ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #ห้องเก็บของส่วนตัวม๊ากมาก ^.^!#

    ลำดับตอนที่ #1 : #Mission : 2 โบสถ์ทางตอนเหนือ (ตัวละคร : กลิ่นชา)#

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 56


    ชมรมหลังเลิกเรียน

     ‘Mission #2’

     Survey to dark side

    โบสถ์ทางตอนเหนือ

    กลิ่นชา Part

    เมื่อได้รู้ว่าสถานที่ที่จะต้องไปนั่นคือ โบสถ์ทางตอนเหนือที่อยู่ไม่ไกลไปจากชมรมเท่าไร เล่นเอาฉันถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ ดีนะที่ยังมีเพื่อน ๆ ในบ้านเป็นเพื่อนร่วมทางไปด้วยค่อยอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เมื่อพวกเรามาถึง พี่พลอยได้จัดแจงสถานที่แยกย่อยที่พวกเราต้องไปกันต่อ ชื่อของฉันอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ห้องสารภาพบาป

    ฉันกำไฟฉายในมือไว้แน่นราวกับว่าจะไม่ปล่อยมันไปไหน แสงไฟส่องไปอย่างอยู่ไม่สุขเพราะมืออันสั่นเทาของฉัน บัดนี้ฉันเหลือเพียงตัวคนเดียวหลังจากที่แยกกับคนอื่น ๆ สำรวจแล้ว ถ้าตอนนี้ยังมีซีลอนอยู่ด้วยคงดี แสงไฟนำทางให้ฉันมาหยุดชะงักอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ประตูนั้นเปิดอ้าออกรอให้ฉันเข้าไปหามัน สองเท้าของฉันเดินเข้าไป ด้านในมีเพียงเก้าอี้ไม้เก่า ๆ และอยากไย่ที่ขึ้นสกปรกอยู่บนเพดาน ด้านข้างของผนังด้านหนึ่งมีช่องว่างไม่ใหญ่ไม่นัก ซึ่งผนังตรงนั้นจะเชื่อมกับห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดไป

    ฉันมาถึงแล้ว ห้องสารภาพบาป

    “มีเพียงแค่เก้าอี้ตัวเดียวในห้องนี้ ไม่มีอะไรนอกจากนั้น อ้อ ... ยังมีฝุ่นหนาเตอะขึ้นเกาะเพดานเต็มไปหมด กลับห้องไปฉันต้องอาบน้ำล้างตัวให้เกลี้ยง” เธอพูดพรางจดลงไปในสมุดโน้ตที่เพิ่งได้ติดตัวมาจากรุ่นพี่ของบ้าน เธอสาดไฟฉายไปรอบ ๆ ห่อนที่ถอนหายใจเพราะนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปรอเพื่อน ๆ ด้านนอกจะดีกว่า

    ฉันคิดได้ดังนั้นจึงเริ่มก้าวเท้าออกไป ระหว่างที่มือกำลังจะบิดลูกบิดประตูให้เปิดออกนั้น

    ฮือออออ....

    จู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจนฉันต้องหยุดเคลื่อนไหวในทันที

    ฮือออออ....

    มันเหมือนเสียงร้องไห้ของใครสักคนที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากฉันเท่าไรเลย ฉันคิดมาเสมอว่าบนโ,กใบนี้เรื่องของผีสางหรือวิญญาณมันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกเด็ก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว .....

    ฮือออออ....

    เอาอีกแล้ว! เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้มันดังชัดเจนกว่าเดิม ฉันคงไม่รอให้มาจ๊ะเอ๋กับใครหรืออะไรที่ฉันไม่อยากจะเจอหรอกนะ ฉันรีบเปิดประตูออกจนแทบจะทันที แต่จู่ ๆ ประตูห้องสารภาพบาปกลับเปิดไม่ออกซะงั้น

    “เฮ้! มีใครอยู่ข้างนอกไหม ฉัน ....”

