ได้แพ้แดดหรอกค่ะ ฉันตื่นเต้นที่เจอคุณต่างหาก ไม่รู้เลยหรือไง ฉันได้แต่ส่ายหน้า
เหงิกหงัก
“คุณไปนั่งรอในรถผมดีกว่า เดี๋ยวผมติดเครื่องเปิดแอร์ไว้ให้ เรื่องยางรถแบนเดี๋ยวผมเปลี่ยนให้เอง” ฉันส่ายหน้าทันที จะบ้าเหรอเหมือนฉันเอาเปรียบเขาเกินไปแล้วล่ะมั้ง แต่ก็คงไม่ทันแล้วแหละ มือใหญ่ของเขายื่นมาจับมือฉันแล้วจูงฉันกึ่งบังคับให้ไปนั่งในรถ โอ๊ย ฉันจะบ้าตายฉันรอให้ถึงเวลานี้ตั้งนาน ดันไม่เคยมาให้เห็น จะต้องเลือกมาเห็นตอนที่ฉันยางแบน ขอบตาดำปี๊ด แล้วก็อาการประหม่าอย่างรุนแรง พอเขาจับฉันโยนใส่รถ เอ้ยไม่ใช่ มานั่งในรถของเขาเรียบร้อย ฉันก็ได้แต่แอบมองไปข้างหลังเห็นเขากำลังค้นหาอุปกรณ์ที่ท้ายรถของเขา ไม่น่าเชื่อ นักร้องชื่อดังขนาดเขาจะพกเครื่องมือซ่อมรถติดรถไว้ด้วย เขาเอายางรถสำรองที่อยู่ท้ายรถของเขาไปวางใกล้กับรถของเขา ที่ทำให้ฉันแปลกใจไปอีกก็คือ ท่าทางคล่องแคล่วของเขาในการเปลี่ยนยางรถ เขาคล่องแคล่วมาก แต่ด้วยแดดที่ร้อนมาก ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเป็นระยะๆ ฉันว่าหาร่มไปกางให้เขาจะดีกว่ามานั่งตากแอร์คนเดียวกีกว่าไหมเนี่ย อ้อ มีร่มคันหนึ่งอยู่ตรงเบาะหลัง
“เอ้า คุณลงมาทำไม คุณแพ้แดดไม่ใช่เหรอ” เขาหันหลังมาถามฉัน สงสัยรู้สึกว่าแดดร่ม เพราะตอนเนี้ย ฉันยืนกางร่มอยู่ข้างๆ เขา เขาดูน่ารักมากเลย ถึงจะมีเหงื่อชุ่มตัวอยู่ก็เถอะ เลือดกำเดาฉันจะไหลไหมเนี่ย
“ไม่เป็นไร” เหวอ ตายแล้วไมฉันตอบห้วนอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ
“ผมก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่กลับไปนั่งในรถ ผมก็จะไม่เปลี่ยนยาง” อะไรของเขาเนี่ย เขากลัวคนอื่นมองว่าใช้ผู้หญิงกางร่มรึไง ทำไมอยู่ๆ ความคิดอคติเข้ามาในหัวฉันได้ล่ะเนี่ย
“ถ้ามีนักข่าวขับรถผ่านมาเห็นคุณกางร่มให้ผมอย่างเนี้ย ภาพลักษณ์ผมก็เสียหมดสิ” ฮะ อะไรนะ เอลล์เป็นคนห่วงภาพลักษณ์ตัวเองงั้นเหรอ อ๊อ ไม่อยากให้กางมากใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องมาเปลี่ยนยางสิ
“ฮะ อ้อเหรอ คุณห่วงภาพลักษณ์ตัวเองใช่ไหม งั้นคุณก็ไม่ต้องเปลี่ยนยางให้ฉันแล้วแหละ ไปไหนก็ไปเหอะ เดี๋ยวนักข่าวเห็นสภาพแบบนี้จะไม่ดี” ฉันคิดผิดใช่ไหมเนี่ยที่ชอบเขาอ่ะ ฉันยิ่งโมโหคนง่ายอยู่นะ
“ช้าไปแล้วแหละคุณ ผมเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้วแหละ” ว่าแล้วเขาเดินเอาของไปเก็บที่รถแล้วเข้าไปในรถตัวเอง โดยปล่อยให้ฉันยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น ให้ตายสิ ต่อไปนี้ฉันจะเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ใหม่ทั้งหมด นึกว่าสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็ห่วงตัวเองที่สุดแหละว้า เปลี่ยนยางให้ฉัน หวังสร้างภาพลักษณ์ล่ะสิ สุดท้าย ภาพลักษณ์นายก็ไม่เหลือความหมายกับฉันแล้วแหละ ไปไหนก็ไปเลยไป
ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพที่โทรมสุดๆ ตาก็ดำคล้ำกว่าเดิม หน้าก็มันเยิ้ม แถมอารมณ์ฉันยังบูดเสียยิ่งกว่าอาหารสุนัขข้างถนนเสียอีก
“ยัยริน ไปทำอะไรมายังกะผีตายซากแน่ลูก” แม่จ๋า พูดกับลูกดีๆหน่อยสิคะ
“โห่แม่อ่ะ รถรินยางแบน” ฉันตอบแม่ไปพร้อมทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าทีวีอย่างเซ็งๆ
“แล้วกลับมายังไงล่ะเนี่ย เดินเหรอ” แม่ถามอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหน้าที่อยากรู้
“ป่าว มีคนเขาช่วยเปลี่ยนยางให้” ไม่ทันที่แม่จะพูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันลุกขึ้นไปรับ
“สวัสดีค่า ต้องการพูดกับใครค้า”
“พี่ริน เรย์เอง คืนนี้พี่ว่างไหม ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ แต่งตัวดีๆนะพี่ ที่โรงแรม The Grand Wish นะ เดี๋ยวผมจะรอพี่อยู่หน้าโรงแรม อย่าลืมนะ” อะไรของมันเนี่ยร้อยวันพันปีไม่เคยพาฉันออกงาน
“แล้วแกเอาชุดที่ไหนเล่า เรย์ เรย์!!!” ไม่ทันที่มันจะตอบฉัน สายก็ถูกตัดไป ฉันได้แต่งง และแม่ฉันที่มองฉันอย่างสงสัยเช่นกัน เห้อ สงบสุขอยู่ที่ไหน
ความคิดเห็น