    “ฉันทำอะไรผิดเหรอ?” เสียงร้องไห้เมื่อครู่หยุดลงพร้อมกับเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันคิดว่าเสียงนั้นคงจะเปิดใครไม่ได้นอกจากปลา เสียงเธอช่างแสนเศร้าและดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย เสียงแบบนี้ เธอคงไม่คิดจะหลอกฉันใช่ไหม?

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ฉันตัดสินใจหันกลับไป และมันก็เป็นความจริง สิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ บนเก้าอี้ที่เคยว่างเปล่าตรงนั้นกลับมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งงอตัวอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายของเธอดำสนิทจนฉันมองไม่เห็นว่าร่างนั้นยังอยู่ครบส่วนไหม เธอผงกหัวพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ฟังดูแล้วสงสารจับใจ

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องมารับกรรม พวกมันไม่ใช่เหรอ พวกมันไม่ใช่เหรอที่ทำร้ายฉัน” หญิงสาวตาแดงก่ำเงยหน้ามองมาตรงที่ฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากจะหวีดร้องออกมากับภาพตรงหน้า เธอคนนั้นดูน่าสยดสยอง ใบหน้าและร่างกายเกรียมไหม้ ผิวหนังเริ่มกร้าน นัยน์ตาแดงก่ำ หากแต่น้ำเสียงนั้นมันน่าสงสารมากกว่า

    “ฉัน....” ฉันลังเลอยู่พักใหญ่ การสนทนากับวิญญาณคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่อย่างน้อย ....

    “ฉันเข้าใจนะ...คนเลวพวกนั้นสมควรได้รับโทษมากกว่าที่เธอควรจะได้ ไม่ใช่เธอที่จะต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ... ฉันว่าเราควรจะ .. เอ่อ ... ปล่อยวางและทำใจให้สบาย กฎหมายจะเป็นคนลงโทษพวกต่ำทรามเอง ฉันเชื่อว่าเมืองไทยน่ะยังเป็นเมืองแห่งความยุติธรรมเสมอ” ฉันร่ายยำไปหยุดไปบ้าง อย่างน้อย ...

    เธอก็คงอยากจะระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานเหมือนกัน

    นัยน์ตาแดงก่ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวพรรณเริ่มกลับคืนมาเหมือนตอนที่เธอยังมีชีวิต เธอยืนขึ้นก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าฉัน วินาทีนั้น ฉันได้สัมผัสถึงฝ่ามือของวิญญาณสาวที่จับมือฉันเบา ๆ แต่หากว่ามันก็เจ็บอยู่ใช่เล่น

    “ขอบใจมากนะที่มาคุยเป็นเพื่อนฉัน” สิ้นเสียงนั้นราวกับว่าทุกอย่างเป็นสีขาวสว่างจ้า แสงนั้นเริ่มจางหายไปก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันมายืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าห้องสารภาพ คราวนี้ประตูเปิดอ้าออกเองอย่างช้า ๆ

    เรื่องมันกี้มันความฝันหรอกเหรอ!?

    แม้จะไม่เข้าใจนักแต่ฉันก็ก้าวเดินออกมาเจอเพื่อน ๆ ที่รอฉันอยู่ที่หน้าโบสถ์

    “กลิ่นชานี่ช้าจังเลยนะ เดี๋ยวปล่อยให้อยู่คนเดียวซะเลย” หนึ่งพันแซว ฉันยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะเริ่มจดบันทึก ในตอนนั้นที่ฉันเพิ่งสังเกตเห็น

    ข้อมือฉันเป็นรอยเหมือนคนบีบเอาไว้แน่น!

    ฉันไม่บอกเรื่องนี้กับใคร หวังว่าพี่พลอยเองก็คงไม่บอกนะ และนี่คือรูปภาพที่ฉันถ่ายมาได้ตอนที่อยู่ในห้องสารภาพบาปค่ะ

     

    จบการบันทึก
    RH02003 าลิศรา เศษฐพรพรม (กลิ่นชา) บ้านรัตนากร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×